คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #18 : (นอกรอบ)บทวิจารณ์ทีนอสและนักสะสมฟัน --->วิจารณ์โดย B2
จุดร่วมที่เป็นทั้งจุดแข็งและด้อยในจุดเดียวกันของ ทีนอสและนักสะสมฟัน
ก่อนอื่นทำความเข้าใจก่อนนะครับ ไม่อยากให้คิดว่าเป็นการลัดคิวแต่อย่างไร อันนี้เป็นการอ่านส่วนตัวและวิจารณ์ตามที่นักเขียนได้ร้องขอ จึงนำมาแปะไว้ในบทความนี้เองครับ ดังนั้นผมจะไม่แบ่งเกณฑ์ รวมถึงไม่ให้คะแนนด้วยนะครับเพราะถือว่าเป็นนิยายที่ตีพิมพ์แล้ว
ตามที่ท่านแจกันสีฟ้าได้ขอไว้ครับ ผมไม่รู้ว่าท่านอ่านแล้วจะหงุดหงิดหรือเปล่า หรืออ่านจะอยากลบกระทู้นี้ทิ้งเลยก็ได้(ผมไม่ว่าหรอก ขอให้บอกแล้วกันครับ) นี่เป็นเพียงแค่มุมมองของนักอ่านธรรมดาๆคนหนึ่งที่จะเสนอในอีกหนึ่งมุมมองให้ท่านพิจารณา ว่าท่านเห็นชอบหรือไม่ ถ้าท่านชอบสิ่งที่ท่านเป็นอยู่แล้ว ไม่ต้องทำตามครับ ถ้าท่านเห็นว่ามีประโยชน์ ผมก็ยินดีอย่างยิ่งที่ได้วิจารณ์นิยายของท่านทั้งสองเรื่อง
ข้อดีผมไม่ขอพูดนะครับ เพราะน่าจะได้ไปเยอะแล้ว ทั้งสองเรื่องนี้มีข้อดีเยอะ อย่าคิดว่าไอ้ที่ผมวิจารณ์ไปจะหมายความว่านิยายเรื่องนี้แย่ ถ้าแย่ผมคงไม่อ่านตั้งแต่แรกแล้วครับ
ทีนอส เริ่มอ่านเพราะเพื่อนแนะนำและตอนนั้นก็ออกมาเป็นรูปเล่มแล้วเสียด้วย ได้อ่านคอมเมนท์วิจารณ์มากมาย ส่วนอื่นที่ดีๆผมไม่ขอพูดนะครับ เพราะถือว่าคงมีบอกท่านไปเยอะแล้ว ส่วนที่ผมจะพูดเอาสั้นๆเฉพาะจุดที่ผมรู้สึกว่ามันเป็นข้อด้อยเลย แบ่งเป็นสองส่วนใหญ่ๆ คือ
1. ความน่าสนใจของไอเดียการนำเสนอ สวนทางกับการดำเนินเรื่อง
เปิดเรื่องมาได้น่าสนใจครับ และผมก็รู้สึกว่ามันน่าสนุกในช่วงบทแรกๆ แต่พออ่านได้สักพัก
ความสนุกของเนื้อเรื่องก็ดำดิ่งลงตามจำนวนตอนที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างเรื่องการสร้างตัวละคร พ่อของทีเคจะมีมาทำไมครับ อธิบายซะยืดยาวแต่ดันไม่มีอะไรสำคัญเลย มันไม่ใช่ตัวละครหลักในการดำเนินเรื่องนะครับและไม่ได้แสดงผลอะไรกับเนื้อเรื่องเลย เปิดมาฉากเดียวหายต๋อม เหมือนท่านพยายามจะเอามาใช้แต่ดันลืมไปซะอย่างนั้น หรือแก่นสำคัญของเรื่องอย่างทีนอสที่ค่อยๆลดบทบาทลงมาจนแทบไม่เหลือส่วนสำคัญ โดยเฉพาะเมื่อเหยียบย่างเข้าอาคิเดนแล้ว ทุกอย่างดูจะเดินไปอย่างเชื่องช้า ไม่น่าติดตาม และทีนอสดูอ่อนค่าลงอย่างประหลาด ด้วยเพราะช่วงหลังมักจะไปเน้นเรื่องเกี่ยวกับผู้ที่ถูกเลือก เรื่องภายในอาคิเดน ช่วงสงครามทีนอสก็กลายมาเป็นมหากาพย์ลอร์ตออฟเดอะริงค์ตีกับสัตว์ประหลาดไปซะอย่างนั้น