คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #19 : อนาม The nameless ----> วิจารณ์โดย B2
สวัสดี ครับ B2 จากบทความ “กล้วยหอมจอมสับ” นะครับ
เรื่องที่ทำการวิจารณ์ อนาม The nameless
ลิงค์ http://writer.dek-d.com/warrantica/writer/view.php?id=504503
ก่อนอื่นต้องขออภัยที่มาล่าช้ามากนะครับ เนื่องจากมีเหตุให้วุ่นวายพอสมควรในชีวิต ในที่สุดก็ได้ทำการวิจารณ์เรื่องนี้ ลงไว้สองลิงค์ชื่อคล้ายกันไม่รู้ว่าเป็นเรื่องเดียวกันรึไม่ ไม่รู้ว่าถ้าไม่อ่านอีกเรื่องจะส่งผลอะไรไหม เอาเป็นว่าผมจะวิจารณ์ในฐานะของนักอ่านที่บังเอิญได้อ่านนิยายเรื่องนี้แค่เรื่องเดียวแล้วกันนะครับ เพราะการที่ท่านแยกไว้เป็นสองเรื่องย่อมแสดงว่าหากไม่อ่านอีกเรื่องย่อมไม่ส่งผลใดๆต่อการอ่านนิยายเรื่องนี้ และขอบอกก่อนว่านี่ เป็นความเห็นของนักวิจารณ์คนหนึ่งนะครับ ไม่ได้หมายความว่านักอ่านทุกคนจะต้องรู้สึกแบบนี้ เพราะฉะนั้น ถ้าเกิดรุนแรงเกินไปต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ ด้วยนะครับ เพราะบี 2 วิจารณ์เป็นระดับเดียวคือตรง
1.ไอเดียต้นคิดเรื่อง 11/20
น่าสนใจครับ เพราะจากตัวเปิดมาท่านบอกว่าเป็นแนวไซไฟ ผมเองก็หวังเยอะ เพราะส่วนตัวก็ค่อนข้างชอบอ่านไซไฟ แล้วสุดท้ายผมก็ต้องเศร้าเมื่อพบว่ามันเป็นแฟนตาซีไซไฟแนวโรงเรียน(อีกแล้ว) ให้เดาโครงหลักก็คงเป็นการต่อสู่กับพลังงานความชั่วร้ายของจอมมารโลคิ กับโซล เพราะท่านแบ่งออกมาจำนวนเท่ากันเด่ะคือ 365 ดวง และมีการทิ้งปริศนาของตัววอร์ที่เป็นพี่ชายของไวท์เอาไว้ตั้งแต่แรก ผมกำลังสงสัยตัวเองว่าผมต้องไปอ่าน อนามอีกอันหนึ่งก่อนรึเปล่าถึงจะรู้เรื่อง สำหรับผมนิยายเรื่องนี้รู้สึกเหมือนอ่านแฟนตาซีเก่าๆสมัยโดราเอมอนตอนสู้กับพวกจอมมารปีศาจที่มิติคู่ขนาน แต่แค่ว่าในเรื่องนี้มีการแทรกความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์เข้ามารองรับ ซึ่งมันก็ดีในระดับหนึ่งครับ แต่ที่ยังมีปัญหาคือท่านแทรกเข้ามาแล้วมันไม่ลงตัว เหมือนเป็นโลกที่เวทย์มนต์กลมกลืนเข้ากับหลักการทาวิทยาศาสตร์ แต่ดันไม่ลงตัว
2.การดำเนินเรื่อง 10/20
