NO MORE OUR FLAG ไตรรงค์ นายอยู่ไหน? - นิยาย NO MORE OUR FLAG ไตรรงค์ นายอยู่ไหน? : Dek-D.com - Writer
×
NC

คำเตือนเนื้อหา

เรื่องนี้อาจมีเนื้อหาหรือการใช้ภาษา
ที่ไม่เหมาะสม เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน
กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา

อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด

    NO MORE OUR FLAG ไตรรงค์ นายอยู่ไหน?

    โดย BluerifleART

    ไตรรงค์ เด็กหนุ่มที่หนีจากแผ่นดินบ้านเกิดเพื่อหลีกหนีสงครามกลางเมืองความจริงแสนเจ็บปวด แต่แล้วก็ถูกความจริงนั่นให้กลับมาที่แห่งนี้อีกครา เพื่อตามหาพ่อและเพื่อนที่เขาคิดว่าตายไปแล้ว

    ผู้เข้าชมรวม

    138

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    138

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  ซึ้งกินใจ
    จำนวนตอน :  0 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  3 ม.ค. 66 / 00:37 น.
    คำเตือนเนื้อหา NC

    มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ, มีการบรรยายเนื้อหาที่เกี่ยวกับความรุนแรงสูง, มีเนื้อหาที่เครียดหรือหดหู่มาก ซึ่งอาจกระทบต่อภาวะทางจิตใจ

    อีบุ๊กจากนิยาย ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    คำทักทายจากผู้เขียน

    สวัสดีครับ หลายๆท่านคงได้เห็นเรื่องที่ผมเขียนก่อนหน้าเรื่องนี้แล้วยังครับ เพราะมันเกี่ยวข้องกันอยู่เล็กน้อย แต่ช่างมันเถอะเพราะยังเขียนไม่จบเหมือนกัน สำหรับเรื่องนี้ก็เป็น uncompleted นะครับ ผมแค่ทดลองเขียนแนวนี้ดูบ้าง

    ปล.ถ้าชอบอย่าลืมกดไลค์และติดตามกันด้วยนะครับ

    ปล.อีกที อย่าคิดมากนะครับ นิยายกาวๆเนื้อเรื่องออกทะเลและโคตรปญอ.(ด่าตัวเองเจ็บน้อยสุด)

     

    “คุณกล้าได้ยังไง…” รงค์พูดขึ้นขณะที่ตนกำลังถูกมัดอยู่บนเก้าอี้ทรมาณ ในห้องมืดปิดทึบไร้แสงจากตะวัน

    “ขอโทษนะ? หมายความว่าไง?” เสียงพูดจากเครื่องคอมที่โดนดัดแปลงไม่ให้รู้ว่าเป็นเสียงของใคร

    “คุณกล้าได้ยังไงที่บอกว่าผมไม่รักผืนแผ่นดินนี้วะ!!!” เขาตะโกนสุดเสียงโดยไม่รู้ว่าอีกฝั่งจะได้ยินหรือไม่

    “ผมอุทิศชีวิตนี้ให้ชาติและประชาชน เพื่อนของผมต้องมาตายก็เพราะความเลวระยำและความเห็นแก่ตัวของพวกคุณ! และยังมีหน้ามาถามคนอื่นถึงความรักชาติอีก! ก็ในเมื่อชาติไม่เคยมอบความยุติธรรมให้กับพวกเขา! และพวกคุณ…ใช่…พวกมึงทุกตัว คือคนที่พรากความยุติธรรมออกไป!”

