ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Special Ones

    ลำดับตอนที่ #10 : บทที่ 4 เมื่อต้องไปขอความช่วยเหลือจากสหายเก่า - "ช่วยเจ้าแล้วข้าจะได้อะไร"

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.24K
      7
      19 ต.ค. 53

    บทที่ 4 เมื่อต้องไปขอความช่วยเหลือจากสหายเก่า

    “ช่วยเจ้าแล้วข้าจะได้อะไร”

     

                หลังจากที่นึกย้อนเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเทียบกับคำทำนายของโรซาลินด์แล้ว วิลเลียมก็จำต้องยอมรับว่า คำพยากรณ์ของหญิงสาวช่างแม่นยำราวกับมีตาทิพย์รู้เห็นล่วงหน้า และนั่นก็ทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง

                ถ้าลูเธอร์มีโหรหลวง เขาก็มีนักทำนายของเขาคอยช่วยเหลืออยู่ด้วยเช่นกัน

                คิดแล้วชายหนุ่มก็ตัดสินใจว่าจะลองทำตามคำแนะนำของโรซาลินด์ต่อ

                สหายเก่าที่เคยหลงลืมไปจะช่วยเหลือเจ้าได้

                ถ้าเป็นคืนก่อนที่เพิ่งได้ฟังคำทำนายมาเขาอาจจะยังไม่รู้ว่าสหายผู้นั้นเป็นใคร แต่พอตื่นเช้ามาเขาก็รู้และมั่นใจว่าต้องใช่นางแน่ๆ

                ครั้นแล้ววิลเลียมก็คลี่ยิ้มพลางเดินมุ่งไปทางทิศตะวันออกของลูซแวร์ เขาคิดว่าตนเองคงยังพอสามารถจดจำทางลัดไปที่นั่นได้อยู่...

     

                ป่าอาถรรพณ์คือชื่อที่ชาวบ้านใช้เรียกป่าเล็กๆ ที่อยู่ติดกับกำแพงเมืองด้านทิศตะวันออกของลูซแวร์ เคยมีผู้บัญญัตินามอื่นที่ฟังเป็นมงคลกว่าชื่อนี้อย่างเป็นทางการเอาไว้ แต่ก็ไม่มีใครใช้มัน และวิลเลียมเองไม่ทราบว่าชื่อนั้นคืออะไร

                การที่ป่าแห่งนี้ได้ชื่อนี้มา ก็เนื่องจากว่าคนที่มาที่ป่าอาถรรพณ์มักจะกลับออกไปในสภาพฟั่นเฟือน บอกเล่าถึงภาพหลอนแปลกๆ อีกทั้งป่าแห่งนี้ก็ยังมีสัตว์อสูรอาศัยอยู่มาก

                แต่วิลเลียมพอจะขบคิดจนเข้าใจความลึกลับเบื้องหลังป่าอาถรรพณ์แห่งนี้อยู่บ้าง จึงมาเยือนที่นี่ได้โดยไม่ตื่นกลัวแต่อย่างไร

                ป่าอาถรรพณ์ในยามกลางวันก็ดูเขียวขจีชวนสดชื่นเหมือนป่าทั่วไป ไม่ดูอึมครึมเหมือนเช่นช่วงเย็นที่เขาจำได้ ตอนเด็กๆ เขาเคยมาฝึกวิชาอยู่ที่นี่นี่นา

                ตอนแรกวิลเลียมก็คิดว่าน่าจะไปถามถึงที่อยู่ของสหายเก่าจากพ่อค้าอาวุธก่อน ทว่าพอจินตนาการภาพว่า เขาอาจจะต้องเสียเงินอุดหนุนร้านนั้นอีกเล็กน้อยเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ต้องการมา ชายหนุ่มก็เปลี่ยนใจ เขายังจำเป็นต้องเก็บเงินไว้ใช้หนี้อีกมากหากปฏิบัติงานไม่สำเร็จ

                ชายหนุ่มเคยผ่านประสบการณ์ใช้ชีวิตอยู่ในป่ามาแล้ว ดังนั้นจึงมั่นใจว่าจะไม่หลงป่านี้อีกเหมือนตอนเด็กเป็นอันขาด แต่ก็ยังมีปัญหาอีกอย่างหนึ่งคือ เขายังไม่แน่ใจว่าสหายผู้นั้นจะอาศัยอยู่ในป่าแห่งนี้หรือไม่

                ทว่าวิลเลียมก็ยังมีความเชื่อว่า ตนจะสามารถหาทางไปต่อได้เอง...โดยอาศัยความสามารถพิเศษที่ตนมี

