รักไม่ตั้งใจบนรถเมล์สายยุ่งเหยิง
รถโดยสารคันหนึ่งแล่นจอดเทียบกับป้ายรถเมล์ช้า ๆ ผู้คนที่ยืนรอต่างพากันเบียดเสียดกันขึ้นปบนรถที่ผู้คนถูกอัดแน่นอยู่บนนั้นเหมือนปลากระป๋อง ความวุ่นวายในสังคมเริ่มต้นขึ้น คนขับรถบีบแตรดังลั่นเพื่อเตือนว่าอีกไม่นานรถจะออกจากป้ายในไม่ช้านี้ สักพักรถเมล์คันนั้นก็วิ่งจากไป ทิ้งไว้แค่เขม่าควันสีดำกับกลิ่นไม่พึงประสงค์จากท่อไอเสีย
ผมเป็นอีกคนท่ามกลางความวุ่นวายในสังคมยามเช้า ผมเดินถอยหลังไปนั่งที่เก้าอี้รอรถอย่างเหนื่อยล้า ที่จริงแล้วผมต้องขึ้นรถเมล์คันนั้นไปโรงเรียน แต่ช่างมันเหอะ.. วันนี้ผมขี้คร้านจะไปเบียดเสียดบนรถเมล์คันเล็ก ๆ ที่อัดแน่นไปด้วยผู้คนแบบนั้น สักพักรถเมล์คันใหม่ก็จอดเทียบป้าย ผมเงยหน้าขึ้นมองแล้วรีบเดินขึ้นรถไป เบาะนั่งเหลือหลายที่เชียวล่ะ คนไม่เยอะมากนัก ผมก้าวขึ้นไปบนรถและจับจองที่นั่งด้านหลังสุดริมหน้าต่าง ผมหย่อนตัวลงบนพนักเก้าอี้ จ้องมองออกไปด้านนอกด้วยดวงตาเหม่อลอย
ผมชอบมองคนอื่นจากที่นั่งตรงนี้มากกว่าให้คนอื่นจ้องมองผม รถเมล์แล่นออกจากป้ายช้า ๆ ลมเย็น ๆ พัดเข้ามาด้านในรถพร้อม ๆ กับมลพิษทางอากาศ ผมเบือนหน้าหนีเมื่อกลุ่มเขม่าควันสีดำลอยเข้ามา ผมไอออกมาหลายทีติดต่อกัน ก่อนจะตัดสินใจปิดหน้าต่างรถลงเพราะทนไม่ได้
หญิงสาวผมยาวถือกระเป๋าหนังสีดำยืนอยู่ริมฟุตบาทกำลังรอรถอยู่ป้ายถัดไป มองเผิน ๆ เธอก็ไม่ใช่คนที่สวยและดูโดดเด่นอะไร แต่ผมจ้องเพราะเห็นเธอทำหน้าไม่สบอารมณ์มากนัก เหมือนเธอกำลังผิดหวังจากอะไรมา ใบหนาบูดบึ้ง ไร้อารมณ์ รถจอดเทียบฟุตบาท เธอเดินไปขึ้นรถจากประตูด้านหน้า เธอสบตากับผมเล็กน้อย ก่อนจะนั่งลงบนเบาะที่ว่างอยู่แถวกลาง ๆ คันรถ
รถแล่นออกจากป้ายอีกครั้ง สายลมพัดเข้ามาในรถทำให้เส้นผมของเธอพลิ้วไปตามกระแสลมเย็น ๆ นั่น แต่ก็อย่างที่ผมว่าล่ะครับ ลมที่กรุงเทพมักจะมาพร้อมเขม่าควันและมลพิษทั้งนั้น ผมจ้องมองว่าเธอจะยังไงต่อไป
แล้วเธอก็ยืนขึ้น!!
อ๋อ.. เธอลุกให้ยายแก่คนหนึ่งนั่ง คุณยายหลัวค่อมโค้งและยิ้มขอบคุณหล่อนเล็กน้อย เธอยิ้มตอบ ช่างเป็นยิ้มที่สะดุดตาจริง ๆ ครับ แก้มของหล่อนบุ๋มลงเป็นลักยิ้ม หัวใจผมเต้นผิดจังหวะไปครั้งหนึ่ง
อา.. ผมหลงรักเธอเข้าแล้วล่ะ!!
