ภูตหิมะกับเงือกหนุ่ม - ภูตหิมะกับเงือกหนุ่ม นิยาย ภูตหิมะกับเงือกหนุ่ม : Dek-D.com - Writer

    ภูตหิมะกับเงือกหนุ่ม

    "ท่านฟุมิกิ~" "เจ้าเงือกน้อยเซ่อซ่า"

    ผู้เข้าชมรวม

    179

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    9

    ผู้เข้าชมรวม


    179

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  8 ต.ค. 63 / 20:12 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

       ในตำนานมากมายบนโลกใบนี้มักเต็มไปด้วยเรื่องราวของภูติผีปีศาจที่แสนน่ากลัวชวนสยดสยอง ตำนานสัตว์ในเทพนิยายที่มีรูปลักษณ์แสนงดงาม ประหลาดตา ทว่าน่าหลงใหล ตำนานของเหล่าทวยเทพผู้ซึ่งเป็นผู้สร้างสรรพสิ่งบนโลก และตำนานอีกมากมายนับไม่ถ้วน
         ภูตหิมะ หรือ ปีศาจหิมะ เป็นจิตวิญญาณของฤดูหนาวจะปรากฏตัวในช่วงพายุหิมะที่รุนแรง เป็นหญิงสาวผู้งดงามสวมกิโมโนสีขาวมักล่อลวงผู้ชายให้ไปสู่ความตาย
         "ใช่ๆ นั้นมันตำนานของปีศาจหิมะรุ่นก่อนๆ นู้นนนน ข้าน่ะไม่ใช่ซักหน่อย ข้าน่ะเป็นภูตหิมะก็จริงแต่ไม่ล่อลวงผู้ชายไปหาความตายหรอก"
         เสียงใสเอ่ยพูดดังเจี้ยวแจ้วของเด็กหญิงร่างเล็กวัย 15 ปี ในชุดกิโมโนสั้นสีฟ้านอนเล่นบนกิ่งไม้สายตาเหม่อมองชาวบ้านที่มาตกปลาริมแม่น้ำอย่างสนใจ ปากก็พูดต่อ...
          "เฮ้อ พวกมนุษย์เนี่ยขี้กลัวจริงๆ เลยทั้งๆ ที่ตนเองนั้นแหละที่น่ากลัวยิ่งกว่าพวกปีศาจ อีกอย่างข้าเลือกเหยื่อนะ ข้าชอบแบบหล่อๆ  พลังชีวิตของหนุ่มหล่อน่ะอร่อยมากแต่ข้าไม่ชิงมาหมดหรอก เสียดายอาหารตาแย่ หุหุหุหุ" ภูตหิมะแลบลิ้นเลียริมฝีปากเมื่อนึกถึงรสชาติของพลังชีวิตของหนุ่มหล่อที่พึ่งกินไปเมื่อวาน
         ...อร่อยจริงๆ
        "ข้าว่าเจ้าใจดีเกินไปนะฟุมิกิ" เสียงแหบพร่าของปีศาจผ้าเอ่ยแทรก
          ภูตหิมะที่ถูกเรียกว่าฟุมิกิเอียงคอทำหน้าฉงน "ใจดี? จะว่างั้นก็ได้ ก็ข้าไม่อยากฆ่านี่นาเสียดายผู้ชายหล่อๆ แย่"
         ปีศาจผ้าส่ายหน้าอย่างเบื่อหน่ายกับสหายของตน เป็นปีศาจหิมะมา 500 เกือบ 600 ปีดันบ้าผู้ชายหน้าตาดีไม่เลิก พอเป็นผู้ชายหน้าตาธรรมดาแม่นางก็เล่นฆ่าอย่างโหดเหี้ยม ร้อยมาตรฐานสุดๆ
         แล้วยังชอบล่อลวงผู้ชายด้วยร่างเด็กอีก ปกติต้องเป็นหญิงสาวสิ เฮ้อ...
          'ช่วยด้วย...'
          ฟุมิกิผุดลุกขึ้นนั่งหันหน้าไปมองสหายที่หันมาจ้องกลับเหมือนกัน
         "เมื่อกี้เจ้าพูดว่าช่วยด้วยเหรอ? ฟุมิกิ/เคียวยะ" ทั้งสองถามขึ้นพร้อมกันก่อนที่ต่างฝ่ายจะส่ายหน้า
         "งั้นใครพูดล่ะ" ปีศาจผ้าถามอย่างสงสัยพอเหลือบมองภูตหิมะก็พบว่าเธอจ้องตรงไปที่คนตกปลา
          ไม่สิ กำลังจ้องปลาที่ติดเบ็ดอยู่ต่างหาก
          'ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยด้วย เจ็บเหลือเกิน'
          "เจ้าปลานั่นกำลังร้องขอความช่วยเหลืออยู่งั้นเหรอ?" เคียวยะพึมพำโดยไม่ทันตั้งตัวก็โดนฟุมิกิลากลงไปหาคนตกปลาผู้นั้น
          ตึก!
         ทั้งสองร่างร่อนลงพื้นอย่างงดงามและแสร้งทำเป็นเดินเล่นไปตามริมแม่น้ำแสดงละครเป็นพี่น้องแสนรัก
          "หู้ววว! พี่ชาย พี่ชาย ดูสิปลาสีสวยจังเลยตัวใหญ่ด้วย ข้าอยากได้" ฟุมิกิร้องอ้อนเคียวยะนิ้วชี้ตรงดิ่งไปที่ปลาสีประหลาดในมือคนตกปลา
          เมื่อถูกโยนบทพี่ชายมาให้เคียวยะก็รับได้ทันท่วง "อืม อยากได้อย่างงั้นเหรอ ถ้าขอซื้อเขาจะยอมยกให้มั๊ยนะ"
          "ข้าอยากได้ ข้าอยากได้ ซื้อให้ข้านะ~"
          คนตกปลาที่เห็นน้องสาวอ้อนพี่ชายเพราะอยากได้ปลาก็นึกเอ็นดูเพราะคิดถึงลูกสาวที่เสียไปจึงเรียกทั้งสองให้ไปหา
         "เจ้าอยากได้ปลางั้นหรือแม่หนู?" คนตกปลาเอ่ยถามน้ำเสียงอ่อนโยน
          "อื้อ! ข้าอยากได้ปลาตัวนี้ข้าขอได้มั๊ยท่านลุง" ฟุมิกิทำหน้าออดอ้อนที่ใครเห็นย่อมต้องตกหลุมรักความน่ารักน่าเอ็นดู(สำหรับมนุษย์น่ะนะ)
         เคียวยะเข้าแทรกเพราะเริ่มหมั่นไส้สหายนิดๆ
         "แน่นอนว่าข้าไม่ขอฟรีๆ ข้าจะซื้อด้วยปิ่นหยกชิ้นนี้" เขาหยิบปิ่นหยกน้ำนมออกจากชายแขนเสื้อยื่นให้คนตกปลา "จะขายให้ข้าได้หรือไม่"
         คนตกปลาเมื่อเห็นว่าปิ่นหยกน้ำนมในมือของชายหนุ่มเป็นของล้ำค่าก็ตาลุกวาวยินดียกปลาให้แต่โดยดี
          "ราคาที่ท่านให้ข้ามาช่างมากนัก" คนตกปลากล่าวยื่นปลาให้ฟุมิกิแล้วรับปิ่นไปชื่นชมพอหันกลับมาก็ไม่พบทั้งสองแล้ว
          "เอ๊ะ? ได้อย่างไรกัน? เอ๊ะ?" คนตกปลามองปิ่นในมือไปมาอย่างสับสนก่อนจะรีบเก็บของกลับบ้านอย่างรวดเร็ว
         ปีศาจทั้งสองมาโผล่ที่ริมแม่น้ำอีกแห่งหนึ่ง
         "ปิ่นนั้นเจ้าไปได้มาจากเหยื่อคนไหนล่ะนั้น?" ฟุมิกิถามหากแต่สายตาจ้องปลาตัวอ้วนสีออกม่วงๆ น้ำเงินๆ วาววับในมือ
         เคียวยะหยักไหล่ตอบ "ไม่รู้สิ ข้าจำไม่ได้แล้ว" แต่เหมือนจะเป็นของพวกผู้ร่ำรวย อืม ไม่เกี่ยวกับเขาสักหน่อย