                อีกาตัวหนึ่งบินตัดหมู่แมกไม้และท้องฟ้าสีครามมาเงียบๆ เขาคิดว่ามันหน้าคุ้นๆ

                “อ้าว สวัสดี เจ้าเป็นสัตว์เลี้ยงของแคสซานดราสินะ” เขาเอ่ยทักทายกับมันอย่างอารมณ์ดี ถ้ามีคนอื่นอยู่ด้วยอาจจะเห็นว่าเขาเพี้ยนอยู่บ้างที่พูดคุยกับสัตว์ แต่นี่เป็นสิ่งที่วิลเลียมทำเป็นปรกติ

                อีกาไม่ตอบ มันร่อนลงยืนหยั่งเท้าบนบ่าขวาของเขา ก่อนโผบินออกไปอีกทาง แล้วหยุดอยู่บนกิ่งไม้พลางหันหัวกลับมามองยังชายหนุ่ม ราวกับต้องการจะบอกให้เขาตามมันไป

                วิลเลียมขมวดคิ้ว คิดว่ากาตัวนี้แปลกอยู่บ้าง แต่กระนั้นก็ตัดสินใจเดินตามทางที่มันนำไป ลองให้ฉลาดแสนรู้ถูกฝึกมาดีแบบนี้ คงไม่พ้นเป็นสัตว์เลี้ยงของแคสซานดราแล้ว แสดงว่าเจ้านายของมันก็คงอยู่ในป่าแห่งนี้อย่างที่เขาคาดคะเนไว้

                อีกานำวิลเลียมมาจนถึงกระท่อมบนเนินเตี้ยๆ แห่งหนึ่ง ถ้าที่นี่เป็นที่อยู่ของแคสซานดราซึ่งประกาศตัวเป็นแม่มดดำ ก็คงเรียกสิ่งปลูกสร้างตรงหน้าว่าเป็น กระท่อมแม่มด ได้กระมัง

                หากแต่กระท่อมแม่มดแห่งนี้มิได้ดูเก่าโทรม หม่นมืด น่าสยดสยอง หรือสร้างขึ้นจากขนมหวานล่อตาล่อใจอย่างที่เขาเคยได้ยินมาจากในนิทานเลย ถ้าให้เปรียบเทียบแล้ว ที่นี่น่าจะเหมือนกระท่อมนายพราน บ้านกลางป่าของคุณยาย หรือไม่ก็ที่อยู่ของคนแคระขนาดใหญ่มากกว่า

                กล่าวตรงๆ ก็คือ กระท่อมอิฐทาสีโทนพาสเทลที่ตั้งอยู่บนเนินนั้นดูน่าอยู่มาก ที่ด้านหน้า ข้างทางเดินโรยกรวด ก็มีแปลงผักสวนครัวและสมุนไพรปลูกไว้ ทางด้านขวาของเนินก็มีธารน้ำสายเล็กๆ ที่อยู่แห่งนี้ดูเป็นมิตรและเชิญชวนให้เข้ามาอาศัยหลบภัยเป็นอย่างยิ่ง

                เมื่อมาถึงจุดนี้แล้ว กาดำที่นำทางเขามาก็บินลอดเข้าไปตรงช่องหน้าต่างที่เปิดไว้ ไม่รอหรือหันกลับมามองเขาอีก

                วิลเลียมไต่เนินลาดขึ้นไปถึงหน้าประตูกระท่อม ทีแรกเขากะจะลองเคาะประตูดู แต่ก็เห็นว่ามันเปิดแง้มไว้อยู่แล้ว และคิดว่า การที่อีกาตัวนั้นออกไปรับเขาเช่นนี้ แคสซานดราย่อมต้องรู้อยู่แล้วว่า เขาจะมา ดังนั้นชายหนุ่มจึงเดินเข้าไปในกระท่อมทันที

                ข้างในกระท่อมก็น่าอยู่ไม่แพ้สภาพภายนอก ลึกเข้าไปสุดผนังห้องเป็นเตาผิงที่ตั้งหม้อน้ำขนาดใหญ่เอาไว้ แต่ไม่ได้จุดไฟ ถัดเป็นเป็นชั้นวางของจำพวกเครื่องยาและสมุนไพร ฝั่งขวามือเป็นโต๊ะทำงานกับชั้นหนังสือที่เหมือนจะมีการใช้งานอยู่เป็นประจำ เพราะมันอยู่ค่อนข้างเป็นระเบียบเพียงบางส่วน ของบางอย่างก็เหมือนเพิ่งหยิบใช้และยังไม่ได้จัดเข้าที่ให้เรียบร้อย ส่วนทางฝั่งซ้ายก็มีประตูไปอีกห้อง

                ภายในห้องนี้ไม่มีใครอื่นอยู่อีก วิลเลียมจึงเดินไปยังโต๊ะทำงานแล้วถือวิสาสะแอบมองหน้าหนังสือที่เปิดค้างไว้บนโต๊ะด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่า คนเป็นแม่มดดำจะอ่านหนังสืออะไร หวังว่าคงไม่ใช่หนังสือว่าด้วยแม่มดดำอะไรนั่นก็แล้วกัน

                หน้าที่เปิดค้างไว้นั้นเขียนไว้ว่า...