ขอโทษด้วยจริงๆครับที่บีสองอาจจะต้องพูดออกมาว่าโดยรวมมันค่อนข้างไม่ดีนัก การเปิดเรื่องของตัวเอก การดำเนินเรื่องของแต่ละช่วงที่ท่านนำเสนอมามันน่าเบื่อ น่าสนใจตรงที่พล๊อตเรื่องเป็นของโลกอนาคต และที่ผมสังเกตคือท่านเป็นคนที่มีความรู้ทางด้านวิทยาศาสร์ค่อนข้างมากครับ แต่ท่านแทรกไว้ไม่ดีเลย ข้อมูลบางอย่างก็ใช่ว่าคนอ่านทั่วไปจะรู้นะครับ อย่างพวกแรงเฉื่อย หรืออะไรทั้งหลายทั้งแหล่ที่ท่านแทรกเข้ามาเป็นตัวเลขที่ดูวุ่นวายมันไม่ชัดเจนและแจ่มชัดนะครับ เรามีวิธีการนำเสนอมันออกได่น่าสนใจมากกว่านี้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะอธิบายออกมาเป็นหนังสือวิทยาศาสตร์ออกขายก็ไม่ใช่ ต้องค่อยๆแทรกครับ
เปิดเรื่องมาด้วยปฐมบทโซล ค่อนข้างน่าสนใจแต่ติดที่รูปแบบการใช้ภาษาที่ไม่ลื่นไหล และไม่มีเสน่ห์ในการดึงดูดในอ่านเสียเท่าไหร่ อันนี้ไม่พูดมาก เดี๋ยวไปคุยช่วงที่พูดถึงเรื่องภาษา และตอนต่อมาเปิดเข้าไปในช่วงของพระเอกและนางเอก(ละมั้ง) ฉากโรงเรียน โอเคครับ เด็กก็ต้องเรียน แต่มันไม่น่าสนใจเท่าที่ควร ส่วนการไปเที่ยวในเมือง ไม่รู้สิ ผมรู้สึกว่าการที่จู่ๆเอมี่ชวนไวท์เข้าไปเที่ยวนั่น ทำไมผมถึงไม่รู้สึกว่ามันเป็นการชวนไปเที่ยวในสถานที่ที่ไม่รู้จัก ทั้งการขึ้นรถไฟ ทั้งความตื่นเต้นที่กำลังจะไปเยือนที่แปลกใหม่ ไม่มีเลยแม้แต่น้อย จนนึกว่าเป็นการไปเที่ยวทั่วๆไปแล้วซะอีก ยิ่งแท๊กซี่ปากหมาคันหลังที่ไวท์ เรล เอมี่ขึ้นด้วย ผมยิ่งรู้สึกว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นเรื่องของระบบคอมพิวเตอร์บริการมนุษย์ ลูกค้าคือพระเจ้าครับ บริษัททั่วไปยึดมั่นในคำนี้มาตลอด แท๊กซี่ทั่วไปที่เป็นมนุษย์ถ้ามันไม่ได้ไปโมโหกินรังแตนมาจริงๆมันก็ไม่พูดอะไรถึงขั้นนั้นหรอกครับ ไม่รู้ว่าไอ้คอมพิวเตอร์อันนี้ไปขาดน้ำมันเครื่องมาจากไหน หรืออะไหล่พังถึงได้แสดงกริยาอย่างนั่น มันไม่สมควรเป็นคอมพิวเตอร์สำหรับบริการเลยครับ ไม่สมเหตุสมผล ท่านกำลังพูดถึงจักรกลในอนาคตที่ถูกพัฒนาโปรแกรมโดยมนุษย์เพื่อตอบสนองความต้องการของมนุษย์ที่เป็นลูกค้านะครับ โปรแกรมเมอร์ที่ไหนของบริษัทแท๊กซี่มันอุตริลงโปรแกรมสบถคำด่าไปขนาดนั้น ถ้าเป็นคอมพิวเตอร์ส่วนตัวที่สร้างขึ้นมาเพื่อการใดการหนึ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกับการบริการมนุษย์ก็ว่าไปอย่าง เอามุขนี้ออกไปเถอะครับ มันไม่ได้ช่วยเติมสีสัน แถมยังทำให้เรื่องของโลกอนาคตดูไม่น่าเชื่อถือขึ้นมาทันที ส่วนตัวผมชอบการถามตอบคำถามแบบคลุมเครือกับคอมพิวเตอร์แท๊กซี่ตัวแรก มันดูเป็นหุ่นยนต์มากกว่าและสร้างบรรยากาศของนครล้ำสมัยได้ดี
