Fate Destiny of Another Dimension
เรื่องราวของ เมดิสัน ริชาร์ด เซอร์แวนที่มีความแข็งแกร่งยิ่งกว่า แกรนคลาสเซอร์แวน หลังจากกำจัด สเปคเตอร์ ได้เขาก็ได้ตัดขาดจากอารยา หลังจากที่เขาช่วยเธอในการทำภารกิจเสร็จสิ้นแล้วเขาก็เดินทางไปยังโลกต่าง
ผู้เข้าชมรวม
5,819
ผู้เข้าชมเดือนนี้
2
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ประวัติ : เมื่อกาลครั้งหนึ่งนับแสนนานก่อนการกำเนิดของทุกสรรพสิ่ง(ความว่างเปล่า)ถูกทำลายลงจากการถูกกลืนกิน มัลติเวิร์สทั้งหมด โดยนำมือของ เคออสคิง เศษเสี้ยวความนึกคิดอันน้อยนิดของ Oblivious เพื่อที่จะหยุดหยั้งอีกฝ่าย Oblivious จึงได้สร้าง อวตาร หนึ่งของตัวเองขึ้นมาและตั้งชื่อให้ว่า Helspont และได้ทำการกำราบทำลาย เคออสคิง ลงได้อย่างสำเร็จ แต่ว่าอย่างไรก็ตามเนื่องจาก Oblivious ได้สร้างตัวตนของ Helspont ขึ้นมาแล้วเขามีความตั้งใจอย่างหนักแน่นอย่างมากเพื่อให้ร่างอวตารของตัวเองคงอยู่ต่อไปเขาจึงส่ง อวตาร ของเขาลงไปเกิดใหม่บนโลกของมนุษย์ในสภาพของร่างทารกเด็กน้อยคนหนึ่ง จากนั้นเขาก็ได้ถูกเลี้ยงดูโดยคู่สามีภรรยาที่เป็นสมาชิกของ Fantastic4 โดยสามีมีชื่อว่า รีด ริชาร์ด ส่วนภรรยามีชื่อว่า ซูซาน ริชาร์ด และมีพี่สาวต่างสายเลือดหนึ่งคนที่มีชื่อว่า วาเลเรีย ริชาร์ด
เขาถูกเลี้ยงดูมาอย่างเอาใจใส่ เมดิสัน คือเด็กนักเรียนชายเรียนดีกีฬาเด่นปกติคนหนึ่งที่มีความฝันอยากเป็น นักวิทยาศาสตร์ ที่ยิ่งใหญ่เหมือนกับคนในครอบครัวของเขา ตลอดชีวิตของ เมดิสัน เขาเติบโตขึ้นมาพร้อมกับจิตใจที่ดีงามเขามีความสามารถที่เหนือกว่าคนทั่วๆพลังของเขาได้แสดงออกมาในทุกช่วงของการเติบโตและได้ใช้พลังเหล่านั้นเข้าช่วยเหลือผู้คนรอบข้างในฐานะหนึ่งในสมาชิกของครอบครัว Fantastic4 และคอยออกปกป้องผู้คนในเมือง วอชิงตันดีซี เขาได้หายตัวไปอย่างลึกลับหลังจากการต่อสู้อันดุเดือดกับ Fake Presence ร่างจริงของ สเปคเตอร์ จบลง การที่ เมดิสัน หายตัวไปนั้นเขาไม่ได้ทำอะไรที่มันพิเศษอะไรมากนัก เขาแค่ใช้เวลาในการท่องเที่ยวไปยัง ต่างโลก เพื่อพักผ่อนและช่วยเหลือผู้คนที่เดือดร้อนก็เท่านั้น
(ความสัมพันธ์ กับ เซอร์แวน คนอื่น)
ตำนานน้ำท่วมโลก โนอา - เมดิสัน ได้ช่วยเหลือเขาโดยการรวบรวมองค์ความรู้ในโลกอนาคตและวิธีในการต่อเรือให้เขาเพื่อใช้ในการช่วยเหลือสิ่งมีชีวิตต่างๆให้รอดพ้นจากการถูกพิพากษาจากเหล่า เทพเจ้า
ราชาวีรชน กิลกาเมส - เขาและ เอนคิดู ล้วนเป็นสหายที่สนิทกันอย่างมากแต่น่าเศร้าใจยิ่งนักที่กาลเวลาได้พรากพวกเขาทั้งสองคนจากไป
เอนคิดู - เขาคือสหายที่มีจิตใจที่ดีงามอย่างมาก ทั้งเขาและ กิลกาเมส ล้วนเป็นสหายสองคนแรกที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขา
