ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ปิดภาคเรียนฤดูร้อน
เช้าวันแรกของปิดเทอมฤดูร้อนปี 2002 เดือนเมษายน เด็กชายที่อาศัยอยู่ ณ บ้านแสนสุขแห่งนี้มาเป็นเวลาสิบหกปี เขาคือบุตรชายคนแรกของครอบครัว สมิต ครอบครัวของเขามีด้วยกันทั้งหมดห้าคนกล่าวคือ โจแอน ผู้เป็นย่า โจ ผู้เป็นพ่อ ซาร่า หรือแม่ เลศ ผู้เป็นน้องสาวคนเล็กของครอบครัว และโจอี้ ลูกชายคนโตของครอบครัว
    ชีวิตของเขาก็เหมือนเด็กหนุ่มธรรมดาคนหนึ่ง ว่างเมื่อไหร่ก็นัดเพื่อนๆออกไปเตะบอล บ้างก็ออกไปดูหนังกับเพื่อนๆ แต่ที่แตกต่างออกไปก็คือ เขาจะต้องมาดูแลร้านของเขาทุกๆวันซึ่งเป็นกิจการที่ครอบครัวได้ฝากฝังเอาไว้ บ้านของเขาตั้งอยู่บนถนนแห่งหนึ่งในกรุงลอนดอน เป็นบ้านหลังเล็กๆหลังหนึ่ง และที่สำคัญบ้านของเขาเองนั้นแหละคือที่ทำงานของเขาเอง
    “โจอี้ ไปรับดอกไม้จากคุณมากาเร็ตหรือยัง” โจ สมิตถามขณะที่เขากำลังนับเงินที่เครื่องจ่ายเงิน
    “อ้อรับแล้วครับ เดี๋ยวพ่อจะให้ผมเอากระถางไว้ตรงไหน” โจอี้ตาโต จมูกโด่งผมสีน้ำตาลเหลือบทองเล็กน้อย ถือกระถางเดินไปมาบริเวณหน้าร้าน
    “เอาไว้ตรงหน้าร้านนั้นแหละ ด้านขวานะ”
    โจอี้อาศัยอยู่ที่นี่เป็นเวลาสิบหกปีแล้ว ร้านของเขาก็คือร้านขายดอกไม้ กิจการนี้เปิดมาเป็นเวลาร่วมร้อยปี ร้านขายดอกไม้หรือบ้านของเขาจึงมีประวัติมาตั้งแต่สมัยยุคขายดอกไม้แรกๆของคุณทวดของตระกูล ร้านของเขามักจะเป็นร้านที่ผู้คนเดินสวนไปมา แต่ผู้คนส่วนใหญ่ที่จะซื้อก็มักจะเป็นลูกค้าเก่าแก่ที่รู้จักกันมานานตั้งแต่สมัยคุณปู่เลยก็ว่าได้ และลูกค้าส่วนใหญ่เองก็มักจะโทรสั่งดอกไม้ รวมไปถึงคุณป้ามิเชล
    “สวัสดีจ๊ะโจอี้” คุณป้ามิเชล ถือตระกร้าสานด้วยต้นก๊ก หยุดทักเขาขณะที่เขากำลังหันหลังเพื่อวางกระถางต้นไม้
    “อ้อ....สวัสดีครับคุณป้า วันนี้มาเช้าจังเลยนะครับ”เขากล่าวทัก
    “ใช่จ๊ะ ต้องรีบมาเดี๋ยวฝนจะตกเอา” หญิงแก่วัยกลางคนขยับแว่นเล็กน้อย ใบหน้ายิ้มแย้ม
    “แล้ววันนี้จะรับดอกอะไรดีล่ะครับ” เขาเอามือที่เปื้อนน้ำเช็ดที่ผ้ากันเปื้อนที่หน้าตักของตัวเอง
    “ก็ดอกกุหลาบเหมือนเดิมจ๊ะ วันนี้ขอเป็นสีขาวละกันนะจ๊ะ”
    “อ้อได้ครับ”
