ทวนเข็มนาฬิกา ที่เลห์ ลาดัก
หญิงสาวผู้พ่ายแพ้ในเกมชีวิตตัดสินใจเดินทางท่องเที่ยวไปกับเพื่อนสาวคนสนิทยังดินแดนห่างไกล การเดินทางครั้งนี้จะนำพาพวกเธอไปสู่จุดหมายที่ต้องการหรือล่องลอยห่างไกลออกไปอย่างไม่มีวันย้อนกลับ
ผู้เข้าชมรวม
626
ผู้เข้าชมเดือนนี้
126
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
บทที่ 1: งานจบ รักจบ
“คุณพายคะ คุณภูมิเชิญพบที่ห้องค่ะ” บทสนทนาสั้น ๆ ทางโทรศัพท์จากเลขานุการของภูมิ ผู้จัดการหนุ่มฝ่ายต่างประเทศของบริษัทนำเข้ารถหรูแห่งหนึ่ง วัย 30 ปี หน้าตาดี รูปร่างสูงโปร่ง ผิวขาวแบบคนทำงานออฟฟิศที่ไม่เคยสัมผัสแสงแดด
พายพัชนี สาวน้อยวัย 28 ปี มีตำแหน่งเป็นผู้ประสานงานฝ่ายต่างประเทศ ลุกจากโต๊ะทำงานอย่างแคล่วคล่อง พร้อมหยิบแท็บเล็ตติดมือไปด้วย เผื่อจดบันทึกเรื่องที่ผู้จัดการของเธอจะสั่งงาน ก่อนจะเดินไปเคาะที่หน้าห้องทำงานของผู้จัดการหนุ่ม พร้อมส่งเสียงขออนุญาตเข้าพบ
“เชิญครับ” เสียงจากอีกฝั่งของประตูห้องทำงานดังขึ้น
ในห้องทำงาน ไม่ได้มีเพียงคุณภูมิผู้จัดการฝ่ายต่างประเทศเพียงลำพัง แต่ยังมีคุณเมตตา สตรีวัย 45 ปีมีตำแหน่งเป็นผู้จัดการฝ่ายบุคคลนั่งอยู่ที่โซฟารับรองสีน้ำตาลเข้มภายในห้องอีกด้วย
คุณเมตตากล่าวทักทาย เชิญพายพัชนีให้นั่งลงที่เก้าอี้นวมที่ตั้งอยู่ตรงกันข้ามกับโซฟายาว ทั้งสองจึงนั่งเผชิญหน้ากัน เยื้องไปทางซ้ายมือเป็นโต๊ะทำงานของผู้จัดการหนุ่ม บรรยากาศภายในห้องในวันนี้ชวนให้พายพัชนีรู้สึกอึดอัดอย่างที่ไม่เคยมาก่อน
“เพื่อไม่ให้เสียเวลา พี่ขอเข้าประเด็นเลยนะคะ เนื่องจากช่วงนี้เศรษฐกิจหลังการระบาดของโควิด-19 ยังไม่ฟื้นตัวดีนัก บริษัทของเราก็ได้รับผลกระทบอย่างเลี่ยงไม่ได้ ที่จริงก็ตั้งแต่ช่วงโควิดแล้วล่ะ เราจำเป็นต้องลดจำนวนพนักงานค่ะ ทางฝ่ายบุคคล ฝ่ายต่างประเทศและฝ่ายบริหารได้ไตร่ตรองเรื่องนี้อยู่เป็นเวลานาน ขอแสดงความเสียใจที่ต้องแจ้งให้คุณพายทราบว่า เรามีความจำเป็นต้องเลิกจ้างคุณค่ะ”
*********************
“คุณพาย ผมขอเวลาคุยด้วยสักครู่ครับ” เสียงภูมิดังขึ้นเบา ๆ หลังจากที่ผู้จัดการฝ่ายบุคคลเปิดประตูเดินออกไปจากห้องทำงานของภูมิ
พายพัชนีซึ่งกำลังลุกขึ้นจากเก้าอี้ชะงักไปครู่หนึ่ง สะกดกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา ณ ห้วงเวลานี้ ทั้งตกใจ เสียใจ น้อยใจ ไม่มีสัญญาณเตือนใด ๆ มาก่อน ทั้งที่ภูมิเป็นคนใกล้ชิดที่สุดในชีวิต เขาไม่เคยเอ่ยปากเตือนว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญเช่นนี้กับแฟนสาวมาก่อน ไม่เคยเลย พายพัชนีรู้สึกเจ็บปวดอย่างที่สุด นี่หรือ ผู้ชายที่เธอไว้เนื้อเชื่อใจมาตลอดระยะเวลาสิบปีที่คบหาดูใจกันมาตั้งแต่ยังเป็นนิสิตนักศึกษา เปลี่ยนสถานะเป็นแฟน ต่างคนต่างเรียนจบ และได้มีโอกาสได้ร่วมงานใกล้ชิดกัน
