NO MORE OUR FLAG ไตรรงค์ นายอยู่ไหน?
ไตรรงค์ เด็กหนุ่มที่หนีจากแผ่นดินบ้านเกิดเพื่อหลีกหนีสงครามกลางเมืองความจริงแสนเจ็บปวด แต่แล้วก็ถูกความจริงนั่นให้กลับมาที่แห่งนี้อีกครั้งเพื่อทำภารกิจในนามของทหารเพื่อปกป้องชาติและประชาชน
ผู้เข้าชมรวม
208
ผู้เข้าชมเดือนนี้
1
ผู้เข้าชมรวม
มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ, มีการบรรยายเนื้อหาที่เกี่ยวกับความรุนแรงสูง, มีเนื้อหาที่เครียดหรือหดหู่มาก ซึ่งอาจกระทบต่อภาวะทางจิตใจ
กองทัพไทย สงคราม การเมือง ทหาร สงครามกลางเมือง สืบสวน ลึกลับ ซึ่งกินใจ จิตตก เสียดสี ความขัดแย้ง ดราม่า
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
คำทักทายจากผู้เขียน
สวัสดีครับ หลายๆท่านคงได้เห็นเรื่องที่ผมเขียนก่อนหน้าเรื่องนี้แล้วยังครับ เพราะมันเกี่ยวข้องกันอยู่เล็กน้อย แต่ช่างมันเถอะเพราะยังเขียนไม่จบเหมือนกัน สำหรับเรื่องนี้ก็เป็น uncompleted นะครับ ผมแค่ทดลองเขียนแนวนี้ดูบ้าง
ปล.ถ้าชอบอย่าลืมกดไลค์และติดตามกันด้วยนะครับ
ปล.อีกที อย่าคิดมากนะครับ นิยายกาวๆ เนื้อเรื่องออกทะเลและโคตรปญอ.(ด่าตัวเองเจ็บน้อยสุด) แต่ก็จะมีความสมจริง(มั้ยไม่รู้) ด้วยความที่ผมชอบดูหนัง อนิเมะ เกมส์ แนวทหารและสงครามแล้วก็เลยนำแรงบันดาลใจพวกนี้มาเขียนนิยายเรื่องนี้
“คุณกล้าได้ยังไง…” รงค์พูดขึ้นขณะที่ตนกำลังถูกมัดอยู่บนเก้าอี้ทรมาณ ในห้องมืดปิดทึบไร้แสงจากตะวัน
“ขอโทษนะ? หมายความว่าไง?” เสียงพูดจากเครื่องคอมที่โดนดัดแปลงไม่ให้รู้ว่าเป็นเสียงของใคร
“คุณกล้าได้ยังไงที่บอกว่าผมไม่รักผืนแผ่นดินนี้วะ!!!” เขาตะโกนสุดเสียงโดยไม่รู้ว่าอีกฝั่งจะได้ยินหรือไม่
“ผมอุทิศชีวิตนี้ให้ชาติและประชาชน เพื่อนของผมต้องมาตายก็เพราะความเลวระยำและความเห็นแก่ตัวของพวกคุณ! และยังมีหน้ามาถามคนอื่นถึงความรักชาติอีก! ก็ในเมื่อชาติไม่เคยมอบความยุติธรรมให้กับพวกเขา! และพวกคุณ…ใช่…พวกมึงทุกตัว คือคนที่พรากความยุติธรรมออกไป!”