การเปิดตัวของเรล ผมละแสนจะสงสัยว่าทำไมแค่มีคนเอากระเป๋ามาคืนมันถึงต้องออกอาการอึ้งค้างเวอร์ขนาดนั้น แล้วผู้ชายดีดีที่ไหนครับ ทิ้งเพื่อนผู้หญิงไว้กับผู้ชายแปลกหน้าไม่รู้จักที่จู่ๆก็เอากระเป๋ามาคืน ทำไมไม่ยืนเป็นเพื่อนคุย หรือชวนเอมี่ไปซื้อน้ำด้วยกันละครับ ผมเข้าใจครับว่าเรลดูซื่อ แต่จู่ๆการที่ไวท์ขอตัวออกไปทันทีที่เรลเอากระเป๋ามาคืนให้ ซ้ำยังเข้าใจผิดว่าไวท์คือเอมี่เนี่ย มันดูผิดปกติมนุษย์ทั่วไปเขาจะทำกันนะครับ เพราะต้องการให้ไวท์แยกไปอยู่คนเดียวเพื่อจะได้สัมผัสกับไอ้ก้อนกลมๆน่าสงสัยนั่นเหรอครับ ? ถ้าเป็นอย่างนั่นลองหากสถาการณ์อื่นดูดีไหม ที่มันจะสมเหตุสมผลมากกว่านี้ ส่วนที่ผมขัดใจยังไงก็ไม่รู้คือมุกจำคนผิดของเรล มันสับไปสับมาจนผมงงๆว่า สรุปมันคือเหตุผลใดในระบบสมองของเรลที่ทำให้จำสองคนนี้สับสน อาจเพราะคาแรกเตอร์ของเรลยังไม่แจ่มชัดมากแต่ก็น่าสนใจพอควรเลยละ
แต่ช่วงทดสอบค่อนข้างทำได้ดีครับน่าสนใจ ผมค่อนข้างชอบเลยละ แต่ปัญหาใหญ่ของท่านเลยคือทักษะด้านการบรรยายไว้ค่อยว่ากัน ส่วนวงเล็บที่ห้อยท้ายมา บางส่วนไม่ต้องมีก็ได้นะครับ ผมไม่เห็นจำเป็นว่าต้องวงเล็บเลย อย่างไอ้ที่พูดถึงปลาวาฬในอ่างเลี้ยงอะไรสักอย่าง ไม่มีวงเล็บก็ไม่เห็นมีปัญหา หรือพวก (อีกแล้ว) บางครั้งไม่ต้องใส่ก็ได้ครับ การเข้าวงเล็บควรใช้ในกรณีจำเป็นจริงๆ มีมากมันเหมือนไม่ใช่นิยาย เพราะบางทีแค่เราอยากแทนความรู้สึกของคนเขียนลงไปเราเลยดันไปวงเล็บแบบไม่รู้ตัว
เอาที่ผมอยากโวยที่สุดเลยนะครับ ทำไมต้องเป็นโรงเรียนนนน อีกแล้ว ความรู้ผมเหมือนโดนชกน๊อคหมัดพิฆาตเข้าไปจังๆ แฟนตาซีแนวโรงเรียนผมก็จะบ้าแล้ว ทำไมไซไฟต้องมาเจอโรงเรียนแถมแบ่งภาคกลายเป็นแฟนตาซีแนวตลาดไปเรียบร้อยแล้ว มีโซล มีการ์ดเดอร์ มีไฮเปอร์ นี่มันคือพัฒนาการของแนวโรงเรียนเวทย์มนต์หรืออย่างไร หวังเป็นอย่างยิ่งเลยนะครับว่าโรงเรียนแนวไซไฟนี้จะมีอะไรน่าสนใจกว่าโรงเรียนแนวเวทย์มนต์ ไม่งั้นมันคงเข้าสู่แนวเรื่องตลาดเดิมอีกแน่ และถ้าท่านลองมีเจ้าหญิงเจ้าชายโผล่มาในบทต่อไปละก็ผมคงเซ็งหนักกว่าเดิมแน่ๆ
3.ตัวละคร 12/20
ตัวละครหลักเลยนะครับ ไวท์ ค่อนข้างไม่แน่ชัด ใจร้อนบ้างใจเย็นบ้าง ยังดูสับสน มองบุคลิกที่แท้จริงไม่ค่อยออก ส่วนเอมี่ ค่อนข้างชัดเจนแต่ยังขาดเสน่ห์บางอย่างในการจะเป็นนางเอก(สำหรับผมนะครับ) เรล อย่างที่เคยเกริ่นไว้ ยังไม่ค่อยชัดเจนมาก แต่ก็ดูมีมิติน่าสนใจกว่าตัวหลักทั้งสอง ดูมีเสน่ห์อย่างแปลกๆค่อนข้างชอบในระดับหนึ่งเลยละครับ ส่วนตัวประกอบอื่นยังค่อนข้างแบน อาจเพราะออกมาน้อยตอนทำให้ยังไม่รู้ลึกมากนัก ถือว่าหลักๆแล้วตัวละครทำออกมาพอใช้ได้ แต่ตัวที่ผมเทใจไปให้มากที่สุดกลับเป็นผู้คุมสอบอย่างเอพริลฟูล ดูประหลาดน่าสนใจและมีคาแรกเตอร์ที่มีเสน่ห์จนผมหลงรักได้ง่ายๆเลยละ ทั้งที่โผล่มาไม่มากนักแต่คว้าใจผมไปง่ายดายยิ่งกว่าคาแรกเตอร์หลักที่ท่านพยายามนำเสนอเสียอีก คะแนนพอใช้ได้เพราะเอพริลฟูลเลยนะครับเนี่ย
