ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เรื่องบ้าๆ ของผม

    ลำดับตอนที่ #12 : เวลา (2)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.07K
      1
      2 เม.ย. 53

    แล้วเรื่องที่เธอว่ามาทั้งหมดนี่เชื่อถือได้แค่ไหน” ผมไม่สงสัยในตัวเนฮีเดียเท่าไหร่หรอก แต่ก็ยังคงถามไปตามระเบียบ

    มีผลการทดลองของนักกาลศาสตร์ยืนยันอยู่ค่ะ และปัจจุบันนี้ก็มีผู้ที่เดินทางท่องเวลาอยู่ในมิติและดินแดนต่างๆ เป็นจำนวนมาก คุณอันเวสสามารถตรวจสอบเรื่องนี้ได้จากข้อมูลในระบบค่ะ”

    จริงสิ ผมสามารถค้นหาข้อมูลเรื่องนี้ด้วยตัวเองได้อยู่นี่นา อาจเป็นเพราะความตื่นเต้นที่อยากจะบอกเล่าแผนการที่คิดได้ให้ฟังก็ได้ละมั้งเลยทำให้ผมลืมไป อีกอย่างผมก็มั่นใจว่าเนฮีเดียจะต้องรู้เรื่องนี้อยู่แล้วด้วย ถึงได้มาถามเธอไง

    ถ้าคุณอ่านหนังสือแล้วเจอคำศัพท์ที่ไม่รู้จักอยู่คำหนึ่ง คุณจะเลือกทำอะไรระหว่างหยิบพจนานุกรมมาเปิดหา กับถามเพื่อนผู้ฉลาด พูดได้ และน่าจะรู้จักศัพท์นั้นดีที่อยู่ข้างๆ คุณล่ะ...

    ถ้าคุณเป็นคนธรรมดาที่ไม่ได้มีปณิธานมุ่งมั่นจะแสวงหาความรู้ด้วยตนเองหรือเชื่อในคำตอบจากพจนานุกรมมากกว่าการตีความผ่านปากเพื่อนของคุณ คุณก็ต้องเลือกที่จะถามเพื่อนอยู่ใช่ไหมล่ะ

    ดังนั้นคุณก็ไม่ต่างจากผมที่เลือกจะถามเนฮีเดียแทนที่จะค้นข้อมูลในระบบอย่างแต่ก่อน...

    แต่การเปรียบเทียบเนฮีเดียกับพจนานุกรม หรือแหล่งข้อมูลในระบบก็ฟังดูโหดร้ายไปหน่อย ผมไม่อยากให้เธอกลายเป็นแอนดรอยด์เสมือนมนุษย์ หรือพวกนักวิชาการที่พยายามแปลงตัวเองให้เป็นข้อมูลยิ่งๆ ขึ้นเพื่อมีชีวิตนิรันดร์อยู่ในเครือข่ายหรอกนะ

    แล้วผมก็กลับมายังคำถามเดิมที่เคยคิดค้างไว้เมื่อคราวก่อนอีกครั้ง...

    ถ้าเนฮีเดียเป็นอย่างนั้นจริง ผมจะรู้สึกอย่างไรล่ะ

    ปรกติผมไม่เคยเอาเรื่องพวกนี้มาคิดให้มันหนักหัวหรอก ก็บอกแล้วไงว่าผมเป็นคนธรรมดา มีปัญญาคิดได้แค่อะไรที่ไม่ได้ยากเกินธรรมดาเท่านั้น คนทั่วไปในสมัยก็นิยมแต่ตัวตนของคนรอบข้างที่ต้องการจะรู้จัก ต้องการจะรับรู้ ไม่ได้ต้องการจะแสวงหาความจริงว่าอดีตของคนคนนั้นมีความเป็นมาอย่างไร ว่าพวกเขาเกิดขึ้นมาได้อย่างไรหรอก แต่เมื่อผมคิดจะเป็นตัวร้าย บางทีก็น่าจะพยายามทำความเข้าใจเรื่องทำนองนี้ไว้สักหน่อยก็ดี เผื่อบางทีอาจเอาทำให้หักหลังทำให้คนเกลียดชังช้ำชอกใจได้บ้าง

    เมื่อนั้นผมจึงพยายามนำสมมติฐานที่คิดขึ้นได้มาใช้กับเนฮีเดีย และทำความเข้าใจมัน... หากเมื่อคิดแล้วผมก็เริ่มรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมา มันไม่ใช่ความเจ็บปวดทางกายภาพ แต่เป็นสิ่งที่สัมผัสได้ทางใจ...

