ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Special Ones

    ลำดับตอนที่ #21 : บทที่ 9 คณะเดินทางปราบแม่มด - "นี่มันงานศพของข้าหรืออย่างไร" [1]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.62K
      4
      1 พ.ย. 53

    บทที่ 9 คณะเดินทางปราบแม่มด

    นี่มันงานศพของข้าหรืออย่างไร

     

                รุ่งเช้าของวันอาทิตย์

                วิลเลียมสวมชุดนักเดินทางอย่างดี สะพายกระเป๋าหนังมังกร คาดดาบและมีดสั้นไว้ที่เข็มขัด สวมรองเท้าหนัง ซ่อนอาวุธอื่นตามตัวเสร็จสรรพแล้ว ก็ค่อยเดินทางไปยังจุดนัดพบที่ประตูตะวันตกของพระราชวังพร้อมกับผู้ติดตามคนหนึ่ง

                ชายฉกรรจ์ร่างกายกำยำในชุดพร้อมออกศึกแบกสัมภาระที่กลางหลังไว้มากมาย ออกเดินตามชายหนุ่มไปด้วยอารมณ์รื่นเริงยินดียิ่งนัก ชายหัวโล้น ไว้หนวด ผู้มีผิวสีทองแดงเช่นนี้เป็นใครไปไม่ได้นอกจาก ไฮเดน อดีตโจรสลัดผู้ผันตัวมาเป็นลูกน้องของวิลเลียม

                ท้องถนนของลูซแวร์ในยามเช้าตรู่มีผู้คนที่ต้องออกทำหน้าที่ตั้งแต่เวลานี้ผ่านมาให้เห็นตามรายทางอยู่ไม่กี่คน ส่วนใหญ่จะเป็นพวกคนส่งของหรือแม่บ้านที่ต้องออกมาจ่ายตลาดแต่เช้า

                ชายทั้งสองเดินกันไปอย่างไม่รีบเร่งนัก เนื่องจากวิลเลียมได้กะเวลาว่าจะมารอก่อนเวลานัดอยู่แล้ว ในฐานะหัวหน้าขบวนเขาก็ควรจะมารอต้อนรับสมาชิกคนอื่นเสียหน่อย แต่เมื่อเขามาถึงหน้าประตูพระราชวังแล้วก็ต้องแปลกใจ เพราะกลับมีหลายคนมาอยู่รออยู่ก่อน

                ที่ด้านนอกประตูตะวันตกของพระราชวังจัดเป็นสวนพักผ่อนหย่อนใจขนาดเล็กๆ เอาไว้ โดยปรกติแล้วที่นี่ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวซึ่งจัดไว้รองรับคนที่คิดจะมาชมความงดงามของพระราชวังแห่งดาเรเนีย ในสวนมีม้านั่งตั้งอยู่อย่างพอเพียง และหากไม่มีกิจกรรมใดของทางการที่จำเป็นต้องใช้สถานที่ก็จะเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าเยี่ยมชม ทว่าในเวลานี้ที่นี่กลับมีทหารคอยคุมไม่ให้บุคคลภายนอกเข้าไปได้ เนื่องจากคณะเดินทางที่พระราชาทรงมอบหมายภารกิจให้ได้นัดรวมพลกัน ณ สวนแห่งนี้

                เมื่อวิลเลียมฝ่าด่านของทหารเข้ามามองเหล่าคนในชุดสำหรับเดินทางที่นั่งหน้าสลอนกระจายอยู่ตามม้านั่งบริเวณนั้นแล้วก็ต้องอุทานในใจ

                นี่มันงานศพของข้าหรืออย่างไร...

                ทำไมทั้งมิตรสหายเก่า ทั้งคนที่ไม่ค่อยชอบหน้า ทั้งคนที่ไม่ค่อยรู้จัก และคนที่รู้จักได้ไม่นาน ถึงได้มารวมตัวกันหมดเลย...

                ขอไล่ทักทายไปทีละคนจากซ้ายไปขวาละกัน...

                สวัสดีโรส ชายหนุ่มเอ่ยกับหญิงสาวผู้งดงามที่สุดเป็นคนแรก

                หญิงสาวผมทองหันมองมาคนทัก นางอยู่ในชุดทะตัวในที่ดูทะมัดทะแมง ทว่าก็มีเสื้อตัวนอกที่มีผ้ายาวเป็นริ้วๆ สายๆ ซ้อนทับเป็นช่วงๆ อีกชั้น เสื้อชุดนั้นแลดูงดงามลงตัวบนเรือนร่างของนาง เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นใคร หญิงสาวก็คลี่ยิ้มหยาดเยิ้มให้

