หยางฟางหรง ย้อนเวลามาเป็นสตรีแสนขี้เกียจ ยุค 70 - นิยาย หยางฟางหรง ย้อนเวลามาเป็นสตรีแสนขี้เกียจ ยุค 70 : Dek-D.com - Writer
×
NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีเนื้อหาที่เครียดหรือหดหู่มาก ซึ่งอาจกระทบต่อภาวะทางจิตใจ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด

    หยางฟางหรง ย้อนเวลามาเป็นสตรีแสนขี้เกียจ ยุค 70

    คิดจะทำตัวเป็นสตรีแสนขี้เกียจทั้งที อย่าได้ให้คนตราหน้าว่าเกิดมาเสียชาติเกิด เป็นคนไร้ค่า เป็นขยะของสังคม แต่.. จงทำให้ผู้คนอึ้งไปเล๊ย ว่าถึงจะขี้เกียจยังไงแต่ฉันก็สวยและรวยมาก อิอิ

    ผู้เข้าชมรวม

    40,135

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    27

    ผู้เข้าชมรวม


    40.13K

    ความคิดเห็น


    133

    คนติดตาม


    1.12K
    จำนวนตอน :  56 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  12 ส.ค. 67 / 23:57 น.
    คำเตือนเนื้อหา NC

    มีเนื้อหาที่เครียดหรือหดหู่มาก ซึ่งอาจกระทบต่อภาวะทางจิตใจ

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    เพราะยุคสมัยที่เธอเคยวาร์ปไป มันมีคำว่า แพสชั่น ( Passion) มันมีคำว่า แพสสีพอินคัม ( passive income) มันมีคำว่า ทำน้อยได้มาก  มันมีคำว่า  การลงทุน หรือ investment  มันมีคำว่า ใช้เงินทำงาน

    แล้วเรื่องอะไรเธอจะยอมลำบากตรากตรำไปทำงานภาคสนามล่ะ แต่การใช้เงินทำงานในยุคสมัยนี้จะเข้าทีเหมือนยุค 2023 ที่เคยวาร์ปไปหรือไม่ อันนี้ไม่อาจรู้ได้ แต่ที่รู้แน่ๆก็คือ ยุคนี้เงินมันหายาก แล้วจะหาเงินที่ไหนมาทำงานให้เรากันล่ะเนี่ย แหม…คิดๆแล้วมันปวดหัว คิดจะทำตัวเป็นสตรีแสนขี้เกียจทั้งที อย่าได้ให้คนตราหน้าว่าเกิดมาเสียชาติเกิด เป็นคนไร้ค่า เป็นขยะของสังคม แต่.. จงทำให้ผู้คนอึ้งไปเล๊ย ว่าถึงจะขี้เกียจยังไงแต่ฉันก็สวยและรวยมาก อิอิ 

    ส่วนเรื่องความรักน้านนนนน…ระหว่าง ‘หนุ่มชาวบ้าน ทำงานคอมมูน’ กับ พวกหนุ่ม ‘ชามข้าวเหล็ก’ทั้งหลาย เธอจะเลือกใคร

    ***คำเตือน!!!

    ระวัง…ใครที่อ่านเรื่องนี้ คุณจะ ‘อยากมีความรัก’ ขึ้นมาทันทีทันใด แน่นอน

     

    แนะนำตัวละคร

     

    หยางฟางหรง  : หญิงสาวชาวบ้านในคอมมูนแห่งหนึ่งในชนบทยุค 70s เป็นแกะดำในบ้าน ถูกกดขี่ ถูกโขกสับและถูกเอารัดเอาเปรียบสารพัด เธอมีร่างกายอ่อนแอ ตากแดดนานก็ไม่ได้จะต้องเป็นลมแทบทุกครั้ง มีอาการง่วงนอนตลอดเวลา บางครั้งนั่งกินข้าวอยู่ก็หลับไปเฉยๆซะอย่างนั้น จนผู้คนในคอมมูนต่างพากันตั้งฉายาให้ว่า ‘เป็นจอมขี้นเกียจแห่งคอมมูน’ หยางฟางหรงตายไปแล้วหนึ่งชาติภพ วิญญาณของเธอได้ ‘วาร์ป’ คือ ได้ไปเกิดใหม่ในอีกหลายๆที่ หลายๆชาติ เธอได้รับพรวิเศษ 1 ข้อมาจากสวรรค์ นั่นคือ เธอจะมีความทรงจำของทุกชาติภพติดตัวมาด้วย และครั้งนี้เธอก็ย้อนเวลากลับมาเกิดใหม่ในร่างเดิม…ได้เวลาเอาคืนแล้ว

     