    คุณป้ามิเชลอาศัยอยู่ตรงข้ามกับบ้านของโจอี้ เขาเป็นคนดูแลบ้านหลังนี้ ซึ่งบ้านหลังนี้เป็นบ้านหลังที่ใหญ่มาก ใหญ่มากพอที่จะเลี้ยงฟาร์มเลี้ยงสัตว์ เขาไม่รู้หรอกว่าบ้านหลังนี้เป็นบ้านของใคร และเขาเองก็ไม่รู้อีกเช่นกันว่าหลังกำแพงสีขาวที่ตั้งตระหง่านอยู่มานับสิบปีนี้มีอะไรอยู่เบื้องหลัง เขาเองไม่เคยนึกที่จะสงสัยเลยว่าบ้านหลังนี้มีอายุสักเท่าไหร่กัน เขารู้แต่เพียงว่าเขาเห็นบ้านหลังนี้มาตั้งแต่เกิดและไม่เคยเห็นผู้คนเดินเข้าออกจากบ้านเลยแม้แต่คนเดียว ยกเว้นป้ามิเชล 
    “นี่ครับ สิบห้าปอนด์เหมือนเดิมครับ” เขายื่นดอกกุหลาบหนึ่งช่อที่มีดอกทั้งหมดเก้าดอกให้แก่มิเชล
    “จ๊ะ....ปิดเทอมแล้วซินะ” มิเชลรับดอกไม้แล้วเปิดตระกล้าใส่
    “อ้อ ครับ.....ปิดแล้ว”
    และแล้วป้ามิเชลก็เดินออกจากร้านไป แต่ตัวเขายังคงยืนงงงันอยู่ที่หน้าร้านของเขาเองและยังคงพยายามที่จะมองผ่านกำแพงสีขาวนั้น แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้ผล ทันใดนั้นเอง
    “โจอี้....เห้ยโจอี้ วันนี้ไปดูหนังกันป่าว” แสตนลูกชายคนเดียวของตระกูลสมาร์ต เจ้าของโรงงานผลิตช๊อกโกแลตยี่ห้อสมาร์ต ขับมอร์เตอร์ไซด์มาเทียบบริเวณหน้าบ้าน
    “อ่าวแสตน ว่าไงวันนี้เหรอ สงสัยคงไม่ได้เอาไว้วันหลังได้ไหม” เขาก้าวเท้าไปประชิดกับมอเตอร์ไซด์ของแสตน
    “อืมได้ซิ....นึกว่าจะว่าง วันนี้พ่อฉันให้ไปโรงงานด้วยละ ฉันไม่อยากจะไปเลย ฉันเลยมาชวนนายออกไปเที่ยว” เขาทำถ้ากระซิบๆกับโจอี้
    “ก็เอางี้ไหม อยู่ร้านกับฉันไง มาช่วยฉันดูร้านและขายของ” เขายื่นข้อเสนอ
    “ดีดี ฉันอยู่ที่ร้านนายนี้แหละ”
    เวลาผ่านไปสองชั่วโมง ผู้คนที่ผ่านไปผ่านมารวมไปถึงโทรศัพท์ที่ดังไม่ขาดสาย ต่างก็สั่งและซื้อของที่ร้านจำนวนมาก พวกเขาสองคนขายดอกไม้ได้เงินเป็นกอบเป็นกำ และแล้วเวลาก็ผ่านไปจนกระทั่งเที่ยงวัน ซึ่งเป็นเวลาพักกลางวัน เขาทั้งสองจึงปล่อยวางงานให้กับคุณพ่อโจเป็นผู้ดูแลร้านต่อ เขาทั้งสองจึงเดินลัดเลาะไปบนถนนอ๊อกฟอร์ด 
    “นี่...ฉันมีเรื่องจะถามนายเรื่องหนึ่ง แต่ไม่รู้ว่านายจะรู้รึเปล่า”โจอี้เริ่มคำถามแรกพร้อมกับรออาหารที่กำลังสั่งมา
