เมื่อความตายอยู่ตรงหน้า - เมื่อความตายอยู่ตรงหน้า นิยาย เมื่อความตายอยู่ตรงหน้า : Dek-D.com - Writer

    เมื่อความตายอยู่ตรงหน้า

    โดย Boytaofai

    ในช่วงสุดท้ายก่อนลมหายใจดับสูญ จิตวิญญาณดับสลาย ในลมหายใจสุดท้ายนั้นคุณนึกถึงสิ่งใดกัน...

    ผู้เข้าชมรวม

    43

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    11

    ผู้เข้าชมรวม


    43

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  24 มี.ค. 67 / 18:32 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้

    「ในช่วงชีวิตที่ผ่านมา ตัวตนของฉันได้มีความหมายกับใครบ้างรึเปล่านะ?」

     

    ความคิดคำนึงช่วงเวลาสุดท้ายของหญิงสาวคนหนึ่งได้ผุดขึ้นมาเมื่อรู้ว่าเธอกำลังจะตายในอีกไม่ถึง1ชม.ข้างหน้า สภาพร่างกายเธอในตอนนี้ที่นอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาลได้มาถึงขีดจำกัดแล้ว เธอรู้ตัวดีและทำได้แค่รอความตายเท่านั้น 

     

    ความตายอยู่ตรงหน้า ไม่มีทางหลีกหนีได้ ไม่มีใครช่วยเหลือได้ นี่คือเวลา1ชม.สุดท้ายที่เธอจะได้อยู่บนโลกใบนี้  

     

    “โอ๊ย อีญา ! แกจะมาปรัชญาอะไรเนี่ย !! ชีวิตแกมันมีความหมายกับพวกฉันอยู่แล้ว เพราะงั้นขอร้องล่ะอย่าพูดอะไรที่มันน่าเศร้าไปมากกว่านี้เลยยยย”                                                             

     

    ญาริน หญิงสาววัยทำงานอายุ40ปีที่ป่วยเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ระยะสุดท้ายถูกเพื่อนสาวของเธอต่อว่า

     

    “ยัยส้ม ถึงแกจะพูดอย่างนั้นก็เถอะแต่อีกเดี๋ยวฉันก็จะได้พักผ่อนไปชั่วนิรันดร์อยู่แล้ว สภาพร่างกายฉันมันไม่ไหวแล้ว แกเองก็น่าจะรู้ดี เพราะงั้นก่อนที่ฉันจะหลับไปช่วยอยู่เป็นเพื่อนคุยเล่นกันหน่อยเถอะ”

     

    “มันแน่อยู่แล้ว ! มีอะไรว่ามาเลยฉันจะรับฟังแกเอง”

     

    “ขอบใจ”

     

    ญารินรู้สึกดีใจมากที่อย่างน้อยเธอก็มีเพื่อนดีๆในชีวิตกับเขา นี่อาจจะเป็นโชคเพียงอย่างเดียวในช่วงลมหายใจสุดท้ายก็เป็นได้

     

    “ชีวิตที่ผ่านมาของฉันตั้งแต่เด็กแล้ว ฉันตั้งใจเรียนให้ได้คะแนนดีมาตลอดเพื่อให้เข้ามหาลัยดังๆได้ตามที่พ่อแม่คาดหวังไว้ และฉันก็ทำสำเร็จได้จริงๆ ฉันรู้สึกภูมิใจกับตัวเองมาก”

     

    “แต่สิ่งที่แกแลกมาก็คือช่วงเวลาวัยรุ่นที่เสียไปเพราะเรื่องเรียนใช่มั้ยล่ะ ขนาดมีผู้ชายมาจีบแกยังไม่สนใจเลยนี่ แกเล่าเรื่องนี้ให้ฉันฟังซ้ำตั้งหลายรอบละ นี่ถ้าเป็นเทปคลาสเซ็ตคงเทปยืดไปหลายรอบละมั้ง”

     

    “สมัยนี้ไม่มีใครเขาพูดถึงเทปคลาสเซ็ตกันแล้วนะ แกนี่ใช้ศัพท์ได้แก่สมวัยจริงๆยัยส้ม ฮ่าๆ”

     

    “ช่างฉันเถอะย่ะ !”