    ขณะที่พูดไป ไตรรงค์ หรือ รงค์ ก็ได้มีน้ำตาไหลออกมา มันเป็นน้ำตาแห่งความแค้น ความเสียใจ ความผิดหวัง และหมดหวัง เขานึกคิดว่าชีวิตของเขามาถึงจุดนี้ได้ยังไง

     

    พ.ศ.2581 มากกว่่า 100 กว่าปีที่ประเทศแห่งนี้ได้เปลี่ยนแปลงการปกครองไปสู่ระบอบประชาธิปไตย แต่มันก็ไม่เคยได้เป็นประชาธิปไตยจริงๆ ตลอดเวลามานี้ จนกระทั้งหลังการเลือกตั้งในปี พ.ศ.2566 รัฐบาลที่มาจากพรรคสายกลางและซ้ายได้ร่วมมือกันจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จและผลัดกันเป็นรัฐบาลจากการเลือกตั้งของประชาชน ท่ามกลางความไม่พอใจของพวกฝ่ายขวา ชนชั้นนำและกองทัพ

    สถานการณ์โลกเริ่มครุกรุ่น ความขัดแย้งระหว่างพญาอินทรีขาวเสรีภาพแห่งสหรัฐอเมริกาและพญามังกรแดงแผ่นดินใหญ่แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนเริ่มทวีความขัดแย้งมากยิ่งขึ้น ผลักดันให้รัฐบาลไทยต้องเลือกข้าง แม้จะพยายามเสริมสร้างประชาธิปไตยให้กับประชาชน สร้างสังคมแบบใหม่ เศรษฐกิจใหม่ รัฐสวัสดิการ จนทำให้ไทยได้กลายเป็นชาติในกลุ่มประเทศพัฒนาและประชาธิปไตยกำลังเบ่งบาน เศรษฐกิจเติบโต วิทยาการเทคโนโลยีก้าวกระโดด คนรุ่นใหม่ก็มีความหวังมากขึ้น แต่ขณะเดียวกันกองทัพกลับทำตรงกันข้าม….

    รัฐบาลเอนเอียงเข้าหาพญาอินทรีกับนาโต้เพื่อส่งเสริมความแข็งแกร่งด้านความมั่นคงโดยเฉพาะอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของไทยที่เพิ่มมากขึ้นจนสามารถผลิตอาวุธ อาทิเช่น รถถัง เฮลิคอปเตอร์ เครื่องบินรบยุคที่ 5 (กำลังพัฒนายุคต่อไปเช่นกัน) เรือบรรทุกเครื่องบิน จรวดขีปนาวุธ หรือแม้แต่โดรนสมรรถนะสูง แม้จะได้รับความร่วมมืออย่างดีจากกองทัพในเรื่องนี้ แต่กองทัพนั้นดำเนินนโยบายไปคนละทางกับรัฐบาล…

    ด้วยการสนับสนุนของชนชั้นนำบางส่วนและฝ่ายขวาสุดโต่ง พวกเขาเข้าหาพญามังกรแดงและหมีขาว พยายามเปลี่ยนให้กองทัพนั้นออกจากภายใต้การควบคุมของรัฐบาลหรือประชาชนมาเป็นกองกำลังส่วนตัว รัฐบาลพยายามหาวิธีป้องกันความขัดแย้งนี้ด้วยการจะปฏิรูปกองทัพโดยยกเลิกการเกณฑ์ทหาร ลดขนาดกองทัพและจำนวนของนายพลแต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จเพราะไม่ได้รับความร่วมมือจากกองทัพ

    ความนิยมของกองทัพตกต่ำถึงขีดสุด เมื่อพวกเขาไม่สามารถปกป้องผืนแผ่นดินไทยที่พวกเขาอ้างว่าเป็นผู้รักษาแต่เพียงผู้เดียว บัดนี้ กองกำลังแบ่งแยกดินแดนที่เคยสู้รบกับซีแยหรือชาวสยามผู้รุกรานแผ่นดินของพวกเขามานานกว่าร้อยปี ความฝันที่ได้ปักธงชัยสีแดงขาวและเขียวรูปจันทร์เสี้ยวเหนือเมืองปัตตานีและดินแดนสามจังหวัดชายแดนภาคใต้กลายเป็นประเทศใหม่ในชื่อ สาธารณรัฐปาตานีดารุสลาม ในปี พ.ศ.2572 ก็ได้กลายเป็นจริงพร้อมกับเสียงสัญเสริญพระผู้เป็นเจ้าที่ดั่งสนั่นเหนือคาบสมุทรมลายู