ขณะที่พูดไป ไตรรงค์ หรือ รงค์ ก็ได้มีน้ำตาไหลออกมา มันเป็นน้ำตาแห่งความแค้น ความเสียใจ ความผิดหวัง และหมดหวัง เขานึกคิดว่าชีวิตของเขามาถึงจุดนี้ได้ยังไง
พ.ศ.2581 มากกว่่า 100 กว่าปีที่ประเทศแห่งนี้ได้เปลี่ยนแปลงการปกครองไปสู่ระบอบประชาธิปไตย แต่มันก็ไม่เคยได้เป็นประชาธิปไตยจริงๆ ตลอดเวลามานี้
พ.ศ.2566 การเลือกตั้งได้ผลที่รู้แน่ชัด รัฐบาลที่มาจากพรรคสายกลางและขวาได้ร่วมมือกันจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ แต่การเติบโตของพรรคฝ่ายซ้ายหัวก้าวหน้าก็ไม่มีท่าทีว่าหยุดลง ท่ามกลางความไม่พอใจของพวกฝ่ายขวา ชนชั้นนำและกองทัพ และยิ่งใช้กฎหมา(ย)นิติสงครามในการเล่นงานฝ่ายตรงข้ามก็จะยิ่งทำให้ฝั่งอนุรักษ์นิยมเริ่มเสียคะแนน และสร้างความโกรธแค้นของประชาชนที่มีต่อฝั่งอำนาจนิยมมากขึ้น และการเกิดขึ้นของฝั่งซ้ายหัวรุนแรงก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน
พ.ศ.2568 สถานการณ์โลกตอนนี้เริ่มครุกรุ่น 3 ปีแล้วที่สงครามรัสเซียกับยูเครนปะทุ พญาหมีขาวยังคงดื้อดึงจะทำสงครามต่อไปอย่างไม่มีท่าว่าจะจบ และความขัดแย้งระหว่างพญาอินทรีขาวเสรีภาพแห่งสหรัฐอเมริกาและพญามังกรแดงแผ่นดินใหญ่แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนเริ่มทวีความขัดแย้งมากยิ่งขึ้น ผลักดันให้รัฐบาลไทยต้องเลือกข้าง แม้จะพยายามเสริมสร้างประชาธิปไตยให้กับประชาชน สร้างสังคมแบบใหม่ เศรษฐกิจใหม่ รัฐสวัสดิการ จนทำให้ไทยได้กลายเป็นชาติในกลุ่มประเทศพัฒนาและประชาธิปไตยกำลังเบ่งบาน(?) เศรษฐกิจเติบโต วิทยาการเทคโนโลยีก้าวกระโดด คนรุ่นใหม่ก็มีความหวังมากขึ้น แต่ขณะเดียวกันกองทัพกลับทำตรงกันข้าม….
รัฐบาลเอนเอียงเข้าหาพญาอินทรีกับนาโต้เพื่อส่งเสริมความแข็งแกร่งด้านความมั่นคงโดยเฉพาะอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของไทยที่เพิ่มมากขึ้นจนสามารถผลิตอาวุธ อาทิเช่น รถถัง เฮลิคอปเตอร์ เครื่องบินรบยุคที่ 5 (กำลังพัฒนายุคต่อไปเช่นกัน) เรือบรรทุกเครื่องบิน จรวดขีปนาวุธ หรือแม้แต่โดรนสมรรถนะสูง แม้จะได้รับความร่วมมืออย่างดีจากกองทัพในเรื่องนี้ แต่กองทัพนั้นดำเนินนโยบายไปคนละทางกับรัฐบาล…
ด้วยการสนับสนุนของชนชั้นนำบางส่วนและฝ่ายขวาสุดโต่ง พวกเขาเข้าหาพญามังกรแดงและหมีขาว พยายามเปลี่ยนให้กองทัพนั้นออกจากภายใต้การควบคุมของรัฐบาลหรือประชาชนมาเป็นกองกำลังส่วนตัว รัฐบาลพยายามหาวิธีป้องกันความขัดแย้งนี้ด้วยการจะปฏิรูปกองทัพโดยยกเลิกการเกณฑ์ทหาร ลดขนาดกองทัพและจำนวนของนายพลแต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จเพราะไม่ได้รับความร่วมมือจากกองทัพ
