ซามูไรสุดแกร่งเกิดใหม่ในต่างโลก

บทนำ

ยามค่ำคืนภายใต้แสงจันทร์ที่สาดส่องมีกองทัพกำลังสู้รบกับชายคนหนึ่งดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วป่า“บุกเข้าอย่าไปกลัวมัน” ทหารบนหลังม้านายหนึ่งตะโกนออกคำสั่ง

“หึ เจ้าพวกโง่อยากตายกันมากสินะ ได้เดี๋ยวจัดให้” ภายใต้แสงจันทร์สีเหลืองที่สาดส่องได้เผยให้เห็นชายคนหนึ่งมีสีผมขาวที่ถูกย้อมไปด้วยเลือดจนกลายเป็นสีแดงฉานกำลังยืนแสยะยิ้มอยู่ เขาได้ตวัดดาบที่อยู่ในมือและพูดว่า “เพลงดาบเทพ4ทิศ ซูซาคุ” ทันใดนั้นเองได้มีนกฟินิกส์พุ่งมายังกองทัพที่กำลังบุกไปหาชายคนนั้น และแผดเผากองทัพไปมากกว่าครึ่ง “อ๊ากกกก” เสียงโหยหวนของเหล่าทหารที่ร้องโอดครวญด้วยความทรมานจากเพลิงที่กำลังแผดเผา “นี่มันอะไรกัน เจ้านั่นใช่มนุษย์จริงรึ” เสียงชายแก่คนหนึ่งที่อยู่บนหลังม้าด้านหน้ากองกำลังที่อยู่หลังสุดเอ่ยด้วยความตระหนก “ท่านโชกุนขอรับ สถานการณ์ตอนนี้กองทัพ1ล้านคนของเราเหลือไม่ถึงครึ่งแล้ว ขอรับ” 

“คงต้องถอยไปตั้งหลักก่อน” ชายแก่เตรียมตัวที่จะถอยทัพ แต่ทันใดนั้นชายหนุ่มผมขาวก็บุกทะลวงมาถึงทัพหลังสุดแล้ว “จะรีบไปไหนล่ะอิเอยาสุ ไม่ใช่ว่าแกมาฆ่าข้าอย่างนั้นเหรอ” ชายหนุ่มกล่าวทักทายพร้อมกับฟันทหารที่พยายามเข้ามาขวางออกเป็นสองท่อนจนเลือดกระเด็นไปโดนตัวของโชกุน โชกุนตกใจเป็นอย่างมากจนทำให้เขาตกจากหลังม้า เหล่าทหารที่เห็นต่างก็พากันวิ่งมาขวางไว้ ชายหนุ่มผมขาวจึงได้ปล่อยซูซาคุอีกครั้งทำให้ทหารที่เหลือทั้งหมดถูกเปลวเพลิงแผดเผา และตอนนี้ท่ามกลางเปลวเพลิงได้เหลือเพียงแค่โชกุนที่กำลังสั่นเทาด้วยความกลัวกับชายหนุ่มผมขาวมีเลือดเต็มตัวเท่านั้น “ข้า…ข้าขอโทษปล่อยข้าไปเถอะ อย่าฆ่าข้าเลยข้าสัญญาข้าจะไม่ยุ่งกับเจ้าอีกแล้ว” โชกุนอ้อนวอนขอร้องด้วยความกลัวสภาพของเขาตอนนี้แทบไม่เหลือเค้าเดิมของโชกุนเลย “สายไปแล้วแหละ เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นมันเป็นเพราะความหวาดระแวงของแกเองและอีกอย่างการที่แกได้สังหารยัยนั่น หนะมันเป็นเรื่องที่ข้าไม่สามารถให้อภัยได้ จงตายซะ” เมื่อพูดจบชายหนุ่มได้ตัดหัวของโชกุนออกด้วยความรวดเร็ว หัวของโชกุนตกลงพื้นและแววตายังขยับไปมาเล็กน้อยก่อนที่จะแน่นิ่งไปทั้งอย่างนั้น…….

