"...ในทางวิทยาศาสตร์ได้มีการทดลองและมีข้อสรุปเรียบร้อย ด้วยทฤษฎีควอนตัมว่า ทุกชีวิตทุกอนุภาคมีแค่ 1 ภพเท่านั้น ดังนั้นหลังการตายไป จึงไม่มีที่อื่นให้ไปได้อีกแล้ว..." เสียงอาจารย์ที่กำลังสอนวิชาวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับทฤษฎีควอนตัมว่าด้วยเรื่องชีวิตหลังความตาย ทันทีที่อาจารย์อธิบายเสร็จได้มีเสียงนักเรียนในห้องคนอื่นๆยกมือขึ้นยิงคำถามกันเป็นพัลวัน ทำให้ในห้องเริ่มมีเสียงดังและวุ่นวายขึ้นมาอีกเล็กน้อย ก่อนที่อาจารย์จะบอกให้ทุกคนเงียบและถามทีละคน...
"จารย์ครับ อย่างนี้เรื่องคนที่เจอผีกันจะอธิบายสิ่งที่เห็นว่ายังไงครับ?" มีเสียงเพื่อนในห้องคนนึงถามขึ้นมา
"มโนหรือนึกคิดไปเองทั้งนั้นล่ะ เธอเคยเห็นเหรอ? อาจารย์ตอบพร้อมกับถามกลับไป
"ผมไม่เคยเห็นครับ แต่คุณแม่เคยเห็น ท่านบอกว่าผีเป็นเหมือนคนปกติเราแค่คุยกับเราไม่ได้"
"อ้อ...ดีจังที่เห็นแบบนั้น จารย์อยากเห็นบ้างจัง"
อาจารย์พูดยิ้มๆแต่แววตาเต็มไปด้วยความเชื่อมั่นว่าสิ่งที่เค้าสอนนั้นไม่ผิด การเห็นวิญญาณหรือผีคงเกิดจากการมโนนึกไปเองของคนทั่วไปที่ไม่เข้าใจหลักวิทยาศาสตร์แน่นอน เพราะ"ผีไม่มีจริง" ในโลกใบนี้
...กริ๊งงงงงงง.....ยังไม่ทันได้ตอบคำถามอื่น เสียงออดของโรงเรียนเตือนว่าถึงเวลาพัก เที่ยงพอดี...อาจารย์จึงไม่ได้ให้ถามอะไรเพิ่ม จะมีแค่สั่งการบ้านเล็กน้อยแล้วปล่อยทุกคนไปพักเที่ยง ก่อนออกจากห้องอาจารย์เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงหันกลับมาและกล่าวเสียงเรียบๆว่า
"นายแสนดี ก่อนเข้าเรียนคาบบ่ายเชิญที่ห้องพักครูด้วยนะ" สิ้นเสียงอาจารย์เพื่อนในห้องมองไปที่เด็กหนุ่มที่ชื่อแสนดีเป็นจุดเดียวด้วยสายตาสมเพช
"ครับอาจารย์" เด็กหนุ่มนักเรียนนั้น ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงปกติ เพราะเหมือนเจ้าตัวจะรู้ว่าต้องเจอกับเรื่องอะไร เด็กหนุ่มแสนดีจึงก้มหน้าเก็บของใส่ลิ้นชักโต๊ะเรียนตามปกติ เรื่องนี้เกิดขึ้นบ่อยๆจนเขารู้สึกชิน เมื่อเก็บของเสร็จเรียบร้อยเขาจึงรีบเดินออกไปที่โรงอาหารคนเดียวเหมือนกับหลายปีที่ผ่านมา...แต่ดูเหมือนว่าครั้งนี้ไม่เหมือนเดิม เพราะถ้าหากมีใครสักคนสามารถมองเห็นได้เหมือนที่เค้าเห็น จะต้องตกใจที่เห็นมีชายหญิงคู่หนึ่ง แต่งตัวด้วยชุดประหลาด ออกแนวเหมือนละครจักรๆวงศ์ๆ เดินตามเค้าอย่างไม่ห่างตัว หรือเรียกได้ว่า "แทบสิง" กันเลยทีเดียว
เหตุการณ์ที่ทำให้พวกเขาได้เจอกัน ต้องย้อนกลับไปเมื่อหลายวันก่อน
หลายวันก่อน...ขณะนั้นเป็นเวลาเลิกเรียน แสนดีกำลังโดยสารรถประจำทางกลับจากโรงเรียนในเมือง เพื่อกลับบ้านที่อยู่ห่างออกไปเกือบ30กิโลเมตร ระยะทางดูเหมือนจะไม่ไกลมาก แต่ใช้เวลาค่อนข้างนาน เนื่องจากเส้นทางต้องผ่านหุบเขา และยังมีโค้งเล็กโค้งน้อยเยอะพอสมควร โค้งบางโค้งยังมีชื่อที่ชาวบ้านแถวนั้นเรียกกันติดปากว่า "โค้งร้อยศพ!"
