ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Special Ones

    ลำดับตอนที่ #20 : - ฝัน...ถึงห้วงเวลาที่ผ่านเลยมาแล้ว - "ทำไมจะไม่ได้เล่า"

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.56K
      2
      31 ต.ค. 53

    - ฝัน...ถึงห้วงเวลาที่ผ่านเลยมาแล้ว -

    ทำไมจะไม่ได้เล่า

     

                วิลเลียมยังคงฝันถึงเหตุการณ์ในอดีตที่เขาลืมไปอยู่เนื่องๆ

                เขาในวัยเด็กมักเถียงกับเด็กหญิงชุดขาวนั้น บางครั้งก็ทะเลาะกันด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องที่พอตื่นขึ้นมาย้อนนึกถึงแล้ว ก็คิดว่าช่างน่าขำและแลเป็นเด็กเสียเหลือเกิน แต่เพราะความเยาว์นี้เองที่ทำให้เด็กทั้งสองกลับมาคืนดีกันอย่างรวดเร็วเสมอๆ เนื่องจากมีกันอยู่แค่นั้น ถ้าไม่คุยกับอีกคนก็ไม่มีใครอื่นให้คุยด้วย สุดท้ายก็ต้องยอมลงให้กัน

                แคสซานดรามักมีเวทมนตร์บทใหม่ๆ มาอวดเขาตลอด นอกจากเวทโจมตีแบบต่างๆ ที่นางตั้งใจฝึกฝนให้เก่งแล้ว เด็กหญิงยังไปขอให้อาจารย์สอนเวทเสริมพลังให้ด้วย ในการฝึกช่วงต่อมาวิลเลียมจึงไม่ลำบากเหมือนครั้งแรกๆ อีก ด้วยฤทธิ์ของเวทมนตร์ที่ช่วยเสริมความสามารถให้ชั่วคราว เขาก็ทำอะไรได้มากมายอย่างที่ไม่เคยคิดว่าตนจะทำได้มาก่อน ทั้งความเร็ว พละกำลัง และความแม่นยำที่เพิ่มขึ้น ทำให้วิลเลียมรู้สึกเหมือนเป็นคนใหม่

                ทว่ามนตราเหล่านั้นก็อยู่ในชั่วคราวเท่านั้น วิลเลียมจึงไม่สามารถพึ่งพาพลังนี้ได้ในยามอื่นที่ไม่มีแคสซานดราอยู่ด้วย เขายังคงต้องพยายามหาทางฝึกวิชาดาบของเขาให้เก่งขึ้นเช่นเดิม เพราะถ้าขืนฝึกตามใจเด็กหญิงไป นางคงเป็นฝ่ายได้ฝึกเวทที่ต้องการอยู่ฝ่ายเดียว ส่วนเขาก็กลายเป็นคนช่วยเหลือนางเท่านั้น ดังนั้นวิลเลียมก็ขอแยกตัวออกไปฝึกตามลำพังในบางครั้ง

                ในบางวัน เด็กชายก็จะเอาเรื่องที่เกิดขึ้นที่โรงเรียนมาเล่าให้เด็กหญิงฟัง บ้างก็ทำไปเพราะอยากให้นางช่วยรักษาแผลที่เพิ่งได้มาให้ บ้างก็ทำไปเพราะอยากบ่นหรืออยากระบายเท่านั้น

                แคสซานดรามักจะรับฟังเรื่องที่เขาเล่าอย่างสนใจ แต่ก็มีหลายครั้งที่นางดูจะไม่เข้าใจนัก เด็กหญิงมักถามทำนองว่า

                ถ้าเจ้าไม่ชอบโรงเรียนนั่น ก็ไม่เห็นต้องไปเลยนี่

                แล้วเขาก็ต้องพยายามอธิบายไปว่า เขาจำเป็นต้องไปโรงเรียนเพราะมีเหตุผลใดบังคับบ้าง

                ทำไมเจ้าไม่ร่ายเวทสาปเด็กนั่นไปเลยล่ะ

                แล้ววิลเลียมก็ต้องตอบไปว่า เขาร่ายเวทสาปแช่งไม่เป็น จะให้เอาดาบไปฟันใส่หมอนั่นตอนทีเผลอก็ไม่สมศักดิ์ศรีเท่าใดนัก เรื่องแบบนี้ต้องหาทางเอาคืนกันซึ่งๆ หน้า