ในที่สุด พายพัชนีก็ไม่สามารถต้านทานทะเลน้ำตาที่ถาโถมมาจากความร้าวรานใจอย่างสุดแสนในคราวนี้ได้ ภูมิลุกจากเก้าอี้ทำงาน รีบเดินตรงเข้ามานั่งเคียงข้างปลอบประโลมพายพัชนีผู้ซึ่งบัดนี้ทรุดตัวลงนั่งร้องไห้ที่โซฟายาวสีน้ำตาล สองมือปิดบังใบหน้า พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ให้เสียงสะอื้นเล็ดรอดออกมา
“พาย พี่ขอโทษจริง ๆ พี่พยายามเต็มที่แล้ว แต่เรื่องนี้มีการพิจารณาร่วมกันหลายฝ่าย ไม่ใช่แค่พี่กับฝ่ายบุคคล แต่ยังมีฝ่ายผู้บริหารและกรรมการบริษัทอีก ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา พี่บอกพายไม่ได้ พี่เองก็อึดอัดและเสียใจไม่น้อยไปกว่าพายเลยนะ พี่อยากให้พายเข้าใจพี่บ้าง” ภูมิพยายามชี้แจง พร้อมดึงตัวพายพัชนีเข้าสู่อ้อมกอด
พายพัชนีขัดขืน ปัดป้องอ้อมกอดของภูมิ เมื่อผละออกมาได้แล้ว จึงกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงอันเด็ดเดี่ยวทั้งน้ำตาว่า
“พี่ขอให้พายเข้าใจ แล้วพี่เข้าใจความรู้สึกของพายตอนนี้มั้ย พายไม่มีอะไรจะพูดค่ะ ขอตัวก่อน” พายพัชนีกล่าวตัดบทและรีบเดินออกมาจากห้องทำงานของภูมิคนที่เคยรักทันที พร้อมตั้งสัตย์ปฏิญาณในใจว่าจะไม่มีวันหันหลังกลับมาหาผู้ชายคนนี้อีก
*******************
“ทุเรศที่สุด ทำกับเพื่อนรักของฉันอย่างนี้ได้ยังไง” นิกกี้ สาวหมวยมาดทอมบอยวัย 28 ปี อารมณ์โมโหเดือดพล่านเลือดขึ้นหน้า รีบบึ่งมาพบกับพายพัชนีที่คาเฟ่แห่งหนึ่งใกล้กับที่ทำงานของพายพัชนีในบ่ายวันเดียวกัน หลังจากได้รับโทรศัพท์จากพายพัชนี
“นายภูมิมันเป็นแฟนประสาอะไร รุ่นพี่มหาลัยเขาทำกันอย่างนี้เหรอ ชวนแกมาทำงานด้วยกันหลังเรียนจบ ตอนนั้นก็พูดจาดิบดีว่าให้มาช่วยกิจการของครอบครัว สุดท้ายมาลอยแพกันอย่างนี้ แล้วหมอนั่นมันว่าไงมั่งพาย” นิกกี้ถามพลางตบหลังตบไหล่ให้กำลังใจพายพัชนี
พายพัชนีนั่งน้ำตาซึม สาวน้อยหน้าคม ดวงตาดำขลับ ผมบ็อบยาวเสมอประบ่า นั่งนิ่งไปพักหนึ่ง ก่อนจะตอบนิกกี้ว่า “ตอนที่คุณเมตตาออกจากห้องไปแล้ว เขาก็ได้แต่บอกว่าเสียใจมากที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ ตัวเขาคนเดียวไม่มีอำนาจตัดสินใจได้ มีการประชุมกันของฝ่ายบริหารจนลงมติออกมาเป็นแบบนี้”
“อุ๊บ๊ะ พูดแค่นี้เนี่ยนะ เลิกไปเลย พาย ตัดผู้ชายคนนี้ออกไปจากชีวิตเลย แค่นี้ก็ไม่สามารถปกป้องแฟนตัวเองได้ แล้วในอนาคตแกจะพึ่งพาอะไรหมอนี้ได้” นิกกี้สวนทันควัน