นายหญิงแห่งสรวงสวรรค์ อิชทาร์ - ถึงแม้จะบอกว่าตัวเองคือ เทพธิดา ก็ตามเถอะ แต่กลับมีนิสัยที่เอาแต่ใจอย่างมาก เมดิสัน มักจะเอาใจเธอโดยการใช้อัญมณีเงินทองของมีค่าคอยหลอกล่ออีกฝ่ายอยู่ตลอดเวลา
ราชาอัศวิน อาเธอเรีย เพนดราก้อน - เธอคือเด็กสาวที่มีความมุ่งมั่นที่สูงอย่างมากถึงแม้ว่าเธอจะมีความทะเยอทะยานที่สูงเกินไปก็ตามเถอะ ถึงแม้จะดื้อไปบ้างแต่เธอก็มีด้านที่หน้ารักด้วยเช่นกัน
อัศวินจอมทรยศ มอเดร็ด - เธอคือเด็กสาวที่มีจิตใจบริสุทธิ์ใสซื่อ จนกระทั้งความใสซื่อของเธอถูกทำลายลงด้วยน้ำมือของ อาเธอเรีย แต่เธอก็ถูกทำให้ตาสว่างอีกครั้ง โดยการที่ เมดิสันได้เข้าไปขัดขวางเอาไว้ก่อนที่เธอจะลงมือทำอะไรที่มันใหญ่หลวงไปมากกว่านี้
จักรพรรดิที่รักของปวงชน เนโร คลอริอุส - สำหรับเขาแล้วเธอคือเด็กสาวที่มีความเข้มแข็งอย่างมาก แต่ยังดีที่เขาคอยชี้แนะให้กับเธอ
พรานสาวผู้บริสุทธิ์ อตาลันต้า - ตั้งแต่เขาช่วยเธอจากกับดัก แอปเปิ่ลสีทอง และช่วยปลดปล่อยเธอออกจากชะตากรรมที่แสนจะโหดร้ายแล้ว เขาก็จากมาโดยที่ยังไม่ได้บอกลาเธอเลยสักคำไม่รู้ว่าป่านนี้เธอจะเป็นยังไงบ้าง?
จอมมารแห่งสวรรค์ชั้น6 โอดะ โนบุนากะ - หญิงสาวจิตใจบิดเบี้ยวผิดปกติเกินคนปกติ แต่หลังจากที่เขาได้ลองพูดคุยกับเธอแล้วเธอก็ไม่ต่างอะไรกับเด็กสาวธรรมดาคนหนึ่งเลย
จักพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ อัลเทอร่า เดอะฮั่น - หญิงสาวผู้ไร้ซึ่งอารมณ์ต่างๆเธอจะมีสีหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างงดงามก็ต่อเมื่อเธอได้ประดาบกับ เมดิสัน เพียงคนเดียวเท่านั้น
เทพีเจ้าสงครามแห่งสแกนดิเนเวีย บรินฮิลด์ - หญิงสาวผู้น่าสงสาร เขาได้ช่วยเหลือหลังจากการที่เธอสังหาร ซิการ์ด ลง โดยเขาได้มอบความหวังให้กับเธออีกครั้งโดยการให้เธอคอยดูแลเหล่าเด็กกำพร้าที่สูญเสียครอบครัวไปในช่วงของสงคราม
คลาส : ฟอร์นเรนเนอร์
ความแข็งแกร่ง : Ex
ความทนทาน : Ex
ความว่องไว : Ex
มานา : Ex
โชค : Ex
สมบัติวีรชน : Ex
(ความสามารถประจำคลาส )
ความเป็นอิสระ ( Independent Action ) Ex
เนื่องจากความสามารถสกิล คอสมิก เขาจึงสามารถคงตัวตนได้ตลอดเวลาแม้จะไม่ได้รับ มานา จากมาสเตอร์ก็ตาม
(ความสามารถเฉพาะตัว)
Cosmic คอสมิก Ex
- พลังแห่งจักรวาลที่ไร้ซึ่งขีดจำกัด ผู้มีพลังนี้นั่นมักจะต้องเป็นสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่ต้องเข้าถึง พลังแห่งจักรวาล ได้ ความสามารถของ คอสมิก นั้นจะทำให้กลายเป็นผู้ที่อยู่เหนือกว่ากฏเกณฑ์ของโลกและความเป็นไปของ จักรวาล ทั้งด้านความเป็นและความตายก็ไม่อาจที่จะส่งผลถึงตัวของเขาได้ ลดและเพิ่มขนาดของสิ่งต่างๆทั้งตัวเองและผู้อื่น เช่น เล็กเท่า โมเลกุล และเพิ่มขนาดให้ใหญ่โตจนเท่ากับดวงดาวได้ ทำให้รับรู้ได้ในระดับในระดับ จักรวาล ลงไปจนถึง โมเลกุล ราวกับได้ความรู้ที่ยิ่งใหญ่เทียบเท่ากับ จักรวาล มาอยู่ในหัวของเขา มี พลังจิต ที่กล้าแข็ง สามารถใช้ พลังจิต ในการควบคุม สร้าง ทำลาย สสารทุกชนิดและป้องกันการแทรกแซงกระแสจิต รวมถึงสามารถใช้ควบคุมและบังคับจิตใจของสิ่งมีชีวิตอื่นๆได้