ความผิดพลาดในเรื่องนี้ที่ผมเห็นคือการที่ท่านพยายามทำให้ทีนอสมีตัวตนมากจนเกินไป เกินกว่าที่จะเน้นไปในการสู้รบของจิตใจอย่างที่ท่านต้องการนำเสนอ ทำให้เรื่องเดินไปคนละทิศคนละทาง จากเรื่องของการต่อสู้ภายในจิตใจ กลายเป็นสงครามซึ่งภายนอกเป็นหลักแทน ผมอ่านมาได้เรื่อยๆจนเข้าภาคของอาคิเดนก็หยุดชะงักการอ่าน และค่อนข้างต้องพยายามเล็กน้อยกว่าจะอ่านจนจบเรื่องได้
2. ความพยายามในการหักมุมเรื่อง
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการหักมุมในส่วนของคำพยากรณ์ หรือแม้กระทั่งตอนจบ มันคือ
ความพยายามในการหักมุมแบบยัดเยียดมากเกินไปของนักเขียน ผมมองไม่เห็นความจำเป็นของทีนอสเลยว่าจำเป็นต้องจบแบบนั้น ด้วยอะไร ทีนอสบุกเข้าโลกรึ ? ไม่ใช่ ความสมเหตุสมผลมันไม่มากพอที่จะทำให้ผมเชื่อได้อย่างนั้น ผมรู้สึกเพียงแค่ว่าท่านต้องการที่จะให้มันจบแบบหดหู่จึงได้กระทำการหักมุมแบบนั้นเพื่อไม่ให้มันจบได้อย่างสวยงาม มันทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิดเป็นอย่างมากตอนที่อ่านมาถึงช่วงสุดท้าย ช่วงที่ผมรู้สึกว่าสนุกคือช่วงก่อนที่จะเข้าอาคิเดน ส่วนเรื่องของคำพยากรณ์ ผมยิ่งเห็นเลยว่ามันคือการยัดเยียดการหักมุมขั้นรุนแรงเข้ามาด้วยการหลอกคนอ่านอย่างการนำเสนอความคิดของชัยแต่เพียงฝ่ายเดียว พยายามชี้นำให้รู้สึกว่าชัยเป็นคนในคำพยากรณ์ โดยเฉพาะคำว่า ละเสพย์กาม... อะไรสักอย่างไรในคำพยากรณ์นี้ละครับ มันจะตรงกับทีเคได้อย่างไงในเมื่อคนที่ห้ามทีเคไม่ใช่ตัวเองแต่เป็นชัยที่เข้ามาห้าม ไม่เหมือนชัยที่ท่านพยายามจะเอาเรื่องราวต่างๆในอดีตมาคิดเทียบ เปรียบเทียบ พยายามหลอกลวงให้คนอ่านเชื่อเพื่อท่านจะได้ดัดหลังคนอ่านด้วยการบอกว่าคนในคำพยากรณ์คือทีเค ซึ่งผมรู้สึกว่ามันไม่ใช่เลยล่ะ บางอย่างถ้าท่านไม่หักมุมมันก็ยังดีเสียกว่า ชัยเป็นคนดำเนินเรื่องมาตลอด ทุกอย่างหลายๆครั้งผ่านพ้นมาเพราะชัยไม่ใช่ทีเค โดยเฉพาะตอนจบมันไม่จำเป็นเลยที่ต้องทำทุกอย่างให้มันเลวร้ายขนาดนั้น ผมรับตอนจบแบบโหดร้ายได้ นิยาย การ์ตูน หนังเลือดสาดก็อ่านก็ดูมาเยอะ ตอนจบเป็นเรื่องส่วนบุคคลของนักเขียนซึ่งไม่ควรก้าวก่าย แต่ทุกอย่างควรจะมีเหตุและผลในตัวมันเอง เช่นเรื่อง อนิเมชั่น School day จริงอยู่มันเป็นการจบแบบแทบร้องตะโกนใส่ว่า นี่มันอะไรว่ะเนี่ย ! เพราะพี่แกก็ไม่มีเกริ่นบอกเลยเช่นกัน แต่พอมองลงให้ลึกผมก็เข้าในเหตุผลของตัวละครเอกสองตัวนั้นว่าทำไมถึงได้ทำอะไรแบบนั้นลงไป