    “ว่ามา มีเรื่องอะไรบ้างที่ฉันจะตอบไม่ได้บ้างล่ะ” แสตนผู้ที่มีผลการเรียนไม่ต่ำกว่าสี่จุดศูนย์ๆในแต่ละเทอมตอบ
    “ฉันสงสัยว่า บ้านที่อยู่ตรงข้ามกับร้านของฉันนี่มันเป็นบ้านของใคร”เขาเลิกตาขึ้นอันเป็นว่าแสตนจำต้องหยุดชะงักเล็กน้อย
    “นี่นายอยู่บ้านหลังนี้มาตั้งนาน นายไม่รู้หรอกเหรอว่านั้นบ้านของใคร” เขาตอบพลางเอามือขึ้นมาเท้าคาง
    “ก็อืม....แล้วตกลงบ้านหลังนั้นเป็นบ้านของใครเหรอ”
    “ก็ เป็นบ้านของคาราเมลไง”
    “คาราเมลงั้นหรอกเหรอ ใช่ผู้ที่ผลิตช๊อกโกแลตเหมือนบ้านนายใช่รึเปล่า”
    “ใช่......นั้นแหละ คู่แข่งเลยทีเดียว แต่เขาว่ากันว่าลูกสาวของนายวสันสวยมากเลยล่ะ” แสตนทำหน้าทะเล้น
    “อย่างนั้นเหรอ แต่ฉันอยู่มาฉันไม่ยักจะเห็นว่ามีคนเดินออกจากบ้านหลังนี้สักเท่าไหร่ ถึงแม้จะมีคนขับรถเข้าบ้านก็เหอะ รถเองก็ปิดฟิล์มซะหนาดำทึบ ก็มองไม่เห็นอยู่ดีว่าใคร นอกเสียจากป้ามิเชลเท่านั้นที่เดินเข้าเดินออกจากบ้านหลังนั้น” เขาอธิบายให้แสตนฟัง
    “อย่างนั้นเหรอ”
    “แล้วนายรู้ไหมว่า ลูกสาวเขาชื่ออะไร”
    “โรส......คาราเมลโรส” แสตนกล่าว
    “คาราเมลโรสงั้นเหรอ” เขาย่ำกับตัวเองอีกครั้งในใจ
                                                                                ---คาราเมล โรส---
    ชีวิตของเขาก็เหมือนเด็กหนุ่มธรรมดาคนหนึ่ง ว่างเมื่อไหร่ก็นัดเพื่อนๆออกไปเตะบอล บ้างก็ออกไปดูหนังกับเพื่อนๆ แต่ที่แตกต่างออกไปก็คือ เขาจะต้องมาดูแลร้านของเขาทุกๆวันซึ่งเป็นกิจการที่ครอบครัวได้ฝากฝังเอาไว้ บ้านของเขาตั้งอยู่บนถนนแห่งหนึ่งในกรุงลอนดอน เป็นบ้านหลังเล็กๆหลังหนึ่ง และที่สำคัญบ้านของเขาเองนั้นแหละคือที่ทำงานของเขาเอง
    “โจอี้ ไปรับดอกไม้จากคุณมากาเร็ตหรือยัง” โจ สมิตถามขณะที่เขากำลังนับเงินที่เครื่องจ่ายเงิน
    “อ้อรับแล้วครับ เดี๋ยวพ่อจะให้ผมเอากระถางไว้ตรงไหน” โจอี้ตาโต จมูกโด่งผมสีน้ำตาลเหลือบทองเล็กน้อย ถือกระถางเดินไปมาบริเวณหน้าร้าน
    “เอาไว้ตรงหน้าร้านนั้นแหละ ด้านขวานะ”