พ.ศ.2569 กรุงเทพมหานครเสี่ยงถูกจมน้ำจากภาวะโลกร้อนทำให้น้ำทะเลสูงขึ้นเรื่อยๆ คณะรัฐบาลมีการเสนอที่จะย้ายเมืองหลวงแต่ถูกต่อต้านอย่างหนัก จึงได้มีการทำโครงการ สร้างเขื่อนกั้นปากแม่น้ำเจ้าพระยาแบบเดียวกับเนเธอแลนด์ ซึ่งใช้งบประมาณมหาศาล แต่ก็จะคุ้มค่ากับการที่ไม่ต้องย้ายเมืองหลวงไปยังที่แห่งใหม่
พ.ศ.2572 ความนิยมของกองทัพตกต่ำถึงขีดสุด เมื่อพวกเขาไม่สามารถปกป้องผืนแผ่นดินไทยที่พวกเขาอ้างว่าเป็นผู้รักษาแต่เพียงผู้เดียว บัดนี้ กองกำลังแบ่งแยกดินแดนที่เคยสู้รบกับพวกซีแยหรือชาวสยามผู้รุกรานแผ่นดินของพวกเขามานานกว่าร้อยปี ความฝันที่ได้ปักธงชัยสีแดงขาวและเขียวรูปจันทร์เสี้ยวเหนือเมืองปัตตานีและดินแดนสามจังหวัดชายแดนภาคใต้กลายเป็นประเทศใหม่ในชื่อ สาธารณรัฐปาตานีดารุสลาม ก็ได้กลายเป็นจริงพร้อมกับเสียงสัญเสริญพระผู้เป็นเจ้าที่ดังสนั่นเหนือคาบสมุทรมลายู
"สงครามปฏิวัติปาตานี" ได้ระเบิดขึ้นพร้อมกับการระดมพลครั้งใหญ่ที่สุดของกองทัพไทยนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 ทหารกองประจำการ ทหารกองเกิน หรือแม้แต่กองกำลังสำรองหรือเหล่า รด. หรือ นศท. ก็ถูกเรียกเข้าประจำการเตรียมพร้อมสู้เพื่อชาติ เหตุการณ์นี้เกือบจบลงด้วยความพ้ายแพ้ของกองทัพไทยและสหรัฐที่ทหารรบพิเศษไทย 50 กว่านายและรบพิเศษสหรัฐกว่า 20 นายถูกปิดล้อมที่เมืองปัตตานีพร้อมที่จะถูกสังหารโดยกองทัพของพระเจ้า เหตุการณ์ดูเหมือนจะเลวร้ายและสิ้นหวังขั้นสุด แต่แล้ว…ปาฎิหารย์แห่งยะรัง ก็ได้ทำให้สถานการณ์ของสงครามนี้ผลิกจากหน้ามือเป็นหลังตีนทันที เมื่อหน่วยยุวชนทหารกลุ่มหนึ่ง ภายใต้การนำของว่าที่ร้อยตรี เทริด นำกำลัง นศท. เฉพาะกิจพิเศษ ชั้นปีที่ 3 - 5 กว่าร้อยนายฝ่าวงล้อมก่อกวนแนวรบของฝ่ายยูแวจนสามารถช่วยชีวิตของทหารไทยและสหรัฐได้กลับบ้านไปหาครอบครัว แม้จะต้องสูญเสียกำลังพลไปบางส่วน
เมื่อเชื่อถือกองทัพไม่ได้อีกต่อไป รัฐบาลก็ได้ตัดสินใจที่จะหารือคณะรัฐมนตรีเพื่อประกาศจัดตั้งกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ (National Guard) หรือกองกำลังรักษาดินแดน (กรด.) และยังจัดตั้งกระทรวงใหม่ชื่อ กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิไทย (Thai Department of Homeland Security : TDHS) ซึ่งเป็นกองกำลังภาคประชาชน โดยผู้ที่จะสามารถเป็นกองกำลังพิทักษ์ชาติได้นั่นต้องได้รับการฝึกทหารมาอย่างเข้มข้น ก็มีทั้งอดีตทหาร ตำรวจ ทหารพราน ตชด. อส. กรมป่าไม้และประชาชนให้ความสนใจที่จะเข้าร่วม แต่เกือบครึ่งหนึ่งของกองกำลังนี้คือ…..นักศึกษาวิชาทหาร หรือ รด.