                สวัสดีวิลเลียม โรซาลินด์กล่าว

                เจ้ามาทำอะไรอยู่ที่นี่หรือ

                วิลเลียมกำลังหวังให้นางตอบทำนองว่า แค่มานั่งตากลมชมบรรยากาศแถวๆ พระราชวังยามเช้าเฉยๆ ทว่าคำตอบของหญิงสาวก็ตรงกันข้ามกับที่เขาคิดหวังจะให้เป็น

                ข้าก็มารอท่านอยู่อย่างไร ท่านหัวหน้าคณะเดินทาง โรซาลินด์ตอบยิ้มๆ นางจงใจเรียกเขาด้วยความนับถือเกินกว่าปรกติ

                ข้าจะเดินทางไปปราบแม่มด ไม่ใช่ไปเดินเล่นหรือออกแสดง วิลเลียมว่า

                เจ้าดูถูกข้าเกินไปแล้วนะ หญิงสาวเบ้ปากน้อยๆ ข้าลงชื่อในสมาคมนักดนตรีเร่เอาไว้ เพราะอยากลองออกผจญภัยดูบ้าง ข้าผ่านการสอบและมีใบรับรองแล้วว่าเสียงดนตรีของข้าสามารถใช้เป็นอาวุธได้ เมื่อพระราชาต้องการตัวคนมาร่วมในขบวนของเจ้าในคราวนี้ สมาคมก็ส่งชื่อข้าไป ข้าขออนุญาตท่านแม่ และจัดการยกเลิกการแสดงที่ร้านไว้เรียบร้อยแล้วด้วย เจ้าห้ามทำลายโอกาสในการออกผจญภัยของข้านะ วิลเลียม

                ฟังนางยกเหตุผลมากล่าวอ้างขนาดนี้แล้ว วิลเลียมก็จนปัญญาจะขัดขวางนาง

                การที่มีนักดนตรีร่วมอยู่ในขบวนปฏิบัติภารกิจลักษณะนี้ด้วยก็ไม่ใช่เรื่องแปลกนัก ด้วยเสียงดนตรีสามารถใช้กล่อมหรือโจมตีสัตว์อสูรบางชนิดได้ แต่ที่วิลเลียมเพิ่งรู้ก็คือเรื่องที่ว่า โรซาลินด์สนใจฝึกฝนดนตรีแนวนี้ และใฝ่ฝันอยากออกเดินทางผจญภัยด้วย

                หมอนี่ทำอะไรให้ท่านไม่สบายใจหรือเปล่า ชายหนุ่มคนหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆ นั้นเข้ามาถามโรซาลินด์

                ไม่ใช่หรอกค่ะ ท่านไลนัส นี่คือวิลเลียม หน้าหัวคณะเดินทางของเราอย่างไร หญิงสาวบอกแล้วเอ่ยขอบคุณอีกฝ่ายที่เป็นห่วงตนเบาๆ

                ชายคนนั้นค่อยหันมามองหน้าวิลเลียม

                อ้อ... วิลเลียม ขอโทษด้วย ข้าเพิ่งเห็นเจ้า ไลนัสกล่าวพลางแค่นยิ้มให้เขา ตั้งแต่เรื่องครั้งนั้น เจ้าก็หายหน้าไปนาน แต่พอกลับมาก็ว่างท่าใหญ่โตเชียวนะ ฝ่าบาทยังต้องเรียกข้ามาร่วมเดินทางกับเจ้าเลย

                เจอคำกล่าวขนาดนี้ วิลเลียมก็ได้แต่ยิ้มแกนๆ ตอบอีกฝ่าย ยังไม่อาจหาคำพูดมาโต้กลับได้ทัน รู้อยู่แล้วว่าไลนัสเห็นเขาแต่แรกที่เขาปรากฏตัว แต่แกล้งพูดเหมือนไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเท่านั้น

                ไลนัสมีรูปลักษณ์ภายนอกที่โดดเด่นว่าคนทั่วไป ด้วยผมสีเงินเหลือบขาวเส้นตรงที่ไว้ยาวเพียงท้ายทอย กับนัยน์ตาสีแดงเลือดทำให้เขาดูผ่าเหล่ามนุษย์ปรกติ ทว่าด้วยบารมีของพ่อที่เป็นถึงเสนาบดีการคลัง กับทักษะด้านอาวุธที่ชายหนุ่มตั้งใจฝึกฝนให้เก่งกว่าผู้ใดเพื่อลบข้อกล่าวหาว่าร่างกายตนนั้นบกพร่องอ่อนแอออกไป ก็ทำให้ไม่มีใครกล้าดูแคลนเขาอีก

                วิลเลียมรู้จักกับไลนัสครั้งแรกที่โรงเรียนทหารตอนที่เขาย้ายมาอยู่กับเจ้าชายอาเธอร์แล้ว เด็กทั้งสองนั้นเหมือนไม่ถูกชะตากันเมื่อนั้น ไลนัสมักจะคอยหาเรื่องเขาอยู่ตลอดเวลา แล้วก็มักจะชอบแข่งกับเขาไปเสียทุกเรื่อง