    ต่อให้โลกบ้าๆ ที่ผมอยู่นี่จะเป็นเพียงมายา ทุกคนที่รายล้อมจะเป็นคนที่แสแสร้งลวงหลอกเพียงใด ต่อให้เป็นมนุษย์ทดลอง เป็นสิ่งมีชีวิตตัดแต่ง เป็นหุ่นยนต์ เป็นข้อมูลที่ถูกสร้างขึ้น เป็นโปรแกรมที่ถูกวางไว้แล้ว เป็นเพียงตัวหมากในกระดานของพระเจ้า ไม่ว่าจะฟังดูเลวร้ายหรือดีงามอย่างไรก็แล้วแต่ ชีวิตที่ผมมีมาตลอดนี่ก็อยู่ท่ามกลางพวกเขาไม่ใช่หรือ แล้วผมมีดีอะไรถึงมีสิทธิ์ไปประเมินค่าหรือเปรียบเทียบชีวิตของคนอื่นได้ล่ะ อาจมีเพียงผมคนเดียวที่หลงนึกไปว่าตัวเองแตกต่างจากพวกเขาก็ได้

    คิดถึงตรงนี้แล้วผมก็เริ่มน้ำตาคลอ... ผมไม่ได้ร้องไห้หรอกนะ ก็บอกแล้วไงว่าเรื่องพวกนี้มันหนักหัวผมจนเกินไปจนรับไม่ไหวน่ะ ไม่น่าเก็บมาคิดให้มากความเลยจริงๆ

    คุณอันเวสเป็นอะไรไปหรือเปล่าคะ” ไม่ต้องบอกก็รู้ว่านี่เป็นเสียงใคร เนฮีเดียผู้น่ารักที่อดทนรอผมใช้ความคิดอยู่เงียบๆ นั่นเอง

    แต่แย่ล่ะ ผมน้ำตาคลออยู่จริงๆ แล้วน้ำตาตัวร้ายให้เห็นง่ายๆ ได้อย่างไร นี่ยังไม่ใกล้เคียงกับเหตุการณ์ที่จะต้องเปิดเผยอดีตแสนรันทดขมขื่นด้วยซ้ำ ผมควรจะเลือกตอบเธอยังไงดีล่ะนี่

    ตัวเลือกที่หนึ่ง : “พอดีฝุ่นเข้าตาน่ะครับ”

    บ้าเรอะ มุกเก่าล้าสมัยตกยุคไปนานแล้ว อีกอย่าง ห้องนี้มันมีฝุ่นให้เห็นแม้แต่เสี้ยวธุลีที่ไหนกันเล่า...

    ตัวเลือกที่สอง : “เมื่อครู่จ้องตากับเชนมากไปหน่อยนะครับ เลยปวดตา”

    แกกะพริบตาปริบๆ จ้องตาเชนไปตั้งหลายนาทีก่อนหน้านี้แล้ว ทำไมปฏิกิริยาตอบสนองถึงได้ช้าอย่างนี้ฟะ...

    ตัวเลือกที่สาม : สลัดน้ำตาทิ้ง แล้วบอกว่าไม่เป็นไรไปซะ

    อืม... ข้อนี้ฟังดูดีที่สุดแล้วล่ะ

    แต่ก่อนที่ผมจะได้ลงมือทำตามตัวเลือกที่สาม เนฮีเดียก็พูดอะไรเป็นปรัชญาเข้าใจยากขึ้นมาเนิบๆ ว่า

    ผู้ไร้น้ำใจ...แท้จริงอาจเป็นผู้มากน้ำใจ เพราะมีน้ำใจมากเกินไปจึงเจ็บปวดเจ็บร่วมไปกับผู้อื่นเสมอ...

    แต่มนุษย์ไหนเลยจะอยากให้ตนต้องเจ็บปวด เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว ผู้มากน้ำใจจึงปิดกั้นใจตน ให้ไม่ต้องคำนึงถึงผู้อื่นอีกต่อไป และก็กลายเป็นผู้ไร้น้ำใจไป”

    ช่างลึกซึ้งยิ่งนัก ผมฟังแล้วอึ้งไป รู้ตัวอีกทีก็น้ำตาคลอยิ่งกว่าเดิมแล้ว แต่คราวนี้ผมมีเหตุผลดีๆ มาอ้างล่ะ

    อา... คุณเนฮีเดียกล่าวได้ไพเราะจับใจมากเลยครับ ทำเอาผมซึ้งจนน้ำตาแทบไหลเลยล่ะ” เขาบอกเธอ พลางปาดน้ำตาออกจากหน้า

    เนฮีเดียเพียงพยักหน้ารับนิดๆ กล่าวขอบคุณ แล้วบอกตอบด้วยความนอบน้อมว่า นั่นไม่ใช่สิ่งที่เธอคิดขึ้น เธอลืมคำพูดของคนอื่นเขามาใช้ต่างหาก

    ผมยิ้มไปกับความถ่อมตนของเธอ พลางคิดในใจว่า ผมต่างหากล่ะที่ต้องเป็นฝ่ายขอบคุณเธอ ต่อให้เนฮีเดียจะเป็นคนที่พวกพระเอกส่งมาสอดแนมเพื่อคอยล้มล้างแผนการเป็นตัวร้ายของผม หรือจะเป็นหุ่นยนต์ของรัฐบาลที่ถูกส่งมาสำรวจพฤติกรรมของมนุษย์กลุ่มตัวอย่างในสภาพแบบเปิด ผมก็ดีใจที่พวกเราได้ใช้เวลาร่วมกันในตอนนี้