     

    น้ำยาเรียกคืนความทรงจำ

    สรรพคุณ : ทำให้เป้าหมายระลึกเรื่องที่เคยลืมไปได้

    ระยะเวลาที่ออกฤทธิ์ : ยามเป้าหมายหลับ หรือไม่ได้สติ

    วัตถุดิบที่ใช้ : ...

     

                “สวัสดีวิลเลียม”

                วิลเลียมสะดุ้ง หันมองคนทัก แล้วยิ้มตอบเสมือนว่าเมื่อครู่นี้เขาไม่ได้ทำอะไรผิด

                “สวัสดี แคสซานดรา เจ้าดูดีนะวันนี้” เขาหยอดคำชมไป

                แคสซานดราในวันนี้ก็อยู่ในชุดนักเวทสีสันสดใสแปลกตาอีกเช่นกัน แต่ยามนี้นางไม่ได้สวมหมวกแม่มดหรือถือไม้เท้าคู่มือไว้ด้วย อีกาตัวเดียวกับที่นำเขามาก็เกาะอยู่ที่ไหล่ของนาง

                “มาหาข้าถึงที่นี่ แสดงว่าจำข้าได้แล้วใช่ไหม” แคสซานดราถามถึงอีกเรื่อง โดยไม่สนใจคำชมของเขา และดูเหมือนจะไม่สะดุดใจอะไรที่เขาบุกรุกเข้ามายังกระท่อมแห่งนี้เช่นกัน

                “เมื่อคืนก่อนนอนข้าอ่านหนังสือเกี่ยวกับแม่มดดำ แล้วก็พอนึกอะไรเกี่ยวกับเจ้าออกบ้างแล้ว” ชายหนุ่มบอก “ว่าแต่ เจ้าดูเปลี่ยนไปเยอะเหมือนกันนะ แคส” เขาเรียกนางด้วยชื่อเล่นอย่างสนิทสนม

                หญิงสาวไม่ว่าอะไรที่เขาเรียกนางด้วยชื่อนั้น นางชวนคุยต่อว่า

                “ข้าเปลี่ยนไปอย่างไรบ้างล่ะ”

                “ก็...เมื่อก่อนเจ้ามีผมสีทองคำขาว ไม่ใช่สีแดงเพลิงอย่างนี้” วิลเลียมยกตัวอย่างที่เห็นชัดมาหนึ่งอย่าง

                แคสซานดราใช้ปลายนิ้วคีบปอยผมของตนขึ้นมา เสตามอง พลางกล่าว

                “พอพลังเวทเพิ่มขึ้นมันก็กลายเป็นสีนี้ อีกอย่างก็มีข่าวว่า คนผมแดงในอาณาจักรอื่นถูกเข้าใจว่าเป็นแม่มดร้ายเลยโดนจับมาเผ่าทั้งเป็นอีกด้วยนะ”

                นางบอกด้วยเสียงเริงรื่น ประหนึ่งว่าการถูกจับมาเผาทั้งเป็นคือพิธีกรรมแห่งความตายอันทรงเกียรติของแม่มด แล้วถามเขาต่อว่า

                “หรือว่าเจ้าไม่ชอบสีแดง”

                วิลเลียมส่ายศีรษะ

                “ข้าไม่ได้รังเกียจสีแดง และสีนี้ก็สวย เหมาะกับเจ้าดี”

                ใจจริงเขาชอบผมสีเก่าของนางมากกว่า แต่จะให้เขาบอกว่ามันไม่สวยได้อย่างไร เพราะไม่ว่าจะเป็นแคสซานดราในรูปแบบไหนก็ดูจะเจิดจรัสทั้งนั้น

                แม่มดผมแดงดูจะพอใจในคำตอบ นัยน์ตาสีเทาของนางกำลังแย้มยิ้ม

                “แล้วหมดแล้วหรือ เรื่องที่ว่าข้าเปลี่ยนไปน่ะ”

                “ยัง” วิลเลียมตอบ “เมื่อก่อนเจ้าชอบใส่ชุดยาวๆ สีขาวเหมือนพวกเอลฟ์”