                ไลนัสก็คือหนึ่งในคนที่เขาต้องหนีหน้าเข้ามาหลบที่ร้านของอาลีในวันแรกที่กลับมาถึงลูซแวร์นั่นเอง วิลเลียมเห็นไลนัสในตอนนั้นแล้วยังรู้สึกว่าทำใจไปเผชิญหน้าไม่ได้

                แล้วนั่น... ชายหนุ่มนัยน์ตาแดงชี้ไปที่ชายร่างใหญ่ที่ยืนอยู่หลังวิลเลียม ...เจ้าพาใครมาด้วย

                นั่นคนของข้าเอง วิลเลียมรีบบอก เขาชื่อไฮเดน

                หน้าตาอย่างกับโจร ไลนัสวิจารณ์ดังๆ แล้วถอนหายใจหนักหน่วงอย่างกลัดกลุ้ม ข้าต้องร่วมเดินทางกับคนพรรค์นี้ด้วยหรือนี่ ข้ามีเจ้าอยู่ด้วยข้าก็ขยะแขยงเหลือทนแล้ว

                ท่านไลนัส โรซาลินด์เรียกขึ้น นางไม่อาจทนฟังชายหนุ่มพูดจาเช่นนี้ต่อไปได้

                ไลนัสมองหญิงสาวแล้วก็ยอมเงียบลง

                วิลเลียมเอามือโอบไหล่ไฮเดน แล้วรีบพูดปลอบใจ

                ไฮเดนน่ะดีนะ ใช้มีดได้เก่งมาก ทำอาหารก็อร่อย ช่วยแบกของได้ตั้งเยอะ ทั้งยังจิตใจดีงาม ไม่ชอบพูดจาทำร้ายใครเหมือนอย่างพวกผู้ดีที่ไม่รู้จักมารยาทบางคนหรอกน่า โฆษณาคุณสมบัติของผู้ติดตาม พร้อมทั้งแดกดันใครอีกคนไปด้วยในคราวเดียวกัน

                นี่เจ้า!” ไลนัสแยกเขี้ยวกัดฟัน

                พอเถอะน่า ไลนัส ชายหนุ่มอีกคนที่อยู่ตรงนั้นรีบเข้ามาห้ามเพื่อน วิลเลียมเป็นหัวหน้านะครั้งนี้ เจ้าต้องเคารพเขาหน่อยสิ

                ทุกคน... หยุดทะเลาะกันเถอะนะคะ เสียงของหญิงสาวอีกคนดังขึ้น การจะทำงานสำเร็จได้นั้น พวกเราต้องสามัคคี และรวมใจเป็นหนึ่งเดียวกัน อย่าได้ทะเลาะกันเลยนะคะ

                วิลเลียมเห็นความวุ่นวายทั้งหลายแล้วก็ต้องหยุดคิด... ตอนนี้ทุกคนเห็นเขาแล้ว จะค่อยๆ ไปทักทายทีละคนอย่างที่วางแผนไว้ก็ไม่ได้แล้วสินะ...

                แต่จะว่าไป... ก็ยังมีชายชุดดำคนนั้นที่ยังคงนั่งเงียบไม่ได้พูดอะไร...

                สวัสดีแดเนียล สวัสดีเรนนี วิลเลียมเอ่ยทักชายหญิงทั้งสอง

                เมื่อทั้งคู่ได้ยินคำนั้น และเห็นว่า วิลเลียมไม่ได้คิดจะหาเรื่องไลนัสก็แล้วก็จึงเปลี่ยนไปกล่าวทักทายวิลเลียมแทน

                สวัสดีวิลเลียม ข้าไม่ได้เจอเจ้าเสียนานเลย แดเนียลกล่าว นึกว่าเจ้าจะจำข้าไม่ได้แล้วเสียอีก

                สวัสดีค่ะท่านวิลเลียม เรนนีว่า ยังคงเอาคำว่าท่าน มาน้ำหน้าชื่อเขาเช่นเดิม

                ถูกต้องแล้ว คนที่มารวมตัวเหมือนจะมาร่วมงานศพของเขาในครั้งนี้ไม่ได้มีเพียงแค่โรซาลินด์และไลนัสเท่านั้น แดเนียลก็อยู่ใกล้ๆ ไลนัสตั้งแต่แรก ส่วนเรนนีถึงอยู่ห่างไปหน่อย แต่ก็เป็นนักบวชคนเดียวที่อยู่แถวนั้น คณะเดินทางไม่อาจขาดคนที่มีความสามารถในการรักษาไปได้ ดังนั้นวิลเลียมจึงเดาได้ว่านางก็น่าจะมีส่วนร่วมในการเดินทางครั้งนี้ด้วยเช่นกัน ส่วนคนชุดดำที่นั่งเงียบอยู่นั้น ถ้าจำเป็นไม่ผิดวิลเลียมคิดว่า เขาคงเป็นนักเวทคนเดียวกับที่มาบอกให้เขาไปเข้าเฝ้าพระราชาเมื่อวันจันทร์