     

    “แต่ก็อย่างที่แกว่ามานั่นแหละ ตัวฉันเสียเวลาช่วงวัยรุ่นไป แถมตอนนี้ก็ไม่มีแฟนกับเขาเพราะเอาแต่บ้างาน ทำงานงกๆมาตลอดหลายปี ซึ่งทุกอย่างก็เพื่อตำแหน่งในหน้าที่การงานและเงินเดือนที่สูงขึ้น…”

     

    “สุดท้ายจู่ๆก็เกิดปวดบริเวณท้องตอนทำงาน แล้วพอไปตรวจก็พบว่าเป็นมะเร็งระยะที่4แล้ว…สินะ”

     

    “ใช่ วินาทีที่ฉันรู้ผลตรวจเท่านั้นแหละโลกของฉันมันก็พังทลายไม่มีชิ้นดีเลย เงินทองที่ใช้เวลาหามาหลายปีสุดท้ายก็กลายเป็นเพียงค่ารักษาตัวอย่างที่เห็น ตำแหน่งที่ได้มาก็กลับกลายเป็นไร้ค่า ก่อนหน้านี้ที่ลางานมารักษาตัวช่วงแรกๆก็โอเคอยู่หรอก แต่พอลาบ่อยเข้าเรื่อยๆบริษัทก็เรียกไปคุยเพื่อขอยกเลิกสัญญาจ้างเพราะมองว่าคนแบบนี้ไม่น่าทำประโยชน์อะไรให้องค์กรได้ในระยะยาวอีกต่อไปแล้ว ดูน่าทุเรศดีใช่มั้ยล่ะ อุตส่าห์พยายามประคองสิ่งสำคัญในชีวิตมาตลอดไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานหรือเรื่องเงิน สุดท้ายแค่มะเร็งโผล่มาทุกอย่างในชีวิตกลับพังไม่มีชิ้นดี พูดแล้วก็ดูตลกร้ายดีนะ ว่างั้นมั้ยยัยส้ม”

     

    “….ฉันว่าเราเปลี่ยนเรื่องคุยกันดีกว่ามั้ย?”

     

    “ไม่ล่ะ เวลาฉันไม่เหลือแล้ว ถ้าไม่พูดตอนนี้แล้วจะให้พูดตอนไหนอีกล่ะจริงมั้ย”

     

    “……..”

     

    ทั้งคู่ต่างนิ่งไปชั่วครู่หนึ่ง แต่แล้วญารินก็เริ่มพูดต่อ

     

    “วันนี้ฉันดีใจนะที่แกมาดูใจฉัน พ่อกับแม่ฉันก็เสียไปนานแล้ว คนอื่นๆก็ติดงานประจำกันจนไม่มีเวลามาเยี่ยมได้ ก็มีแค่เพื่อนสมัยมัธยมอย่างแกคนเดียวเท่านั้นแหละที่มาเยี่ยมฉันได้เพราะเป็นฟรีแลนซ์ ดูๆไปถึงเงินทองจะไม่ได้มากมายอะไรแต่ก็ดูมีความสุขดี ฉันล่ะนึกอิจฉาแกจริงๆ ตอนนี้ฉันเข้าใจเลยว่าจริงๆแล้วสุดท้ายคนเราก็ต้องการแค่ใครสักคนที่เข้าใจเรา เงินทองไม่มียังหาใหม่ได้ แต่เพื่อนอย่างแกมันหาใหม่ไม่ได้จริงๆ ขอบใจนะยัยเพื่อนรัก”

     

    “ไม่ต้องพูดชวนซึ้งเลย”

     

    “จริงๆถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ฉันก็อยากทำ…… เอ๊ะ? ยัยส้ม นี่แกร้องไห้อยู่เหรอ”

     

    สิ่งที่ญารินเห็นตรงหน้าคือน้ำตาที่ไหลอาบแก้มของส้มในขณะนั้น และดูเหมือนว่าส้มเองก็น้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัวเช่นกัน

     

    “เอ๊ะ นี่ฉันร้องไห้เหรอ”  

     

    “ก็ใช่น่ะสิ แต่ก็เข้าใจได้อยู่หรอก”

     

    “เอาจริงๆแล้วแกไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยรึไง นี่แกกำลังจะตายนะ ! น่าจะเครียดจนไม่น่าทนรับไหวเลยนี่แล้วทำไมถึงยังดูสงบนิ่งได้แบบนี้อีกล่ะ ! ฉันไม่เข้าใจแกเลยจริงๆ”

     

    ทันทีที่ส้มพูดจบ ญารินก็นิ่งไปพักนึงแล้วจึงตอบกลับว่า

     

    “คงเพราะ…ถึงฉันเสียใจไปก็ย้อนเวลากลับไปแก้ไขอดีตไม่ได้อยู่ดี คิดแล้วก็เหนื่อยเปล่านะ เพราะงั้นสิ่งที่ฉันทำได้ตรงนี้และตอนนี้คือให้ความสำคัญกับการคุยกับแกยังไงล่ะ”

     

    “…….”