          "แล้วเจ้าจะเอายังไงกับปลาตัวนี้ล่ะ"
          ฟุมิกิเขย่าปลาในมือไปมาแล้วเบ้ปาก
          "มันไม่พูดแล้ว ตายแล้วรึเปล่า?"
          "ถ้าตายแล้วก็เอามาย่างกินสิ ตัวอ้วนแบบนี้ทาเกลือย่างคงน่าอร่อย"
          "อื้ม! งั้นเจ้าจุดไฟทีสิข้าจะหาไม้มามาเสียบเจ้านี่" พูดไปพร้อมฉีกยิ้มโชว์ฟันเขี้ยวขาววาววับ น้ำลายส่อไหลตรงมุมปากแสดงความหิวโหย
          "หวา! อย่ากินข้าเลยนะครับ ข้ายังไม่ตาย!!!" เจ้าปลาร้องลั่นออกแรงดิ้นจนหางไปฟาดหน้าฟุมิกิเข้า
         "เออ ข้ารู้แล้วว่าเจ้ายังไม่ตาย เลิกดิ้นสักที!" ฟุมิกิว่าเสียงเข้มพร้อมบีบเจ้าปลาแน่นขึ้น
         "ขะ...ขอโทษครับ แต่ว่า...ข้า...จะ...ไม่ไหว...แล้ว" เจ้าปลาหมดแรงหอบหายใจทำปากพะงาบๆ ฟุมิกินึกขึ้นได้จึงปล่อยลงน้ำก่อนที่ตายจริงๆ
         เมื่อปล่อยลงน้ำเจ้าปลาก็จมดิ่งหายไป ฟุมิกิรออยู่ครู่หนึ่งเมื่อไม่เห็นว่าจะโผล่ขึ้นมาเธอจึงจะกลับไปนอนเล่นกับเคียวยะต่อ
         หมับ!
        "!?" ขณะกำลังหมุนตัวกลับมีมือมาคว้าข้อมือเล็กของฟุมิกิไว้
          "อย่าเพิ่งไปสิครับ ข้ายังไม่ได้กล่าวขอบคุณเลย" น้ำเสียงทุ้มต่ำมีเสน่ห์เอ่ยเรียก ฟุมิกิจึงหันไปมองก็พบว่าเป็นเงือกหนุ่มกำลังดึงแขนเธอไว้ หางและครีบบริเวณหูเป็นสีเดียวกับปลาที่ปล่อยลงน้ำเธอจึงมีท่าทีอ่อนลงเก็บมือที่คิดจะโจมตี
          "เจ้าเป็นเงือกนี่ทำไมถึงเซ่อซ่าไปติดเบ็ดตกปลาได้" เคียวยะยิงคำถามทันที
         เงือกหนุ่มก้มหน้าลงงุดกล่าวตอบอ้อมแอ้ม "เพราะข้าหลงทางและหิวจนไม่ทันได้ดูอะไรน่ะครับ"
          "หลงทาง? หลงมาได้ไงแถวน่านน้ำที่พวกมนุษย์อาศัยอยู่ ท่าทางจะเซ่อซ่าจริง" ฟุมิกิตอกย้ำเพราะพวกเงือกจะไม่มีทางโผล่มาให้มนุษย์ได้เห็นง่ายๆ
          "ข้าโดนพายุซัดมาครับและกำลังหาทางกลับทะเล"
          "งั้นก็ไปซะสิก่อนที่ข้าจะจับเจ้าทาเกลือย่างซะก่อน" ฟุมิกิขู่เพราะเงือกหนุ่มไม่ยอมปล่อยมือเธอสักที
         เงือกหนุ่มเมื่อรู้สึกตัวจึงปล่อยข้อมือของฟุมิกิพร้อมยิ้มแหะๆ
          "ขอบคุณที่ช่วยข้าไว้นะครับท่านทั้งสอง" เงือกหนุ่มกล่าวขอบคุณพร้อมรอยยิ้ม
          "ข้าโดนลากไปไม่ต้องมาขอบคุณข้าหรอก" เคียวยะบอกอย่างไม่ใส่ใจ
          "ยังไงก็ช่างเถอะ เจ้ารีบหาทางกลับบ้านได้แล้วเดี๋ยวมนุษย์มาเห็นเข้า ถ้าว่ายตรงไปตามแม่น้ำนี้ก็จะเจอกับทะเลแล้ว" ฟุมิกิบอกนิ้วเรียวชี้ไปยังทิศทางที่บอก "อย่าไปเซ่อซ่าติดเบ็ด ติดแหของมนุษย์เข้าอีกล่ะ"
         "แหะๆ ครับ ว่าแต่...พวกท่านชื่ออะไรอย่างงั้นเหรอครับ? ข้าชื่อฮิคาริ"
         ฟุมิกิถอนหายใจกับเงือกหนุ่มน้อยที่ไม่มีทีท่าว่าจะไปสักที คงอยากโดนกินจริงๆ หรือไม่ก็...พึ่งเคยมาแถวนี้เป็นครั้งแรกเลยตื่นเต้นไม่อยากกลับ
          "ข้าชื่อเคียวยะเป็นปีศาจผ้าส่วนนางชื่อฟุมิกิเป็นภูตหิมะ" เคียวยะตอบแทนเดินเข้าไปใกล้เงือกหนุ่ม ฟุมิกิหลับตาลงหวังว่าเพื่อนคงคิดแบบเดียวกันถึงสาเหตุที่เงือกหนุ่มไม่กลับไปสักที "เจ้าอยากเที่ยวต่ออยู่ที่นี้สักพักใช่มั๊ยล่ะ"
         และก็เป็นจริง ฮิคาริพยักหน้าหงึกหงักแข็งขัน "ข้าอยากเที่ยวโลกมนุษย์ดูสักครั้ง!"
         "...."
         "...."
         สองปีศาจเงียบกริบหันมองหน้ากันแล้วหันกลับไปตอบเงือกหนุ่มพร้อมกัน "ไม่ได้!"
         "ทำไมล่ะ"
         ฟุมิกิขมวดคิ้ว เจ้าเด็กนี่ยังไม่เข้าใจอีกเหรอว่าโลกมนุษย์มันอันตรายทั้งๆ ที่พึ่งติดเบ็ดตกปลาของมนุษย์มาหมาดๆ
          "อย่างแรกเลยนะเจ้าขึ้นมาบนบกไม่ได้เจ้าไม่มีขาแถมหายใจบนบกไม่ได้อีกด้วย อย่างที่สองเจ้าแปลงร่างเป็นรึเปล่า ถ้าแปลงร่างเป็นมนุษย์ได้ที่เหลือก็จะง่ายขึ้น" ฟุมิกิบอกเหตุผลซึ่งฮิคาริก้มหน้าหงอยทันที
          "เอาล่ะ กลับบ้านเจ้าได้แล้วเงือกน้อย" เธอบอกพร้อมคลี่ยิ้มอ่อนโยน พริบตานั้นฟุมิกิก็โดนกระชากแขนไปหาฮิคาริจนเกือบจะตกน้ำ
         ใบหน้าทั้งสองอยู่ใกล้กันมาก
         "ถ้าข้าแปลงร่างเป็นมนุษย์ได้ มีขาเดินได้ ท่านพาข้าเที่ยวได้รึเปล่า" ฮิคาริมองฟุมิกิด้วยสายตาเว้าวอน
          ฟุมิกิเกรงว่าเรื่องจะยืดยาวไม่จบสักทีเธอจึงหยักหน้ารับแบบส่งๆ "ถ้าเจ้ามีขาแล้วน่ะนะ"
          ฮิคาริฉีกยิ้มกว้างปล่อยมือจากฟุมิกิแล้วดำน้ำหายไป เห็นเพียงปลายหางสีม่วงเหลือบน้ำเงินไหวๆ แล้วหายลับสายตาไป
          "เฮ้อ... หวังว่าเจ้าเงือกน้อยนั่นไม่คิดเซ่อซ่าขึ้นมาบนโลกมนุษย์จริงๆ นะ" ฟุมิกิบ่นเพราะไม่ใช่แค่มนุษย์ที่อันตราย ปีศาจด้วยกันก็อันตรายมากๆ
         ที่เธอสนิทกับเคียวยะได้ก็เพราะไปช่วยเขาออกจากลวดหนามที่เขาปลิวไปติดและช่วยซ่อมส่วนที่ขาดวิ่น
          "ใครจะไปรู้ เผื่อเจ้าหนูนั่นแปลงร่างได้แล้วขึ้นมาเที่ยวบนโลกมนุษย์จริงๆ ก็ได้" เคียวยะกล่าว
         ฟุมิกิพรูลมหายใจ "ความอยากรู้อยากเห็นมักเป็นภัยไปสู่ตัว" แล้วกลับไปยังที่อยู่ของตนเองพร้อมกับเคียวยะ