                ข้าย่อมจำเจ้าได้อยู่แล้ว แดน เขาบอกกับชายหนุ่มผู้มีผมสีทราย ข้ากลับมาที่ลูซแวร์ได้เกือบอาทิตย์แล้ว ไปเยี่ยมพ่อเจ้าก็ไปมาแล้ว แต่เพิ่งได้มาพบเจ้าในตอนที่ต้องออกปฏิบัติภารกิจเช่นนี้ ขอโทษด้วยนะ

                ไม่เป็นไรหรอก แดเนียลยิ้มรับอย่างไม่ถือสา เจ้าไม่ต้องคิดมาก ข้ารู้ว่าเจ้าเพิ่งกลับมา คงกำลังยุ่ง ท่านพ่อก็บอกแล้วว่า เจ้าเหมือนมีงานสำคัญต้องทำอยู่ แล้วภารกิจนี้ก็สำคัญจริงๆ ไม่ใช่หรือ

                ใช่ วิลเลียมพยักหน้า

                แดเนียลยังคงดูเป็นคนดีเช่นเดิม ชายหนุ่มมีผมสีทรายกับดวงตาสีน้ำตาลอ่อน มีทักษะในการต่อสู้ดี และขยันขันแข็ง แม้จะไม่ได้มาจากตระกูลที่สูงส่งนัก แต่แดเนียลก็เป็นที่รักของเพื่อนๆ ทุกคนในชั้นเรียน ส่วนสาเหตุนั้นก็อย่างที่บอกไปแล้ว เขาเป็นคนดีประเภทที่ว่าดีเกินไป จนใครๆ ก็ยากจะเกลียดได้ลง

                ถ้ามีไลนัสแล้ว จะมีแดเนียลมาด้วยอีกคน วิลเลียมก็ไม่แปลกใจแต่อย่างใด จึงไม่จำเป็นต้องถามแดเนียลว่าเขาเป็นสมาชิกของกลุ่มด้วยหรือไม่ สองคนนี้จัดว่าเป็นคนที่มีฝีมือเก่งกาจแต่ตั้งสมัยเรียน ถึงลูเธอร์อาจจะจงใจเอาไลนัสมาร่วมขบวนด้วยเพื่อแกล้งเขาเล่น วิลเลียมจำต้องยอมรับว่าถ้ามีไลนัสอยู่ด้วยก็จะเป็นประโยชน์มากกว่าตัดเขาทิ้งไป ในลูซแวร์คงไม่มีใครเก่งทั้งดาบทั้งธนูเช่นชายหนุ่มผู้นี้อีกแล้ว

                จะมีก็แต่นักบวชสาวนางนี้ที่เขายังเป็นกังวลอยู่...

                แล้วเรนนี เจ้าก็จะร่วมเดินทางกับไปข้าในครั้งนี้ด้วยหรือ

                ใช่แล้วค่ะ นางรับสั้นๆ

                แต่การเดินทางครั้งนี้ค่อนข้างลำบากนะ...

                เขาพูดแล้วก็หยุดคิดสักพักว่าจะกล่าวต่ออย่างไรดีจึงจะเหมาะสม จะบอกว่ามันไม่เหมาะกับหญิงสาวก็ไม่ได้ เพราะนั่นเท่ากับไล่โรซาลินด์ไปด้วย

                ...ที่วิหารหลวงไม่มีคนอื่นแล้วหรือ ข้าเป็นห่วงว่าเจ้าจะเป็นอันตราย

                สุดท้ายก็ไม่มีอะไรดีเท่ากับการแสดงความเป็นห่วงให้เห็น

                นักบวชนักสูงทั้งหลายยังติดภารกิจที่ข้างนอกอยู่ ยังไม่ได้กลับมาค่ะ เรนนีชี้แจงเสียงฉะฉาน ส่วนรุ่นพี่คนอื่นๆ ก็ต้องรับผิดชอบดูแลอยู่ที่เมือง พอมีการคัดเลือกตัวกัน และข้าทราบว่า ท่านวิลเลียมเป็นหัวหน้า ข้าก็อาสามาด้วยทันที

                หญิงสาวยิ้มระรื่น

                ถึงข้าจะยังเป็นแค่นักบวชฝึกหัด แต่เวทรักษา เวทเสริมพลัง และเวทป้องกันทั้งหลาย ข้าก็ฝึกจนชำนาญหมดแล้วนะคะ...

