Forget My Lonely Heart
ผู้เข้าชมรวม
123
ผู้เข้าชมเดือนนี้
1
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
" พิม! พี่พร้อมรึยางงงงง สายแล้วววว"
" ฉันกำลังลงปายยยย" สวัสดีฉันชื่อพิม แล้วคนที่เรียกฉันเมื่อกี้นี้ น้องชายฉันเอง พีท
วันนี้เป็นวันแรกที่ฉันจะได้ทำงานจริงๆจังสักทีหลังจากฉันหาประสบการณ์มาหลายปี ฉันจะบอกให้รู้เองว่าฉันทำงานเป็นอะไรแต่หลังจากที่ฉันเตรียมตัวเก็บข้าวเก็บของเตรียมย้ายไปอยู่บ้านหลังใหม่พร้อมกับเริ่มต้นการทำงานครั้งใหม่!
" พี่! โถ่ว สายแล้วนะเอามานี่! ผมเก็บให้! "
น้องของฉันเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับอารมณ์ที่หงุดหงิดแล้วเเน่งเอากระเป๋าจากมือฉันไปเก็บข้าวของแทนฉันอย่างเหลืออดเหลือทนกับความชักช้าของฉัน
" แหม ฉันก็รีบเก็บอยู่นี่ไงเล่า!" ฉันพูดพร้อมรีบเดินไปเก็บพวกของใช้ส่วนตัว เราช่วยกันเก็บของ เอ่อ ใช้คำว่า น้องชายช่วยฉันเก็บของดีกว่านะ ประมาณไม่ถึงสิบนาที น้องชายฉันก็ขนของลงไปไว้ที่รถ ส่วนฉันเดินตามหลัง
" เอ้า! เรียบร้อย เหลืออะไรอีกมั้ยนะ? "
น้องฉันเก็บของทุกอย่างขึ้นรถเรียบร้อยหมดแล้วแต่น้องฉันกลับยืนมองของที่หลังรถที่ตัวเองเป็นคนขนขึ้นมาแล้วบ่นพึมพำกับตัวเอง ลืมอะไรรึเปล่านะ? ไม่หนิ น้องฉันไม่ใช่คนที่จะลืมอะไรง่ายๆสักหน่อย
" นี่มัวยืนทำอะไรอยู่น่ะ? เดี๋ยวก็ขึ้นเครื่องสายหรอก ทีนั้นบ่นแต่ฉันนะ " ได้ทีฉันบ่นคืนบ้าง อิอิ
" นี่พี่ นี่เป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันจะได้อยู่ อเมริกาแล้วนะ มันก็ต้องตรวจสอบดีๆสิ อืมม นั้นไง! ฉันนึกออกแล้ว! รอแปปนะ "
จริงสิตอนนี้เราอยู่ที่อเมริกา นิวยอร์ก แต่ ฉันต้องทำงานอยู่ที่นี้น่ะสิ เราสองคนเป็นคนไทยแท้นะแต่พ่อกับแม่ฉันย้ายถิ่นฐานมาอยู่ที่อเมริกาที่นิวยอร์กตั้งแต่ฉันอายุ 10 ขวบ แต่ตอนนี้ฉันอายุ 23 และน้องชายฉัน 18 ฉันโอนเป็นสัญชาติ อเมริกา แต่น้องชายฉันโอนกลับไปเป็นสัญชาติไทย เพราะฉันให้เขาเลือกว่าจะอยู่ที่ใหนจะกลับไทยหรือจะอยู่กับฉันที่อเมริกาเเบบถาวร
ซึ่งเขาก็โตพอที่จะเลือกคำตอบและเส้นทางชีวิตของเขาแล้ว ส่วนพ่อกับแม่ของเราสองคนน่ะเหรอ พวกท่านเสียไปตั้งแต่ฉันอายุ 15 ตอนนั้นน้องฉันร้องไห้หนักมากเลยล่ะ
แต่เราก็ถูกรับเลี้ยงโดยญาติของเราเองที่อยู่ที่นี่ แต่เราก็อยู่ได้ไม่นานฉันกับน้องชายก็ขอย้ายออกมาไม่ได้เรียกว่าขอเราหนีต่างหากเพราะญาติคนนั้นหน้าเลือดแถมทำร้ายทุบตีพวกเราอีก
เราหนีออกมาพร้อมมรดกที่พ่อกับแม่ทิ้งไว้ให้มันก็ไม่ได้ลำบากอะไรมากเพราะพวกเรายังพอมีเงินซื้อบ้านอยู่ต้องขอบคุณพ่อกับแม่ท่านล่ะนะ
" มาแล้ววว ขอโทษที่ให้รอ"
" ลืมอะไรเหรอ?" ฉันถามน้องชายสุดที่รักของฉัน
" นี่ไง "
น้องชายฉันพูดพร้อมยกสิ่งของที่ตัวเองกลับเข้าไปเอาในบ้านมา ฉันแทบกั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ มันเป็นจี้สร้อยรูปปลาโลมาทำมาจากหยก ที่พ่อกับแม่ซื้อให้พวกเราเป็นของคู่กันสองพี่น้อง ของฉันเป็นสีขาว แต่ของน้องฉันเป็นสีม่วง แต่ฉันกับทำมันหายไม่รู้เอาไปไว้ใหน แต่ตอนนี้เจอมันแล้ว!!!!!