ลักษณะโค้งตรงนี้เป็นโค้งที่ลงจากเนินเขา ค่อนข้างลาดชัน ลาดลงมาแล้วยังหักศอกคล้ายตัวยู U ดังนั้นจุดนี้จึงถือว่าอันตรายที่สุดของถนนเส้นนี้...ถ้าหากไม่ต้องการผ่านจุดนี้เพื่อไปยังหมู่บ้านที่แสนดีอยู่นั้นต้องไปอีกทาง โดยต้องอ้อมภูเขาไปอีก 30 กิโลเมตร ดังนั้นผู้คนส่วนใหญ่จึงเลือกที่จะตัดผ่านถนนเส้นนี้ถึงแม้ว่าจะค่อนข้างเปลี่ยวและอันตราย
รถกะบะ ที่ถูกดัดแปลงให้เป็นรถรับส่งนักเรียน คันนี้กำลังบรรทุกแสนดีและเด็กๆนักเรียนคนอื่นๆเดินทางกลับบ้านเต็มคันรถเหมือนเช่นทุกวัน ซึ่งรถนักเรียนตามชนบทส่วนใหญ่จะมีการดัดแปลงที่นั่งเพื่อให้รับจำนวนคนได้มากกว่าปกติ ดังนั้นรถหนึ่งคันจึงบรรทุกจำนวนเด็กนักเรียนได้มาก...จนมักจะเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นในหลายๆครั้ง...
เมื่อรถมาใกล้ถึงบริเวณโค้งร้อยศพ จู่ๆรถที่บรรทุกเด็กนักเรียนมากว่า30คน ในจังหวะที่รถกำลังวิ่งลาดลงจากเนินเขา เตรียมที่จะตีโค้ง ทันใดนั้นเอง...
"ปัง...!!" เสียงของยางรถด้านหน้าระเบิดขึ้นทำลายความเงียบของหุบเขา พร้อมกับรถเสียการทรงตัว คนขับรถที่มากประสบการณ์กว่า40ปี พยายามคุมรถไม่ให้ไหลลงข้างทางที่สูงเกือบ40เมตร ซึ่งถ้ารถตกลงไปด้วยความสูงขนาดนั้น คงยากที่จะมีใครรอด! แต่ถึงจะมากประสบการณ์แค่ไหน ด้วยทางที่ลาดชันและน้ำหนักของรถที่หนักเกินไปทำให้การควบคุมรถเป็นไปได้ยาก จึงทำให้รถไหลออกนอกเส้นทางตรงดิ่งไปยังขอบถนน!
ภายในรถ ผู้โดยสารทั้งหมดเมื่อได้ยินเสียงระเบิดนั้น ทำให้พวกเค้าต้องกรีดร้องด้วยความงุนงงและตกใจ...ยิ่งเมื่อรถโดยสารมีทีท่าว่าผิดปกติไปจากเดิม ตัวรถเริ่มเอียง...พร้อมกับเสียงโวยวายระคนกับความแตกตื่นตกใจของเด็กจำนวนมาก บางคนพยายามจะโดดออกจากรถ บางคนร้องไห้ ส่วนบางคนก้มหน้ายกมือทั้งสองข้างพนมขึ้นมาวิงวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ช่วยเหลือ...ซึ่งหนึ่งในคนเหล่านี้คือ แสนดี เขากำลังหน้าซีดขาสั่น ส่วนมือทั้งสองข้างพยายามคว้าหาที่จับเพื่อยึดไม่ให้ตัวเองกลิ้งลงไปตามพื้นรถ...ส่วนในหัวนั้นกำลังร้องเรียกหาใครสักคนหรืออะไรสักอย่างให้มาช่วยเขา
"สาธุ...ถ้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง ได้โปรดช่วยลูกช้างด้วย ลูกช้างยังไม่อยากตาย"
เสียงภาวนาในหัวของแสนดีดังขึ้นถี่ๆ แต่รถเจ้ากรรมยังคงพุ่งตรงไปขอบทาง...ทะลุแผงกั้นถนนที่ทำจากโลหะผสมจนฉีกขาด...ตัวรถกำลังจะพุ่งลงเหวที่มีความลึกมากกว่า 40เมตร!...
ในสมองของทุกคนที่โดยสารรถคันนี้มา รวมถึงลุงคนขับต่างคิดสิ่งเดียวกันว่า
"ตาย!แน่ๆ"
เสียงกรีดร้องของความตื่นกลัว และขอความช่วยเหลือยังคงดังตลอดเวลา หลายคนหลับตาทำใจกับสิ่งที่กำลังจะเกิด...
ทันใดนั้นเอง สิ่งที่ทุกคนคาดไม่ถึงคือ ไม่ได้ยินเสียงของรถพุ่งตกถนน หรือแม้กระทั่งเสียงล้อรถบดพื้นถนน หรือเสียงกระแทกของวัตถุใดๆ ทุกอย่างขณะนั้นเงียบจนวังเวง
"รถหยุดแล้ว!?" เสียงใครคนหนึ่งดังขึ้นทำลายความเงียบ
"พวกเรายังไม่ตายใช่มั้ย?
"รถหยุดได้ไง? เกิดอะไรขึ้น?"
"......?" หลายๆคำถามดังขึ้น พร้อมกับมีคนเริ่มมองไปรอบๆ ขณะนั้นมีชักชวนทุกคนให้รีบลงจากรถ เพื่อความปลอดภัย
"เราลงไปก่อนค่อยดูว่าเกิดอะไรขึ้น"
ขณะที่ทุกคนลงจากรถเพื่อไปอยู่ในที่ปลอดภัยนั้น ไม่มีใครสังเกตสิ่งที่เกิดขึ้นเพราะต่างรีบเดินออกห่างจากบริเวณที่รถจอด...เมื่อทุกคนลงจนครบ ทันใดมีเสียงร้องขึ้นอย่างตกใจ
"เอ้ย!!....ทุกคนดูนั่น" เสียงของแสนดีดังขึ้น
เมื่อทุกคนได้ยินดังนั้นจึงเริ่มมีคนหันไปมองจุดที่มือของแสนดีชี้
"มีอะไรเหรอ ร้องซะตกใจ?"
"นั่นไง...พวกนายไม่เห็นเหรอ?" แสนดีพยายามชี้ให้ทุกคนดู...แต่ถึงเขาจะพยายามมองแค่ไหนก็ไม่มีคนเห็นในสิ่งที่เขาเห็นตอนนี้ นั่นคือ มีชายหญิงคู่หนึ่งลอยอยู่เหนือรถโดยสารคันนั้น ทั้งสองแต่งตัวแปลกๆแต่ใบหน้าของทั้งคู่นั้นไม่รู้จะหาคำใดมาบรรยายความหล่อความงามนั้น
ผู้ชายใบหน้าเคร่งขรึม คิ้วดกดำ ดวงตาเรียวหากมั่นคง นุ่งโจงกระเบน ด้วยผ้าลายไทย ลวดลายสวยงาม จีบพกด้านหน้าเป็นผ้าลายไทยพริ้วประดับด้วยพลอยสีแดง สวมสร้อยสังวาลสีทอง มีรูปพญานาคแผ่เศียรจำนวนมากตรงกลางหน้าอก กำไลข้อมือข้อเท้า เป็นตัวพญานาคขดสีทองรอบๆ ผิวขาวดั่งหยวก บนหัวสวมไว้ด้วยชฎามีทัดข้างหู แผ่พังพานเศียรนาคดูน่าเกรงขามและดูศักดิ์สิทธิ์
ส่วนผู้หญิงวงพักตร์สวยซึ้ง ดวงตาเรียว คิ้วโค้งดั่งคันธนู ขนตายาวงอน นุ่งผ้าลายไทย ขลิบทอง มวยผมสูง สวมชฎาสีทอง ปล่อยปลายผมพริ้ว เสื้อเป็นสไบสีขาวพาดเฉียง หุ่นบาง ร่างอรชร หากแต่ดูแข็งแรงเปี่ยมด้วยบารมี