                นางพูดเสียงอ่อนลง พลางก้มหัวต่ำว่า

                ...ที่ขาดก็คงมีแค่ประสบการณ์จริง แต่ถ้าไม่กล้าลองครั้งแรกก็คงไม่มีประสบการณ์สักทีใช่ไหมคะ

                เห็นความตั้งใจของนางเช่นนี้แล้ว... วิลเลียมก็ปฏิเสธนางไม่ลงเลย...

                ...ตกลง เจ้าไปด้วยก็ได้ เขาว่า

                ถือเสียว่าพระราชาเป็นคนเลือกนางมาให้ก็แล้วกัน

                จากนั้นวิลเลียมก็ถามเรนนีว่า นางพอจะรู้จักใครในที่นี้บ้างไหม ซึ่งเรนนีก็ส่ายหน้าปฏิเสธ บอกว่า นางแค่รู้จักหรือเคยเห็นหน้าเป็นบางคนเท่านั้น ไม่ยังเคยพูดคุยกันแต่อย่างใด วิลเลียมจึงแนะนำนักบวชสาวให้รู้จักกับโรซาลินด์ แล้วปล่อยให้สองสาวคุยกันไป โรซาลินด์น่าจะรู้จักกับไลนัสและแดเนียลอยู่บ้าง เขาจึงไว้วางใจให้นางช่วยดูแลเรนนีไปก่อน

                ครั้นแล้ววิลเลียมก็หันมากล่าวกับไฮเดนที่ตั้งแต่มาถึงก็ไม่ได้พูดอะไรเลย

                เจ้าคงพอรู้จักกับโรสแล้วใช่ไหม วิลเลียมถาม

                ไฮเดนพยักหน้ารับ

                ถ้าอย่างนั้นก็ร่วมวงคุยกับนางและเรนนีไปก่อนก็แล้วกันนะ

                เขาบอกก่อนกระซิบเสียงเบาลง พลางชำเลืองมองไปทางไลนัสกับแดเนียลที่แยกไปยืนอยู่อีกที่หนึ่ง

                ไลนัสที่ว่าเจ้าน่ะ ก็อย่าไปยุ่งด้วยเลย หมอนั่นก็ชอบทำปากเสียไปเช่นนั้นแหละ ส่วนแดน คนผมสีทรายน่ะ เป็นคนดี ถ้าไม่มีไลนัสอยู่ด้วยก็พอผูกมิตรได้

                ว่าแล้ววิลเลียมก็เปลี่ยนมาถามอีกเรื่อง

                ว่าแต่ เจ้าคงไม่ได้คิดมากอะไรที่โดนว่าเมื่อกี้ใช่ไหมไฮเดน

                ที่จริง ไฮเดนก็คิดมากอยู่เล็กน้อย แต่ค่อนข้างไปในคนละประเด็น คณะเดินทางที่เขาเคยร่วมมาก็มีแต่พวกชาวบ้าน พวกชายฉกรรจ์ ที่ค่อนข้างสมบุกสมบันกันทั้งนั้น เขาไม่เคยมีเพื่อนร่วมเดินทางที่ไหนที่แต่ละคนจะสง่าผ่าเผย หน้าตาดี ดูมีราศี หรือมีบุคลิกที่โดดเด่นอย่างคนเหล่านี้มาก่อนเลย ทว่าเมื่อนายท่านอุตส่าห์ชวนเขามาแล้ว เขาก็จะทำให้ผิดหวังไม่ได้

                ไฮเดนจึงตอบไปว่า

                ไม่หรอกขอรับ หน้าตาข้าก็เป็นอย่างนี้อยู่แล้ว และข้าก็ภูมิใจที่มันเป็นเช่นนี้ ไม่คิดมากอะไรหรอกขอรับ

                อย่างนั้นก็ดีแล้ว วิลเลียมคลี่ยิ้มบางๆ เดี๋ยวข้าจะลองไปคุยกับชายชุดดำนั่นก่อน เจ้าก็ไปฟังสาวๆ คุยกันระหว่างรอละกัน

                กล่าวจบวิลเลียมก็ย้ายที่ไปคุยกับชายชุดดำผู้นั้นทันที

                ท่านก็เป็นสมาชิกคนหนึ่งในคณะเดินทางที่พระราชาจัดหามาให้ข้าใช่ไหม ชายหนุ่มถามไปตรงๆ

                ชายคนที่นั่งอยู่บนม้านั่งเงยหน้าที่ซ่อนอยู่ใต้หมวกทรงเตี้ยขึ้นมองเขา

                ใช่แล้ว ข้าชื่อมาร์คัส เป็นนักเวท เชี่ยวชาญการใช้เวทลม ฝ่าบาทบอกให้ข้ามาช่วยเจ้าดูแลคณะเดินทางเพื่อไปปราบแม่มด พระองค์ตั้งแต่ให้ข้าเป็นรองหัวหน้ากลุ่ม เจ้าคงจำได้ว่า เราเคยพบกันเมื่อวันจันทร์...