รัฐบาลพยายามลดอำนาจของกองทัพ พวกเขาจึงพยายามที่จะผลักดันให้กองกำลังนศท. ซึ่งมาจากเด็กม.ปลายกับนักศึกษานี้ขึ้นมาเป็นกองกำลังสำรองอย่างแท้จริงเพื่อคอยถ่วงดุลกับกองทัพ ทั้งการเพิ่มหลักสูตรนศท.ให้เป็นการศึกษาภาคบังคับที่เด็กผู้ชายต้องเรียน และยังเปิดรับสมัครเด็กหญิงในอัตราที่สูงขึ้น หลักสูตรที่เข้มขึ้นด้านการฝึก ลดวิชาที่ไม่จำเป็น และยังอัดฉีดงบประมาณจำนวนมากให้กับกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมินี้ รวมไปถึงอนุญาติให้กับประชาชนที่ได้รับการฝึกอาวุธครอบครองอาวุธปืนได้ ซึ่งแน่นอนไม่วายถูกประชาชนหลายฝ่ายวิพากย์วิจารณ์แม้แต่ผู้สนับสนุนรัฐบาลจนคะแนนความนิยมของรัฐบาลลดลง และข้อครหาของเหล่าที่ 5 นี้ว่าจะมีประสิทธิภาพตามที่โฆษณาชวนเชื่อหรือไม่
แต่กองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิก็ได้พัฒนาจนขึ้นเป็นรูปเป็นร่างอย่างรวดเร็วและมีศักยภาพมากขึ้น แม้ไม่อาจเทียบกับสามเหล่าทัพแต่ก็ไม่สามารถมองข้ามได้จนอาจนำไปสู่ความขัดแย้งในภายภาคหน้า
พ.ศ.2580 เขื่อนกั้นปากแม่น้ำเจ้าพระยาก็สร้างแล้วเสร็จ มีการตั้งชื่อเขื่อนแห่งนี้ว่า “เขื่อนเจ้าพระยา” นับเป็นความสำเร็จของรัฐบาลประชาธิปไตยครั้งใหญ่ที่สุด
สิ่งที่ประชาชนทุกคนกลัวและคาดคิดว่ามันจะเกิดขึ้น และมัน…ก็เกิดขึ้นอีกครั้งจนได้….
พ.ศ.2581 กองทัพได้ส่งกองกำลังในสังกัดภาคกลางและภาคใต้เข้าควบคุมกรุงเทพฯ ภายใต้การนำของ คณะกู้ผืนแผ่นดิน (คกผ.) เพื่อบีบบังคับให้รัฐบาลลาออกด้วยเหตุผลว่าประชาชนไม่พอใจรัฐบาล การยอมอ่อนข้อต่อการแยกดินแดน การคอรัปชั่นที่เพิ่มขึ้นและการตกเป็นเบี้ยล่างให้พวกชาติตะวันตก สิ่งนี้จึงทำให้กองทัพเสียสัตย์ที่เคยให้้ไว้กับประชาชนว่าจะไม่ยุ่งการเมือง….การรัฐประหารเริ่มขึ้นแล้ว
แม้จะดูเหมือนการรัฐประหารครั้งก่อน ก็แค่เอารถถังออกมาวิ่งเล่น ปิดถนน ปิดสถานที่ราชการ ประกาศกฎอัยการศึก จับกุมคณะรัฐบาล ซึ่งมันง่ายเหมือนที่พวกเขาเคยทำมาก่อน….แต่แล้ว….พวกเขาคิดผิด
ประชาชนจะไม่ทนอยู่ภายใต้พวกเผด็จการอีกต่อไป! พวกเขาจับอาวุธลุกขึ้นสู้! โดยมีแกนนำเป็นเหล่านศท.และว่าที่เนชั่นเนลการ์ด คนรุ่นใหม่ นักการเมือง รวมถึงภาคประชาชนและทหารบางส่วนที่ไม่เข้าร่วมคณะกู้ผืนแผ่นดินที่ภายหลังต้องกลายเป็นกบฎเสียเอง…สงครามที่เกิดขึ้นถูกเรียกว่าคือจุดเริ่มต้นของสงครามกลางเมืองไทย ต่างคนต่างพากันเรียกการรัฐประหารครั้งนี้ว่า……การล่มสลายของเมืองพระเจ้า (Falling of the God City)
เหตุการณ์ทุกอย่่างดูเหมือนจะจบลงแต่กองทัพกบฎกลับไม่ยอมจบ พวกเขาตัดสินใจทำลายเมืองหลวงแห่งเทพทิ้ง เมื่อไร้อำนาจศูนย์กลาง ดินแดนต่างๆที่เคยรวมภายใตธงไตรรงค์ก็แตกสลาย….