นักสะสมฟัน อ่านเพราะทีนอสและเพื่อนผู้เดิมแนะนำ ยิ่งตอนนั้นผมกำลังอ่านนิยายเรื่อง it ของป๋าคิงอยู่ด้วย พอมันเล่าๆมาผมก็เริ่ม เออ อารมณ์คล้ายๆ it เลย(ตัวประหลาดเหมือนกัน 555) และยิ่งได้ยินว่าท่านเป็นสาวกคิง ผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่ชอบอ่านนิยายและดูหนังของสตีเฟนคิง จึงรู้สึกสนใจไอเดียและแนวคิดที่ท่านนำเสนอออกมาจนต้องหยิบคว้ามาอ่านทั้งที่แอบรู้สึกผิดหวังกับทีนอสไปหนึ่งรอบ แต่ก็คิดว่า เฮ้ย เรื่องนี้มันต้องดีกว่าเรื่องที่ผ่านมา แล้วก็เช่นเดิมเลยครับ จุดร่วมที่แข็งเหมือนกันกับทีนอสกลายเป็นจุดด้อยที่น่าเสียดายสำหรับผมไปเช่นกัน
1. ความน่าสนใจของไอเดียการนำเสนอ สวนทางกับการดำเนินเรื่อง
คำเดิมเลยครับที่ทำให้ผมรู้สึกว่ามันเอาอีกแล้วรึเนี่ย ความน่าสนใจของไอเดียดำดิ่งลงตาม
จำนวนตอนที่เพิ่มมากขึ้น ทั้งที่ผมรู้สึกประทับใจในบทเปิดของท่านอย่างรุนแรงและสำนวนภาษาที่จัดได้ว่าสวยงามมีเสน่ห์ยอมรับเลยตรงๆว่าชอบ โดยเฉพาะความน่าสนใจในการนำเสนอช่วงสอง-สามบทแรก วิธีของการได้ปากกา บรรยากาศของเมืองไทยโดยเฉพาะร้านขายของเก่าที่ผมรู้สึกว่าได้ว่า อืม เจ๋งเลยละ ผมอ่านไปด้วยใจระทึกว่ามันต้องเจ๋งแน่ๆ แต่สุดท้ายมันเริ่มกลายเป็นหนังสยองขวัญเกรดบีอย่างไม่ทันรู้ตัว ด้วยรูปแบบการบรรยายและเนื้อเรื่องของนักสะสมฟันที่อยู่ๆก็กลายเป็นหนังผี เรื่องในนิยายที่ตัวเอกเขียนไม่สัมพันธ์กับไดอารี่ในชีวิตของตัวเอกเท่าไหร่ด้วยว่าผมไม่รู้สึกว่ามันส่งผลอะไรกับตัวเอกเท่าที่ควร และอีกครั้งที่ตัวนักสะสมฟันของท่านพยายามมามีตัวตนมากไป เปิดออกจนหมด จนผมไม่รู้แล้วว่าจะเอาอะไรไปกลัวมันดี ส่วนตัวผมว่ามันพูดมากไปด้วยซ้ำ ความลึบลับเลยพาลหายหมด อีกอย่างการดำเนินเรื่องในนิยายที่ท๊อปเขียน(นักสะสมฟัน) ก็ยังไม่น่าสนใจค่อนไปทางน่าเบื่อเสียด้วยซ้ำ และการนำมาโยงเกี่ยวกับความเป็นจริงก็ยังไม่ดีเท่าที่ควร ปริศนาของนักสะสมฟันก็ยังไม่กระจ่าง นิยามของ ”ฟันบนโยนลงล่าง ฟันล่างโยนขึ้นบน” ก็ยังไม่ค่อยเคลียร์ แล้วเรื่องของสัญญาที่ใครบางคนให้นักสะสมฟันไว้ เกริ่นมานิดๆแล้วก็หายไปเฉยๆ เหมือนทิ้งอะไรไว้เยอะ แต่เก็บไม่ได้ทั้งหมด
2. ความพยายามในการหักมุมเรื่อง
มาอีกแล้วครับ ตอนจบแบบหักมุม ไม่ใช่ว่ามันไม่ดีนะครับ เพียงแค่ว่าคราวนี้ ท่านเกิดโลภ