                วิลเลียมยิ้มรับพลางผงกศีรษะ มาร์คัสลุกขึ้น

                แต่เห็นสมาชิกแต่ละคนแล้ว ดูท่าข้าจะแก่ที่สุดแล้วกระมัง เขาว่า แล้วยื่นมือแบออกมาข้างหน้า แต่เจ้าก็ดูพอจะคุมคนและแก้ปัญหาได้ ข้าจะคอยตามสังเกตห่างๆ อยู่ต่อไปก็แล้วกัน

                วิลเลียมจับมือเขาตอบ

                ท่านล้อข้าเล่นแล้ว ท่านมาร์คัส ดูแต่ละคนสิ มีท่าทีจะฟังข้าบ้างเสียที่ไหน คนเป็นหัวหน้าเอ่ย ข้าไม่รู้ว่าฝ่าบาททรงคิดอะไรอยู่ถึงได้ส่งคนพวกนี้มาให้ข้า ข้าคงต้องพึ่งพาท่านอีกเยอะทีเดียว

                คนที่ฝ่าบาททรงเลือกมาแล้วย่อมเชื่อถือได้ มาร์คัสเอ่ย น้ำเสียงแสดงความจงรักภักดีอยู่มาก ดังนั้น ข้าจึงเชื่อว่าเจ้าก็เป็นหัวหน้าคณะที่ดีได้เช่นกัน

                ถ้าอย่างนั้นก็ขอฝากตัวด้วยนะขอรับ

                ว่าจบทั้งสองก็คลายมือออกจากกัน มาร์คัสคงเป็นคนที่คุยรู้เรื่องที่สุดแล้วในที่นี้ สมกับที่มีอาวุโสสูงสุดในกลุ่ม

                หลังจากนั้นวิลเลียมก็เปิดโอกาสให้สมาชิกแต่ละคนของคณะเดินทางแนะนำตัวให้รู้จักกันทีละคนโดยการออกมาบอกชื่อ อาชีพ อาวุธ สังกัด ทักษะที่ถนัด และอะไรอื่นๆ ที่อยากบอก หรือควรให้คนอื่นรู้

                คราวนี้ทุกคนยอมให้ความร่วมมือด้วยดี ซึ่งก็อาจจะเพราะมีมาร์คัสมายืนอยู่ข้างๆ เขาด้วย ไลนัสจึงยอมทำตาม

                โรซาลินด์มาร่วมกลุ่มในฐานะนักดนตรี นางพกพาฟลุตและพิณติดตัวมาด้วย สังกัดที่มาคือสมาคมนักดนตรีเร่ ส่วนทักษะที่ถนัดคือการใช้ดนตรีสะกดให้สัตว์อสูรหลับหรือเคลิบเคลิ้มไม่รู้สึกตัว

                ไลนัสเป็นทหารหลวง ปัจจุบันรั้งตำแหน่งนายกอง เขาคล้องคันธนูยาวไว้กับตัว ติดศร สะพายดาบ สังกัดก็คือกรมทหารหลวง ไลนัสไม่ยอมบอกว่าทักษะที่เขาถนัดคืออะไร แต่วิลเลียมก็พอรู้อยู่ว่า ชายหนุ่มผมเงินนั้นสามารถยิงธนูได้แม่นเหมือนจับวาง ฝีมือดาบก็เฉียบขาดเช่นกัน

                แดเนียลเป็นองครักษ์ประจำพระราชวัง ตอนนี้เป็นหัวหน้าหน่วยหนึ่ง อาวุธหลักที่ใช้คือหอก อาวุธรองคือดาบยาว สังกัดกรมราชองครักษ์ ทักษะที่ถนัด...แดเนียลบอกว่าไม่มีโดดเด่นเป็นพิเศษ เขาทำหลายอย่างได้ดีแต่ก็แค่กลางๆ

                เรนนีเป็นนักบวช...ฝึกหัด เจ้าตัวเน้นย้ำคำนั้น นางไม่มีอาวุธใดนอกจากคทายาวและโล่กลมทำจากเงินที่รุ่นพี่ให้มา สังกัดก็คือวิหารหลวงแห่งลูซแวร์ นางบอกว่ามั่นใจในพลังเวทรักษาของนาง เพราะเมื่อก่อนเคยตามมาสเตอร์ไปช่วยรักษาชาวบ้านบ่อยๆ

                ไฮเดนไม่แนะนำตัวอะไรมาก บอกว่าตนเป็นมือมีด เชี่ยวชาญการใช้มีด อาวุธก็คือมีด ทักษะเสริมที่มีก็คือใช้มีดหั่นอาหารต่างๆ ได้คล่องแคล่ว และสังกัดอยู่กับวิลเลียม

