โปรดสนใจข้าเถิดท่านภรรยาเอก - นิยาย โปรดสนใจข้าเถิดท่านภรรยาเอก : Dek-D.com - Writer
×

    โปรดสนใจข้าเถิดท่านภรรยาเอก

    ต๋าชิงเฉียว เกิดตื่นขึ้นมาในร่างของจ้าวหลี่ชุนตัวประกอบผู้มีฐานะเป็นองครักษ์ประจำตัวของจ้าวซูเม่ยซื่อจื่อแห่งเห่อเจีย เป็นตัวละครที่เขาชอบและกำลังจะถูกลากไปติดแหในเรื่องที่ซูเม่ยไม่ได้ก่อ จะทำยังไงดี!

    ผู้เข้าชมรวม

    138

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    138

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    5
    หมวด :  นิยายวาย
    จำนวนตอน :  1 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  7 ต.ค. 65 / 22:40 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

     





     






     

     

    นิยายที่ตอนนี้กำลังเป็นที่นิยมอ่านในหมู่ชายหญิงมีจำนวนมาก แต่ที่มาแรงจริงๆตอนนี้คงจะหนีไม่พ้นเรื่อง  โศกนาฏกรรมตระกูลซู  แค่ชื่อก็ถือว่ากินขาดแล้ว ในเรื่องไม่มีพระเอกนางเอกหรือนายเอกใดๆ เป็นการบอกเล่าถึงตระกูลขุนนางที่บ้าอำนาจ

    คิดก่อการปฏิรูปการเมืองโดยยุยงให้องค์รัชทายาทกลายเป็นทรราช ผลสรุปสุดท้ายคือถูกจับได้และประหารทิ้งทั้งครอบครัว แต่น่าสงสารยิ่งที่ในครอบครัวสกุลซูนั้นมีสะใภ้หนุ่มรูปงามจากตระกูลจ้าวที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ต้องมารับชะตากรรมร่วมด้วย

    "นี่มันบ้าอะไรกัน! จ้าวซูเม่ยต้องมาตายเพราะไอเฮงซวยนี่น่ะหรือ!"  ต๋าชิงเฉียวเผลอสบถออกมาลั่น เขาเป็นเด็กวัยรุ่นหนุ่มวัยสิบเจ็ดปีที่ชื่นชอบการอ่านนิยายแนวจีนโบราณ วันหนึ่งดันไปเห็นนิยายเรื่องนี้แนะนำขึ้นมาในพันทิปจึงอดมิได้ที่จะลองเข้าไปอ่านดู

    หลังจากอ่าน ใช่ เขาติดมากและรักตัวละครตัวนี้มาก!

    เขาเป็นหนึ่งในนักอ่านที่ชื่นชอบในตัวละครชายหนุ่มน่าหวานคนนี้ จ้าวซูเม่ยเป็นซื่อจื่อจากแคว้นมิใกล้มิไกล ถูกสู่ขอมาเป็นสะใภ้แต่งงานได้ไม่กี่เดือนสามีก็แต่งอนุภรรยาเป็นว่าเล่น ไม่เคยเดินทางมาเยี่ยมเยือนซูเม่ยแม้แต่ครั้งเดียว

    แต่พอจะเป็นจะตายกลับลากคนงามเข้ามาเกี่ยวด้วยเนี่ยนะ

    ชิงเฉียวกำโทรศัพท์ในมือแน่นจนเส้นสีเขียวที่มือปูดโปน จะหาว่าเขาเว่อร์เกินก็ได้นะ แต่ตัวละครตัวนี้น่ารักเกินกว่าจะต้องมาตายจริงๆ ทั้งที่ไม่รู่เรื่องอะไรแท้ๆแต่กลับต้องมาตาย ไหนล่ะความยุติธรรม

    "ฉันอยากจะพาเธออกมาจากไอเฮงซวยนั่นจริงๆซูเม่ย"  เขาปิดโทรศัพท์แล้วนั่งลงกับเตียงนอน อยู่ๆก็รู้สึกว่าเหมือนห้องนอนจะโอนเอน หมุนไปมา แล้วภาพเบื้องหน้าก็วูบดับลง

     