        ....

         ฮิคาริกลับมายังทะเลลึกซึ่งเป็นบ้านของตนเองได้สำเร็จ เขาตรงไปหาพ่อแม่ที่รอเขากลับมาด้วยความคิดถึง
         "ฮิคาริ เจ้าหายไปไหนมารู้มั๊ยว่าแม่เป็นห่วงเจ้ามากแค่ไหน" นางเงือกผู้แสนงดงามกล่าวเสียงเครือพร้อมโอบกอดลูกชายสุดรักแน่น
          "ข้าโดนพายุพัดไปทางแม่น้ำที่พวกมนุษย์อาศัยอยู่ครับ ข้าหิวจนตาลายไปงับกินเหยื่อและติดเบ็ดของมนุษย์ ข้าเกือบถูกมนุษย์กินไปซะแล้วถ้าเกิดไม่มีท่านปีศาจหิมะกับปีศาจผ้ามาช่วยไว้" ฮิคาริเล่าน้ำเสียงสดใสต่างจากผู้เป็นแม่ที่สีหน้าไม่สู้ดี
          "เจ้าถูกปีศาจบนบกช่วยไว้อย่างงั้นเหรอ?" นางเงือกเอ่ยถามน้ำเสียงจริงจัง
         "ครับท่านแม่" ฮิคาริตอบกระพริบตาปริบๆ สงสัยท่านแม่ที่ทำหน้าบึ้งตึง
          นางเงือกบีบมือลูกชายแน่นกล่าวบอกน้ำเสียงหนักแน่นและดุดัน "แม่รู้ว่าเจ้าคิดอะไรลูกรัก แม่ขอห้ามไม่ให้เจ้าขึ้นไปเที่ยวเล่นบนโลกมนุษย์กับปีศาจสองตนนั้นเด็ดขาด!"
          "ทำไมล่ะ?" ทำไมถึงห้ามกันนัก
          "เพราะเจ้ายังเด็กเกินไป ไม่ทันเล่ห์กลของพวกมนุษย์กับปีศาจหรอก อีกอย่างเจ้าแปลงร่างเป็นมนุษย์ไม่ได้"
          "ฮิๆ ท่านแม่พูดเหมือนภูตหิมะเลย"
          "ฮิคาริ!"
         "...ก็ได้ครับท่านแม่"
         ฮิคาริแยกจากท่านแม่ไปว่ายน้ำเล่นที่แถวแนวปะการังคนเดียวอย่างเบื่อหน่าย
         "คนนู่นก็ห้าม คนนี่ก็ห้าม บนโลกมนุษย์มันมีอะไรน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ เฮ้อ..." เขาบุ้ยปากแล้วหายใจ
         จะต้องหาวิธีแปลงร่างเป็นมนุษย์ให้ได้!!
         "อ๊ะ! จริงสิคราเคนไงล่ะ!"
         เมื่อคิดได้แล้วฮิคาริก็รีบว่ายน้ำตรงไปหาเจ้าปีศาจแห่งท้องทะเลคราเคนทันที ไม่มีใครรู้ว่าทั้งสองเป็นสหายกันแม้ว่าคราเคนออกจะเจ้าเล่ห์แต่ก็ไม่เคยทำอะไรเงือกหนุ่มน้อยเลย
         ฮิคาริว่ายเข้าไปในถ้ำลึกและเจอเข้ากับร่างมหึมาของปีศาจคราเคนที่กำลังอย่างสบายใจ
         เงือกหนุ่มขมวดคิ้วก่อนจะว่ายไปอยู่ตรงหน้าสูดลมหายใจแล้วตะโกนสุดเสียง
          "คราเคน!!! ตื่นได้แล้วข้ามีเรื่องจะคุยด้วย!!!!"
         ได้ผล! ปีศาจคราเคนตื่นแล้ว
         "ฮื่อ! ใครมาตะโกนเสียงดังน่ารำคาญกัน ข้าจะนอนหน่อยก็ไม่ได้" คราเคนบ่นเมื่อลืมตาเจอสหายก็ตื่นเต็มตา "ฮิคาริหายไปไหนมา ข้าก็นึกว่าเจ้าตายแล้วซะอีกนะเนี่ยไม่โผล่หัวมาให้เห็นตั้งหลายวัน"
         "ข้าโดนพายุพัด เรื่องนั้นช่างมันก่อนเถอะเจ้าพอรู้วิธีแปลงร่างเป็นมนุษย์รึเปล่า?" ฮิคาริรีบเข้าเรื่องทันที
         "ก็รู้นะ แต่มันเสี่ยงเกินไป"
         "บอกข้ามานะ!"
         เมื่อเห็นท่าทางกระตือรือร้นของสหายคราเคนจึงยิ้มเจ้าเล่ห์ "ไปเจอสาวที่ถูกใจมารึไง"
         และดูเหมือนฮิคาริจะไปเจอจริงๆ ซะด้วย เขินหน้าแดงใหญ่เชียว
         "เฮ้อ...ข้าก็อยากช่วยให้เจ้าสมหวังนะแต่มันมีความเสี่ยงเกินไปสำหรับเจ้า"
          "ความเสี่ยงอะไร?"