                มาร์คัสก็แนะนำตัวอย่างที่เคยแนะนำกับวิลเลียม ข้อมูลที่ได้เพิ่มเติมขึ้นมาก็คือ เขาไม่ได้ใช้คทาหรือไม้เท้าช่วยเสริมพลังเวท หากแต่ใช้สัญลักษณ์แทน ซึ่งคนอื่นไม่ค่อยรู้เกี่ยวกับเวทก็ฟังๆ ไปแต่ไม่ค่อยเข้าใจนักว่าสัญลักษณ์ที่ว่านั้นเป็นอย่างไรกันแน่

                สุดท้ายก็ถึงตาวิลเลียมแนะนำตัวบ้าง

                ข้าชื่อวิลเลียม เมื่อก่อนเคยเป็นนักล่าเงินรางวัล ก่อนหน้านั้นอีกก็เคยฝึกเป็นทหาร อาวุธที่ใช้ก็ดาบหรือมีดทั่วไปสังกัดตัวข้าเอง ส่วนทักษะพิเศษ... อืม... วิ่งหนีได้รวดเร็วกระมัง ว่าจบเขาก็ยิ้ม

                สาวๆ หลุดหัวเราะ ไฮเดน แดเดียล และมาร์คัสทำสีหน้าเหมือนจะยิ้ม มีเพียงไลนัสที่ฟังแล้วสะบัดหน้าหนี บ่นว่า

                ผ่านมาหลายปี เจ้าก็ยังทำได้ดีแค่นั้นรึ

                ทว่าก็ไม่มีใครไปต่อคำกับเขาต่อ

                พอใกล้จะได้เวลาออกเดินทาง วิลเลียมที่ยังไม่เห็นวี่แววของลูเธอร์ว่าจะปรากฏตัวก็เริ่มสงสัยแล้วว่า อีกฝ่ายจะมาเป็นประธานในการส่งคณะของเขาออกเดินทางอย่างที่รับปากไว้หรือไม่ หรือพระราชามาดูแลถึงที่นี่แต่แรก เขาคงไม่ต้องเสียเวลาเถียงกับไลนัสหรอก แต่พอคิดดูแล้วว่า... อย่างไรคนพวกนี้ก็เป็นคนที่ลูเธอร์จัดสรรมาให้เขานี่นา บางทีพระราชาอาจจะคิดแกล้งเขาจริงๆ

                ข้าบอกแล้วว่าแม่มดนั้นร้าย... ไม่อยากได้พันธะแห่งดาเรนไลน์กลับมาหรืออย่างไร...

                วิลเลียมนึกสงสัยในการกระทำของพระราชาอยู่ในใจ

                หรือจะมั่นใจในคำทำนายนั้นมากเกินไปจนคิดว่าแค่มีข้าอยู่ด้วยก็พอแล้ว...

                ทันใดนั้นก็มีเสียงประกาศดังขึ้นว่า...

                เจ้าหญิงลูเครเซียเสด็จ

                แล้วประตูพระราชวังก็เปิดออกมา พร้อมการมาของเจ้าหญิงคนงามแห่งลูซแวร์ และเหล่านางกำนัลขบวนหนึ่งที่ตามมาด้านหลัง

                ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นย่อกายลงแสดงความเคารพเจ้าหญิง

                พวกเจ้าลุกขึ้นเถอะ ตรัสเสร็จก็หันมากล่าวกับวิลเลียมว่า เช้านี้เสด็จพ่อทรงมีราชกิจด่วนเข้ามา ไม่ว่างมาส่งพี่วิลเลียมและคณะด้วยพระองค์เอง จึงทรงมีรับสั่งให้ข้ามาทำหน้าที่แทน

                ...พะย่ะค่ะ วิลเลียมตอบรับไป ไม่รู้จะพูดอะไรมากกว่านั้น ชายหนุ่มกำลังวิเคราะห์ว่า พระราชาจะติดงานด่วนจริง หรือว่าตั้งใจจะหนีหน้าเขาเพราะก่อปัญหาไว้ให้กันแน่

                ลูเครเซียเคลื่อนเข้ามาใกล้วิลเลียม แล้วพูดแล้วเสียงที่เบาลงว่า

                เสด็จพ่อตรัสถามด้วยว่า พี่วิลเลียมได้ขอให้ข้าช่วยทำอะไรแปลกๆ ไหม แต่ข้าบอกปฏิเสธไป เมเดียก็ไม่ได้พูดอะไร ดังนั้นพี่วิลเลียมไม่ต้องห่วงไปนะ เรื่องนั้นยังเป็นความลับอยู่ แล้วข้าก็หากระดุมที่เหมือนกันมาคืนเสด็จพ่อแล้วด้วย

                วิลเลียมฟังแล้วไม่รู้ว่าควรจะเป็นห่วงหรือไม่เป็นห่วงดี...