มากอยากได้มันทั้งในโลกความเป็นจริงและโลกของแฟนตาซี จึงมีการเขียนไดอารี่ของแม่ท๊อปออกมา ซึ่งการวิเคราะห์แบบนั้นมันก็สามารถเข้าใจได้ในเชิงจิตวิทยาอยู่บ้าง ถือว่ามีเหตุผลในการรองรับอยู่ แต่ท่านดันเอามาเกี่ยวโยงจนดูว่านักสะสมฟันมีอยู่จริงในโลกความเป็นจริงแน่ๆ นี่ผมรู้สึกว่ามันมากเกินไปอีกแล้ว เหมือนท่านพยายามจะเอามันทั้งหมดจนผมรู้สึกว่ามันเริ่มมั่วและไม่ปล่อยให้คนอ่านได้จินตนาการเองบ้าง ว่าสิ่งที่ท๊อปเผชิญเป็นเพียงแค่จินตนาการหรือว่ามันคือความจริง มันกักความคิดคนอ่านจนน่าอึดอัด ท่านพยายามใส่มากเกินไปจนสุดท้ายไม่ได้อะไรเลยสักอย่าง กลายเป็นว่ามีเรื่องของนิยายในนั้นขึ้นมาแล้วก็ไม่ได้สรุป แล้วในเรื่องของชีวิตจริงก็ไม่ได้สรุปอีก กลายเป็นเรื่องไร้บทสรุป
แต่อย่างหนังเรื่อง pan labyrinth ไม่รู้ว่าท่านเคยดูรึเปล่าแต่แนะนำให้ดูครับ มันเกี่ยวข้องกับความเป็นจริงและจินตนาการของตัวเอก ในจินตนาการของเด็กสาวสะท้อนมุมมองในโลกความเป็นจริงที่เป็นช่วงของสงครามการฆ่าฟันของเธอผ่านทางโลกจินตนาการที่มืดมน ลึกลับ น่าดึงดูดและตอนท้ายเขาก็ไม่บอกว่าเธอสร้างขึ้นมาเองรึเปล่าหรือว่ามันมีอยู่จริง แต่ผมว่าเขาปิดจบได้อย่างสวยงามและลงตัว มีความเกี่ยวข้องระหว่างโลกความเป็นจริงและจินตนาการอย่างแยบยล ขึ้นอยู่กับว่าคนดูเลือกที่จะเชื่อแบบไหน ท่านอาจจะค้านว่ามันก็ไม่ได้สรุป เรื่องนี้สรุปครับ แต่เป็นสรุปในรูปแบบปลายเปิด คือถ้าท่านเลือกเชื่อโลกความเป็นจริงตัวเอกก็ตาย แต่ถ้าท่านเลือกที่จะเชื่อโลกในจินตนาการตัวเอกก็จะยังมีชีวิตและได้กลายเป็นเจ้าหญิง
สรุปง่ายๆแล้วกันทั้งทีนอสและนักสะสมฟัน ผมว่าสิ่งที่ท่านขาดไปในการสร้างสรรค์นิยายที่ไอเดียดีดีทั้งสองเรื่องเช่นนี้ คือความแยบคายในการนำเสนอ ท่านมักจะบอกทุกอย่างออกมาตรงๆ เขียนทุกอย่างออกมาให้เห็นชัดเจน ทั้งวิธีการเลือกเรื่องที่จะนำเสนอไอเดียเริ่มต้นของท่าน รวมไปถึงการปิดจบอย่างสมบูรณ์แบบที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งผมว่ามันน่าจะสะท้อนบุคลิกภาพของท่าน (รึเปล่า ?) และการพยายามจะหักมุมนิยายที่เขียนมากจนเกินไป ถ้าให้ยกตัวอย่างที่ผมเห็นได้ชัดคือไดอารี่ของแม่ท๊อปนั่นละครับ พยายามอธิบายมากเพื่อให้คนอ่านเชื่อว่าสิ่งที่ท๊อปเขียนเกิดจากภาวะกดดันในตัวเขา ทั้งที่ความจริงผมว่าการสอดแทรกเข้าไปทีละน้อย(เหมือนหนังเรื่อง pan labyrinth เขาก็ไม่ได้บอกออกมาโต้งๆ) น่าจะทำให้ได้อรรถรสในการรับรู้ความรู้สึกในนิยายมากกว่า