          คราเคนยืดหนวดไปหยิบขวดน้ำยาบางอย่างออกมายื่นให้เพื่อน "น้ำยาขวดนี้ข้าปรุงสำหรับแปลงร่างเป็นมนุษย์ไปหาเก็บวัตถุดิบมาทำยาแต่ฤทธิ์ของมันจะอยู่ได้ไม่นาน มากสุดก็ 7 วันเจ้าต้องรีบลงน้ำให้ไวที่สุดไม่อย่างนั้น...."
         มีฟองอากาศฟองหนึ่งลอยมาตรงหน้าคราเคนยื่นหนวดไปจิ้มแตก "ตาย..."
         "ข้าจะเอา!" ฮิคาริพูดน้ำเสียงจริงจัง คราเคนจ้องหน้าสหายนิ่งก่อนจะพรูลมหายใจจนเกิดฟองอากาศ
         "ข้าขอแนะนำว่าเจ้าไม่ควรขึ้นไปบนโลกมนุษย์อย่างยิ่งแต่ก็นะ...ข้าคงห้ามเจ้าไม่ได้ ข้าให้เจ้าก็ได้ อย่าพึ่งใช้จนกว่าจะแน่ใจล่ะ"
          "อื้ม! ขอบคุณมากนะคราเคน" เมื่อรับขวดยามาแล้วฮิคาริก็จะกลับทันทีแต่โดนรั้งไว้ด้วยหนวดของคราเคน
          "เฮ้ๆ เจ้าไม่คิดจะบอกข้าหน่อยเหรอว่าหญิงสาวที่เจ้าชอบเป็นแบบไหน" คราเคนยิ้มเจ้าเล่ห์
         "เป็นภูตหิมะที่สวยมาก"
         "ฟุมิกิงั้นเหรอ?"
         "เจ้ารู้จักนางด้วยเหรอ?"
         "รู้จักสิ! ก็นางเป็นผู้ช่วยข้าเก็บสมุนไพรและเป็นสหายบนบกของข้าด้วย"
         "อ๋า ดีจัง นางช่วยข้าจากคนตกปลาข้าก็เลยอยากจะตอบแทนอะไรสักหน่อย"
         คราเคนหัวเราะหึๆ "สิ่งที่นางปีศาจหิมะอยากได้มีเพียงพลังชีวิตของมนุษย์ผู้ชายหน้าตาหล่อเหลาเท่านั้น"
         "อ๊ะ! ข้ารู้แล้วว่าจะตอบแทนอะไรนาง" ฮิคาริยิ้มกว้างและคำตอบที่คราเคนได้ยินแทบอยากจะลาตาย "ข้าจะมอบร่างกายให้ท่านฟุมิกิเป็นการตอบแทน"
         "ห๊า! เจ้าจะบ้ารึไงฮิคาริ!!"
         "ไม่ดีเหรอ? ข้าว่าข้าก็หน้าหล่อเหลาใช้ได้อยู่นะ"
          "...เฮ้อ~~~~" ฟุมิกิข้าจะฆ่าเจ้า ล่อลวงใครไม่ล่อลวง ดันมาล่อลวงเงือกน้อยไร้เดียงสาเนี่ยนะ
         "ข้าขอยึดยาคืนแล้วกัน!" ว่าจบคราเคนก็คว้าขวดยาจากมือฮิคาริเอาไปเก็บในที่ที่เงือกหนุ่มเข้าไม่ถึง
          "อ๋า! คราเคนทำไมล่ะ" ฮิคาริทำท่าจะร้องไห้แต่คราเคนไม่สนใจ
         "ข้าไม่ให้เจ้าแปลงร่างเป็นมนุษย์หรอก ...เดี๋ยวโดนภูตหิมะสูบพลังชีวิตเอา"
          ฮิคาริหน้าหมองลงอีกครั้งว่ายไปนั่งงอหางบนโขดหิน "แต่ข้าอยากเจอกับท่านฟุมิกิอีกนี่นา นางดูใจดีด้วย..."
          "เฮ้อ..." คราเคนถอนหายใจอย่างอ่อนใจ สุดท้ายก็แพ้ท่าทางซึมเศร้าของสหาย "จะเจอก็เจอได้อยู่หรอกแต่ข้าจะไปด้วย"
          ฮิคาริตาเป็นประกาย
         "จริงเหรอ?"
         "จริงสิ อืม...อยู่ตรงไหนนะลูกแก้วของฟุมิกิ" คราเคนยืดหนวดไปควานหาของอยู่ครู่หนึ่งแล้วดึงหนวดออกมาตรงหน้าฮิคาริ "นี้ไงๆ ลูกแก้วที่ฟุมิกิให้ไว้บอกตอนที่ข้าจะขึ้นไปเก็บสมุนไพรน่ะ"
          "อุว้าว~ ทีนี้จะได้เจอท่านฟุมิกิแล้ว ...ถึงจะไม่ได้แปลงร่างเป็นมนุษย์ก็เถอะ" ฮิคาริหน้าหมองวูบหนึ่งก็กลับมายิ้มสดใสเหมือนเดิม
         "สรุปเจ้าอยากเจอฟุมิกิหรืออยากไปเที่ยวเล่นบนโลกมนุษย์กันแน่"
         "ทั้งสองอย่างเลย!"
         "เฮ้อ...ข้าละเบื่อ"

         .......