แล้วชีวิตแบบเดิม ๆ เหมือนเทปเล่นกลับไปกลับมาของผมก็เปลี่ยนแปลงไป หลังจากวันนั้นผมจะขึ้นรถเมล์สายนั้น เวลานั้น ผมยอมไปโรงเรียนสายเพื่อนจะเห็นหน้าเธอก่อนไปโรงเรียน ทุก ๆ เย็นผมก็จะเห็นเธอกลับบ้านพร้อมกับเพื่อน ๆ กลุ่มไม่ใหญ่นัก ดูเธอเป็นคนขี้อายเพราะเธอไม่ค่อยจะพูดมากนัก แต่จะนั่งฟังเพื่อน ๆ คุยแล้วก็หัวเราะหรือพูดขึ้นในบางครั้ง บางวันเธอก็ขึ้นรถมาคนเดียว เธอจะหยิบหนังสืออกมาอ่านบ้าง ฟังเพลงจากเครื่องเล่นอันเล็กบ้าง หรือบางวัน.. เธอก็จะเอาศรีษะพิงกับหน้าต่างแล้วหลับ พอใกล้จะถึงป้ายเธอก็จะรู้สึกตัวขึ้นมา
บางทีเธอคงสงสัยล่ะมั้งว่ามีคนแอบจ้องเธอมาจากด้านหลัง เธอพยายามจะหันมาหลายทีแต่ก็ไม่กล้า ใบหน้าของเธอตอนอาย ๆ กลัว ๆ กล้า ๆ น่ะ น่ารักมาก แล้ววันหนึ่งเธอก็เดินจะลงรถทางด้านหลัง แน่นอนครับ ผมจ้องมองเธออยู่ด้วยท่าทางเขินอาย เธอเดินมาทางผม เธอยิ้มเล็กน้อยแล้วพอเธอยืนอยู่ตรงกับที่ผมนั่ง หนังสือเล่มเล็กของเธอก็หล่นตุ้บลงมา มันตกลงมาตรงข้าง ๆ ที่นั่งผมนี่เอง อยู่ใกล้ ๆ กับเท้าผมเพียงแค่คืบเดียว
เอาไงดีล่ะ.. เธอจ้องมองผม ผมกระพริบตาถี่ ๆ ด้วยความกระดากอาย มองหน้าเธอเต็ม ๆ ตาแบบใกล้ ๆ อยู่ครู่หนึ่ง แล้วผมก็หันหน้าไปมองนอกหน้าต่างรถช้า ๆ ใบหน้าของผมร้อนผ่าวขึ้น รถบีบแตรดังลั่น ผมกระเถิบขาเข้าไปด้านใน ไม่มองด้วยซ้ำว่าเธอทำยังไงกับสมุดเล่มนั้นต่อ ผมมองไปยังฟุตบาทเห็นเธอยืนอยู่ตรงนั้นแล้ว เธอยืนหันหลังให้รถ เลือดสูบฉีดขึ้นมาที่ใบหน้าของผมอีกครั้ง รถเคลื่อนออกจากที่เดิม แต่หัวใจของผมเหมือนจะยังอยู่กับเธอ
หลังจากวันนั้น.. ผมก็ไม่เห็นเธอขึ้นรถคันนั้นอีกเลย ผมกระสับกระส่ายบอกไม่ถูก ทุกครั้งที่รถผ่านป้ายนั้นผมจะกวาดสายตาหาสาวน้อยคนสวยของผมอยู่ทุก ๆ วัน แต่ก็ไม่เห็นร่างเธอ.. แม้เพียงเงา
หลายครั้งที่มีโอกาสจะเข้าไปคุยกับเธอ แต่ผมก็ไม่กล้าเอ่ยปาก ผมเขินอายและปิดกั้นโอกาสของตัวเอง หรือวันนั้นที่สมุดของเธอตก ถ้าเพียงแต่ผม.. ก้มลงไปเก็บ คงจะได้พูดคุยกับเธอเล็ก ๆ น้อย ๆ ถ้าเพียงแต่ผมกลบความเขินอายนั้นออกไปได้ล่ะก็นะ..