                “เพราะมันเหมือนเอลฟ์น่ะ ข้าเลยเปลี่ยน” แคสซานดราว่าง่ายๆ

                “แต่พวกแม่มดดำที่ข้ารู้จักนิยมใส่สีดำกันนะ” เขาแย้ง

                “แล้วทำไมข้าจึงต้องทำตัวตามพวกนั้นด้วยล่ะ ข้าก็มีความเป็นแม่มดดำของข้าเองนะ” เสียงพูดแฝงอารมณ์โกรธเล็กน้อย “หรือเจ้าจะบอกว่า ข้าแต่งอย่างนี้แล้วดูไม่ดี”

                “เปล่าหรอก” ชายหนุ่มรีบปฏิเสธ พลางเอ่ยชม “อย่างนี้ก็ดูดีแล้ว เจ้าเป็นแม่มดหัวปฏิวัติที่ล้ำหน้านำสมัยจริงๆ”

                เขาคิดว่าแม่มดดำคนนี้ช่างเอาใจยากนัก ตอนแรกนางก็บอกว่าผมแดงของนางนั้นดี เพราะเหมือนแม่มดที่น่ายกย่องเชิดชูในอาณาจักรอื่น แต่ต่อมานางก็ว่า นางมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง เขาเองก็ยังจำเรื่องเกี่ยวกับนางไม่ได้มาก จึงยังไม่รู้ว่ากาลก่อนนางมีนิสัยเช่นนี้ด้วยหรือเปล่า ดังนั้นจึงทดลองพูดชมนางยาวๆ ตามวิธีที่อาลีนำมาใช้กับเขา

                และก็ได้ผล ได้ยินเช่นนั้นแล้วแคสซานดราก็คลายโทสะลง

                “มีอะไรอย่างอื่นอีกไหม” นางกลับมายังคำถามเก่า ว่าด้วยเรื่องที่นางเปลี่ยนไป

                “เอ่อ... ข้าเพิ่งรู้ว่าเจ้าเลี้ยงสัตว์ด้วย”

                “ข้าอยู่คนเดียวแล้วเหงา ก็ต้องมาเพื่อนมาอยู่ด้วยบ้างสิ” นางกล่าวตัดพ้อ ยกมือเรียวขึ้นลูบขนสีดำของอีกาที่เกาะอยู่ไหล่ “วาเรนเป็นคนทำทางเจ้ามายังที่นี่สินะ ช่างน่ารักจริงๆ เชียว”

                “เจ้าไม่ได้อยู่กับอาจารย์หรอกหรือ” ชายหนุ่มสงสัย จากความฝันเมื่อคืน เขาคาดเดาว่า แคสซานดราน่าจะอาศัยอยู่กับอาจารย์ของนาง

                “ข้าแยกจากอาจารย์ออกมาใช้ชีวิตคนเดียวตั้งนานแล้ว” นางบอก “อาจารย์บอกว่า ข้าควรรู้จักพึ่งพาตัวเองให้มากขึ้น”

                น้ำเสียงของนางเปี่ยมแววระลึกถึงผู้เป็นอาจารย์แต่ขณะเดียวกันยังคงเคารพและชื่นชมไปในตัว

                “แล้วเจ้าก็มาตั้งกระท่อมอยู่ที่นี่กับวาเรนน่ะหรือ” วิลเลียมคิดว่า วาเรน คงเป็นชื่อของอีกาตัวนั้น

                “ใช่ แต่ไม่ได้มีเพียงข้ากับวาเรนหรอกนะ ที่นี่ยังมีคาเนสอีกคน”

                วิลเลียมกำลังจะถามออกไปว่า คาเนสคือตัวอะไรแต่ก็เปลี่ยนใจเลือกใช้คำพูดใหม่ว่า

                “...คาเนสคือใคร”

                “คาเนสก็อยู่บนแขนของเจ้าแล้วนั่นไง” แม่มดดำคลี่ยิ้มกว้างขณะชี้นิ้วให้เขาดู

                วิลเลียมหันไปมองยังมือขวาของตัวเองที่ยันน้ำหนักไว้กับโต๊ะทำงาน พบว่าบนนั้นมีท่อนกลมยาวหนาๆ พันไว้อยู่

                “งู!” ชายหนุ่มร้องด้วยความตกใจ รีบชักมือขึ้น สัตว์เลื้อยคลานตัวยาวตกลงไปบนพื้นเพราะการเคลื่อนไหวนั้น

                “อย่ารุนแรงนักสิ คาเนสแค่อยากทักทายเจ้าเองนะ” แคสซานดราดุ แล้วเคลื่อนไปหยิบคาเนสขึ้นมาด้วยความทะนุถนอม หญิงสาวมองอสรพิษนั้นอย่างรักใคร่ขณะนำมาพันไว้รอบคอของนาง ราวกับเป็นสังวาลประดับเส้นหนึ่ง วาเรนบินหลบออกไปชั่วครู่ แต่แล้วก็กลับมาเกาะอยู่บนตัวเจ้านายอย่างไม่เกรงกลัวงูที่อยู่ใกล้ๆ แม้แต่น้อย