         "อืม..."
         ฟุมิกิครางในลำคออย่างพึงพอใจก่อนจะค่อยๆ ผละริมฝีปากออกจากหนุ่มหล่อที่นอนเหม่อลอยอยู่ใต้ร่าง
          "เอาล่ะ แค่นี้ก็พอแล้วข้ามีธุระต้องไปทำซะด้วย" เธอแลบลิ้นริมฝีปากแล้วเดินหายไปในพายุหิมะ
          เธอต้องลงจากภูเขาฟูจิไปรับสหายน่ารำคาญคราเคนกับเจ้าหนูเงือกน้อยฮิคาริ
          ดูเหมือนว่าคราเคนจะไม่ยอมให้เงือกน้อยอยู่กับภูตหิมะอย่างเธอเพียงลำพัง
          "ไง~ จะไปไหนแม่สาวน้อย" เสียงทักทายของเคียวยะดังขึ้นจากด้านหลัง ม้วนผ้าสีขาวลอยตามหลังให้ความรู้สึกแปลกๆ จริงๆ
          "แปลงร่างเป็นมนุษย์ซะ จะไปรับเจ้าคราเคนกับเจ้าหนูเงือก" ฟุมิกิสั่ง
         เคียวยะทำตามแต่โดยดีเดินเคียงข้างฟุมิกิไปยังแม่น้ำที่นัดแนะไว้
         "เจ้าหนูเงือกนั้นแปลงร่างเป็นมนุษย์ได้แล้วเหรอ"
         "คงพึ่งยาของคราเคนล่ะมั้ง"
         "อ้อ งั้นเจ้าก็ต้องพาเด็กนั้นเที่ยวแล้วล่ะ"
         ฟุมิกิพรูลมหายใจ "ก็คงต้องอย่างนั้น"
         เมื่อทั้งสองมาถึงริมแม่น้ำที่นัดกันไว้ก็ไม่เห็นวี่แววของคราเคนกับฮิคาริ สองปีศาจจึงยืนรออีกสักพักทั้งสองก็ยังโผล่
         "คราเคน...ถ้าเจ้ายังไม่รีบขึ้นมาข้าจะแช่แข็งเจ้าซะ" ไม่พูดเปล่าฟุมิกิขยับมือเตรียมจะแช่แข็งจริงๆ
         ซ่า!!
         หมับ!
        ตุ้บ!!
         "!?"
         "อย่าใจร้ายนักสิฟุมิกิ ข้ายังไม่อยากถูกเจ้าแช่แข็งหรอกนะ~" คราเคนกล่าวจากด้านหลังซึ่งเป็นป่า
         ...และทางด้านฮิคาริที่กระโจนจสกน้ำเข้ากอดฟุมิกิเป็นลูกหมา "เย้! ท่านฟุมิกิ~ ข้ามีขาแล้วนะครับ ดูสิ! ดูสิ!" อวดขาด้วยท่าทางดีใจสุดๆ
         แต่ว่านะ เจ้าเงือกน้อยนี่เปลือยอยู่นิ ถะ...แถมยังกอดรัดเธอแน่นไม่ปล่อยอีก
         เคียวยะ "เหวอ! ฟุมิกิเลือดกำเดาไหลแล้ว!!" เขากับคราเคนรีบไปดึงตัวฮิคาริออกจากฟุมิกิก่อนที่ปีศาจสาวจะเลือดไหลไปมากกว่านี้
          "เฮ้อ อาการนี้เป็นหนักเหมือนกันนะฟุมิกิ สนใจยาข้ามั๊ย" คราเคนว่า
          ฟุมิกิถลึงตาใส่คราเคนบีบจมูกพูดเสียงอู้อี้ "ข้าชอบเป็นฝ่ายรุกมากกว่า" เธอพวกชอบกระโจนใส่แบบไม่ทันตั้งตัวเธอก็ไปไม่เป็นเหมือนกัน
          "นี่ ฮิคาริข้าว่าเจ้าลองยั่วฟุมิกิดูสิเผื่อนางจะยอมใจอ่อนพาเจ้าเที่ยวไง" คราเคนกระซิบบอกฮิคาริ(ใส่เสื้อผ้าแล้ว เคียวยะเสกให้)
          "เอ๋ ไม่ละ ท่านฟุมิกิสัญญาแล้วว่าถ้าข้ามีขาจะพาข้าเที่ยว"
         คราเคนจิ๊ปาก อดได้ชมเรื่องสนุกๆ ...เด็กดีเหลือเกินสหายเขา เฮ้อ~~
         "ข้าเคยเห็นบุรุษเปลือยมานักต่อนัก แค่นี้ข้าสบาย" ฟุมิกิบอกพร้อมยิ้มอย่างผู้ชนะ
         "แล้วฮิคาริล่ะ" คราเคนถาม
          "เอ่อ...ถ้าเจอแบบที่ชอบข้าก็จะเป็นแบบนี้ล่ะ" เธอตอบเสียงเบาเสตาหลบฮิคาริที่จ้องเธอตาแป๋ว
          ตอนที่อยู่ในร่างเงือกเธอไม่ได้สนใจรูปร่าง สัดส่วนหรือหน้าตาของเขานัก แต่พอมีขาแล้วโชว์รูปร่างทั้งหมดก็เล่นทำให้อยากกลืนกินเขาทั้งๆ ที่พึ่งมากินหนุ่มหล่อมาเอง
         คราเคนว่า "เจ้าเป็นภูตหิมะหรือปีศาจจิ้งจอกกันแน่"
         "จุ๊ๆ ก็ข้าชอบแบบนี้นี่นา"
         "...."
         "ไปเที่ยวกันนนนนน"
          โชคดีที่โลกมนุษย์วันนี้มีงานเทศกาลพอดี พวกปีศาจที่มีพลังแก่กล้าจึงสามารถแปลงเป็นมนุษย์ปะปนมาเที่ยวได้โดยที่ไม่มีใครรู้
         "ว้าว~ ดูสิๆ มีร้านขายของเต็มไปหมดเลย ของกิน หน้ากาก ลูกโป่งน้ำ อ๊ะ! มีช้อนปลาทองด้วย" ฮิคาริตาเป็นประกายระยิบระยับเข้าดูร้านนู่นร้านนี่ขณะที่พวกฟุมิกิเดินตาม
         "อ๊ะ! ไอ้นี่อะไรเหรอครับท่านฟุมิกิ?" ฮิคาริหยุดอยู่หน้าร้านจ้องดูพ่อค้าที่หยอดน้ำบางอย่างแล้วใส่ปลาหมึกลงไปจากนั้นก็พลิกกลับด้านกลายเป็นลูกกลมๆ ราดซอสสีน้ำตาลแล้วกลิ่นหอมฉุยน่ากินมาก
          "ทาโกะยากิน่ะ อยากกินมั๊ยข้าซื้อให้" ฟุมิกิถามน้ำเสียงอ่อนโยนฮิคาริพยักหน้าเร็วๆ เป็นคำตอบ
         "อยากกินครับ!"
          "พ่อค้าเอาทาโกะยากิ 2 ที่"
          เคียวยะกับคราเคนเดินตามมาสั่งด้วยเช่นกัน "เอาให้ข้าด้วย"
          "รับทราบครับ"
         เมื่อได้ทาโกะยากิมาฮิคาริก็รีบเอาเข้าปากทันทีโดยไม่ทันได้เป่า "ร้อนนนน!"
          "เป่าก่อนสิแล้วค่อยกิน" ฟุมิกิดุยื่นขวดน้ำให้ฮิคาริยกดื่ม
          "แหะๆ แต่ว่า...อร่อยมากเลยครับ"