สามารถอยู่เหนือ กฏของมิติและเวลา สามารถควบคุมความเป็นไปต่างๆและความเป็นจริงของจักรวาลในระยะและระดับจากดวงดาวจนสูงขึ้นไปเรื่อยๆในระดับ ระบบสุริยะ , กาแล็คซี่ , จักรวาล , โลกคู่ขนาน จนไปถึงในระดับ พหุจักรวาล สามารถสร้างและทำลายได้ทุกๆสิ่งใน จักรวาล
Beyond-Dimensional Existence ตัวตนที่อยู่เหนือมิติ Ex
สถานะที่อยู่เหนือกว่าคอนเซปท์ของ มิติ(ในทางเลขาคณิต หรือ พีชคณิต)ในทางใดทางหนึ่ง โดยจะแตกต่างกับพวกที่ตัวตนที่มีตัวตนเป็น 0มิติ ที่ปราศจาก มิติ ในการดำรงอยู่ที่มีความหมายถึงการที่มีตัวตนที่ต่ำกว่า มิติ ซึ่งตัวตนของ เมดิสัน คือตัวตนประเภทที่2 ตัวตนอภินามธรรมที่ไม่ได้แค่หลุดพ้นจากกรอบคอมเซปท์ของ ปริภูมิ-เวลา แต่รวมถึงคอมเซปท์ทั้งหมดของ มิติทั้งหมด โดยไม่สนว่าจะมีความซับซ้อนหรือใหญ่แค่ไหนก็ตามแต่
Speed Force สปีดฟอร์ซ Ex
- แหล่งกำเนิดพลังงานของเหล่า Speedster เป็นพลังงาน มิติสายฟ้า ที่เสมือนประตูเชื่อมต่อทุก จักรวาล เข้าด้วยกันและเป็นมิติที่อยู่ขอบนอกของ จักรวาล ทั้งหมด เขาสามารถที่จะถือครองพลังจากมิตินี้จะต้องโดนสายฟ้าผ่าเข้าร่างกายตรงๆ พลังนี้มันจะทำให้เขาได้รับคือความคล่องแคล่วและประสาทสัมผัสที่เหนือมนุษย์ ทำให้ทุกๆอย่างของเขามีความเร็วได้ขึ้นเรื่อยๆจาก ความเร็วเสียง เป็น สายฟ้า จนมี ความเร็วแสง และจนไปถึง ระดับไร้ขีดจำกัด และความเร็วในระดับระดับ Omnipresent (อยู่ทุกที่ ทุกหนแห่ง)
Matter Manipulation การควบคุมสสาร Ex
- มันความสามารถในการควบคุม , สลาย , สร้าง , ทำลาย องค์ประกอบสสารต่างๆได้ในระดับใหญ่ ซึ่งได้แก่ ระดับโมเลกุ , ระดับอะตอม , ระดับใต้อะตอม , ระดับมหภาคควอนตัม และไปจนถึง ระดับควอนตัม ที่เป็นสสารโครงสร้างพื้นฐานในการก่อกำเนิด พหุจักรวาล
Invulnerability ความไร้เทียมทาน Ex
- ความสามารถที่จะทำให้เขาไม่โดนความเสียหายจากการโจมตีใดๆ หรือ การโจมตีที่ได้รับมาไม่มีผล (Damage they take = 0) มันจึงทำให้เขาจะไม่ได้รับผลจากการโจมตีโดยไม่สนว่า การโจมตีจะเป็นแแบบไหน หรือ คอนเซปท์ ก็ตาม
Regeneration Mid-Godly การฟื้นฟู Ex
- เป็นความสามารถในการฟื้นฟูที่แม้ว่าร่างกายและจิตวิญญาณจะถูกทำลายลงอย่างสมบูรณ์แล้วก็ตาม
Electricity Manipulation สายฟ้า A++