                บางครั้ง แคสซานดราฟังคำตอบแล้วก็จะเงียบไป เหมือนนางจะเก็บสิ่งที่เขาพูดไปคิดพิจารณา แต่ในบางครั้ง นางก็จะตั้งแง่ไม่ยอมรับ แล้วบอกกลับมาว่า

                ทำไมจะไม่ได้เล่า

                นั่นเหมือนจะเป็นคำพูดติดปากของนางประโยคหนึ่งในช่วงนั้น

                วิลเลียมต้องใช้ความพยายามในการทำความเข้าใจเพื่อนคนนี้อย่างยิ่ง ตั้งแต่ครั้งแรกที่พบนาง เขาก็ว่าเด็กหญิงดูคล้ายกับอยู่เหนือโลกีย์วิสัยมนุษย์ทั่วไปอยู่แล้ว พอยิ่งได้คุยกันก็ยิ่งได้เห็นจุดนี้ชัดเจนยิ่งขึ้น นางใช่จะไม่เข้าใจเรื่องทางโลกเลย แต่ก็รู้เพียงแค่ว่าอะไรเป็นอะไรตามนิยามของมันเท่านั้นเอง ถ้าเป็นเรื่องบริบททางสังคม หรือการที่ต้องทำอะไรที่ไม่อยากทำ เพราะถูกสถานการณ์หรือคนอื่นบังคับมา แคสซานดราจะแสดงอาการไม่เข้าใจออกมาให้เห็นอย่างแจ่มชัด ยิ่งเรื่องศักดิ์ศรีลูกผู้ชายหรือการทำตามกรอบกติกาทั้งหลาย เด็กหญิงฟังแล้วก็ต้องเอากลับไปขบคิดอยู่นาน แต่ก็ไม่เคยบอกหรือแสดงอาการว่า เข้าใจเรื่องพวกนั้นดีขึ้นเลย

                นางคงเติบโตขึ้นมาในสภาพแวดล้อมพิเศษอีกแบบหนึ่งที่ไม่เหมือนเขาหรือคนทั่วไปจึงได้มีอุปนิสัยเช่นนี้... วิลเลียมสันนิษฐานไว้ดังนั้น

                มีข้อหนึ่งซึ่งเด็กหญิงที่มักจับโกหกเขาได้กลับมองไม่ออก ดูเหมือนแคสซานดราจะเข้าใจว่าเขาเป็นนักดาบที่มีฝีมือดีและเก่งกาจในแนวทางของเขาเช่นเดียวกับที่นางเก่งในฐานะผู้ใช้เวท วิลเลียมไม่ทราบเช่นกันว่าทำไมนางถึงคิดเช่นนั้นได้ ถึงแม้เขาจะชอบพูดปกปิดความผิดพลาดของตนเองตามประสาเด็กชายที่กลัวเสียมาดอยู่บ้าง แต่ถ้อยคำที่มากเกินจำเป็นเหล่านั้น และฝีมือระดับพื้นๆ ที่ปรากฏให้เห็นอยู่ทุกครั้งที่ต้องแสดงออกมา ก็น่าจะเป็นหลักฐานบ่งชี้ให้เห็นแล้วไม่ใช่หรือว่า เขาไม่ใช่นักดาบที่ได้เรื่องสักเท่าใด หากแต่ในสายตาของเด็กหญิง เขาก็ยังดูเป็นเพื่อนที่สมฐานะดีเช่นเดิม