          ฮิคาริยิ้มสดใสก่อนจะหันไปตั้งใจกินทาโกะยากิต่อ ฟุมิกิยิ้มบางค่อยๆ ยื่นมือไปลูบหัวเขาด้วยความเอ็นดู
          "อยากกินอะไรก็บอกเดี๋ยวข้าจะเลี้ยงเจ้าเอง เอาให้พุงกางไปเลย"
          "ฮะ จริงเหรอครับ!"
          "อื้ม!"
         "เย้! ว่าแล้วท่านฟุมิกิต้องเป็นคนใจดีแน่ๆ "
          เคียวยะเคี้ยวหนวดปลาหมึกหรี่ตามองสหาย "...ก็ใจดีไม่มากหรอก"
         ปกติสหายเขาไม่ใจดีแบบนี้บ่อยนักหรอกที่เห็นมากสุดก็ปล่อยเหยื่อมีชีวิตรอด แล้วก็...ช่วยเขาจากพงหนาม ช่วยปีศาจคราเคนที่อยากมาหาสมุนไพรบนโลกมนุษย์ ก็แค่เนี้ยแหละ พิเศษขึ้นมาหน่อยก็พึ่งช่วยเงือกหนุ่มนี้แหละ
         อืม แต่นางก็ใจดีจริงๆ นั้นแหละนะ
         ฟุมิกิพาฮิคาริไปซื้อโคมลอยพร้อมอธิบาย "พวกมนุษย์มีความเชื่อบางอย่างเกี่ยวกับโลกหลังความตาย" เธอเกริ่นเมื่อเห็นฮิคาริมีท่าทางสนใจจึงเล่าต่อ "พวกเขาจะจุดไฟนำทางเหล่าดวงวิญญาณคนตายให้ไปสู่สวรรค์หรือภพภูมิที่ดีกว่า บ้างก็ขอให้เรื่องร้ายๆ กลายเป็นดี บ้างก็ขอความรัก แล้วเจ้าล่ะอยากขออะไร"
         ฮิคาริทำท่านึกอยู่ครู่หนึ่งก่อนตอบ "อยากอยู่กับท่านฟุมิกิครับ"
          "..."
         ฟุมิกิเบิกตาโตก่อนจะหลุดหัวเราะลั่น ฮิคาริมองด้วยความฉงนคิดว่าความคิดของเขาฟังน่าตลกขนาดนั้นเชียว
         "ฮ่าๆ ข้าพึ่งเคยได้ยินว่ามีคนอยากอยู่กับข้าน่ะ ฮ่าๆ ฮ่าๆ "
         "เอ๋ แล้วไม่ดีเหรอ?"
         ฟุมิกิหยุดหัวเราะสายตาเหม่อมองดูท้องฟ้า "ไม่ดีหรอก ข้าคร่าชีวิตผู้อื่นมามากเกินไปเจ้าไม่เหมาะที่จะอยู่กับข้าหรอก"
         "..."
         "เจ้าดูเป็นเด็กที่น่ารักดี ถ้าเป็นมนุษย์ข้าคงล่อลวงเจ้าแล้วล่ะ โอ๊ะ! เค้าเริ่มลอยโคมกันแล้วมาจุดไฟแล้วอธิษฐานกันเถอะ"
         "คะ ครับ"
         ฮิคาริจับโคมกับฟุมิกิพลางหลับตาลงอธิษฐานในใจโดยมีสายตาของฟุมิกิมองดูอยู่
          ถ้ากลับทะเลไปแล้วก็คงไม่ได้เจอท่านฟุมิกิอีก ไม่ได้ขึ้นมาเดินเล่นบนโลกมนุษย์อีก ไม่มีโอกาสได้สัมผัสกับอากาศอันแสนสดชื่นบนพื้นดิน ไม่สามารถสัมกับแสงตะวัน ไม่อาจเห็นหมู่นกหรือสัตว์บนบกอีก
         ข้าขออธิษฐาน...หากชาติหน้ามีจริงข้าอยากเกิดเป็นมนุษย์และได้พบเจอท่านฟุมิกิ
          โคมไฟค่อยๆ ลอยขึ้นไปข้างบนท้องฟ้าส่องแสงสว่างสุกสกาวงดงามเป็นทิวทัศน์ที่น่าหลงใหล
          "อธิษฐานอะไรล่ะ?" ฟุมิกิเอ่ยถาม
         ฮิคาริฉีกยิ้ม "ความลับครับ"
         ภูตหิมะหัวเราะจับมือฮิคาริเดินฝ่าฝูงชนออกไปเพื่อพาไปส่งที่ริมแม่น้ำ ใช่แล้ว ได้เวลากลับบ้านแล้ว
         ได้เวลาจากลาแล้ว
         "ให้ตายสิ พวกเจ้ามาช้าจริงๆ " คราเคนบ่น
         "น่ารำคาญจริงคราเคน ลงไปได้แล้ว" ว่าจบทั้งฟุมิกิทั้งเคียวยะก็ถีบคราเคนลงไปในน้ำเสียงดังตู้มใหญ่
          เมื่อลงไปในน้ำเขาก็กลับร่างเดิมทันทีโวยวายใส่สองปีศาจบกจอมเจ้าเล่ห์ "หน็อย! ข้าจะฉีกเจ้าออกเป็นชิ้นๆ เลยฟุมิกิ เคียวยะ!"
         "อ๋า! น่ากลัวจัง" ฟุมิกิหัวเราะคิกคักกับเคียวยะก่อนจะกระโดดหลบหนวดยักษ์
          ฮิคาริหัวเราะร่าไม่ทันระวังก็โดนหนวดคราเคนผลักตกน้ำเขาจึงกลับร่างเงือก ทั้งๆ ที่ยังไม่อยากกลับตอนนี้กลับโดนผลักลงน้ำซะได้
         ฮิคาริพองแก้มอย่างงอนๆ ใช้หางฟาดน้ำใส่คราเคน ฟุมิกิเห็นเงือกน้อยงอนจึงลอยตัวลงไปหาสองมือจับประคองแก้มทั้งสองข้างของฮิคาริให้เงบหน้าสบตากับเธอ
         ฟุมิกิกล่าวน้ำเสียงอ่อนโยน "วันนี้ข้าสนุกมากเลยละฮิคาริ"
          "อื้ม! ข้าก็เช่นกันท่านฟุมิกิ" ฮิคาริฉีกยิ้มกว้างถูหน้ากับมือของฟุมิกิ
          มือของภูตหิมะนั้นเย็นสมกับเป็นผู้ที่อยู่ในหุบเขาแห่งความหนาวเหน็บ ทว่า ฮิคาริกลับรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก
         "คงไม่ได้เจอกันอีกแล้ว เพราะงั้นรักษาตัวเองด้วยอย่าเซ่อซ่าโดยพายุซัดอีกล่ะ"
          "ครับ!"
          เมื่อกล่าวลาจบทั้งคราเคนกับฮิคาริก็ดำดิ่งไปยังน้ำลึกทางไปสู่ทะเลบ้านของพวกเขา ฟุมิกิกับเคียวยะยังคงยืนอยู่ที่เดิม ตรงนี้ยังเห็นแสงของบรรดาโคมลอย
         "ข้าเคยถามเจ้าเมื่อนานมาแล้วนะฟุมิกิ" เคียวยะเกริ่นทำลายความเงียบ
         ฟุมิกิเพียงครางขานรับในลำคอ "หือ?"
          "ทำไมเจ้าไม่ฆ่าเหยื่อของเจ้า"
          "..."
         เมื่อเห็นว่าสหายเงียบเขาก็เงียบรอฟังคำตอบเช่นกัน จนกระทั่งฟุมิกิเอ่ยขึ้น "ครั้งหนึ่งข้าเคยเจอกับพระตาบอดรูปหนึ่ง"