    เมื่อเชื่อถือกองทัพไม่ได้อีกต่อไป รัฐบาลก็ได้ตัดสินใจที่จะหารือคณะรัฐมนตรีเพื่อประกาศจัดตั้งกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ (National Guard) หรือกองกำลังรักษาดินแดน (กรด.) และยังจัดตั้งกระทรวงใหม่ชื่อ กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิไทย (Thai Department of Homeland Security:TDHS) ซึ่งเป็นกองกำลังภาคประชาชน โดยผู้ที่จะสามารถเป็นกองกำลังพิทักษ์ชาติได้นั่นต้องได้รับการฝึกทหารมาอย่างเข้มข้น ก็มีทั้งอดีตทหาร ตำรวจ ทหารพราน ตชด. อส. กรมป่าไม้และประชาชนให้ความสนใจที่จะเข้าร่วม แต่เกือบครึ่งหนึ่งของกองกำลังนี้คือ…..นักศึกษาวิชาทหาร หรือ รด.

    รัฐบาลพยายามลดอำนาจของกองทัพ พวกเขาจึงพยายามที่จะผลักดันให้กองกำลังนศท. ซึ่งมาจากเด็กม.ปลายกับนักศึกษานี้ขึ้นมาเป็นกองกำลังสำรองอย่างแท้จริงเพื่อคอยถ่วงดุลกับกองทัพ ทั้งการเพิ่มหลักสูตรนศท.ให้เป็นการศึกษาภาคบังคับที่เด็กผู้ชายต้องเรียน และยังเปิดรับสมัครเด็กหญิงในอัตราที่สูงขึ้น หลักสูตรที่เข้มขึ้นด้านการฝึก ลดวิชาที่ไม่จำเป็น และยังอัดฉีดงบประมาณจำนวนมากให้กับกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมินี้ รวมไปถึงอนุญาติให้กับประชาชนที่ได้รับการฝึกอาวุธครอบครองอาวุธปืนได้ ซึ่งแน่นอนไม่วายถูกประชาชนหลายฝ่ายวิพากย์วิจารณ์แม้แต่ผู้สนับสนุนรัฐบาลจนคะแนนความนิยมของรัฐบาลลดลง

    แต่กองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิก็ได้พัฒนาจนขึ้นเป็นรูปเป็นร่างอย่างรวดเร็วและมีศักยภาพมากขึ้น แม้ไม่อาจเทียบกับสามเหล่าทัพแต่ก็ไม่สามารถมองข้ามได้จนอาจนำไปสู่ความขัดแย้งในภายภาคหน้า

    แต่นั้นก็ไม่ใช่สิ่งที่ประชาชนทุกคนกลัวและคาดคิดว่ามันจะเกิดขึ้น แต่มันก็เกิดขึ้นอีกครั้งจนได้….

    พ.ศ.2581 กองทัพได้ส่งกองกำลังในสังกัดภาคกลางเข้าควบคุมกรุงเทพฯภายใต้การนำของ คณะกู้ผืนแผ่นดิน เพื่อบีบบังคับให้รัฐบาลลาออกด้วยเหตุผลว่าประชาชนไม่พอใจรัฐบาล การยอมอ่อนข้อต่อการแยกดินแดน การคอรัปชั่นที่เพิ่มขึ้นและการตกเป็นเบี้ยล่างให้พวกชาติตะวันตก สิ่งนี้จึงทำให้กองทัพเสียสัตย์ที่เคยให้้ไว้กับประชาชนว่าจะไม่ยุ่งการเมือง….การรัฐประหารเริ่มขึ้นแล้ว

    แม้จะดูเหมือนการรัฐประหารครั้งก่อน ก็แค่เอารถถังออกมาวิ่งเล่น ปิดถนน ปิดสถานที่ราชการ ประกาศกฎอัยการศึก จับกุมคณะรัฐบาล ซึ่งมันง่ายเหมือนที่พวกเขาเคยทำมาก่อน….แต่แล้ว….พวกเขาคิดผิด

