ระหว่างความฝัน...และอนาคต - ระหว่างความฝัน...และอนาคต นิยาย ระหว่างความฝัน...และอนาคต : Dek-D.com - Writer

    ระหว่างความฝัน...และอนาคต

    โดย MyOldSelf

    เรื่องนี้เหมาะสำหรับคนที่เพิ่งเอนทรานซ์ ไม่ว่ากำลังจะเป็นนักศึกษาหรือเอ็นท์ไม่ติดก็ตาม อ่านดูแล้วคุณอาจมีความรู้สึกใหม่ๆที่ไม่เคยรู้สึก

    ผู้เข้าชมรวม

    4,485

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    6

    ผู้เข้าชมรวม


    4.48K

    ความคิดเห็น


    110

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  ซึ้งกินใจ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  8 พ.ค. 47 / 10:49 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      เคยมีคนถามคุณบ้างหรือเปล่า ว่าระหว่าง “ความฝัน”กับ “อนาคต” ถ้าเป็นคุณ คุณจะเลือกอันไหน... ...สำหรับเราจะเลือก\"ความฝัน\"นะ ปีนี้เราเอ็นทรานซ์ติดที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในคณะที่เราคิดว่าคงเรียนไม่ได้แน่ๆ “เรียนไม่ได้” ในความหมายของเรานั้น ไม่ใช่ว่าคงเรียนอ่อนเรียนเนื้อหาของคณะไม่เข้าใจ แต่เพราะคณะนั้นเป็นคณะที่ลึกๆในใจเรานั้น ไม่ได้อยากเรียนต่างห่าง เราเชื่อว่าทุกคนที่เอ็นทรานซ์ไม่ว่าใครก็ตาม ต้องมีความหวังอยู่ลึกๆทุกคนนั่นแหละว่าสักครั้งหนึ่งในชีวิต อยากจะเข้ามาศึกษาต่อในสถาบันอันทรงเกียรติและศักสิทธิ์ที่ชื่อว่า “จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย”แห่งนี้ และเราก็เชื่อว่าต้องมีหลายคนที่ขอแค่ได้เข้ามาเป็นลูกพระเกี้ยว ไม่ว่าจะในคณะใดก็ตาม เราก็เคยเป็นหนึ่งในนั้นที่ขอแค่ได้เรียนที่นี่จะคณะไหนก็ได้ ทั้งๆที่เราก็มีคณะที่เราอยากจะเรียนจริงๆ เพียงแต่เราไม่มั่นใจในความสามารถของตัวเองว่าจะเข้าได้ และเมื่อผลเอ็นทรานซ์ประกาศออกมา เราก็ต้องได้พบกับความจริงที่ว่าเราเอ็นท์ติดจุฬาฯได้ดังที่เราตั้งใจ แต่ไม่ใช่คณะที่เราใฝ่ฝันมาตลอดชีวิตที่ผ่านมา ครั้งแรกที่เรารู้ผล เรายอมรับว่าช็อคมาก รู้สึกเศร้าใจ หดหู่ มันไม่ใช่ความรู้สึกที่ว่า “ขอแค่เอ็นท์ติดจุฬาฯ จะคณะไหนก็ดีใจแล้ว” อย่างที่เราเคยคิด เราคิดมากคิดแล้วคิดอีกว่าเราจะทำอย่างไรกับชีวิตนักศึกษาในอีก 4 ปีข้างหน้าที่เราต้องเผชิญ เราคิดว่าเราจะเรียนได้มั้ย เราจะเข้าใจรึเปล่า เราจะสามารถทนใช้ชีวีตอย่างอัดอั้นตันใจไปตลอดจนจบการศึกษาได้เหรอ ทั้งๆที่ทุกคนที่รู้ข่าวว่าเราติดคณะนี้ในจุฬาฯ ไม่ว่าจะเป็นพ่อ แม่ หรือว่าใครก็ตาม ต่างก็ดีใจมากๆและบอกเราว่า “ดีแล้ว จะได้หางานง่ายกว่าคณะที่เราอยากจะเข้า” แต่เราก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่ตัวเรา จะว่าไปแล้วมันก็คือความผิดพลาดของเราเองนั่นแหละ ที่ไปเลือกคณะที่เราไม่นึกว่าเราจะต้องมาเรียน เรามั่นใจเกินไปว่าเราจะต้องติดคณะที่เราใฝ่ฝัน แต่ความจริงมันก็ออกมาว่า เราขาดคะแนนอีก 0.07 คะแนนเท่านั้นที่เราจะเข้าได้ เราเจ็บใจตัวเอง หลังจากทำใจพร้อมกับคิดไตร่ตรองอย่างหนัก เราเลยคิดว่าเราจะเอ็นท์ใหม่ปีหน้า เราจะพยายามให้มากขึ้นแม้ว่ามันจะสายไปก็เถอะ เราเชื่อว่ามันยังทัน ถ้าติดคณะที่เราอยากเรียนจริงๆ เราก็จะได้ทำตาม\"ความฝัน\"ของเรา แต่ถ้าเราได้พยายามจนสุดความสามารถแล้วแต่ไม่สำเร็จ เราก็จะกลับมาเรียนคณะเดิม ยอมรับ\"อนาคต\" และจะพยายามหา “ความฝัน”ใหม่ต่อไป เคยได้ยินมั้ยที่เค้าพูดว่า \"คนที่ไม่มีความฝัน คือคนที่ตายแล้ว ในวันนึงเนี่ย เราเดินผ่านคนตายหลายคนมากๆ แต่พวกเค้าน่ะ บางทียังไม่รู้เลยว่าตัวเองน่ะ ตายไปแล้ว\" เราชอบประโยคนี้มากๆ แล้วเราก็เป็นคนนึงที่คิดว่าถ้าเราเลือกทำในสิ่งที่ตัวเองชอบนะ มันจะเกิดความสุข จะเกิดพลังที่ยิ่งใหญ่ขึ้นมาในตัวเอง แล้วพอเราทำอะไรมันก็จะเต็มที่กับทุกสิ่งที่เราทำ แล้วมีเหรอ คนที่ตั้งใจจริงกับทุกสิ่งและทำทุกสิ่งอย่างมีความสุขแล้วจะหางานดีๆทำไม่ได้... ...นั่นก็เป็นเพียงแค่ความในใจของเราที่เราอยากจะถ่ายทอดให้ทุกคนที่เพิ่งจะผ่านความรู้สึกเดียวกับเรามา เราอยากจะบอกว่าไม่ว่าคุณจะเอ็นท์ติด เอ็นท์ไม่ติด หรือเอ็นท์ติดแต่อยากจะเอ็นท์ใหม่ก็ตาม จงอย่าทิ้งความฝัน ความฝันทำให้เรามีชีวิตอยู่ต่อไปได้ คนที่ไม่มีความฝันก็คือคนที่ตายแล้ว แล้ว “คนที่ตายแล้ว”น่ะจะมี “อนาคต”ได้ยังไงล่ะ แล้วคุณล่ะ อยากเป็น “คนที่ตายแล้วแต่หวังจะมีอนาคต” หรือ “คนที่มีความฝันและกำลังมีอนาคตรออยู่ข้างหน้า”...

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×