         "หืม เจ้าเคยเจอพระด้วยเหรอ?"
         ฟุมิกิพยักหน้า "ตอนนั้นข้าฆ่ามนุษย์ที่เข้ามาในเขตแดนของข้าจนกระทั่งเจอกับตาแก่นั้น เขาไม่ฆ่าข้าทั้งๆ ที่สามารถสังหารข้าได้อย่างง่ายดาย"
          "เอ๊ะ! พระตาบอดนั้น..."
          "เป็นพวกนักล่าปีศาจยังไงล่ะ ใช่ เขาเพียงตักเตือนข้าราวกับผู้ปกครองทำโทษเด็กที่ทำผิด ตอนนั้นข้าโกรธและสงสัยว่าทำไมเขาไม่ฆ่าข้าเสียเขากลับตอบว่า..."
           "เขาไม่ต้องการทำร้ายข้า และยังย้อนมาหาข้าอีกว่าทำไมข้าไม่ทำร้ายเขา"
         เคียวยะรู้สึกสนใจ "ทำไมล่ะ?"
         "อืม...ตอนนั้นข้าก็แค่ไม่มีอารมณ์"
          "โกหก..."
         "ฮ่าๆ ไม่รู้สิ ข้าก็รู้สึกเหมือนว่าเขาเป็นเหมือนพ่อหรืออะไรทำนองนั้น"
          "ห๊า!?"
          "เขาดูใจดีล่ะมั้ง ในช่วงที่เขาพักอยู่บนภูเขาพระตาบอดก็คอยสอนสิ่งต่างๆ ให้ข้าและยังไม่ข้าฆ่ามนุษย์อีกด้วย ข้าเลยเถียงกลับไปว่าถ้าไม่มีพลังชีวิตของมนุษย์ข้าก็ตายพอดีสิ ต่อจากนั้นเขาก็ยิ้มเป็นรอยยิ้มที่อ่อนโยนมาแล้วยื่นมือมาลูบหัวข้าเบาๆ "
          ฟุมิกิยกมือจับบริเวณหัวที่เคยโดนลูบ "ไม่จำเป็นต้องฆ่าแค่สัมผัสแล้วดื่มเพียงนิดเดียว แล้วจู่ๆ ร่างกายของข้าก็ได้รับการเติมเต็มจากพลังชีวิตจากเขา เป็นเขาที่มอบพลังชีวิตให้ข้าและยังบอกอีกว่า ช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตนี้ก็ไม่เลวเหมือนกัน"
         "เขายิ้มอย่างมีความสุขแล้วก็จากไปอย่างสงบ"
         "นั้นคือเหตุผลที่เจ้าไม่ฆ่าสินะ" เคียวยะถาม
          "อื้ม!"
         "เฮ้อ...ดีจริงๆ ที่ข้าได้รู้จักกับเจ้าฟัมิกิ" ว่าจบเขาก็สวมกอดฟุมิกิแน่น ...ดีจริงๆ
         ฟุมิกิดิ้นร้องโวยวาย "ห๊า!? เดี๋ยวสิ จู่ๆ เจ้ามากอดอย่างนี้ข้าขยะแขยงนะ"
          "หยาบคายจริง!" เคียวยะโวยกลับ
         หลายปีผ่านไป...
         ขณะฟุมิกิกำลังเดินเล่นในตลาดของพวกมนุษย์หูก็แว่วไปได้ยินเสียงคุยกันของเหล่าคนกลุ่มหนึ่ง
         "ไม่จริงน่า แกต้องล้อข้าเล่นแน่นอน"
          "เงือกอย่างงั้นเหรอ เรื่องใหญ่เลยนะนั้น"
         "ของแบบนั้นไม่มีจริงหรอก"
         "แต่พวกประมงจับกันได้จริงๆ นะ ตอนนี้กำลังจะเอาไปมอบให้ท่านโซกุน"
          "โห แล้วเงือกนั้นสวยรึเปล่าว่ะ"
          "เห็นเขาบอกว่าเป็นผู้ชายแหะ"
         "ฮ่าๆ เงือกผู้ชายเนี่ยนะ มันต้องผู้หญิงสิถึงจะแจ่ม ฮ่าๆ ฮ่าๆ "
         ฟุมิกิที่ยืนฟังอยู่เงียบๆ มาสักพักยกยิ้มเย็นยะเยือกมือขยับทว่ากลับมีคนมาแตะไหล่เธอเสียก่อน
          "มาทำไมเคียวยะ" เธอถามเสียงเย็นหันไปมองเคียวยะที่ทำหน้าทมึนทึนไม่ต่างกัน
          "คราเคนมีเรื่องจะคุยกับเจ้า"
          "หึ!"
          ฟุมิกิลดมือลงเพียงวูบเดียวทั้งสองก็หายไปจากบริเวณนั้นมีเพียงสายลมเย็นพัดผ่าน และแล้วทั้งสองก็มาถึงบริเวณที่คราเคนรออยู่
          "มีเรื่องอะไรถึงเรียกหาข้า" ฟุมิกิถาม
          คราเคนคว้าแขนของฟุมิกิจับแน่น "ฮิคาริถูกชาวประมงจับตัวไป เขาเพียงแค่โผล่มาดูดาวแล้วก็โดนอวนของมนุษย์จับได้ข้าพยายามช่วยแล้วแต่ว่า..."
          "อ้อ เงือกที่เจ้าพวกนั้นพูดถึงคือฮิคารินี้เอง" ฟุมิกิกล่าวรอบๆ ตัวปรากฏไอเย็นราวกับเข็มนับพันกำลังทิ่มแทงผิวทะลุไปยังวิญญาณ
          พริบตาเดียวฟุมิกิก็หายไปต่อหน้าต่อตาคราเคนกับเคียวยะ เธอมุ่งหน้าไปหาฮิคาริอย่างรวดเร็วพร้อมกับจิตมุ่งร้ายที่จะทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้า
          ...ขอโทษนะตาแก่ ข้ากลับมาทำให้มือเปื้อนเลือดอีกแล้ว
          ข้าจะฆ่าทุกคนที่ทำร้ายคนสำคัญของข้า!!
         ปราสาทโซกุน
         ร่างอ้วนท้วมในเสื้อผ้าหรูหรากำลังยืนพิจารณาเงือกหนุ่มที่โดนมัดตรงหน้า
          "ฮ่าๆ ใช่ได้เลย ถึงจะไม่ใช่ผู้หญิงแต่ก็ถือเป็นของดูเล่นได้ดีเลยทีเดียว" โซกุนหัวเราะจนพุงกระเพื่อม
          ฮิคาริจ้องมนุษย์ตรงหน้าและรอบๆ ด้วยความหวาดระแวงเมื่อมีใครจะเข้าใกล้ก็ฟาดหางใส่พร้อมขู่จะกัด ในหัวมีแต่ความสับสนที่จู่ๆ ก็โดนจับ
          "โฮ่! คิดจะทำร้ายเจ้านายของ้จ้าเรอะ ทหารเอาแส้มา!" โซกุนสั่งไม่นานแส้ก็ถูกส่งมาให้เขาจึงสะบัดฟาดใส่ฮิคาริทันที
         ฮิคาริร้องลั่นด้วยความเจ็บปวดพยายามจะดิ้นหนีแต่มีเชือกมัดตัวเอาไว้ทำให้หลบไม่ได้สะดวกเรื่องหนีก็อย่าหวัง โซกุนยิ้มเหี้ยมฟาดแส้ไม่ยั้งมือจนเกิดบาดแผลมากมายตาเนื้อตัว