วันต่อมา.. ผมคิดว่าจะขึ้นรถสายนั้นเป็นครั้งสุดท้าย ดวงตาของผมเหม่อลอยอย่างสิ้นหวัง รถจอดที่ป้ายของเธอแต่ผมก็ไม่ได้สนใจ จนรู้สึกว่ามีคนมานั่งข้าง ๆ ผมจึงขยับตัวเล็กน้อยเพื่อให้คนด้านข้างนั่งได้ถนัดขึ้น ผมหันหน้าไปมองคนข้าง ๆ แล้วก็ต้องรีบหันหน้ากลับไปนอกหน้าต่างอีกครั้ง หัวใจเต้นตูมตามเหมือนจะระเบิดออกมาจากอก
นั่น.. เธอนี่นา!!
รถแล่นไปอย่างรวดเร็วจนถึงหน้าโรงเรียนเธอ ผมแทบจะกลั้นหายใจตอนที่นั่งแข็งทื่ออยู่กับที่ นักเรียนหญิงหลายคนทยอยลงไปจากรถ เธอหยิบสมุดเล่มเล็กสีส้มที่ทำตกไว้วันนั้นขึ้นมา หน้าของเธอแดงระเรื่อขึ้นเล็กน้อย ผมหันไปมองอย่างแปลกใจ เธอยื่นสมุดเล่มนั้นมาให้ผม ก่อนจะวิ่งลงไปจากรถทันที
ผมจ้องมองสมุดเล่มเล็กนั่นด้วยความสงสัยว่าเธอจะให้ผมทำไมกัน ผมจับมันอย่างถนอมมือ แล้วค่อย ๆ คลี่สมุดเล่มนั้นออกอ่าน
............
......................
ฉันแอบมองผู้ชายคนนั้นมานานแล้วล่ะ ผู้ชายผมสีดำที่มักจะยืนอยู่บนรถเมล์ที่มีผู้คนมากมายด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ เหมือนเขาไม่แยแสต่อความวุ่นวายและน่าอึดอัดรอบข้างเลยด้วยซ้ำ ฉันออกมายืนรอรถแต่เช้ามองรถคันนั้นแล่นผ่านเพื่อจะมองผู้ชายคนนั้น
วันนั้นเป็นวันที่น่าแปลกอีกเช่นกันที่ฉันมาไม่ทันรถเมล์สายนั้น จึงไม่ได้เจอหน้าเขาอีกครั้ง ฉันหน้าบึ้งและไม่สบอารมณ์กับสิ่งใดทั้งนั้น แต่พอเงยหน้าขึ้นมองรถคันถัดมา ฉันก็เห็นเขานั่งอยู่ตรงที่นั่งด้านหลังสุด ฉันก้มหน้าเดินขึ้นบันไดด้านหน้า แล้วพอเงยหน้าขึ้นก็มองเห็นเขากำลังจ้องฉันอยู่ ฉันเลยรีบก้มหน้าแล้วนั่งลงที่เบาะ หัวใจเต้นถี่อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ใบหน้าของฉันร้อนผ่าวขึ้นมา
หลังจากวันนั้นเป็นต้นมา ฉันก็ยังหาสาเหตุไม่ได้ว่าทำไมเขาถึงได้ขึ้นรถไป-กลับโรงเรียนเที่ยวเดียวกับฉันได้ แต่นั่นก็เป็นความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ ของตัวฉันเหมือนกัน ฉันมีความสุขที่ได้ขึ้นรถกับเขา ถึงแม้จะไม่ได้พูดคุยกันก็เถอะ แต่นี่ก็ดีกว่าการที่ฉันแอบมองเขาเช่นกัน.. เพราะตอนนี้เขาก็คงจะจ้องมองมาที่หลังของฉันอยู่
ฉันเองก็สงสัยเหมือนกันว่าจะใช่เขารึเปล่าที่แอบจ้องมองฉันจากด้านหลัง วันนั้นฉันเลยเดินลงบันไดด้านหลังและแกล้งทำสมุดเล่มนี้หล่นลง ถ้าเขาเก็บก็แสดงว่าเขาแอบมองฉันล่ะ แต่เขาทำแค่เพียงมองหน้าฉันก่อนจะหันออกไปนอกหน้าต่างเหมือนไม่สนใจ ฉันก้มลงหยิบสมุดแล้วเดินลงรถด้วยหัวสมองขาวโพลนไปหมด