    ประชาชนจะไม่ทนอยู่ภายใต้พวกเผด็จการอีกต่อไป! พวกเขาจับอาวุธลุกขึ้นสู้! โดยมีแกนนำเป็นเหล่านศท.และว่าที่เนชั่นเนลการ์ด คนรุ่นใหม่ นักการเมือง รวมถึงภาคประชาชนและทหารบางส่วนที่ไม่เข้าร่วมคณะกู้ผืนแผ่นดินที่ภายหลังต้องกลายเป็นกบฎเสียเอง…สงครามที่เกิดขึ้นถูกเรียกว่าคือจุดเริ่มต้นของสงครามกลางเมืองไทย ต่างคนต่างพากันเรียกการรัฐประหารครั้งนี้ว่า……การล่มสลายของเมืองพระเจ้า (The Falling of God City)

    เหตุการณ์ทุกอย่่างดูเหมือนจะจบลงแต่กองทัพกบฎกลับไม่ยอมจบ พวกเขาตัดสินใจทำลายเมืองหลวงแห่งเทพทิ้ง เมื่อไร้อำนาจศูนย์กลาง ดินแดนต่างๆที่เคยรวมภายใตธงไตรรงค์ก็แตกสลาย….

    ดินแดนที่ยังขึ้นตรงต่อรัฐบาลประชาธิปไตยถูกเรียกว่า เดโมแครซี่สเตท (Democracy State) และสถาปนาเป็น สาธารณรัฐไทย (Republic of Thailand)

    ดินแดนที่ถูกฝ่ายกบฎของทหารคณะกู้ผืนแผ่นดินยึดครองถูกเรียกว่า มิลิทารี่สเตท (Military State) และสถาปนาเป็น สหภาพแห่งรัฐไทย (Union of Thailand State)

    นอกจากนี้ยังมีดินแดนหลายๆที่ถูกโจมตีและยึดครองโดยกองกำลังต่างชาติจากประเทศเพื่อนบ้าน และเขตแดนก็ไม่ชัดเจน เป็นดินแดนทับซ้อนสะส่วนมาก อาณาจักรรัตนโกสินทร์ล่มสลายเสียแล้ว…

     

    แนะนำตัวละคร

    นายไตรรงค์  ปฏิญาณ หรือ รงค์ ชายหนุ่ม 24 ปี อดีตนศท. และกรด. จากกรุงเทพฯ ตอนนี้เขาเป็นเพียงผู้ลี้ภัยที่อาศัยอยู่ในประเทศนิวซีแลนด์กับแม่ของเขา พยายามลืมทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อ 3 ปีก่อน ความเจ็บปวดที่พยายามทำร้ายกัดกินหัวใจของเขาจากเด็กหนุ่มที่เคยร่าเริงกลายเป็นชายเก็บตัว ไม่พูดไม่จากับใคร และเขายังต้องต่อสู้กับฝันร้ายและผลกระทบกระเทือนทางจิตใจจากสงคราม

    นางสาวอิษราวดี  แก้วปิ่น หรือ ทราย หญิงสาววัย 19 ปี นักศึกษาแพทย์สาวที่ตอนนี้เธอกลายเป็นสารวัตรหญิงกองกำลังรักษาดินแดนสังกัดกองกำลังแห่งสาธารณรัฐปลดแอกภาคใต้ (Southern Liberation's Republic Force) เธอยึดมั่นในความยุติธรรมและเกลียดสงคราม เธอทำหน้าที่สืบสวนและปราบปรามยาเสพติดภัยร้ายในช่วงสันติภาพหลอกๆนี้ เหมือนที่พ่อและพี่สาวของเธอเคยทำ

     

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    คำนิยม Top

    ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

    คำนิยมล่าสุด

    ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

    ความคิดเห็น