         "เป็นแค่สัตว์ประหลาดโสโครกอย่ามากล้าหือกับข้า นี่แน่ะ!"
         เพี๊ยะ!!!
          "อ๊ากกกก!!!"
         เสียงกรีดร้องดังลั่นไปทั่วบริเวณ รอบๆ เกิดน้ำแข็งแช่แข็งปกคลุมพื้นที่พร้อมพายุหิมะขนาดย่อม บนพื้นมีแขนที่โดนตัดของโซกุนกลิ้งจมกองเลือดอยู่
          "คะ ใครกันที่กล้าทำร้ายท่านโซกุน!!"
         "นะ นั้น...ไม่จริงน้า มันลอยได้...ปีศาจ!!!"
         ทุกคนเงยหน้าขึ้นมองร่างเล็กของเด็กหญิงในชุดกิโมโนสีฟ้าอ่อน ผมสีเงินแกละสองข้างสะบัดพริ้วไหวตามแรงลม นัยน์ตากลมโตสีฟ้าเป็นนัยน์ตาของปีศาจและไอปีศาจอันแสนสยดสยอง
          ฟุมิกิร่อนลงเหยียบพื้นอย่างงดงามทุกคนต่างถอยร่นหนีด้วยความหวาดกลัว
          "เจ้าพวกมนุษย์ผู้โง่เขลา เจ้าไม่มีสิทธิ์มาข่มเหงรังแกเผ่าพันธ์อื่นที่แตกต่างจากเจ้า" ฟุมิกิกล่าวเสียงเรียบก้าวเท้าเหยียบแส้ที่โซกุนใช้ฟาดฮิคาริ "และเจ้าไม่มีสิทธิ์มาแตะต้องคนของข้า จงตายให้หมดซะ!!"
          สิ้นคำแท่งน้ำแข็งแหลมคมจำนวนมากก็พุ่งเข้าใส่ทุกคนในบริเวณนั้น เสียงกรีดร้องและเลือดสีแดงที่สาดกระเซ็นยิ่งทำให้ฟุมิกิยิ้มด้วยความพอใจ
          "เจ้ามนุษย์ผู้แสนโง่เอ๋ย เก่งจริงๆ ที่ทำให้ข้าโกรธได้ขนาดนี้" เธอยกมือขึ้นสร้างพายุหิมะขนาดใหญ่เมื่อลมพัดต้องใครคนนั้นก็ถูกแช่แข็งและเมือเธอดีดนิ้วทุกคนที่ถูกแช่แข็งก็แตกออกทันที
         "ท่านนักปราบปีศาจไปอยู่ไหนเนี่ย อ๊าก!!"
         ฟุมิกิที่ได้ยินก็ยกยิ้มเย็น "เจ้านักปราบเก๊นั้นโดนข้าฆ่าไปแล้ว ที่นี่พวกเจ้าก็จงสนุกกับความตายที่ข้ามอบให้แล้วกัน" เธอแช่แข็งทั่วทั้งปราสาทแล้วใช้ลมพายุพัดจนมันแตกหักพังทะลายในพริบตา
          หลังจากทำลายทุกสิ่งทุกอย่างเรียบร้อยฟุมิกิหันมาอุ้มฮิคาริที่สภาพสะบักสะบอมขึ้นแล้วพาหายไป
          "ทะ...ท่านฟุมิกิ..." ฮิคาริเรียกชื่อเธอสะดุ้งเมื่อนิ้วเรียวกำลังลูบไล้หน้าเธอ "ไม่เป็นไรหรอกครับ ข้าคงอยู่ได้ไม่นานแล้ว" เขาเอ่ยบอกเสียงเบา
         "ข้าดีใจที่ได้เจอหน้าท่านอีกครั้ง...อา ตอนนี้ท่านกำลังลอยอยู่บนท้องฟ้าสินะครับ ข้างบนวิวสะ...แค่ก! แค่ก! สวยมาก"
          ฟุมิกิเบิกตากว้างเมื่อเลือดกระเซ็นมาโดนแก้มเธอ "ฮิคาริอย่าพูด ข้าจะพาเจ้าไปส่งบ้านของเจ้า"
          "ฮะๆ ไม่ไหวแล้วล่ะครับ ข้าจะแตกสลายในไม่ช้าแล้ว"
         "ฮิคาริ..." เสียงฟุมิกิขาดหายไป "เจ้าเด็กเซ่อ ข้าบอกแล้วใช่มั๊ยว่าอย่าโผล่มาให้มนุษย์เห็นเจ้าไม่เคยเข็ดเลย"
          ฮิคาริยิ้มใช้นิ้วเกลี่ยน้ำตาออกจากหางตาให้ฟุมิกิ "ข้าขอโทษครับ แต่ข้าคิดถึงท่านมาก ทุกๆ วันอยากมาพบท่านอีกได้แต่อดทนและคอยขึ้นมาดูท้องฟ้าในยามค่ำคืนเผื่อจะคลายคิดถึง แต่ไม่เลย ข้าคิดถึงท่านมากกว่าเดิมเสียอีก" เขาโอบแขนกอดรอบคอของฟุมิกิซุกหน้ากับไหล่สูดดมกลิ่นหอมเย็นของเธอ
          "...เด็กโง่ เจ้าเงือกน้อยโง่เขลาที่สุด" ฟุมิกิว่าเสียงเครือเมื่อเริ่มสังเกตเห็นว่าฮิคาริกำลังจะสลายไปอย่างช้าๆ
          "ท่านฟุมิกิ...ข้าอยากโดนท่านล่อลวง ให้ข้าได้ตกหลุมรักท่านได้อยู่กับท่านได้รึเปล่าครับ"
          "ห๊า!? เจ้าพูดบ้าอะไรเนี่ย"
          ฮิคาริพองแก้ม "ข้าจริงจังนะครับ"
          ฟุมิกิหน้าแดง "ตามใจเจ้า"
           "ฮิๆ ดีใจจังเลยครับท่านฟุมิกิ"
          ในตอนนั้นเองฮิคาริก็สลายกลายเป็นพองอากาศล่องลอยล้อมรอบตัวฟุมิกิแล้วแตกในที่สุด
          "ฮึก! ฮือๆ ฮือๆ ฮือๆ "
          "อ๊าาาาาาาาาาาา!!!! ฮือๆ ฮืออออออออออ"
          ในวันนั้นมีผู้คนได้ยินเสียงกรีดร้องของภูตหิมะดังก้องไปทั่ว เป็นเสียงที่ทรมานกรีดลงหัวใจ และไม่มีใครสามารถจับตัวคนร้ายที่ทำลายปราสาทจนพังพินาทได้
         มีคนเล่าว่าเป็นฝีมือของภูตหิมะที่ไปชิงตัวเงือกที่ทำลายปราสาทจนสิ้น เสียงกรีดร้องโหยหวนที่ได้ยินวันนั้นก็คือเสียงของภูตหิมะที่โศกเศร้าจากการสูญเสียเงือกไป และเรื่องราวนั้นได้กลายเป็นนิทานเรื่องเล่าแสนน่ากลัวสำหรับหรอกเด็กที่เล่นหิมะไม่ยอมกลับบ้านเสียว่า จะโดนภูตหิมะลักพาตัวหากอยู่เล่นจนดึกดื่น
          มันก็เป็นเพียงแค่เรื่องเล่าที่ถูกปรุงแต่งไปเรื่อยเท่านั้น เชื่อมากไปก็ไม่ดีต่อตัว

           End.


    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×