    มีอะไรจะปรึกษาดิฉันอีกไหมคะ” เนฮีเดียถามหลังจากปล่อยให้ผมยิ้มและคิดอะไรอยู่คนเดียวเหมือนคนบ้าอยู่นาน

    อ้อ ไม่มีแล้วล่ะ ขอบคุณมากนะครับ”

    ค่ะ” เธอขานรับ เงียบไปครู่ แล้วจึงกล่าวว่า “ว่าแต่จะยังไม่กลับไปหาคุณเชนเหรอคะ”

    ผมสะดุ้ง เพิ่งรู้ว่าคิดเพลินคุยเพลินจนลืมเวลาและคำสั่งของเชนที่ว่า 'ให้รีบคุยให้เสร็จ' ไปเลย

    แต่ว่านี่ผมยังทำเสร็จแค่สอบถามความเป็นไปได้ของแผนการเท่านั้นนะ ยังไม่ได้เริ่มลงมือทำอะไรจริงจังสักอย่าง

    คุณเนฮีเดียกลับไปอยู่กับเชนก่อนล่ะกันครับ เดี๋ยวผมขอคิดแผนการต่อเงียบๆ คนเดียวสักหน่อย”

    ค่ะ” หญิงสาวตอบ แล้วเตรียมจะลุก

    เอ่อ แล้วก็...” ผมเรียกเธอไว้ก่อนที่เนฮีเดียจะออกเดินไป แล้วบอกเธอว่า “อย่าบอกเรื่องที่ผมนำมาปรึกษากับเชนนะครับ”

    จะให้สร้างข้อมูลปลอมขึ้นมา หรือปิดบังไม่เปิดเผยคะ”

    เนฮีเดียช่างรอบคอบเสียนี่กระไร ถ้าจะแต่งเรื่องมาหลอกเชนก็ต้องนัดแนะกันเอาไว้ก่อนสินะ แต่ถ้าจะปิดบังไม่ยอมเปิดเผย เดี๋ยวเชนต้องเค้นเอากับผมภายหลังแน่ ถ้าเป็นอย่างนั้นผมก็ต้องเตรียมพร้อมรับมือเอาไว้ก่อนล่ะ

    บอกเขาไปว่า เดี๋ยวผมจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วจะไปเล่าให้เขาฟังล่ะกัน”

    รับทราบค่ะ” เนฮีเดียรับคำ แล้วถามต่อว่า “ขอแนะนำอะไรสักอย่างได้ไหมคะ”

    อะไรเหรอ”

    ถ้าจะย้อนเวลากลับไปในอดีตจริงๆ ก็ระวังความทรงจำของคุณจะย้อนกลับไปในอดีตด้วยนะคะ”

    มันเป็นยังไงล่ะ” ผมฟังแล้วไม่ค่อยเข้าใจนัก บางทีน่าจะไปหานิยายวิทยาศาสตร์มาอ่านเพิ่ม

    ถ้าย้อนเวลากลับไปในอดีตที่ห่างไกลเกินไป ก็มีสิทธิ์ที่ความทรงจำของคุณที่เกิดขึ้นในอนาคตของอดีตนั้นจะหายไปค่ะ”

    ผมคิดว่าพอเข้าใจมากขึ้นนะ...

    แล้วพอจะมีวิธีป้องกันบ้างไหม”

    มีเครื่องมือบางตัวช่วยป้องกันได้ค่ะ”

    แล้ววิธีที่ดีที่สุดที่อยากแนะนำล่ะ”

    ไหนๆ เนฮีเดียก็อยากเตือนผมไว้ก่อนแล้ว คงจะรู้ล่ะว่าควรทำอย่างไร ถามตรงๆ ไปเลยล่ะกัน โยนงานไปให้คนอื่นคิดแทนมันสบายอย่างนี้เองสินะ มิน่าล่ะเชนถึงชอบสั่งให้ผมคิดแทนเขาอยู่เรื่อย

    ควบคุมร่างคนในอดีตที่มีคลื่นความคิดใกล้เคียงกันให้ทำตามที่คุณต้องการค่ะ”

    เหมือนไปสิงร่างเขาอย่างนั้นน่ะเหรอ”

    ค่ะ”

    อืม... ฟังดูชั่วร้ายดีเหมือนกันแฮะ ลองใช้วิธีนี้ดูก็ได้

    ตกลงใจได้แล้ว ผมก็กล่าวขอบคุณและบอกลาเนฮีเดียอีกครั้ง

    หญิงสาวในฮู้ดหูแมวส่งยิ้มบางๆ ให้ผม แล้วจากไป

    เมื่อเหลืออยู่เพียงลำพังแล้ว ผมก็สลัดเรื่องอื่นทิ้งไป เริ่มต้นรวบรวมความคิด...

    ได้เวลาดำเนินการตามแผนกันสักทีล่ะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×