- ความสามารถในการ สร้าง แปรสภาพ หรือ ควบคุม สายฟ้าที่เป็นรูปแบบหนึ่งที่เกิดจากการแยกตัวหรือการเคลื่อนที่ของ อิเล็กตรอนหรือโปรตรอน โดยพลังงานนี้มีการใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ เช่น โจมตีฝ่ายตรงข้าม สร้างสนามพลัง เคลื่อนไหว แปรสภาพให้การเป็นอาวุธ หรือแม้กระทั่งการสร้างพายุฝนฟ้าคะนอง
Martial Arts ศิลปะการต่อสู้ Ex
- เทคนิคการโจมตีและการป้องกันตัวที่มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มพลังการโจมตี ร่างกายหรือจิตวิญญาณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งศิลปะการต่อสู้ทุกแขนงเขาสามารถที่จะใช้มันได้จนชำนาญทุกรูปแบบทุกๆประเภทแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการโจมตี การตั้งรับ ปฏิกิริการตอบโต้ จนก้าวข้ามระดับ ปรมจารย์ การต่อสู้ทุกแขนง
Weapon Mastery ความเชี่ยวชาญในการใช้อาวุธ A++
- ความสามารถในการใช้อาวุธหลากหลายประเภทโดยมีระดับที่สูงจนชำนาญกว่าบุคคลทั่วไปจนเข้าขั้น ระดับมาสเตอร์เลเวล ไม่ว่าจะเป็น ดาบ หอก มีด ขวาน โล่ ค้อน ธนู ทวน เคียว หรือ ปืนทุกชนิด
Weapon Creation การสร้างอาวุธ A++
- คือพลังในการสร้างและใช้งานอาวุธต่างๆ เช่น ดาบ หอก มีด ธนู ปืน ฯลฯ โดยเขาสามารถสร้างมันออกมาได้จาก สสารทุกชนิด ที่อยู่รอบๆตัว ทำให้เขาสามารถที่จะสร้างอาวุธเหล่านั้นออกมาพร้อมกันได้หลากหลายชิ้นโดยที่แต่ละชิ้นล้วนมีประสิทธิภาพและความทนทานอย่างมาก
( สมบัติวีรชนที่ครอบครอง )
Oblivious Grip "การคุ้มครองจากความว่างเปล่า"
ระดับ : Ex
ประเภท : ต่อต้านบุคคล (ตัวเอง)
-มันคือชุดเกราะป้องกันทั่วไปน้ำหนักเบาที่ถูกจากมาจากตัวของ Oblivous มันมีความแข็งแกร่งอย่างมากจนสามารถป้องกันการโจมตีที่สามารถทำลาย มัลติเวิร์ส ได้อย่างไร้รอยขีดข่วน แม้กระทั่งการโจมตีเชิงคอมเซปท์ที่สามารถ เปลี่ยนแปลงความเป็นจริง ก็ไม่สามารถสร้างความเสียหายให้กับเกราะนี้ได้เลย และคุณสมบัติพิเศษอีกอย่างของเกราะนี้คือมันสามารถปกปิดชื่อจริงและ ค่าสเตตัสทั้งหมด ของเขาเอาไว้ได้ถึง3ระดับแม้แต่ สกิลพิเศษของ รูเลอร์ ก็ไม่สามารถอ่านได้
Odin Force "พลังแห่งโอดิน"
ระดับ : A+++
ประเภท : 2 A Maltiverse level+
-มันคือกระบวนท่าในการแปรเปลี่ยนพลัง คอสมิก ให้กลายเป็นพลังาน สายฟ้าแห่งโอดิน ที่ผู้ใช้สามารถควบคุมพลังของมันได้อย่างใจนึกโดยมันมีพลังทำลายสูงสุดที่สามารถทำลาย จักรวาลจำนวนที่ไร้ที่สุดสิ้นหรืออนันต์ ได้ในระดับ มิติที่4 สายฟ้า ที่ถูกใช้งานจาก Odin Force จะแตกต่างจาก Electricity Manipulation ตรงที่ สายฟ้า จาก Odin Force ตัวของ เมดิสัน ได้รับการสืบทอดมาจาก ธอร์ โดยตรงมันจึงทำให้ สายฟ้า นี้มีพลังและความเร็วที่เหนือกว่า สายฟ้าทั่วไปอย่างเทียบไม่ติด