เขาไม่เคยจะมองฉันจริง ๆ ด้วยแหละ
แต่หลังจากวันนั้น ฉันเลยขึ้นรถเที่ยวถัดมาจากเที่ยวนั้น ฉันเห็นเขาขึ้นรถเที่ยวเดิมอยู่ ดูท่าทางเขาไม่สบายใจนักหรอก ไม่รู้สิ.. ดูเขานั่งซึม ฉันไม่ขึ้นรถเที่ยวนั้นหลายวันต่อกัน แต่ยืนจ้องมองเขาจากใต้ต้นไม้ ก้มหน้าลงเพื่อซ่อนแววตาที่อาจทำให้คนอื่นรู้ได้ว่าคิดยังไงกับเขา จนฉันทนไม่ไหว และตัดสินใจทำเรื่องในวันนี้
คุณเป็นผู้ชายคนที่ฉันแอบมองมาตลอดเวลา.. ผู้ชายที่ฉันตกหลุมรักเงียบ ๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้เหมือนกัน รู้แต่ว่าเวลาเจอหน้าคุณ ฉันสามารถจะยิ้มได้ทั้งวันที่โรงเรียน หลับฝันดีทุกคืนตอนกลับไปนอนที่บ้าน วันนี้ตัดสินใจมานั่งข้าง ๆ คุณและมอบสมุดเล่มนี้ให้.. ไม่ได้บังคับให้คุณต้องตอบหรอก เพียงแต่อยากให้คุณรู้ความในใจเท่านั้นเอง เพราะฉันเป็นคนที่พูดไม่ค่อยเก่งนัก ถ้าคุณคิดยังไง ช่วยเขียนบอกฉันที่หน้าต่อไป แล้วตอนเย็นฉันจะมารับสมุดคืนค่ะ
..............
................................
ตอนเย็นบนรถเมล์สายวุ่นวาย หญิงสาวก้าวขึ้นมาบนรถด้วยความตื่นเต้น ชายหนุ่มนั่งยิ้มรอเธออยู่เบาะนั่งด้านหลัง ใบหน้าของเขาดูขรึมเป็นพิเศษ หญิงสาวผมยาวเดินเข้าไปหาเขาพร้อมกับยื่นมือออกไปเพื่อรับสมุดคืน ชายหนุ่มยื่นสมุดเล่มเล็กใส่เอาไว้ในมือของหญิงสาว
“ ถ้าคุณไม่รังเกียจ.. จะนั่งข้าง ๆ ผมได้ไหมครับ”
หญิงสาวหน้าแดงฉ่า แต่แล้วก็หย่อนตัวลงที่เบาะข้าง ๆ ชายหนุ่ม ทั้งสองนิ่งเงียบไม่ยอมพูดจากันจนรถจอดที่ป้ายถัดไป หญิงสาวกับชายหนุ่มจึงหันหน้ามาพร้อม ๆ กัน
“ เอ่อ..”
ต่างคนต่างพูดพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย ทั้งสองคนหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาพร้อม ๆ กัน ชายหนุ่มยกมือขึ้นเกาหัวอย่างเขิน ๆ ชี้ไปที่สมุดเล่มเล็กในมือหญิงสาว
“ จะไหมอ่านเหรอครับ”
หญิงสาวไม่ได้ว่าอะไรแต่เปิดสมุดเล่มเล็กขึ้น ชายหนุ่มหันหน้าไปด้านนอกหน้าต่าง หญิงสาวเปิดข้ามหน้าที่ตัวเองเขียน แล้วอ่านข้อความที่ชายหนุ่มเขียนไว้ยังหน้าถัดไปในใจ
‘ผมกับคุณ.. ความคิดไม่ได้ต่างไปจากกันหรอกครับ’
หญิงสาวหันหน้ากลับมามองชายหนุ่มด้วยแววตาที่ส่อประกายดีใจ
“ คุณ.. ชื่ออะไรครับ”
แล้วความรักบนรถเมล์สายวุ่น ๆ ในสังคมยุ่งเหยิงก็เริ่มต้นขึ้น..
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น