และกล่าวต่อไปว่า “แกทำใจดี ๆ ไว้ก่อน ช่วงนี้กิจการเจ๊งกันเป็นแถบ ๆ บริษัทปิดตัว คนตกงาน เดี๋ยวฉันจ้างแกเอง ไปนั่งเป็นเพื่อนฉันที่อพาร์ตเม้นท์แม่ เอามั้ย”
“เอางี้ พายจ๋าอย่าคิดมาก สั่งอะไรมากินกันก่อนดีกว่า สมองจะได้โลดแล่น กี้หิวแล้วล่ะ ออกแรงไปเยอะ” นิกกี้เอ่ยคำหวานพลางส่งยิ้มให้พายพัชนี และส่งเสียงเรียกบริกร
พายพัชนี วัย 28 ปี จบปริญญาตรีจากคณะอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยชื่อดัง สูญเสียบิดา-มารดาไปจากอุบัติเหตุรถชนเมื่อสามปีก่อน เหลือเพียงพี่ชายคนเดียวชื่อ พบพร วัย 30 ปี ขณะนี้ไปตั้งรกรากทำงานอยู่ที่ประเทศสิงคโปร์ พายมีเพื่อนสนิทที่รักใคร่กันเหมือนพี่น้องนามว่า นิกกี้ ทั้งสองร่ำเรียนหนังสือด้วยกันมาตั้งแต่สมัยประถมจนถึงมัธยมปลาย แล้วจึงแยกย้ายไปศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีต่างสถาบัน นิกกี้เป็นลูกสาวคนสุดท้องของครอบครัวคนไทยเชื้อสายจีน มีพี่ชายอีก 3 คน นิกกี้ทำงานเป็นผู้จัดการอพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่งของครอบครัว สำเร็จการศึกษาปริญญาตรีด้านสังคมศาสตร์จากมหาวิทยาลัยชื่อดังอีกแห่งหนึ่ง ถึงแม้จะเรียนอยู่คนละสถาบันแต่ทั้งคู่มิได้ทิ้งร้างความผูกพันของเพื่อนรักเพื่อนเรียนแต่ครั้งเยาว์วัย ยังคงเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของกันและกันเสมอมา
พายพัชนีเริ่มรู้จักกับภูมิซึ่งเป็นรุ่นพี่เมื่อครั้งเรียนมหาวิทยาลัยจากการทำกิจกรรมออกค่ายอาสาพัฒนาชุมชนด้วยกัน ก่อเกิดเป็นความรัก ทั้งสองสานสัมพันธ์ร่วมกันมาจนภูมิเรียนจบปริญญาตรี จากนั้นเขาจึงไปศึกษาต่อระดับปริญญาโท และได้เข้ามาบริหารงานกิจการของครอบครัวซึ่งทำธุรกิจนำเข้ารถยนต์หรู เมื่อพายพัชนีสำเร็จการศึกษาแล้ว จึงได้ชักชวนให้มาทำงานด้วยกันเป็นเวลารวมกว่าห้าปี
การเลิกจ้างพายพัชนี้ครั้งนี้ใช่ว่าจะเกิดจากเหตุผลทางธุรกิจตามที่กล่าวอ้าง หากเกิดจากประกาศิตของคุณนายเลิศลักษณ์ ผู้มีอำนาจบงการชีวิตทุกคนในครอบครัว นางเป็นมารดาของภูมิ และมิได้รักใคร่เอ็นดูพายพัชนีนัก ตามประสานักธุรกิจผู้ร่ำรวยที่โดยส่วนใหญ่มักจะมองหาเขย - สะใภ้ที่จะช่วยต่อยอดความมั่งคั่งให้กับครอบครัวของตนได้ คุณนายเลิศลักษณ์ก็ไม่ต่าง ฐานะทางบ้านของพายพัชนีไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานของคุณนายฯ ดังนั้น เพื่อเป็นการตัดปัญหาเสียแต่เนิ่น ๆ คุณนายฯ จึงขีดเส้นชะตาให้พายพัชนีต้องเป็นฝ่ายเดินออกไปจากชีวิตของภูมิด้วยวิธีที่โหดร้ายเช่นนี้
ผลงานอื่นๆ ของ เทียนรุ่ง ธูปถวาย ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ เทียนรุ่ง ธูปถวาย
ความคิดเห็น