โดยวิธีที่ เมดิสัน ใช้ท่านี้เขาจะเอ่ยเป็นชื่อของ Odin Force ตามด้วยระดับพลังที่เขาชอบเรียกมันว่า เฟต โดยมีระดับพลังทั้งหมดอยู่ที่จำนวน เฟต1 ถึง เฟต20 เพื่อเป็นการจำกัดพลังอันมหาศาลของ สมบัติวีรชน อันนี้ไม่ให้มันมีพลังทำลายที่มากจนเกินไป
Spear of Living Tribunal "หอกแห่งผู้พิพากษา"
ระดับ : C++ ~ A++
ประเภท : 3-A Universe level
- หอกวิเศษที่ถูกสร้างขึ้นโดย Cosmic Being ที่มีนามว่า The Living Tribunal"ตุลาการสามหน้า" โดยความสามารถในการโจมตีแต่ละครั้งของหอกนี้มันจะไม่มีทางที่จะพลาดเป้าหมายอย่างเด็ดขาด เพราะมันจะพุ้งติดตามเป้าหมายด้วยความเร็วระดับ Infinte Speed"ความเร็วที่ไม่จำกัด" มันจะสามารถพุ้งไปโจมตีเป้าหมายได้อย่างอิสระในขณะที่ เวลาถูกหยุดนิ่งอย่างสมบูรณ์ มันก็ยังสามารถที่จะพุ้งไปโจมตีเป้าหมายได้อย่างปกติ โดยที่ไม่ได้รับผลกระทบจากการถูก หยุดเวลาอย่างสมบูรณ์
เมื่อเอ่ยนามที่แท้จริงของมันหอกนี้จะมีพลังทำลายสูงสุดในระดับที่สามารถทำลายโครงสร้างของ จักรวาล ได้เช่น มวลสารและพลังงานใน รูปแบบ3มิติ ทั้งหมดในจักรวาล แต่ความพิเศษของหอกวิเศษอันนี้ก็คือมันมีสถานะในการโจมตีแต่ละครั้งเป็น True Damage หรือ ความเสียหายจริงที่การป้องการใดๆก็ไร้ความหมาย
Omega Beam "ลำแสงโอเมก้า"
ระดับ : Ex
ประเภท : High 1-C High Complex Multiverse level
-ลำแสงพลังทำลายล้างที่สามารถทำลายหรือส่งผลกระทบต่อ กาล-อวกาศได้ทั้งหมด ในระดับ 10-11มิติ ในการโจมตีเพียงแค่ครั้งเดียว โดย ลำแสงโอเมก้า ที่ถูกยิงออกมาจะมาจากมือและนิ้วของเขาจะมีความเร็วในระดับที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ดังใจนึก(สูงสุดอยู่ที่ความเร็วระดับ Immeasurable"เร็วเกินจนไม่สามารถคำนวนได้") โดยลำแสงที่ถูกยิงออกไปแต่ละครั้งมันจะติดตามเป้าหมายไปเรื่อยๆจนกว่าจะโดนอีกฝ่าย มันคือการโจมตีที่ไม่สามารถป้องกันหรือหลบหนีใดๆไปได้ ลำแสงโอเมก้า หากมันพุ่งเป้าไปที่ใครแล้วพลังนี้มันจะไม่ไปทำลายอันตรายต่อสิ่งอื่นที่ไม่ใช่เป้าหมายหลัก ความพิเศษของลำแสงนี้คือมันจะส่งเป้าหมายที่โดนไปอยู่ใน มิติอื่น ทันทีและหากเขาต้องการจะเอาใครกลับมายัง มิติปัจจุบัน เพียงแค่ใช้ลำแสงนี้ก็สามารถเรียกคืนมาได้อย่างสบายๆ
เมดิสัน สามารถใช้งาน สมบัติวีรชน นี้ได้โดยที่ไม่จำเป็นที่จะต้องเอ่ยนามของมันแต่อย่างใด และเขาสามารถควบคุมพลังทำลายของ สมบัติวีรชน นี้ได้ดังใจนึกด้วย หรือสามารถใช้งานลำแสงนี้ร่วมกับอาวุธชนิดอื่นก็ยังได้ ยกตัวอย่างเช่น ดาบ กระสุนปืน ลูกธนู ขีปนาวุธ ฯลฯ
Unmatched Power "อำนาจที่ไร้เทียมทาน"
ระดับ : A+++
ประเภท : High 3-A High Universe level