    เสียงดังซอกแซกคล้ายว่าคนทะเลาะกันดังขึ้นรอบตัวเขา เปลือกตาอันหนักอึ้งพยายามจะลืมขึ้นมองภาพตรงหน้า เขาค่อยๆลืมตาขึ้นทีละน้อยเพราะแสบตาเหลือเกิน ภายในเรือนตกแต่งแปลกๆเขาเห็นกลุ่มคนกำลังวิ่งวุ่นไปมาสั่งการกันเสียงดัง เขาพยามที่จะลุกขึ้นแต่กลับรู้สึกปวดหัวจนแทบจะระเบิด

    ชายหนุ่มชุดสีน้ำเงินคนหนึ่งเดินมานั่งลงที่เตียงข้างๆเขา กดไหล่ให้ล้มตัวนอนลงอีกครั้งแล้วเอ่ยเสียงนุ่มละมุนชวนให้คล้อยตาม  "นอนเถอะ เจ้าไม่สบายอยู่"  เมื่อสิ้นประโยคนั้นเขาก็เหมือนจะสลบไปอีกทีหนึ่ง

    ตื่นขึ้นอีกทีในยามเช้า แสงแห่งรุ่งอรุณสาดส่องเข้ามากระทบกับหน้าของเขาอย่างจัง อย่างนี้คงต้องตื่นแล้วล่ะ เขาลืมตาขึ้นรู้สึกสบายตัวขึ้นกว่าเมื่อคืนมาก ไม่ได้ปวดหัวจนแทบจะระเบิดแต่ก็ยังมึนๆอยู่ เขามองสำรวจไปรอบๆห้อง แรกคิดว่าตนเองกำลังอยู่ในโรงพยาบาลเป็นแน่

    แต่ผิดคาด

    เขาอยู่ในที่ที่เขาไม่รู้ว่าคือที่ไหน แต่รอบๆห้องตกแต่งคบ้ายกับสถานที่ถ่ายทำหนังจีนโบราณๆสักเรื่อง เขาลงจากเตียงนอนเดินตรงไปที่กระจก สายตาเคลื่อนสบสำรวจ

    พระเจ้า! ไอหน้าหล่อนี่ใครกัน!

    ดวงหน้าเกลี้ยงเกลา ดวงตากลมโต นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มจนเกือบจะดำ คิ้วดกดำทรงตรง จมูกโด้งเป็นสัน ปากสีแดงเรื่อที่ค่อนไปซีดอีกเล็กน้อย ร่างกายกำยำล่ำสันที่ดูแล้วคงใช้เวลาหลายปีในการปั้นแต่ง ผิวขาวเนียนราวหยกขาวชั้นดี ผมสีเขม่าควันที่หยิกรอนสวยถูกปล่อยยาวถึงกลางหลัง

    ไม่รู้ว่าจะคำใดมาพรรณนาไอหน้าหล่อนี่แล้ว

    ทันใดก็มีเสียงเปิดประตูดังขึ้น ผู้มาใหม่ทำหน้าแปลกใจเล็กน้อยก่อนจะเผยยิ้มบางๆออกมา อีกฝ่ายวางถาดข้าวต้มลงที่โต๊ะเดินตรงมาหาชิงเฉียวแล้วยกมือขึ้นวางบนหน้าผากของเขา

    "อืม..ตัวไม่ร้อนแล้ว เมื่อคืนอาการเจ้าน่าเป็นห่วงนัก ดีที่ตอนเช้ามิได้เป็นอะไร มาเถอะข้าให้ห้องเครื่องทำข้าวต้มร้อนๆให้เจ้า กินเสร็จก็กินยาแล้วนอนพัก ข้าจะให้หมอมาตรวจดูอาการเจ้าอีกที"  ชิงเฉียวยังคงไม่เข้าใจสถานการณ์อยู่บ้าง แต่ท้องที่หิวกลับสำคัญยิ่งกว่า เขามิสนใจสิ่งใดรีบเดินตรงไปหยิบคว้าถ้วยโจ๊กขึ้นกินอย่างตะกลาม

    คนที่มองอยู่ก็จุดยิ้มอย่างนึกเอ็นดู ยกมือขึ้นลูบกลุ่มผมของเขา  "นายท่านทำเกินไปจริงๆ เจ้าเพียงทำผิดเล็กน้อยกลับให้นั่งคุกเข่าเกือบหกชั่วยาม เคราะห์ซ้ำกรรมซัดฝนก็ตกอีก กรรมหนอกรรม"  ชิงเฉียวนั่งฟังอีกคนกล่าวเงียบๆ

    นั่งตากฝนอะไรกัน เขาเพิ่งจะอ่านนิยายจบต่างหาก

    "ท่านคือ..."