    โจอี้อาศัยอยู่ที่นี่เป็นเวลาสิบหกปีแล้ว ร้านของเขาก็คือร้านขายดอกไม้ กิจการนี้เปิดมาเป็นเวลาร่วมร้อยปี ร้านขายดอกไม้หรือบ้านของเขาจึงมีประวัติมาตั้งแต่สมัยยุคขายดอกไม้แรกๆของคุณทวดของตระกูล ร้านของเขามักจะเป็นร้านที่ผู้คนเดินสวนไปมา แต่ผู้คนส่วนใหญ่ที่จะซื้อก็มักจะเป็นลูกค้าเก่าแก่ที่รู้จักกันมานานตั้งแต่สมัยคุณปู่เลยก็ว่าได้ และลูกค้าส่วนใหญ่เองก็มักจะโทรสั่งดอกไม้ รวมไปถึงคุณป้ามิเชล
    “สวัสดีจ๊ะโจอี้” คุณป้ามิเชล ถือตระกร้าสานด้วยต้นก๊ก หยุดทักเขาขณะที่เขากำลังหันหลังเพื่อวางกระถางต้นไม้
    “อ้อ....สวัสดีครับคุณป้า วันนี้มาเช้าจังเลยนะครับ”เขากล่าวทัก
    “ใช่จ๊ะ ต้องรีบมาเดี๋ยวฝนจะตกเอา” หญิงแก่วัยกลางคนขยับแว่นเล็กน้อย ใบหน้ายิ้มแย้ม
    “แล้ววันนี้จะรับดอกอะไรดีล่ะครับ” เขาเอามือที่เปื้อนน้ำเช็ดที่ผ้ากันเปื้อนที่หน้าตักของตัวเอง
    “ก็ดอกกุหลาบเหมือนเดิมจ๊ะ วันนี้ขอเป็นสีขาวละกันนะจ๊ะ”
    “อ้อได้ครับ”
    คุณป้ามิเชลอาศัยอยู่ตรงข้ามกับบ้านของโจอี้ เขาเป็นคนดูแลบ้านหลังนี้ ซึ่งบ้านหลังนี้เป็นบ้านหลังที่ใหญ่มาก ใหญ่มากพอที่จะเลี้ยงฟาร์มเลี้ยงสัตว์ เขาไม่รู้หรอกว่าบ้านหลังนี้เป็นบ้านของใคร และเขาเองก็ไม่รู้อีกเช่นกันว่าหลังกำแพงสีขาวที่ตั้งตระหง่านอยู่มานับสิบปีนี้มีอะไรอยู่เบื้องหลัง เขาเองไม่เคยนึกที่จะสงสัยเลยว่าบ้านหลังนี้มีอายุสักเท่าไหร่กัน เขารู้แต่เพียงว่าเขาเห็นบ้านหลังนี้มาตั้งแต่เกิดและไม่เคยเห็นผู้คนเดินเข้าออกจากบ้านเลยแม้แต่คนเดียว ยกเว้นป้ามิเชล 
    “นี่ครับ สิบห้าปอนด์เหมือนเดิมครับ” เขายื่นดอกกุหลาบหนึ่งช่อที่มีดอกทั้งหมดเก้าดอกให้แก่มิเชล
    “จ๊ะ....ปิดเทอมแล้วซินะ” มิเชลรับดอกไม้แล้วเปิดตระกล้าใส่
    “อ้อ ครับ.....ปิดแล้ว”
    และแล้วป้ามิเชลก็เดินออกจากร้านไป แต่ตัวเขายังคงยืนงงงันอยู่ที่หน้าร้านของเขาเองและยังคงพยายามที่จะมองผ่านกำแพงสีขาวนั้น แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้ผล ทันใดนั้นเอง
    “โจอี้....เห้ยโจอี้ วันนี้ไปดูหนังกันป่าว” แสตนลูกชายคนเดียวของตระกูลสมาร์ต เจ้าของโรงงานผลิตช๊อกโกแลตยี่ห้อสมาร์ต ขับมอร์เตอร์ไซด์มาเทียบบริเวณหน้าบ้าน
    “อ่าวแสตน ว่าไงวันนี้เหรอ สงสัยคงไม่ได้เอาไว้วันหลังได้ไหม” เขาก้าวเท้าไปประชิดกับมอเตอร์ไซด์ของแสตน