-กลุ่มก้อน คอสมิก เป็นอาวุธที่ถูกสร้างมาจากโบราณวัตถุเดียวกันที่ถือกำเนิด Power Stone(อัญมณีแห่งพลัง) ดาบเล่มนี้มันมีพลังทำลายอย่างไร้ขอบเขตในรูปแบบ 3มิติ สามารถทำลายจักรวาลได้โดยมีขนาดที่ไร้ที่สิ้นสุดด้วยการฟันเพียงครั้งเดียว พลังของ Unmatched Power นั้นมันมีพลังที่มากเกินไปจนถึงขั้นที่ว่าสิ่งมีชีวิตที่อยู่ต่ำกว่า 2มิติ ไม่อาจจะจับต้องมันได้รวมถึงการสัมผัสกับพื้นผิวดาวต่างๆก็อาจจะถูกทำลายลงด้วยเช่นกัน ด้วนเหตุนี้ เมดิสัน จึงได้สร้างวัตถุชนิดเดียวกับ Power Stone เพื่อจำกัดพลังของมันเอาไว้ตลอดเวลา เขาจึงสามารถใช้มันเพื่อเสริมพลังในการโจมตีได้อย่างในนึก พลังของดาบเล่มนี้มันสามารถสลายร่างของสิ่งมีชีวิตลงได้อย่างง่ายดาย
Throne-Cleaver "ศาสตร์ตราแห่งความว่างเปล่า"
ระดับ : Ex
ประเภท : 1 B : Hyperverse level
-ดาบที่ถูกสร้างมาจาก วัตถุที่ไม่มีอยู่จริง พลังของมันอยู่ใน มิติที่12 จนถึงมิติตามจำนวนนับมากที่สุดเท่าที่จะสามารถนับได้ ซึ่งเหนือกว่าทฤษฏีสตริง อาวุธที่ถูกสร้างมาจากหนึ่งในชิ้นส่วนของ Oblivous ดาบเล่มนี้มีน้ำหนักที่เทียบเท่ากับ จักรวาลจำนวนที่ไร้ที่สิ้นสุดรวมกัน ลักษณะของดาบนี้เมื่อยังไม่ได้ปลดปล่อย สมบัติวีนชน มันก็จะเป็นเพียงแค่อาวุธที่ความเร็วในการโจมตีอยู่ในระดับ Immeasurable(เร็วจนไม่สามารถคำนวนได้) จนสามารถเดินทางข้ามเวลาได้ S=D/T ซึ่งในการโจมตีแต่ละครั้งของมันจะทะลุทะลวง มิติ-เวลา ทั้งหมดไปสร้างความเสียหายให้กับศัตรูโดยตรง โดยที่อีกฝ่ายไม่สามารถหลบหลีกหรือป้องกันการโจมตีจากดาบเล่มนี้ได้แต่อย่างใดอย่างหนึ่ง
แต่หากผู้ใช้ปลดปล่อย สมบัติวีรชน นี้แล้วโดยการเอ่ยนามที่แท้จริงของมัน ดาบเล่มนี้มันจะกลายเป็นอาวุธที่มีความสามารถในการ ลบล้างคอมเซปท์ หรือ สมบัติวีรชน ทุกประเภทของศัตรูให้หายไปอย่างถาวรทั้งหมดทันที พลังในการลบล้างของดาบเล่มนี้มันคือการลบทุกสิ่งทุกอย่างจนไม่เหลืออะไรเลยอย่างแท้จริง ไม่เว้นแม้กระทั้ง มิติ-เวลา ประวัติศาสตร์ ตัวตน จิตวิญญาณ หรือแม้กระทั้ง คอมเซปท์ทุกอย่าง จะหายไปอย่างถาวร
Crown-Splitter "ความจริง และ ความไม่จริง"
ระดับ : Ex
ประเภท : 1 B Hyperverse level
-ดาบที่ถูกสร้างมา วัตถุที่ไม่มีอยู่จริง พลังของมันอยู่ใน มิติที่12 จนถึงมิติตามจำนวนนับมากที่สุดเท่าที่จะสามารถนับได้ ซึ่งเหนือกว่าทฤษฑีสตริง ดาบคู่แฝดของ Throne-Cleaver ที่เป็นอาวุธที่ถูกสร้างมาจากชิ้นส่วนของ Oblivous เหมือนกัน ยามปกติมันจะเป็นเพียงแค่ดาบธรรมดาที่มีความเร็วในการโจมตีอยู่ในระดับ Irrelevant (เร็วจนหลุดพ้นมิติ) หรือความเร็วที่อยู่เหนือ มิติ-เวลาที่เป็นอนันต์ ด้วยความเร็วระดับนี้มันจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ศัตรูไม่สามารถที่จะหลบหลีกหรือป้องกันการโจมตีจากดาบเล่มนี้ไปได้ ไม่ว่าจะใช้วิธีไหนก็ไร้ผล