            ณ ที่แห่งหนึ่งในหุบเขามีป้ายหลุมศพสลักชื่อไว้ว่า โคโยโนะ มิเอะ ได้มีชายคนหนึ่งที่มีผมสีขาวเนื้อตัวเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดเดินมาพร้อมกับห่อผ้าที่รูปทรงเหมือนก้อนอะไรสักอย่างกลมๆ “ข้ามาแล้วยัยบ้า ข้าแก้แค้นให้เจ้าได้สำเร็จแล้ว” ชายหนุ่มได้แกะห่อผ้านั้นเผยให้เห็นหัวของโชกุน เขาได้โยนไปไว้หน้าหลุมศพก่อนที่เขาจะนั่งลงข้างๆหลุมศพแล้วกอดอกพร้อมกับหลับตา “นี่ยัยบ้า เจ้ารู้มั้ยว่าการที่ไม่มีเจ้าคอยมาปั่นประสาทข้า มันทำให้ข้าเหงามากเลยข้าหวังว่าสักวันนึงข้าจะได้พบกับเจ้าอีกครั้งในที่ไหนสักแห่งนะ” หลังจากที่เขาพูดกับหลุมศพเสร็จชายหนุ่มก็ได้นั่งหลับตาอยู่อย่างนั้นโดยที่ไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลย……..

            แง แง แง ณ บ้านหลังหนึ่งที่ตั้งอยู่กลางทุ่งหญ้ามีเสียงเด็กทารกแรกเกิดกำลังร้องอย่างเสียงดัง “ยินดีด้วยนะพ่อหนุ่มเธอได้ลูกชาย” เสียงหญิงชราคนหนึ่งที่เพิ่งทำคลอดเดินออกมาบอกชายหนุ่มผมสีม่วงที่กำลังรออยู่นอกห้อง เมื่อได้ยินดังนั้นชายหนุ่มจึงได้รีบเดินเข้าห้องไปดูลูกและภรรยาของเขาที่กำลังนอนอยู่บนเตียง “ที่รักคุณเป็นยังไงบ้าง ไหนผมขอดูลูกของเราหน่อย”  ชายหนุ่มได้อุ้มเด็กทารกขึ้นมาด้วยความทะนุถนอมและมองดูเด็กทารกที่กำลังส่งเสียงร้องอย่างอ่อนโยน “โอ๋ๆๆ หน้าตาน่ารักจังเลยแก้ม ดูเหมือนคุณมากเลย” 

“ไหนฉันขอดูมั่งสิ” ชายหนุ่มได้ยื่นเด็กไปให้กับหญิงสาวที่กำลังนอนอยู่บนเตียง เธอเผยอตัวขึ้นมาเพื่อมองลูกน้อยของเธอ ในขณะเดียวกันนั้นเอง “ที่นี่ที่ไหน แล้วเจ้านี่คือใคร ทำไมร่างกายข้าถึงกลายเป็นเช่นนี้หละแล้วทำไมข้าถึงพูดไม่ได้” เด็กทารกคิดในใจ ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับตัวเขา จากชายผู้ที่สามารถฆ่ากองทัพได้1ล้านคนแต่ตอนนี้กลับถูกอุ้มโดยใครก็ไม่รู้ที่เขาไม่รู้จัก “คุณว่าลูกของเราควรจะชื่อว่าอะไรดี” เสียงหญิงสาวผมสีขาวได้ถามขึ้นหลังจากที่มองดูหน้าลูกของเธอ “ออลเดน ดีมั้ย” 

“ก็ดีนะชื่อคล้ายกับคุณเลยออลเดนกับวอร์เรน”

“งั้นต่อจากนี้ไปลูกจะชื่อว่า ออลเดน แลงกลาเวียร์” ชายหนุ่มผมม่วงอุ้มลูกของเขาขึ้นมาก่อนที่เขาจะยิ้มด้วยความปรีติ 10ปีต่อมา…………….

   ข้าซากายามะ เรียว ไม่สิในชาตินี้ข้ามีนามว่าออลเดน แลงกลาเวียร์ ในชาติก่อนข้าคือซามูไรที่สามารถพิชิตกองทัพ1ล้านคนของโชกุนได้ด้วยตัวคนเดียวแต่หลังจากข้าตายจากความเศร้าและความเสียใจข้าก็ได้มาเกิดใหม่ในโลกนี้โดยที่ยังมีความทรงจำจากชาติที่แล้วอยู่ ข้าก็ไม่รู้หรอกนะว่าทำไมข้าถึงได้มาเกิดใหม่แต่ใครจะสนหละเพราะตอนนี้ดูเหมือนว่าโลกนี้น่าจะสนุกกว่าโลกเดิมของข้าเยอะเลย ไหนจะมีทั้งเวทย์มนตร์ และสัตว์อสูรมากมายที่ข้าไม่เคยเห็น ข้าตั้งใจไว้แล้วชีวิตของข้าในชาตินี้จะผจญภัยไปให้ทั่วทุกที่ใช้ชีวิตให้คุ้มไปเลยและเผื่อว่าสักวันข้าจะได้พบใครสักคนที่เหมือนกับมิเอะ ในโลกนี้