4.ภาษา 9/20
เลือกคำใช้ได้ดีครับ แต่ไม่มีความต่อเนื่อง ไม่มีความลื่นไหล ผมถือว่าท่านยังค่อนข้างขาดทักษะในด้านการบรรยายค่อนข้างสูงที่จะสื่อหรือนำเสนอคำพูดให้น่าสนใจ อ่านแล้วคนอ่านสามารถจินตนาการคล้อยตามไปได้ แต่นี่ยังไม่ถึงเลยครับ ผมว่าเป็นปัญหาหลักยิ่งกว่าเนื้อเรื่องและการดำเนินเรื่องเสียอีก ถ้าภาษาพอใช้ได้จริงๆ การดำเนินเรื่องธรรมดาหน่อยก็คงไม่เป็นปัญหามากหรอกครับ ดำเนินเรื่องธรรมดาจริงแล้วต้องอ่านรู้เรื่องง่ายแต่กว่าผมจะอ่านได้ต้องอาศัยความพยายามพอสมควรเลย อะไรอธิบายก็เล่นเอาตรงๆ ทื่อๆ ไม่ค่อยมีการสอดแทรกหรือเรียบเรียงให้สละสลวยซักเท่าไหร่ แต่ไม่ต้องให้หรูหรานะครับ ย้ำเลย เขียนแนวนี้อย่าได้อุตริพร่ำพรรณาเป็นแฟนตาซีเทพนิยาย ผมคงได้โขกหัวตัวเองตายที่เกิดวิจารณ์ไปแล้วทำท่านเข้าใจไปแบบนั้น ภาษาสวยคือภาษาธรรมดานี่ละ แต่อ่านแล้วลื่นไหล มีเสน่ห์ อย่างหนังสือแปลของสุวิทย์ ขาวปลอดที่แปลงานของสตีเฟ่นคิงก็ใช้ได้ ง่ายแต่ไม่สะดุด มีเสน่ห์ในแบบฉบับ อีกอย่างที่ผมอยากถามนิดหนึ่ง ท่านดูหนังต่างประเทศหรือว่าอ่านหนังสือ หรือมีเคยไปต่างประเทศบ่อยรึเปล่าครับ ผมสังเกตเห็นสำนวนภาษา มุขที่ใช้ในการดำเนินเรื่องมีกลิ่นไอของต่างประเทศอยู่เจือจาง ซึ่งมันก็ดีนะครับ ดูมีเอกลักษณ์ของตัวเอง ถึงจะทำออกมายังไม่ค่อยถึงก็ตามที แต่เรื่องอย่างนี้พัฒนาได้ไม่ยากครับ ว่าแต่ เด็กขาดวิตามินซี นี่หมายถึงเด็กที่ดูป่วยรึเปล่าครับ เล่นมาทีทำเอาผมงงเลย จริงๆอย่าใช้คำเปรียบอะไรที่มันต้องคิดเกินสองตลบจะดีกว่านะครับ เพราะคนอ่านเข้าใจยาก บางทีถ้าเล่นไม่ดีแป๊กเอาได้ง่ายๆเลยนะครับ
อีกเรื่อง พวกเสียง “งืม...” หรือ อะไรจำพวกคำรับในลำคอใช้บรรยายเอาก็ได้นะครับ ไม่จำเป็นต้องเขียนออกมาเอยู่ในเครื่องหมายคำพูดก็ได้ อันนี้ไม่ใช่ว่ามันดีหรือไม่ดีนะครับ เพียงแค่เป็นข้อเสนอหรือทางเลือกเฉยๆ
ลองหานิยายแปลหรือนิยายไทยสำนวนดีดีมาอ่านครับ ท่านจะพัฒนาด้านการเรียบเรียงคำและการใช้ภาษาได้อย่างรวดเร็ว แต่ดีที่สุดก็ต้องหัดเขียนควบคู่ไปด้วยนี่ละครับจึงจะสำเร็จ
5.ข้อมูลของนิยาย 10/20