                ครั้นพอรวบรวมสติที่กระเจิงไปชั่วครู่กับมาได้แล้ว วิลเลียมก็รวบรวมสติพิจารณางูของแม่มดดำ เขาคิดว่ามันดูคุ้นหน้าคุ้นตา...เหมือนจะเคยเห็นที่ไหนมาก่อน

                “คาเนสเป็นไม้เท้าของเจ้าหรือ” เขาถาม

                “ใช่แล้ว ช่างสังเกตเหมือนกันนี่ วิลเลียม” แคสซานดราเอ่ยชม ก่อนจะจับคาเนสที่กลางลำตัวด้วยมือเดียว แล้วแปลงสิ่งมีชีวิตไร้ขานั้นให้เปลี่ยนเป็นไม้เท้ารูปอสรพิษแยกเขี้ยวแผ่พังพานให้เขาดูเป็นขวัญตา คาเนสที่เคยขยับเขยื้อนเองได้ยืนตัวตรงกลายเป็นท่อนไม้ไร้ชีวิตในมือของแม่มดดำไปแล้ว

                วิลเลียมอดตื่นตะลึงไปกับเวทมนตร์ของนางไม่ได้ เขารู้ดีว่าเวทมนตร์ทำอะไรได้มาก แต่การทำอะไรเช่นนี้เขายังไม่เคยเห็นมาก่อน

                “เจ้าเก่งมาก” ครั้งนี้เขาชมจากใจจริง

                “ข้ารู้... แต่แค่นี้ยังไม่เท่าไหร่หรอก” แคสซานดราบอกยิ้มๆ เบาๆ แล้วค่อยกล่าวดังขึ้นว่า “ว่าแต่ เจ้ามาหาข้าถึงที่นี่มีธุระอะไรหรือ”

                วิลเลียมนึกดีใจที่ในที่สุดคนตรงหน้าก็เลิกถามถึงความเปลี่ยนแปลงที่นางน่าจะรู้ดีอยู่แล้ว และเปลี่ยนมาเข้าประเด็นเสียที

                “พอดีข้ามีเรื่องอยากให้เจ้าช่วยหน่อยน่ะ” เขาเกริ่นบอก “แต่เจ้าต้องรับปากข้าก่อนว่าจะไปแพร่งพรายเรื่องนี้ออกไป”

                นัยน์สีเทาของแคสซานดราเปล่งประกายระยิบ

                “ได้สิ เรื่องระหว่างเราถือเป็นความลับกันมาตลอดอยู่แล้วนี่นา” นางตอบรวดเร็ว แทบไม่ต้องเสียเวลาคิดแม้แต่น้อย

                ถึงตอนนี้วิลเลียมก็พอรู้แล้วล่ะว่า เรื่องที่เขามาฝึกดาบร่วมกับนางในอดีตนั้นคงเป็นความลับด้วยเช่นกัน แม้เขาจะยังจำรายละเอียดที่แน่ชัดไม่ได้ก็ตาม

                เมื่อเห็นแคสซานดรายืนยันรับปากโดยไม่ลังเลเช่นนี้แล้ว ชายหนุ่มก็เลยเล่าถึงงานที่เขารับมาให้นางฟัง

                “ข้ากำลังตามหาของอย่างหนึ่ง เป็นของสำคัญ แต่มันหายไปโดยไม่มีใครทราบ...”

                “วิลเลียม...”

                ยังกล่าวได้ไม่เท่าไร แม่มดดำก็แทรก

                “ถ้าเจ้ามาแต่พูดกำกวมโดยบอกรายละเอียดหรือข้อมูลที่แท้จริงให้ข้าทราบเช่นนี้แล้ว คิดว่าข้าจะให้ความร่วมมือช่วยเหลือเจ้าไปเต็มที่หรือ” นางถามเสียงเจื้อยแจ้ว “อีกอย่าง ถึงเจ้าบอกข้าไม่หมดในตอนนี้ คิดหรือว่าคนอย่างข้าจะไม่มีทางล่วงรู้ความจริงที่หลบซ่อนอยู่ได้เลยในภายหลัง”

                วิลเลียมคล้ายเพิ่งรู้สึกตัวว่าตัวเองกำลังเผชิญหน้ากับคนที่ประกาศตัวเป็นแม่มดดำผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งยุค แม้จะยังคุยกันได้ไม่เท่าไหร่ แต่คนตรงหน้าก็เปล่งประกายความฉลาดและแผ่อำนาจคุกคามเฉพาะตัวของนางออกมาแล้ว สหายเก่าของเขาผู้มีดีอยู่ในตัว และนางก็ทราบถึงข้อได้เปรียบนั้นของนางดี ทั้งยังนำออกมาใช้ได้ตามต้องการด้วย