    เอ้า ทำไมฉันถึงพูดภาษาโบราณแบบนั้นล่ะ ชิงเฉียวสบถในใจ ดวงตาของคนเบื้องหน้าหม่นลงเล็กน้อย ก่อนจะกล่าว  "ป่วยจนความจำเลือนลางหรือ? ข้าไงจ้าวซูเม่ย นายของเจ้า"  เมื่อได้ยินชื่อของอีกฝ่ายชิงเฉียวก็หันควับคอแทบเคล็ด

    จ้าวซูเม่ย!

    จ้าวซูเม่ยจริงหรือเนี่ย

    บุรุษรูปงามคล้ายนางธิดาจากสวรรค์มิใช่ใครอื่นใด กลับกลายเป็นตัวละครในนิยายที่เขาชื่นชอบ จ้าวซูเม่ย ชิงเฉียวแทบจะหลั่งน้ำตาเป็นลมอีกสักรอบเสียตรงนั้น ซูเม่ยยกมือขึ้นลูบศีรษะเขาอีกครั้งแล้วกล่าวเสรยงอ่อนโยน  "ป่วยแล้วงอแงหรือไร ร้องไห้ง่ายจริงเชียวหลี่ชุน"

    หลี่ชุน

    หลี่ชุนนี่มันใครกัน

    หรือว่าไอหน้าหล่อนี่คือหลี่ชุน แล้วเขากำลังอยู่ในร่างของหลี่ชุน ชิงเฉียวนึกย้อนถึงนิยายที่ตนเองอ่าน ตัวละครหลี่ชุนนี้เขาไม่แน่ใจนักว่ามีตัวตนหรือไม่ เงียบไปสักพักก็พลันนึกได้ หลี่ชุนเป็นองครักษ์ประจำตัวของซื่อจื่อจ้าว แต่มีชีวิตได้ไม่นานก็ตายเพราะถูกจับได้ว่าล่วงเกินซูเม่ย

    โถ เวรเอ้ย ชีวิตต้องมาเจออะไรแบบนี้หรือนี่

    ซูเม่ยยังคงส่งยิ้มอ่อนๆให้เขาตลอด ยิ่งเห็นคนตรงหน้าอ่อนโยนดั่งดอกไม้บริสุทธิ์เช่นนี้ยิ่งทำให้ชิงเฉียวนึกปวดใจยิ่ง มือใหญ่ส่งไปจับมือเรียวอย่างถือวิสาสะ  "ข้า.."

    ซูเม่ยประหลาดใจเล็กน้อยก่อนจะกล่าว  "นอนเถอะ อีกสักสองชั่วยามข้าจะกลับมา ไม่ดื้อนะหลี่ชุน"  ได้ยินอีกฝ่ายกล่าวเช่นนี้ก็อดที่จะใจเต้นโครมครามมิได้ หลี่ชุนล้มตัวนอนลงอย่างว่าง่าย ซูเม่ยห่มผ้าให้เขาก่อนจะเดินไปที่ประตู อีกฝ่ายหันหน้ากลับมาส่งยิ้มอีกครั้งแล้วจึงปิดประตูลง

    หลี่ชุนเริ่มลำดับเหตุการณ์ เขาตอนนี้เข้ามาอยู่ในนิยายเรื่อง โศกนาฏกรรมตระกูลซูแล้ว และเข้ามาเป็นตัวละครที่กล่าวได้ว่าตายเร็วที่สุด โอ๊ย ปวดสมอง และที่สำคัญเขาได้เจอตัวละครที่เขารักยิ่งอย่างซูเม่ยแล้ว

    ไม่แน่เขาอาจจะตายแล้วเหมือนกับนิยายทะลุมิติ ข้ามกาลเวลาข้ามภพอะไรแบบนั้นไปแล้ว หลี่ชุนคิดเช่นนั้นจึงมิได้ตื่นตูมอะไรเพราะเขาก็เจอนิยายพร็อตตายแล้วเปลี่ยนภพมาเยอะพอควร

    หลี่ชุนเริ่มตั้งเป้าหมายในการใช้ชีวิตในโลกนิยายนี้ เขาจะไม่ยอมตายง่ายๆเด็ดขาด จะปกป้องตัวละครสุดที่รักของเขาเท่าชีวิต และจะช่วงชิงเอาซูเม่ยออกมาจากไอตระกูลซูเฮงซวยนี้ให้ได้!

     

     


    ​ 

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น