                พอวิลเลียมเล่าเรื่องที่โดนเพื่อนเอาเปรียบ หรืออาจารย์เขม่นให้ฟัง เพื่อหวังจะบอกอ้อมๆ ให้นางรู้ว่า คนอื่นไม่ได้เห็นเขาเก่งอย่างที่นางคิดหรอก แคสซานดราก็จะยังคงอยู่ข้างเขา และสรรหาสารพัดวิธีมาช่วยตอกกลับพวกเพื่อนหรืออาจารย์อีกด้วย ทว่าแต่ละวิธีที่นางคิดมา ถ้าไม่ต้องอาศัยทักษะดาบที่เหนือกว่าที่เขามีหลายขั้นในการย้อนกลับไป ก็ต้องอาศัยคำสาปแช่งหรือกลยุทธที่ชั่วร้ายกว่านั้น ซึ่งวิลเลียมก็ไม่สามารถปฏิบัติได้สักทาง อย่างไรก็ตาม ฟังที่นางคิดมาแล้วก็สนุกดีเหมือนกัน

                สุดท้าย...วิลเลียมก็ได้รู้ว่า หากไม่ยอมสารภาพหรือบอกออกไปตรงๆ เขาคงไม่มีทางเปลี่ยนความคิดว่าเขาเป็นนักดาบผู้มีฝีมือชาญฉกาจที่ฝังอยู่ในหัวของเด็กหญิงได้ เด็กชายจึงวางมาดทำเป็นเก่งต่อไป ด้วยความหวังว่าสักวันเขาคงเก่งอย่างที่นางคิดได้จริงๆ หรือถ้าวันใดความแตกขึ้นมา เขาก็คงไม่มีอะไรต้องขอโทษหรือเสียใจหรอก เพราะเขาก็พยายามบอกนางด้วยหลายวิธีแล้วนี่นา

                แรกทีเดียววิลเลียมก็รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจอยู่บ้างที่เด็กหญิงนั้นมีฝีมือการใช้เวทสูงส่งกว่าเขาจนแทบเทียบไม่ติด แม้นางจะเป็นแม่มดอายุเยาว์คนเดียวที่เขารู้จัก แต่เขาก็คิดว่า นางคงเก่งกว่าคนอื่นอยู่มาก แค่เห็นฝีมือของนางที่พัฒนาขึ้นไม่มีหยุด และเวทมนตร์บทใหม่ๆ ที่นางเอามาใช้อยู่ทุกวันก็พอจะเดาได้แล้ว แต่พอคิดต่อไปว่า แคสซานดราก็เป็นเพื่อนเขาไม่ใช่หรือ ถ้ามีเพื่อนเก่งๆ แบบนี้ก็คงพึ่งพานางได้ในภายภาคหน้า ดังนั้นเมื่อเห็นนางเก่งกาจเช่นนี้ก็ควรยินดีด้วย

                เด็กชายคิดว่า อาจารย์ของนางก็คงเก่งมากเช่นกัน แต่เขาไม่เคยถามนางเกี่ยวกับผู้ฝึกสอนวิชาของนางมากนัก เพราะคิดว่า ถ้านางอยากเล่าให้ฟังก็คงจะเล่าเอง หนึ่ง และเขาเองก็ไม่อยากเล่าเรื่องครอบครัวหรือผู้ปกครองให้นางฟัง อีกหนึ่ง เรื่องที่เขาเล่าก็มีแต่เรื่องเพื่อนหรือเรื่องที่โรงเรียนเท่านั้น

                แคสซานดราเองก็ไม่เคยถามไปไกลถึงเรื่องครอบครัว นางอยากรู้อยากเห็นก็แค่เรื่องที่เขาเคยเล่าให้ฟังอยู่แล้ว แค่อยากรู้ลึกลงไปเท่านั้น มิได้ขยายขอบเขตให้กว้างขึ้น วิลเลียมจึงสบายใจที่จะอยู่กับนาง

                เวลาที่เด็กทั้งสองอยู่ด้วยกันนั้นก็เหมือนไม่จำเป็นต้องถามความเป็นมาให้วุ่นวาย เพียงแค่ฝึกวิชา พูดคุยสนทนา หรือทะเลาะกันบ้างก็เท่านั้นเอง