                เขาต้องยอมรับว่าแคสซานดรานั้นไม่ธรรมดาเลย ถ้าอยากให้นางช่วยเขาจริงๆ เขาคงต้องยอมบอกสาระเนื้อหาสำคัญของงานไปบ้าง

                “ถ้าอย่างนั้น ข้าเล่าใหม่ละกัน” ชายหนุ่มว่าหลังจากตัดสินใจได้แล้ว เขาเรียบเรียงคำพูดในสมองใหม่ แล้วจึงถ่ายทอดออกไป

                “พระราชาบอกให้ข้าช่วยตามหาของสำคัญอย่างหนึ่งประจำราชวงศ์ของเขา ของนั้นเป็นล็อกเก็ตที่เรียกว่า พันธะแห่งดาเรนไลน์เขาบอกว่า ข้าเป็นคนในคำทำนายที่จะช่วยหาล็อกเก็ตนั่นได้ มันหายสาบสูญไปอย่างไรไม่มีใครทราบ รู้แค่ว่าเห็นมันครั้งสุดท้ายตอนที่เอามารับขวัญเจ้าหญิงลูเครเซีย”

                แคสซานดราตรองข้อมูลที่ได้รับฟังมาสักพัก จึงกล่าว

                “แล้วทำไมเจ้าต้องยอมทำตามที่พระราชาบอกด้วยล่ะ” นางกำลังเอามาตรฐานตัวเองมาพิจารณาการตัดสินใจของเขา ถ้าเป็นนาง...จะไม่มีใครสามารถบังคับได้เด็ดขาด

                “พระราชามีวิธีบังคับอย่างพระราชา...” ชายหนุ่มแค่นเสียงตอบอย่างเคียดแค้น “เอาเป็นว่าข้าจำเป็นต้องทำ และไม่ขอเล่าถึงมันละกัน”

                แค่นึกย้อนก็สุดจะทนแล้ว จะให้เล่าให้ฟังคงไม่ไหวล่ะ

                หญิงสาวผงกศีรษะทีหนึ่งบ่งบอกว่าเข้าใจ คงหวังให้คนอื่นปฏิบัติแบบเดียวกับความคิดของตนไม่ได้ตลอด ถึงคนคนนั้นจะเป็นวิลเลียมก็ตาม

                “ของนั้นมีความสำคัญอย่างไร ถ้าแค่เผลอทำสมบัติประจำตระกูลหายไปนิดหน่อย คงไม่ต้องขอความช่วยเหลือจากเจ้ากระมัง”

                นางกล่าวถามอย่างแช่มช้า และยกเหตุผลมาวิเคราะห์ให้ฟังประกอบไปด้วย

                “ก็เพราะว่า... มันเป็นของที่เหมือนเป็นสัญลักษณ์แสดงถึงความมั่นคงของราชวงศ์น่ะสิ เจ้าก็อยู่ใช่ไหมว่า พวกที่อยู่ในวังน่ะใส่ใจพวกความเชื่อโชคลางต่างๆ มาก พอมีคำทำนายจากโหรหลวงมาอีก”

                ชายหนุ่มบอกไม่หมด เนื่องจากเห็นว่า ข้อมูลส่วนนี้ค่อนข้างละเอียดอ่อน อีกทั้งยังเห็นว่ามันเป็นเพียงความเชื่อเท่านั้น เขาใช่จะไม่ได้พูดความจริง เพราะเขาเองก็ยังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งอยู่เช่นกัน

                “ก็พอเข้าใจอยู่หรอก...” หญิงสาวว่า “แต่ทำไมถึงคิดว่าข้าจะช่วยเจ้าได้ล่ะ วิลเลียม”

                “พอดีมีพรายกระซิบบอกข้าล่ะ” วิลเลียมเปลี่ยนมายิ้มระรื่นจนตาหยีเล็กลง “แล้วข้าก็อยากมาเยี่ยมสหายเก่าเช่นเจ้าพอดีด้วย อยากขอโทษที่วันก่อนลืมเลือนเจ้าไปชั่วขณะ”

                แคสซานดราเห็นอากัปของอีกฝ่ายแล้วก็อดยิ้มบางๆ ตามเขาไม่ได้ วิลเลียมอย่างไรก็ยังช่างเจรจาเหมือนเดิม

                “อย่างนั้นก็เหลือคำถามสุดท้ายละนะ”

                นางหยุดวรรคไป แล้วจึงถามเน้นๆ ด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า

                “ช่วยเจ้าแล้วข้าจะได้อะไร”

                วิลเลียมได้ยินคำถามแล้วนิ่งงันไป เขาเพียงคิดมาขอความช่วยเหลือ ไม่ได้คิดจะให้อะไรตอบแทนนาง คนที่ควบคุมพ่อค้าอย่างอาลีเอาไว้อย่างแคสซานดรานี้คงไม่ต้องการสินจ้างเงินทอง ที่เขาให้ได้ก็คงมีแค่...