ซึ่งการหักมุม การจบอย่างที่นักอ่านไม่คาดคิดเป็นเรื่องที่ดีครับ แต่ทุกอย่างต้องมีเหตุผลในตัวมันที่จะมารองรับว่าการหักมุมนั้นส่งผลอะไรต่อเนื้อเรื่อง ต้องไม่ให้รู้สึกถึงความพยายามของนักเขียน แต่ควรจะเป็นไปโดยธรรมชาติของงานเขียนนั้นโดยผ่านทางกับดักที่ผู้เขียนจัดวางไว้อย่างแยบยลมากกว่า หรือบางอย่างปล่อยไปตามธรรมชาติของเนื้อเรื่องต่อให้ไม่หักมุมมากมายแต่ผมว่ามันก็ปิดได้อย่างสวยงามในตัวของมันแล้ว ไม่จำเป็นต้องตามใจคนอ่าน ไม่จำเป็นต้องแฮปปี้แอนดิ้ง แต่ขอให้อ่านแล้วคนอ่านได้รับอะไรไปจากนิยายเรื่องนั้นก็พอแล้ว
ท่านพยายามทำให้นิยายของท่านจบอย่างสมบูรณ์ แต่ในความจริงแล้วมันไม่ใช่อย่างนั้นเลย ผมว่ามันเป็นการสร้างกรอบให้ตัวเองอย่างไม่รู้ตัวและกรอบนั้นส่งผลให้เกิดความอึดอัดต่อผู้อ่านโดยตรง และสำหรับผม มันมากเกินไปจนไม่สมบูรณ์
เสริมอีกนิด ความสมเหตุสมผลและเหตุผล ข้อมูล ทำให้เกิดความเชื่อ แต่มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับปริมาณ นักเขียนไม่ได้พยายามเอาเหตุผลข้อมูลร้อยแปดพันเก้ามาใส่เพื่อให้คนอ่านจำใจเชื่อ ความยากในการเขียนนิยายคือทำยังไงให้คนอ่านเชื่อได้ว่ามันเกิดขึ้นจริง แม้ข้อมูลที่เอามารองรับจะมีเพียงแค่เล็กน้อยก็ตาม
อีกนิดครับ อันนี้เป็นเมนท์ส่วนตัวจากเพื่อนผมที่อ่านนิยายท่านเช่นกัน มันฝากบอกว่าอย่าพยายามยัดเด็กดีเข้าไป 555+ เข้าใจว่าท่านรักเด็กดีครับ แต่ไม่ต้องพยายามยัดลงไปตรงๆก็ได้ มันดูไม่เป็นธรรมชาติและบางครั้งมันก็ไม่ได้มีส่วนช่วยให้เนื้อเรื่องดีขึ้น บางทีคนอ่านที่ไม่ใช่สาวกเด็กดีเขาจะขัดใจเอาได้
ความเห็นนี้มาจากคนอ่านธรรมดาๆ ไม่ได้มาจากนักวิจารณ์ชั้นเลิศ ไม่ใช่คนมีชื่อเสียงเรียงนามในบอร์ดนี้ เป็นแค่ความรู้สึกหลังจากที่อ่านนิยายท่านจบ ท่านไม่จำเป็นต้องเชื่อในสิ่งที่ท่านไม่เห็นว่าจริง ไม่จำเป็นต้องทำตามถ้าท่านชอบสิ่งที่ตัวเองทำอยู่แล้ว ผมชอบงานท่านตรงที่มีเอกลักษณ์และผมไม่อยากให้สูญเสียตรงนั้นไป อย่างที่ผมบอกมันเป็นจุดแข็งของท่านในขณะเดียวกันสำหรับผมมันคือจุดอ่อนด้วยเช่นกัน ถ้ามีข้อความอะไรในหน้ากระทู้นี้ ทำให้ผู้ที่ชื่นชอบนิยายทั้งสองเรื่องนี้ขัดใจ ผมต้องขออภัยไว้ด้วยครับ
ปล.1 ท่านที่รอนิยายในหน้าบทความกล้วยหอมจอมสับอย่าเพิ่งน้อยใจนะครับ แล้วผมกับบี1 จะรีบสานต่อให้เร็วที่สุด
ปล. 2 ผมเปิดกระทู้ให้ตามที่ท่านแจกันสีฟ้าต้องการนะครับ แต่จะขออนุญาติเอาไปลงในบทความด้วยก็แล้วกัน
จาก B2 บทความกล้วยหอมจอมสับ
ความคิดเห็น