                ระยะหลังมานี่วิลเลียมมีความคิดใหม่ อยากให้นางลองร่ายคำสาปถ่วงเขาให้เคลื่อนที่ได้ช้าลงแทนที่จะร่ายมนตร์สนับสนุนดูบ้าง เด็กชายบอกว่า ถ้าฝึกกับสภาพแบบนี้จนสามารถเคลื่อนไหวได้เหมือนคนปรกติได้ ยามที่ถอนคำสาปออกไปแล้ว เขาก็น่าจะเคลื่อนที่ได้เร็วขึ้น

                เด็กหญิงก็ไม่ขัดข้องอะไร นางเองก็อยากลองคำสาปแปลกๆ บ้างเช่นกัน จึงนั้นจึงไปขอให้อาจารย์ช่วยสอน แล้วร่ายคำสาปใส่ให้ตามที่เด็กชายต้องการ

                วิลเลียมต้องฝึกอยู่นานกว่าจะเริ่มคุ้นเคยกับคำสาป ทว่าเมื่อถึงตอนนั้นแล้ว คำสาปของแคสซานดราก็จะยิ่งรุนแรงมากขึ้น ยังดีที่นางบอกคาถาถอนคำสาปนี้แบบง่ายๆ ให้เขาไว้โดยเฉพาะด้วย

                “อาจารย์บอกว่า ถ้าจะให้ฝึกอย่างนี้ให้ได้ผลดีก็ต้องให้คำสาปดำรงอยู่ตลอดเวลา ใช้ชีวิตประจำวันควบคู่ไปพร้อมๆ กับคำสาป เริ่มต้นเบาๆ แล้วหนักขึ้นไปเรื่อยๆ แต่ท่านก็บอกให้ข้าสอนคาถาถอนคำสาปให้เจ้าเผื่อฉุกเฉินด้วย”

                แคสซานดราอ้างว่าอย่างนั้น เขาจึงต้องยอมทำตาม

                ถึงแม้จะเหนื่อยยากหรือต้องประสบความลำบากอยู่บ้างก็ตาม ช่วงเวลาแห่งการฝึกวิชาในป่าของวิลเลียมก็ยังถือเป็นช่วงเวลาพิเศษที่อยู่เหนือช่วงเวลาอื่นออกไป เป็นเวลาที่เขาอยากให้ยืดหรือขยายออกไปนานๆ ทว่าความจริงของโลกก็ยังดำเนินอยู่ พระอาทิตย์ยังคงเคลื่อนที่ผ่านศีรษะไปเร็วเท่าเดิม และอีกไม่นานการสอบคัดเลือกเข้าเป็นทหารองครักษ์ก็จะมาถึงแล้ว หากเขาไม่รีบทำอะไร คงไม่มีทางรอดแน่ๆ

                วิลเลียมกำลังคิดถึงอนาคต... ถ้าหากเขาผ่านการสอบก็คงมีเวลาน้อยลง ได้ยินมาว่าพอเป็นทหารองครักษ์แล้วก็จะเรียนและฝึกหนักขึ้นมาก คงไม่มีเวลาช่วงเย็นมาฝึกที่ป่าแห่งนี้อีก

                แต่ถ้าเขาสอบตก เขาก็ไม่รู้ว่าเจ้าชายอาเธอร์จะว่าอย่างไร ทั้งยังไม่ทราบแม้แต่ว่าเขาควรเอาชีวิตไปทำอะไรต่อดี เมื่อนั้นแล้วเขาคงไม่กล้าสู้หน้าใครที่ไหน แม้แต่แคสซานดราที่ดีกับเขาขนาดนี้ก็ตาม

                กระนั้น เขาก็ยังอยากทำให้เป็นที่ระลึกถึงกันบ้าง ต่อให้เขาจะได้กลับมาที่ป่าแห่งนี้หรือไม่ก็ตาม ไม่ในอนาคตอาจจะต้องผิดหวังหรือเสียใจ เขาก็อยากจดจำช่วงเวลานี้เอาไว้ตราบนานเท่านาน

                ...