     

    “ที่ผ่านมาฉันทำตามความคาดหวังของคนอื่นมาเยอะพอแล้ว ทั้งความคาดหวังของพ่อแม่ ของเพื่อนร่วมงาน มันเหมือนฉันทุ่มเทเพื่อความต้องการของคนอื่นมาตลอด ซึ่งพอถึงช่วงเวลาสุดท้ายแบบนี้ฉันก็อยากถามเหมือนกันว่าฉันทำไปทำไมนะ ทำไมที่ผ่านมาฉันถึงไม่ทำเพื่อความต้องการของฉันเองบ้าง มัวแต่รับใช้ความฝันของคนอื่นจนไม่คิดถึงตัวเองเลย มันช่างบ้าบอสิ้นดี”

     

    “แล้วถ้าย้อนเวลากลับไปได้แกอยากทำอะไรเพื่อตัวแกเองล่ะ….เด็กหญิงญาริน”

     

    ส้มแอบพูดกวนญารินเล็กน้อย

     

    “นั่นสินะ ก็คงจะเป็นแม่ค้าขายข้าวแกงมั้ง ฮ่าๆ”

     

    “แกพูดจริงดิ อย่างแกเนี่ยนะไม่อยากจะเชื่อ คนเรียนจบเกียรตินิยมอันดับ1จากมหาลัยอันดับหนึ่งอย่างแกพอมาพูดแบบนี้ฟังดูแปลกๆแฮะ ถึงฉันจะเป็นเพื่อนสมัยเด็กแต่ก็ไม่เคยได้ยินแกพูดเรื่องนี้มาก่อนเลย”

     

    “ฉันจะพูดได้ไงเล่า ถ้าตอนมัธยมขืนฉันพูดไปทุกคนก็หัวเราะเยาะกันพอดีสิ เด็กห้องคิงอย่างฉันพูดไปมันก็ดูแปลกๆใช่มะ เพราะงั้นก็เลยเลือกที่จะไม่พูดออกไป แต่ตอนนี้พูดได้ละเพราะไม่มีอะไรต้องปิดบังมันอีกแล้ว”

     

    “อ้าว แล้วทำไมถึงสนใจอยากเป็นแม่ค้าขายข้าวแกงล่ะ?”

     

    “คงเพราะฉันชอบมัดถุงแกงให้ถุงมันป่องๆไง มันสนุกดี ฮ่าๆๆ”

     

    “ไม่ใช่ละ เอาจริงๆดิ”

     

    “จริงนะ สมัยก่อนฉันชอบร้านข้างแกงแถวบ้านอยู่ร้านนึง ป้าแกทำอะไรก็อร่อยไปหมด ทุกคนที่มากินก็ดูมีความสุขดี ฉันเห็นแบบนั้นแล้วก็เลยอยากเป็นแม่ค้าขายข้าวแกงเหมือนป้าคนนั้นบ้าง ตอนนั้นฉันเลยฝึกมัดถุงแกงทุกวันเลย ตลกดีใช่มั้ยที่ความฝันตอนเด็กฉันมันดูบ้านๆขนาดนี้”

     

    “ไม่หรอก บางทีก็อาจจะเหมาะกับแกก็ได้”

     

    “ไว้ฉันเปิดร้านข้าวแกงบนสวรรค์แล้วจะเพจเจอร์มาบอกแกนะ”

     

    “เหอะ สมัยนี้ใครเขาใช้เพจเจอร์กัน แกเองก็ใช้ศัพท์ได้แก่เหมือนกันไม่ใช่รึไง”

     

    “………………..”

     

    “………อีญา”

     

    “…………………………..”

     

    “ !!? ”

     

     

    ตอนนี้ ญารินได้จากไปอย่างสงบแล้ว

     

     

    “อีญาาาา ตื่นสิ !!”

     

    「ความตาย มักจะมาเร็วกว่าที่คิดเสมอ」

     

    “ใครก็ได้ ช่วยมาตรงนี้ที !!!”

     

    「และความตายก็มักจะมาโดยไม่รู้ตัว」

     

    “ใครก็ได้ !!!”

     

    ความตาย ให้ความเท่าเทียมกับทุกสรรพสิ่ง

     

    และความตาย คือความจริง

     

    จงอยู่กับปัจจุบันขณะ

     

    และอย่าเสียใจ กับสิ่งที่ผ่านไปแล้ว

     

    แต่จงทำ ในสิ่งที่ตอนนี้ยังทำได้

     

     

    - ทั้งหมดนั้น ก็เพื่อตัวคุณเอง -

     

     

    THE END

     

     

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×