    “อืมได้ซิ....นึกว่าจะว่าง วันนี้พ่อฉันให้ไปโรงงานด้วยละ ฉันไม่อยากจะไปเลย ฉันเลยมาชวนนายออกไปเที่ยว” เขาทำถ้ากระซิบๆกับโจอี้
    “ก็เอางี้ไหม อยู่ร้านกับฉันไง มาช่วยฉันดูร้านและขายของ” เขายื่นข้อเสนอ
    “ดีดี ฉันอยู่ที่ร้านนายนี้แหละ”
    เวลาผ่านไปสองชั่วโมง ผู้คนที่ผ่านไปผ่านมารวมไปถึงโทรศัพท์ที่ดังไม่ขาดสาย ต่างก็สั่งและซื้อของที่ร้านจำนวนมาก พวกเขาสองคนขายดอกไม้ได้เงินเป็นกอบเป็นกำ และแล้วเวลาก็ผ่านไปจนกระทั่งเที่ยงวัน ซึ่งเป็นเวลาพักกลางวัน เขาทั้งสองจึงปล่อยวางงานให้กับคุณพ่อโจเป็นผู้ดูแลร้านต่อ เขาทั้งสองจึงเดินลัดเลาะไปบนถนนอ๊อกฟอร์ด 
    “นี่...ฉันมีเรื่องจะถามนายเรื่องหนึ่ง แต่ไม่รู้ว่านายจะรู้รึเปล่า”โจอี้เริ่มคำถามแรกพร้อมกับรออาหารที่กำลังสั่งมา
    “ว่ามา มีเรื่องอะไรบ้างที่ฉันจะตอบไม่ได้บ้างล่ะ” แสตนผู้ที่มีผลการเรียนไม่ต่ำกว่าสี่จุดศูนย์ๆในแต่ละเทอมตอบ
    “ฉันสงสัยว่า บ้านที่อยู่ตรงข้ามกับร้านของฉันนี่มันเป็นบ้านของใคร”เขาเลิกตาขึ้นอันเป็นว่าแสตนจำต้องหยุดชะงักเล็กน้อย
    “นี่นายอยู่บ้านหลังนี้มาตั้งนาน นายไม่รู้หรอกเหรอว่านั้นบ้านของใคร” เขาตอบพลางเอามือขึ้นมาเท้าคาง
    “ก็อืม....แล้วตกลงบ้านหลังนั้นเป็นบ้านของใครเหรอ”
    “ก็ เป็นบ้านของคาราเมลไง”
    “คาราเมลงั้นหรอกเหรอ ใช่ผู้ที่ผลิตช๊อกโกแลตเหมือนบ้านนายใช่รึเปล่า”
    “ใช่......นั้นแหละ คู่แข่งเลยทีเดียว แต่เขาว่ากันว่าลูกสาวของนายวสันสวยมากเลยล่ะ” แสตนทำหน้าทะเล้น
    “อย่างนั้นเหรอ แต่ฉันอยู่มาฉันไม่ยักจะเห็นว่ามีคนเดินออกจากบ้านหลังนี้สักเท่าไหร่ ถึงแม้จะมีคนขับรถเข้าบ้านก็เหอะ รถเองก็ปิดฟิล์มซะหนาดำทึบ ก็มองไม่เห็นอยู่ดีว่าใคร นอกเสียจากป้ามิเชลเท่านั้นที่เดินเข้าเดินออกจากบ้านหลังนั้น” เขาอธิบายให้แสตนฟัง
    “อย่างนั้นเหรอ”
    “แล้วนายรู้ไหมว่า ลูกสาวเขาชื่ออะไร”
    “โรส......คาราเมลโรส” แสตนกล่าว
    “คาราเมลโรสงั้นเหรอ” เขาย่ำกับตัวเองอีกครั้งในใจ
                                                                                ---คาราเมล โรส---
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น