                “ข้าคงไม่มีอะไรตอบแทนเจ้าในตอนนี้ แต่ถ้าหากเจ้ายินดีหยิบยื่นน้ำใจมาช่วยข้า คราครั้งหน้า หากเจ้าต้องการ ข้าก็พร้อมจะมอบน้ำใจตอบแทนกลับไป”

                ...ก็คงมีแค่ความจริงใจที่มอบให้ได้เท่านั้น

                และวิลเลียมก็รู้ดีว่า เจ้าความจริงใจนี้มีราคาค่างวดยิ่งกว่าที่เงินตราใดๆ ในโลกจะซื้อหามาได้ ดังนั้นเขาจึงเสนอมันให้นาง

                “ปากหวานจริงนะ” แคสซานดรายกปลายเล็บขึ้นมามองขณะกล่าว ก่อนค่อยเงยหน้าขึ้นมาสบตากับวิลเลียม แล้วประกาศ “เห็นแก่มิตรภาพอันเก่าแก่ของเรา และน้ำใจเจ้าจะติดค้างข้า ข้าจะยอมช่วยเจ้าในครั้งนี้ก็แล้วกัน”

                แม่มดดำยื่นมือขวาออกมาข้างหน้า วิลเลียมกระชับมือนางตอบ

                ทั้งสองได้พันธะสัญญาประกาศว่าจะร่วมมือกันแล้ว

                คล้อยหลังจากนั้น วิลเลียมจึงถามสหายต่อว่า

                “ข้าควรเริ่มทำอะไรก่อนดีล่ะ”

                “เจ้าต้องไปสืบหาข้อมูลเพิ่มเติมมาให้ข้าก่อน” แคสซานดราสั่ง “เช่นว่า ล็อกเก็ตนั้นมีรูปร่างหน้าตาอย่างไร ถ้าเป็นของสำคัญประจำราชวงศ์ก็น่าจะมีบันทึกเอาไว้บ้าง สืบให้แน่ใจว่ามีคนเห็นมันครั้งสุดท้ายที่ไหน เมื่อไหร่ แล้วข้าจะลองดูให้ว่าทำอะไรได้บ้าง”

                วิลเลียมพยักหน้าถี่ๆ รับ ก็จริงของนาง ความโกรธทำให้เขาบุ่มบ่ามมาที่นี่จนเกินไป ถ้าจะทำงานจริงๆ เขาควรหาข้อมูลมาให้มากกว่านี้ก่อน

                “ได้สิ ข้าจะไปสืบเดี๋ยวนี้ล่ะ” เขาบอก “แล้วจะกลับมาหาเจ้าที่นี่ทีหลังนะ”

                “อืม... ข้าคงไม่ได้ไปไหน แต่ถ้ามาแล้วไม่เจอข้า ก็บอกวาเรนหรือคาเนสไว้ละกัน”

                วิลเลียมปรายตามองวาเรนกับคาเนสอย่างไม่ค่อยเชื่อถือนักว่าจะพึ่งพาได้หรือไม่ แต่ปากก็กล่าวตอบไปว่า

                “ตกลง ว่าแต่... ข้าขอยืมวาเรนให้บินพาข้าไปส่งหน่อยได้ไหม พอดีข้ามัวแต่เดินตามมันมา เลยไม่ได้จำทางกลับด้วยน่ะ”

                ชายหนุ่มยิ้มแหยให้

                “หลงป่าอีกแล้วหรือวิลเลียม” หญิงสาวถามด้วยน้ำเสียงหยอกเย้า

                แคสซานดรายังจำได้ดีถึงสภาพที่ดูไม่จืดของวิลเลียมในวัยเด็กซึ่งโผล่มาในวันรุ่งขึ้นหลังจากนัดหมาย ตอนนั้นเขาปากแข็งไม่ยอมบอกว่าไปทำอะไรมา แต่ท้ายที่สุดแล้วนางก็หาความจริงมาได้ว่า ที่จริงแล้ว เด็กชายวิลเลียหลงป่าจึงหาทางกลับบ้านไม่ถูกนั่นเอง

                “ก็ลืมจำทางกลับเท่านั้นเอง เดี๋ยวนี้ข้าไม่หลงป่าเหมือนเดิมแล้วนะ” วิลเลียมยืนกราน