" นี่ยัยพี่บ้า ไม่ต้องมาร้องไห้เลยนะ"
" แกนั่นแหลพีท ทำไมแกไม่บอกฉันว่าแกเจอมันแล้วเอามาให้ฉัน แกรู้มั้ยว่าฉันแทบเป็นบ้าตอนรู้ว่ามันหายน่ะ! ???? "
" ไม่ต้องมาว่าฉันเลย พี่เป็นคนทำมันหายเองนี่ ฉันเก็บไว้ให้ก็บุญแล้ว เอ้านี่! อย่าทำมันหายอีกล่ะไม่มีฉันหาให้แล้วนะ แล้วใส่ไว้ตลอดด้วยฉันจะใส่ไว้ตลอดเหมือนกัน "
" อื้อ ไอ่น้องบ้า! " ฉันเช็ดน้ำตาแล้วรับมันมาสวมใส่ไว้ที่คอของฉัน เฮ้อ นึกว่าหายสาบสูญไปซะแล้วตอนนั้นฉันหาแทบตายแหนะ ดันมาอยู่กับเจ้าน้องชายตัวแสบซะได้ ชิ เฮ้อฉันต้องคิดถึงนายมากๆแน่เลยล่ะพีท ฉันไม่อยากพูดไม่อยากคิดเลยว่าน้องชายตัวเเสบของฉันจะไปจากฉันแล้ว มันทำใจลำบากนะ กับคนที่ฉันอยู่ด้วยทั้งชีวิตจะไปจากฉันอีก แต่ฉันก็อยากให้เขาได้ตัดสินใจเองไปเผชิญโลกของตัวเองจะได้โตสักทีเป็นสิ่งที่ดีต่อตัวเขาเอง ฉันคิดว่าฉันทำถูกแล้วล่ะ!!!!!!
" ไปกันเถอะ"
ฉันสตาร์ทรถ รีบขับไปที่สนามบินทันที
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ณ สนามบิน
" ถึงแล้ว เดี๋ยวฉันขนของลงช่วย แล้วเดินไปส่งด้วยนะ"
" พี่ ไม่ต้องไปส่งผมหรอก ผมไม่ใช่เด็กๆแล้วนะ"
" แต่แกก็ยังเป็นเด็กในสายตาพี่อยู่ดีนั้นแหละ เอาหน่าให้ฉันไปส่งแกเถอะพีท "
" ไม่ ถือว่าผมขอเถอะ เดี๋ยวพี่ไปสัมภาษณ์งานสายนะ "
" งั้น ก็ได้ " ฉันรู้ความหมายคำพูดของน้องชายฉันดี เขาไม่ชอบการจากลาเขาไม่อยากให้ฉันเห็นน้ำตาของเขา
น้องชายและฉันกอดกันครั้งสุดท้ายก่อนจะหยิบกระเป๋าแล้วเดินเข้าสนามบินไป
" ฉันรักนายนะไอ่น้องตัวแสบบบอย่าลืมมาเที่ยวหากันบ้างงนะะ ถึงแล้วก็คอลมาด้วยยย"
น้องฉันหันกลับมาแล้วยิ้มให้ฉันแล้วตอบกลับมาว่า
" รักเหมือนกันนะยัยพี่อ้วนนน ❤️???? "
" ???? "
ฉันยืนมองเขาเดินเข้าไปในสนามบินจนแน่ใจแล้วว่าไม่เห็นเขาแล้ว ฉันรีบขึ้นรถแล้วรีบบึ่งรถไปที่ทำงานของฉันทันที พร้อมกับพูดให้กำลังใจตัวเอง
" ขอให้เป็นวันที่ดีนะ ????"