ดินแดนที่ยังขึ้นตรงต่อรัฐบาลประชาธิปไตยถูกสถาปนาเป็น สาธารณรัฐไทย (Republic of Thailand) ประกอบด้วยพื้นที่ของภาคกลางบางส่วน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออกบางส่วน มีเมืองหลวงที่ นครโคราช อดีดอำเภอเมืองนครราชสีมา
ดินแดนที่ถูกฝ่ายกบฎของทหารคณะกู้ผืนแผ่นดินยึดครองถูกสถาปนาเป็น สหภาพแห่งรัฐไทย (Union of Thailand State) ประกอบด้วยพื้นที่ของภาคกลางบางส่วนและภาคใต้ มีเมืองหลวงที่ สุราษฎร์มหานครธานี อดีดอำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี
นอกจากนี้ยังมีดินแดนอื่นที่ได้ขอแยกตัวไปหลังจากรัฐบาลส่วนกลางได้ล่มสลาย คือ
ราชรัฐล้านนา ประเทศใหม่ที่ถูกสถาปนาโดยนักการเมืองผู้มีอิทธิพลชาวเชียงใหม่ซึ่งได้อ้างว่าเป็นผู้สืบเชื้อสายเจ้าของพญามังราย มีดินแดนเป็นอดีตจังหวัดบางส่วนในภาคเหนือ มีเมืองหลวงที่ นครพิงค์เชียงใหม่ อดีดอำเภอเมืองเชียงใหม่
รัฐราชนาวีสัตหีบ-พัทยา รัฐทหารของเหล่าลูกประดู่ ผู้เกลียดชังรัฐบาลและนักการเมือง และเป็นศัตรูกับกองทัพบกมาโดยตลอด มีศูนย์กลางการปกครองอยู่ที่ สัตหีบ อดีตฐานทัพเรือที่ใหญ่ที่สุดของชาติ ประกอบด้วยพื้นที่ของภาคตะวันออก
และยังมีดินแดนหลายๆที่ถูกโจมตีและยึดครองโดยกองกำลังต่างชาติจากประเทศเพื่อนบ้าน หรือกองกำลังผีบุญในภาคอีสานที่กำลังอาศัยจังหวะนี้ในการลุกฮือ และเขตแดนก็ไม่ชัดเจน เป็นดินแดนทับซ้อนสะส่วนมาก อาณาจักรรัตนโกสินทร์ล่มสลายเสียแล้ว…
แนะนำตัวละคร
นายไตรรงค์ ปฏิญาณ (รงค์) ชายหนุ่ม 24 ปี อดีตนศท. และกรด. จากกรุงเทพฯ ตอนนี้เขาเป็นเพียงผู้ลี้ภัยที่อาศัยอยู่ในประเทศนิวซีแลนด์กับแม่ของเขา พยายามลืมทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อ 3 ปีก่อน ความเจ็บปวดที่พยายามทำร้ายกัดกินหัวใจของเขาจากเด็กหนุ่มที่เคยร่าเริงกลายเป็นชายเก็บตัว ไม่พูดไม่จากับใคร และเขายังต้องต่อสู้กับฝันร้ายและผลกระทบกระเทือนทางจิตใจจากสงคราม
นางสาวอิษราวดี แก้วปิ่น (ทราย) สาววัย 19 ปี นักศึกษาแพทย์สาวที่ตอนนี้เธอกลายเป็นสารวัตรหญิงกองกำลังรักษาดินแดนสังกัดกองกำลังแห่งสาธารณรัฐปลดแอกภาคใต้ (Southern Liberation's Republic Force) เธอยึดมั่นในความยุติธรรมและเกลียดสงคราม เธอทำหน้าที่สืบสวนและปราบปรามยาเสพติดภัยร้ายในช่วงสันติภาพ
หลอกๆ นี้ เหมือนที่พ่อของเธอเคยทำ
นายนพคุณ ศรุตานนท์ (นพ) เด็กมัธยมวัย 17 ปี หลังจากที่พึ่งเรียนจบจากชั้นมัธยมปลายก็ได้สมัครมาเป็น นศท. ที่แนวหน้าของสหภาพ ซึ่งมันได้สร้างคำถามมากมายให้แก่เขา ทั้งเรื่องการทุจริตของพวกนายทหารและการที่ต้องฆ่าคนร่วมชาติว่ามันเป็นสิ่งที่ต้องทำจริงๆ งั้นเหรอ และมันจะส่งผลต่อการเลือกฝ่ายของเขาในภายหลัง
ผลงานอื่นๆ ของ BluerifleART ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ BluerifleART
ความคิดเห็น