    การวาร์ปไปเกิดใหม่หลายชาติภพแล้วได้ทักษะต่างๆติดตัวกลับมา ก็เหมือนกับการที่เราคอย Reskill/ Upskill ให้มีความรู้ความเชี่ยวชาญในหลายๆทักษะ ยุคสมัยเปลี่ยนไป AI เข้ามา เราต้องหมั่นหาความรู้และทักษะใหม่ๆใส่ตัวเสมอๆ เพราะไม่รู้ว่าวันใดวันหนึ่งเราอาจจะได้ใช้มันก็ได้ ( นี่คือสิ่งที่ไรท์ต้องการจะสื่อผ่านนิยายเรื่องนี้ รักนะจุ๊บจุ๊บ ทู๊กคน)

     

    สืออู๋เฉิน        :  หนุ่มชาวบ้านผู้ที่เรียกได้ว่า ‘รูปหล่อเหนือสามัญ’ คือ หล่อกว่าชายหนุ่มคนอื่นๆทั้งคอมมูน เป็นคนที่คนอื่นคิดว่ามีดีเพียงหน้าตา เพราะตั้งแต่ลืมตาขึ้นมาดูโลกก็ถูกพ่อแท้ๆโยนตราบาปให้ว่าเป็นตัวอัปมงคล เกิดมาแล้วก็ทำให้แม่ตาย เขาจึงกลายเป็นคนเก็บกด เงียบขรึม ไม่สุงสิงกับใคร ชีวิตของเขาว่างเปล่า โดดเดี่ยว เดียวดาย ไม่มีทั้งความหวังและความฝัน ชีวิตไร้ค่า อยู่ไปวันๆ ปมใหญ่ของชีวิตก็คือการที่ตัวเองเป็นตัวอัปมงคล พอเกิดมาแม่ก็ต้องตายเพราะตกเลือด ความสุขอย่างเดียวในชีวิตของเขาก็คือการเฝ้ามองหญิงสาวผู้หนึ่งซึ่งเคยทำให้เขายิ้มออกมาได้ทั้งน้ำตา

     

    จากใจผู้เขียน

    นิยายเรื่องนี้ไรท์ได้รับแรงบันดาลใจมาจากชีวิตในวัยเด็กของไรท์เอง เมื่อแรกเริ่มที่จะเขียนไรท์ได้มีการ search หาข้อมูลพอสมควรจึงได้รู้ว่ามีหลายสิ่งหลายอย่างในจีนช่วงยุค 70s นั้นคล้ายคลึงกับไทยช่วงยุค 70s  ช่วงชีวิตในวัยเด็กของไรท์นั้นเคยประสบพบเจอกับหลายสิ่งหลายอย่างที่หาดูได้ยากยิ่งแล้วในยุคสมัยนี้ ไม่ว่าจะเป็น การใช้ควายไถนา การใช้เคียวเกี่ยวข้าว การหาบน้ำจากบ่อน้ำและลำคลองหนองบึง การที่ต้องไปซักผ้าตามแหล่งน้ำต่างๆ การใช้ชีวิตยามค่ำคืนโดยใช้แสงสว่างจากตะเกียงน้ำมันก๊าด โรงสีข้าวโบราณแบบใช้สายพาน โรงสีสมัยนั้นยังไม่มีไฟฟ้าใช้ ยังคงใช้พลังงานจากน้ำมันเครื่อง การดูทีวีโดยใช้การชาร์จไฟจากหม้อแบตเตอรีซึ่งนำไปชาร์จไฟมาจากโรงสีอีกต่อหนึ่ง เผอิญว่าคุณตาของไรท์เป็นเจ้าของโรงสีเล็กๆ ทุกๆวันจะมีหม้อแบตเตอรี่มาชาร์จแบตวันละเกือบ 10 หม้อ การดูหนังกลางแปลง น้ำดื่มในเวลานั้นใช้โอ่งใบใหญ่รองน้ำฝนจากหลังคาบ้านไว้กิน ส่วนน้ำใช้ถ้าหน้าฝนก็ใช้น้ำฝน แต่ถ้าเป็นหน้าแล้งเราจะใช้น้ำจากบ่อบาดาลแบบโยกเพราะน้ำตามแหล่งต่างๆอย่างหนองและคลองนั้นแห้งขอด หลังจากเลิกโรงเรียนมาก็จะต้องไปโยกน้ำบาดาล การใช้ครกกระเดื่องตำข้าว ตำข้าวเม่า ตำขนมจีนยังคงมีให้เห็นและเป็นเรื่องสนุกสำหรับเด็กๆด้วย นิยายเรื่องนี้ไม่ได้อ้างอิงประวัติศาสตร์จีน 100 % หากแต่เป็นการผสมผสานระหว่างข้อมูลดิบ จินตนาการและประสบการณ์ในวัยเยาว์ของไรท์ คาดหวังเป็นอย่างยิ่งให้ผู้อ่านได้รับความสนุกสนานขณะอ่าน

     

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น