                แม่มดดำหัวเราะเสียงใส วิลเลียมยังคงไม่ยอมเปิดเผยหรือยอมรับปมด้อยของตนให้คนอื่นรับรู้โดยง่ายเช่นเดิม

                “เอาเถอะ ให้วาเรนช่วยไปส่งเจ้าหน่อยก็ได้”

                นางอนุญาต อีกาบินมาเกาะที่บ่าของวิลเลียมแทนทันที

                “ขอบใจนะ” ชายหนุ่มบอก ขยิบตาให้ แล้วขอตัวลาจากมา

     

                แท้จริงแล้ว วิลเลียมจำทางออกป่าได้ดี แต่เขาแสร้งทำเป็นเหมือนยังคงเป็นโรคหลงป่าอยู่เพราะมีจุดประสงค์อะไรบางอย่าง

                “นี่... เจ้าชื่อวาเรนใช่ไหม” ชายหนุ่มชวนอีกาคุย

                มันยังคงบินนำเงียบๆ ไปต่อ ไม่แม้แต่จะส่งเสียงร้องออกมา

                “เจ้านายเจ้าน่ารักดีนะ” วิลเลียมว่าต่อ แต่ถึงจะพยายามชมแคสซานดราก็แล้ว กาดำที่เป็นสัตว์เลี้ยงของนางก็ยังไม่ยอมพูดด้วย

                “นี่... เจ้ากาแสนดี เจ้าพูดอะไรกับข้าหน่อยสิ” เขาคะยั้นคะยอ “ถ้าเจ้ายอมตอบข้าสักคำ ข้าจะหาของกินที่เจ้าชอบมาฝากนะ”

                วาเรนเงียบ...

                “เอาล่ะ ข้ายอมแล้วก็ได้ แต่อย่างน้อยที่ป่าแห่งนี้ก็น่าจะมีสัตว์อย่างอื่นอาศัยอยู่บ้างสิ หรืออย่างบอกนะว่าพวกมันถูกเจ้ากับคาเนสจัดการไปหมดแล้ว”

                วิลเลียมยังคงพูดอยู่คนเดียว

                ดูเหมือนจะไม่ได้การณ์ เจ้ากานี่ไม่ตอบอะไรเขาเลย ข้อสรุปนี้นำมาซึ่งความเป็นไปได้อยู่สองข้อ หนึ่งคือมันถูกฝึกมาดีเกินไป หรือสองคือมันมีความพิเศษมากกว่ากาสามัญทั่วไป ซึ่งเขาคิดว่ามันคงจะใช่ทั้งสองข้อ

                เมื่อโซที่มีใช้ไม่ได้ผลกับอีกาตัวนี้ เขาคงต้องหาช่องทางหรือหาผู้ช่วยในการสืบหาข้อมูลเกี่ยวกับแม่มดดำคนนี้เสียแล้ว

     

                หลังจากที่วิลเลียมจากไปแล้วสักพัก ก็มีสองเสียงคุยกันอยู่ในกระท่อมของแม่มดดำ

                หมอนั่นเป็นใคร ทำไมนายท่านถึงสนใจนัก

                ข้าไม่รู้ แต่คงเป็นคนรู้จักเก่าของนายท่าน

                เจ้าไม่รู้แล้วยังนำทางมันมาถึงที่นี่อย่างนั้นหรือ

                ข้าคิดว่า นายท่านคงอยากให้ข้าทำอย่างนั้น นางยังชมข้าด้วย

                ข้าเห็นมันมายุ่งกับงานของนายท่าน มันไว้ใจไม่ได้

                แล้วเจ้าบอกนายท่านเรื่องนั้นหรือเปล่า

                นายท่านเห็นแล้ว แต่ไม่ว่าอะไร

                แสดงว่าหมอนั่นมันเป็นคนโปรดของนายท่านน่ะสิ

                เรื่องนั้นยังไม่ทราบ ว่าแต่มันชักนำเจ้าออกไปด้วยทำไม

                มันพยายามคุยกับข้า

                คุยกับเจ้าอย่างนั้นหรือ

                ใช่ แต่ข้าไม่ได้ตอบอะไร

                มันเป็นบ้าอะไรถึงคิดคุยกับเจ้า

                มันไม่ได้บ้า แต่ดูเหมือนมันจะมีความสามารถพิเศษด้านการสื่อสาร

                ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงคงต้องระวัง

                ใช่ ต้องระวัง และเตือนคนอื่นให้ระวังด้วย

                เจ้าเองก็ดูจะสนใจมันพอสมควรเลยนะ

                แล้วเจ้าไม่ได้เป็นคนถามถึงมันก่อนหรอกหรือ

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×