ใช้ได้ครับ แต่ที่จะติงนิดหนึ่งคือส่วนสำคัญกลับไม่มี ไปมีส่วนที่ไม่ค่อยจะสำคัญ ผมก็เลยไม่รู้ว่าจะเอายังไงกับท่าน เพราะข้อมูลปลีกย่อยอย่างเรื่องความเร็วอะไรทั้งหลายทั้งแหล่ดูจะแน่นปึก แต่เรื่องของลักษณะการสร้างเมืองโดยรวม ลักษณะการตกแต่งรอบอนุเสาวรีย์ไม่มีบอก เรื่องของค่าเงินว่าทำไมเด็กอนาคตถึงต้องมีบัญชีกันทุกคน (อันนี้ผมเดาเอานะครับ เพราะจากที่บอกว่าการทำแคปปิคอลการ์ดจะหักเงินโดยตรงจากบัญชีของท่านหากมีการใช้จ่าย ไม่ใช่บัญชีของพ่อแม่ แสดงว่าเด็กทุกคนต้องมีบัญชี) รายได้ของไวท์มาจากไหน เอมี่มีพ่อแม่ไหม ทำไมต้องไปกินข้าวบ้านไวท์ หรือที่สำคัญที่สุดคือไวท์แยกกันอยู่กับพี่ชายฝาแฝดวอร์หรือ ทำไม เพราะอะไร ถึงจะไม่ถูกกันแต่มีบ้านถึงสองหลังเลยรึครับ แปลกๆ ฯลฯ ถ้าท่านคิดว่ารายละเอียดพวกนี้จะยัดไปในตอนหลังผมก็ขออภัย แต่จะให้ดีควรมีแทรกสอดเอาไว้ให้คนอ่านได้รู้บ้าง เหริ่นไว้นิดๆหน่อยก็พอ คนอ่านจะได้ไม่มีแต่เครื่อง ???? เต็มหัวไปหมด
6.ความพึงพอใจ 8/20
จริงๆแนวเรื่องน่าสนใจและน่าสนุกทีเดียวละครับ แต่ผมคงไม่อาจปฏิเสธได้ว่าผมอ่านแล้วหงุดหงิดนิดหน่อย เพราะสำนวนภาษาที่มันกระตุกเป็นระยะๆ โครงรองไม่ค่อยดี สถานการณ์ที่สร้างขึ้นไม่น่าสนใจ ตัวละครยังไม่แจ่มชัด และท้ายที่สุดโรงเรียน... ออกตัวเลยครับว่าบางทีคนอื่นคงไม่เป็นแบบผม แต่ผมเป็นประเภทไม่ทนกับแนวโรงเรียนเท่าไหร่ เพราะมันค่อนข้างซ้ำซากจำเจ น่าเบื่อ และ...ผมไม่เห็นความจำเป็นของเรื่องนี้ที่ต้องมีโรงเรียนเลย อาจจะด้วยจำนวนตอนน้อยทำให้ผมไม่รู้ว่าโรงเรียนของท่านอาจจะแตกต่างไปจากคนอื่นก็ได้ (อย่างน้อยตอนนี้ก็ไม่มีเจ้าหญิงเจ้าชายมาให้ผมหงุดหงิดเพิ่มก็ดีแล้วละ) บางทีการฝึกของโซลผมว่ามันน่าจะไปในทิศทางอื่นได้นอกจากการเข้าคลาสเรียนอย่างโจ่งแจ้งขนาดนี้ แต่มันก็ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคลละนะครับ ผมไม่ขอบอกว่ามันเป็นเรื่องดีหรือไม่ดีแล้วกัน แค่สำหรับผมมันไม่น่าสนใจแค่นั่นละ
อย่าเพิ่งท้อใจเพราะคอมเมนท์แรงนะครับ ผมยอมรับเลยว่าท่านโดนค่อนข้างแรงมากแต่ในเรื่องผมก็เห็นอะไรดีดีอยู่ในนั้น มีโอกาสพัฒนาได้อีกเยอะ และน่าจะไปได้ดีด้วยเพราะงั้นอย่าท้อจนเลิกล้มกลางคันนะครับ ผมคงรู้สึกผิดที่ปล่อยให้นิยายแนวเรื่องน่าสนใจหลุดหายไปเพราะคำวิจารณ์
สรุปผล 61/120 คะแนน เกรด D
ปล.1 อย่าลืมมาบอกรับในหน้าบทความ ”กล้วยหอมจอมสับ” นะครับ ว่าท่านรู้สึกอย่างไร มีอะไรสงสัยถามได้เสมอ ยินดีครับ
ความคิดเห็น