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ณ สถานที่ทำงานของพิม
ฉันขับรถวนเข้าไปในโรงจอดรถ แล้วเดินขึ้นตึกไปอย่างใจเย็น และรู้สึกว่าฉันมาก่อนเวลานัดสัมภาษณ์งาน 20 นาที ก็ถือว่าทำเวลาได้ดี
ฉันเดินมานั่งรอตรงที่ผู้คนนั่งคาดว่าน่าจะเข้ามาสัมภาษณ์งานเหมือนกันกับฉันเอง ฉันเดินมานั่งข้างๆผู้ชายคนนึง ดูแกกว่าฉันประมาณ 10 กว่าปีเลยล่ะ ลักษณะดูมีอายุขรึมๆ
ดูเหมือนชายคนนั้นจะสังเกตได้ว่าฉันมานั่งลงข้างๆของเขา เขาไม่รอช้ารีบยื่นมือมาทักทายแทบจะทันที
" สวัสดี ผม ไลลีย์ ฮาร์ทสัน คุณมาสัมภาษณ์งานเหรอครับ? " ผู้ชายคนนี้แนะนำตัวก่อนที่ฉันจะนั่งลงเสียอีก เพื่อไม่เป็นการเสียมารยาทฉันรีบยื่นไป ตอบรับเค้าเหมือนกัน
" สวัสดีเช่นกันค่ะ ฉัน พิม ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ใช่ค่ะคุณก็มาสัมภาษณ์งานเหมือนกันเหรอคะ? " ฉันถามเขากลับไปเป็นมารยาท
" ป่าวหรอกผมมารอทำคดีน่ะ เด็กใหม่สินะ มารับตำแหน่งอะไรล่ะ?"
" หน่วยสืบราชการลับค่ะ" ใช่ คุณฟังไม่ผิดหรอกตอนนี้ฉันกำลังจะได้รับงานนี้ล่ะ หรือเรียกง่ายๆคือ CIA ผู้คนอื่นๆก็มากันเยอะ เพื่อที่จะมาทำงานตำแหน่งนี้ พวกเราผ่านบททดสอบ และข้อสอบเขียนมาแล้วจึงได้มาสัมภาษณ์งานได้ แต่ก็นะ มันมีความเกร็งตรงที่เขารับแค่ 10 คนน่ะสิ เห้อ แล้วตอนนี้จากที่ดูๆแล้วน่าจะมีคนประมาณ 40 คนที่นั่งรอสัมภาษณ์ เห้อ กังวลจัง
" CIA สินะ กังวลเหรอสาวน้อย?" เฮ้!? นี่เขาตั้งคำถามเก่งจัง อย่างกับมาสัมภาษณ์เองงั้นแหละ?
" ค่ะ ก็นิดหน่อยค่ะ แต่ว่าไม่เป็นไรค่ะ ยังไงฉันต้องผ่านให้ได้อย่างแน่นอน! "
" ดี อย่าได้กังวลไปล่ะ มั่นใจเข้าไว้ ฉันต้องไปแล้วล่ะฉันต้องไปทำคดีเพิ่ม "
ยังไม่ทันทีจะบอกขอบคุณผู้ชายคนนั้นก็รีบลุกจากที่นั่งเดินออกไปทันทีเลย ฟู่วว ถ้าได้งานนี่ งานต้องท่วมหัวฉันแน่ ไม่เป็นไรฉันต้องสู้เข้าไว้! ไม่เป็นไรพิมเธอทำได้!..........................................................
ผลงานอื่นๆ ของ Chompuhaz ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Chompuhaz
ความคิดเห็น