เมื่อปลดปล่อย สมบัติวีรชน นี้โดยการเอ่ยนามที่แท้จริง มันจะกลายเป็นอาวุธที่มีความสามารถในการควบคุมความ เป็นจริง กับ ไม่จริง ของทุกสิ่งได้ โดยมันจะทำให้ผู้ใช้สามารถทำให่สิ่งที่เป็นแค่ จิตนาการ , ความเพ้อฝันต่างๆให้เป็นจริงขึ้นมาทำให้สิ่งเหล่านั่นมีตัวตนขึ้นมาจริงๆ และสามารถเปลี่ยน เรื่องที่เกิดขึ้นจริง รวมถึงสิ่งต่างๆให้กลายเป็น จริงที่ไม่มีอยู่จริง ทำให้สิ่งเหล่านั้นหายไปเหมือนกับภาพลวงตา
" ปฏิเสธการมีอยู่ของทุกสิ่ง ความว่างเปล่า พหุจักรวาลนับอนันต์ตา มิติและเวลา ความตาย ทุกสิ่งทุกอย่างหาจำเป็นสำหรับข้าผู้นี้ไม่! ตรรกะดาบ(Sword Logic) "
Sword Logic "ตรรกะดาบ"
ระดับ : Ex
ประเภท : 1 A : Outerverse level
- ตรรกะดาบ คือพลังแห่ง ปรัชญา และ อภิปรัชญา ที่ถูกบันทึกไว้ใน "โทมนัสอักษร" โดย "ออริกซ์ ราชันย์ผู้ช่วงชิง" ผ่านการเผยแพร่ความรู้มาจาก "อันธการ" หรือ "ความมืดมิด" ที่อยู่มาตั้งแต่ก่อนจุดเริ่มต้นของกาลเวลา ก่อนที่สรรพสิ่งจะถูกสรรสร้าง ก่อนจะมีสิ่งที่เรียกว่า "ความเป็นจริง" หรือ "ความไม่เป็นจริง" เราสามารถเรียกมันว่าเป็น หลักคำสอนทางศาสนา ที่เหล่า "ไฮฟ์" หรือ "เผ่าพันธ์อื่นๆที่แสวงหาพลัง" ยึดถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
หลักคำสอนของ "ตรรกะดาบ" ถูกอธิบาย และ ตีความไว้ว่า ทุกสิ่งจำเป็นต้องต่อสู้เพื่อดำรงอยู่ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิต หรือ พลังงานต่างๆตามธรรมชาติที่ไหลเวียนไปทั่วจักรวาล สิ่งใดที่อ่อนแอกว่าจำเป็นต้องหายไป เพราะไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าสมควรจะดำรงอยู่ต่อไป สิ่งที่เรียกว่า "ศีลธรรม" ที่เชื่อในหลักวัดความถูกและผิด เป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น ผู้ที่แข็งแกร่งกว่า จำเป็นต้องกำจัดผู้ที่อ่อนแอกว่า ไม่ว่าจะเป็นสิ่งใดก็ตาม ตราบนานเท่านานมากกว่าการคงอยู่ของสิ่งที่เรียกว่า "กาลเวลา" เราอาจจะคาดเดาได้ว่ามันคือ การนำพาตนเองไปสู่จุดสูงสุดของสรรพสิ่ง เหนือยิงกว่าสิ่งใด เหนือยิ่งว่ากาลเวลาและอวกาศจะเป็นไป
ผู้ที่ยึดหลักคำสอนของ "ตรรกะดาบ" จำเป็นต้องพิสูจน์ตนเองว่าจะ สามารถคงอยู่ และ เหนือกว่า สิ่งใดๆก็ตามแบบไม่มีที่สิ้นสุด คล้ายการ "ลับดาบ" ของตัวเองให้คมอยู่เสมอ ยกตัวอย่างเช่น ในการดำรงอยู่ของเหล่า ไฮฟ์ พวกมันต้องวิวัฒนาการตนเองจากการกำจัด สิ่งที่ด้อย และ อ่อนแอ่กว่าอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็น ไฮฟ์ชั้นต่ำที่สุด หรือ ไฮฟ์ที่หลุดพ้นจากความเป็นจริงไปแล้ว รวมถึงตัว "ออริกซ์" ก็ไม่มีข้อยกเว้น ผู้ที่นับถือหลักความคิดนี้นานวันเข้าจะไม่สามารถแยกแยะสิ่งที่แตกต่างกันได้ และ มองมันเป็นกลางอย่างเท่าเทียม ผู้ที่สามารถเข้าถึง "ตรรกะดาบ" ได้ในระดับสูงจะสามารถสร้างสิ่งที่เรียกว่า "บัลลังกมิติ" มิติที่เหล่าผู้ใช้พลังจะสามารถ ส่งตัวตนที่แท้จริงของตนเองไปไว้ในมิติที่หลุดพ้นจากความเป็นจริงปกติ เมื่อเหล่าผู้ใช้พลังสลายหายไปในความเป็นจริงปกติ พวกเขาก็จะสามารถนำตัวเองกลับมาในความเป็นจริงปกติได้อีกครั้ง มีอีกพลังที่เชื่อมต่อกับ "บัลลังกมิติ" ถูกเรียกว่า "เหนือวิญญาณ" เป็นความสามารถที่ผู้ใช้พลังจะสามารถซ่อนความตาย และ การดับสูญของตนเองไว้ ณ ที่อื่นได้ ทำให้ความตายนั้นไม่เกิดขึ้นจริง ผู้ที่พัฒนาตนเองไปในระดับที่สูงมากจะสามารถ "ปฏิเสธเหตุและผล" ได้ การกระทำต่างๆจะไม่สามารถอธิบายเป็นหลักเหตุผลที่อยู่ในจักรวาลอวกาศ และ ความเป็นจริงได้อีกต่อไป (ตรรกะ, เหตุผล, สมการ, คอนเซป, ฯลฯ)
ในบันทึกได้เกี่ยวกับการที่จะทำให้ผู้ใช้พลังกลายเป็นพวก "นอกรีต" ไว้ว่า "ผู้ที่ฟื้นคืนชีพ และ ได้รับมอบพลังจากผู้อื่น โดยไม่ได้ช่วงชิงมาด้วยตน้อง ถือเป็นพวกนอกรีต" ด้วยเหตุผลที่ผิดหลักคำสอนที่ว่า "ผู้ที่ถูกทำลายไม่ควรถูกคืนชีพ และ การจะจะได้รับพลังจำเป็นต้องผ่านการช่วงชิงเท่านั้น"
แต่เรื่องการฟื้นคืนชีพนั้นมีกรณียกเว้นใน กรณีที่ผู้ใช้พลัง คืนชีพด้วยตัวเองผ่าน "บัลลังกมิติ" หรือ "เหนือวิญญาณ" ที่จะนำผู้ใช้พลังกลับมาด้วยพลังของตนเองนั้นไม่ถือว่าเป็นการนอกรีต ถึงแม้จะมีหลักบัญญัติที่ชัดเจนว่า ห้ามทำการคืนชีพ มันก็อาจมีข้อยกเว้นในบางกรณีสำหรับผู้ที่อยู่ในระดับที่หลุดพ้นแล้วอย่าง "ออริกซ์" ที่เคยคืนชีพให้แก่พี่น้องของตนเอง
รวบรวมพลังของผู้ที่สามารถใช้ "ตรรกะดาบ" ในหลายระดับ
1.) เพิ่มพลัง และ วิวัฒนาการตนเองผ่านการ ทำลายล้างผู้อื่น การไต่ระดับขึ้นไปเรื่อยๆก็จำเป็นต้องทำลายล้างมากยิ่งขึ้น ในระดับที่สูงมากๆ ผู้ที่ใช้พลังจำเป็นต้องฆ่าล้างเผ่าพันธ์สรรพสิ่งทั้งดวงดาว หรือ จักรวาล เพื่อเพิ่มพลัง และ ช่วงชิงพลังของสิ่งอื่นมาเป็นของตนเอง
2.) บิดเบือน เปลี่ยนแปลง ทำลายล้าง ความเป็นจริง คอนเซปท์ หรือ เหตุ และ ผล ให้เป็นไปอย่างที่ตนต้องการ ยกตัวอย่างเช่น "ออริกซ์" ต่อสู้กับ อัคคา ที่มีพลังมากกว่าตัวเองมากๆ ด้วยการบิดเบือนความเป็นจริง" และ คอนเซปท์ให้ตนเองมีพลังมากกว่า จนสามารถชนะมาได้" หรือ " ไฮฟ์ชั้นสูง ปฏิเสธการมีตัวตนของบางสิ่ง ทำให้สิ่งนั้นไม่มีอยู่จริง"
3.) อยู่เหนือ และ ไม่ยึดติดอยู่กับ เหตุ และ ผล ของความเป็นไปได้ในความเป็นจริงปกติของห้วงเวลา และ พหุจักรวาลนับอนันต์
โดยสรุปแล้ว "ตรรกะดาบ" คือพลังที่จะทำให้ผู้ครอบครองวิวัฒนาการตนเองให้สูงขึ้นไปเรื่อยๆอย่างไม่มีที่สิ้นสุด โดยไม่มีสิ่งใดจะสามารถหยุดได้ และ ยึดถือหลักการที่ว่า ผู้ที่แข็งแกร่งกว่าย่อมชนะ ผู้ที่อ่อนแอย่อมหายไป
ผลงานอื่นๆ ของ Cggtielee234 ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Cggtielee234
ความคิดเห็น