                วิลเลียมย้อนนึกถึงความฝันที่ผ่านมาหลายคืนนั้นแล้วก็รู้สึกสับสนยากบรรยาย เหตุการณ์ในวัยเด็กเหล่านั้นชวนให้รำลึกถึงและอยากย้อนเวลากลับไปอยู่เสียจริง ทว่า...หากนั่นเป็นเรื่องที่เขาคิดอยากจดจำเอาไว้เสียขนาดนั้น ทำไมเขาถึงลืมมันไปได้เล่า

                อีกทั้ง แคสซานดราในปัจจุบันก็ไม่ใช่เด็กหญิงที่ชอบแต่งชุดยาวสีขาวคนเดิมที่เขาเคยรู้จัก นอกจากลักษณะภายนอกแล้ว ความรู้เท่าทันโลกของนางก็ดูจะเปลี่ยนไปมากทีเดียว จากเดิมที่เป็นเด็กซึ่งมุ่งมั่นฝึกวิชาเรียนรู้ศาสตร์แห่งเวทมนตร์อย่างเดียว ตอนนี้นางกลายเป็นแม่มดดำผู้ยิ่งใหญ่และมีส่วนแบ่งในกิจการร้านค้าของลูซแวร์อยู่มากมาย ยังดีที่พอคุยกับนางแล้วก็ยังคงพบบุคลิกของเพื่อนเก่าในอดีตอยู่ นางไม่ได้เปลี่ยนไปเสียทั้งหมด

                เมื่อนึกดูแล้ว ตัวเขาเองก็เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนมากเช่นกันไม่ใช่หรือ แต่ก่อนนั้นเขาเป็นเด็กชายที่พยายามทำอะไรต่างๆ ตั้งมากมายให้ทุกคนพอใจ พยายามจะเป็นอย่างที่คนหวังจะให้เขาเป็น แล้วก็เคว้งไปโคลงมาตามกระแส เขาหวังจะให้ผู้คนยอมรับและชื่นชอบเขา หากก็ไม่เคยถามใจตัวเองเลยว่า แท้จริงแล้วเขาต้องการอะไรกันแน่

                วิลเลียมในตอนนี้ก็คงยังไม่ทราบคำตอบของคำถามนั้นเช่นกัน เขากลับมาที่ลูซแวร์แล้วก็ยังวิ่งวุ่นทำตามที่คนอื่นสั่งอยู่ แต่อย่างน้อยเขาก็มีความกล้ามากขึ้น หากเป็นอะไรที่เขาไม่ต้องการจริงๆ เขาก็สามารถปฏิเสธได้อย่างเต็มปาก

                ฝันมาหลายคืนถึงขั้นนี้แล้วชายหนุ่มก็ไม่คิดสงสัยอีกต่อไปว่า แคสซานดราจะตั้งใจวางยาอะไรเขาหรือไม่ จากการที่ได้ย้อนไปดูความทรงจำของคนอื่นในงานเลี้ยงโดยมุดหม้อไป สมมติฐานที่เขาเคยคิดมาว่า คนเป็นเป้าหมายจำเป็นต้องดื่มหรือสัมผัสน้ำยานั่นโดยทางใดทางหนึ่งก็ตกไปแล้ว วิลเลียมเชื่อว่า สิ่งที่ฝันถึงคงเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง และหากแคสซานดราเป็นคนก่อเหตุอยู่เบื้องหลัง นางคงไม่ได้มีเจตนาทำร้ายเขา

                วิลเลียมตัดสินใจตัดเรื่องนี้ออกไปจากเรื่องที่ต้องสงสัย ทว่าก็มีคำถามใหม่ปรากฏขึ้นมาแทน...

                เหตุใดเขาถึงลืมเรื่องที่อยากจดจำไว้เช่นนี้ไปได้...

    ---

    S.O.

    October 31, 2010

    มาอัพให้ก่อนเวลานิดหนึ่งเพราะเพิ่งนึกขึ้นได้ว่านี่ไม่ใช่ตอนดำเนินเรื่องในปัจจุบันนี่นา

    แล้วเดี๋ยวจะเอาตอนใหม่ช่วงปัจจุบันมาต่อให้ตอนดึกๆ ละกันค่ะ

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×