                แล้วนี่พี่วิลเลียมจะเดินทางไปไหนหรือ เจ้าหญิงได้รับคำสั่งให้มาส่งคณะเดินทางเท่านั้น รายละเอียดอื่นๆ นางยังไม่ทราบแต่อย่างใด

                ไปปราบแม่มด แล้วเอาสมบัติกลับมาน่ะ ชายหนุ่มบอกญาติผู้น้อง

                ลูเครเซียกวาดนัยน์ตาสีฟ้าใสมองไปยังเพื่อนร่วมขบวนเดินทางของวิลเลียม

                มีผู้หญิงไปด้วยตั้งสองคนแน่ะ...

                วิลเลียมชักรู้สึกถึงเค้าลางไม่ได้ดี

                ...ข้าไปด้วยได้ไหม พี่วิลเลียม

                ว่าแล้วอย่างไร...

                แน่นอนว่าวิลเลียมย่อมไม่มีทางเอาเจ้าหญิงไปเป็นตัวยุ่งอีกคนหนึ่งหรอก แค่มีสองสาวและไลนัสอยู่ด้วย ชีวิตเขาก็ลำบากมากพอแล้ว

                การเดินทางครั้งนี้ไม่ใช่การไปเที่ยวเล่นนะ ลูซ มันอันตราย ต้องต่อสู้ด้วยรู้ไหม วิลเลียมพยายามอธิบายตามเหตุผล

                ข้าเรียนวิชาดาบมา ข้าสู้เป็นนะพี่วิลเลียม เจ้าหญิงทรงแย้ง

                วิลเลียมลอบถอนหายใจ...

                เอาเป็นว่า เจ้าลองไปขอเสด็จพ่อของเจ้าก่อนก็แล้วกัน ถ้าหากว่าทรงยินยอมให้เจ้าไป ข้าก็จะพาเจ้าไปด้วย

                อื้มได้ ข้าจะไปขอเสด็จพ่อเดี๋ยวนี้แหละ ว่าแล้วก็ทรงกลับเข้าไปในพระราชวัง เหล่าผู้ติดตามทั้งหลายแทบเคลื่อนขบวนตามเจ้านายไม่ทัน

                พวกเรารีบออกเดินทางกันเถอะ

                วิลเลียมเอ่ยกับสมาชิกที่เหลือ บางคนที่ไม่ได้ยินบทสนทนาเพราะอยู่นอกรัศมี หรือไม่ได้มักคุ้นกับอุปนิสัยของเจ้าหญิงมาก่อนก็อาจแปลกใจอยู่บ้าง แต่พอเห็นสีหน้าจริงจังยิ่งนักของวิลเลียมแล้ว ทุกคนก็ต่างรีบเร่งออกเดินทางตามผู้นำไปด้วย

                วิลเลียมไม่สนใจอีกแล้วว่าจะมีพิธีส่งจากประมุขของอาณาจักรหรือตัวแทนหรือไม่ การรีบหนีไปก่อนเจ้าหญิงจะกลับมาน่าจะเป็นการดีที่สุด ถึงเขาจะมั่นใจว่าลูเธอร์ไม่มีทางอนุญาตให้นางมาด้วยก็ตาม แต่เขาก็ไม่แน่ใจนักว่า หากเจ้าหญิงประสงค์จะเดินทางไปกับเขาด้วยจริงๆ แล้วละก็... อาจจะเกิดอะไรที่ไม่คาดฝันตามมาก็ได้

                อย่างไรก็ตาม วิลเลียมอดรู้สึกไม่ได้ว่า คณะเดินทางนี้เหมือนยังขาดใครไปหนึ่งคน...

                ชายหนุ่มหวังว่านั่นจะเป็นสิ่งที่เขาคิดมากไปเอง

    ---

    S.O.

    November 1, 2010

    บทนี้ยาวมากๆ ยาวจนต้องขอแยกอัพไม่สองตอนกันเลยทีเดียว (แยกอัพสองตอน ไม่ได้แยกอัพสองครั้ง ครึ่งหลังของบทจะไปขึ้นตอนใหม่ละนะ)

    เป็นบทที่แนะนำตัวละครใหม่กันสักเล็กน้อย มีตัวละครเข้าฉากทีหลายตัว หวังว่าคงจะไม่ทำให้สับสนนักนะคะ (เวลาต้องเขียนตัวละครหลายๆ ตัวก็เหนื่อยเหมือนกันละ)

    ไว้ถ้าอารมณ์ดีๆ ก็อาจจะอัพครึ่งหลังที่เหลือของบทให้เร็วขึ้น แต่อย่างช้าสุดคงเป็นช่วงสุดสัปดาห์ละค่ะ

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×