พวกเขาทั้งสองเพียงยิ้มบางๆให้ แสนดีต้องขยี้ตาด้วยสีหน้าแตกตื่น หากแต่พูดอะไรก็ไม่มีใครเชื่อ...ทุกคนในบริเวณนั้นเลิกสนใจแสนดีไปแล้ว ต่างคนต่างมุ่งถ่ายรูปอัพเฟสบุ๊กหรือลงโซเชียล แสนดีจึงทำได้เพียงค่อยๆขยี้ตาและมองไปที่สองคนนั้นอีกครั้ง เพียงหวังให้ทุกอย่างที่เห็นจะเป็นแค่ภาพลวงตา...แต่หาไม่ทุกอย่างยังคงเป็นความจริง!เมื่อทั้งสองตอนนี้มายืนอยู่ตรงหน้าเค้า พร้อมกับเสียงทักทายว่า
"ดีใจที่ได้เจอกันนะเด็กน้อย"
....นั่นคือครั้งแรกที่พวกเค้าได้เจอกัน แม้จะแปลกไปบ้างแต่ทุกอย่างไม่มีเหตุบังเอิญ ทุกอย่างที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะพบเจอกันด้วยเหตุใดๆในทางพุทธศาสนาเรียกว่า
"กรรมลิขิต" หรือ "บุพเพสันนิวาส"
................................................................................................................................................................................
# พบกันอีกครั้งกับนิยายเรื่องใหม่ที่ไรท์ต้องการให้ตัวเอกของเรื่องมีพลังพิเศษ โดยพลังเหล่านี้มาจากการพัฒนาและเรียนรู้เองของตัวละครต่างๆ
ในเรื่องท่านจะพบกับเหล่าผี วิญาณ รุกขเทวดา นางไม้ ครุฑ นาค ฯลฯ รวมไปถึงการท่องสวรรค์ นรก เมืองบาดาล
อีกหลายต่อหลายสถานที่...
โดยเรื่องนี้ไรท์วางพล็อตไว้ค่อนข้างนานอยู่เหมือนกัน ตอนแรกตั้งใจว่าจะเขียนเป็นเรื่องสั้นจบในตอน เมื่อไม่นานมานี้ได้มีโอกาสฟังธรรมของหลวงพ่อฤาษีลิงดำเกี่ยวกับเรื่องสมาธิ ฌาณ และอภิญญาต่างๆของเหล่าพระอริยะสงฆ์หลายๆรูป รวมไปถึงจอมขมังเวทย์ที่มีชื่อเสียงในเมืองไทยหลายๆท่าน ไรท์จึงสนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ จึงอยากเขียนเรื่องที่คนไม่ค่อยอยากเขียนเท่าไหร่ เพราะเนื้อหาอาจจะหนักไปสักหน่อย แต่ไรท์คิดว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจเป็นอย่างมากที่จะหยิบยกเรื่องแบบนี้มาสอดแทรกความสนุกของนิยายแฟนตาซีแบบไทยๆเรา
หากมีความผิดพลาดประการใด หรือท่านผู้อ่านที่ผ่านเข้ามาอ่านเรื่องนี้มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องทางพุทธศาสนาเป็นอย่างดี สามารถติชมเข้ามาเพื่อให้เป็นประโยชน์แก่ไรท์เองและรวมไปถึงผู้อ่านท่านอื่นๆได้จะดียิ่ง
หวังว่านิยายเรื่องนี้จะมีข้อคิดและสร้างความบันเทิงให้กับผู้อ่านทุกท่านได้ไม่มากก็น้อย คิดซะว่าอ่านเพื่อความบันเทิงละกันนะครับ....
ด้วยจิตคาราวะ
ไรท์เตอร์
ความคิดเห็น