คาปูชินโญ่ - คาปูชินโญ่ นิยาย คาปูชินโญ่ : Dek-D.com - Writer

    คาปูชินโญ่

    เมื่อสีสันแห่งชีวิตของอาณาจักรคาปูชินโญ่ถูกราชาเงาขโมยไป ราชินีแห่งทิวาจึงต้องหาผู้กล้าจากโลกคู่ขนานมาช่วย ภาระจึงตกสู่เด็กชายตัวน้อย... สีสันแห่งชีวิตจะกลับมาหรือไม่ โปรดติดตาม...

    ผู้เข้าชมรวม

    1,397

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    1.39K

    ความคิดเห็น


    2

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  แฟนตาซี
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  19 ส.ค. 50 / 22:56 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

                                      

       
                     ยามเย็นหลังเลิกเรียนของโรงเรียนรัฐบาลแห่งหนึ่ง
      ธันวา เด็กชายชั้นมัธยมต้นธรรมดาๆ กำลังนั่งมองเพื่อนๆและรุ่นพี่เล่นกีฬาอยู่บนม้าหินอ่อนหน้าสนามฟุตบอล โดยมีเด็กรุ่นน้องบางคนก็กำลังเล่นดีดลูกแก้ว หรือไม่ก็กระโดดหนังยางอยู่ใกล้ๆ ลูกแก้วลูกหนึ่งกลิ้งมาตกแทบเท้าของธันวา เขาก้มลงเก็บลูกแก้วลูกนั้นตั้งใจจะเอาไปให้รุ่นน้องที่ทำกลิ้งออกมา ลูกแก้วลูกนั้นเป็นลูกแก้วขนาดไม่ใหญ่นักสีเทาดำดูขมุกขมัวไม่ใคร่จะสะอาดนัก

       

                      ในขณะที่กำลูกแก้วนั้นไว้ในอุ้งมืออากาศรอบตัวดูเหมือนบิดเบี้ยวไปแม้แต่ตัวเขาเอง ชั่วเสี้ยววินาทีรอบกายก็ดูเหมือนกับมืดลงอย่างไร้สาเหตุ เมื่อมองไปรอบๆ เขากลับพบว่าตนเองไม่ได้อยู่ที่โรงเรียนเสียแล้ว เนื่องจากสถานที่รอบกายแทนที่จะเป็นสนามฟุตบอลที่มีรุ่นพี่กำลังเตะฟุตบอลหรือไม่ก็เพื่อนๆกำลังตั้งวงเล่นตะกร้อกันตามปกติ กลับกลายเป็นว่าตอนนี้เขากำลังยืนอยู่บนห้องโถงใหญ่สีขาวเทา

       

                      นอกจากตัวเขาแล้วสิ่งรอบกายทั้งหมดแม้แต่แสงเงาที่ส่องสว่างอยู่ในขณะนี้กลับดูเหมือนเขาได้หลุดเข้ามาในภาพถ่ายสีซีเปียหรือไม่ก็จอโทรทัศน์ระบบขาว-ดำ ก็ไม่ปาน ทุกอย่างดูไร้สีสันแม้กระทั่งผู้หญิงสวยๆที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ สวมชุดคร่อมเท้าดูกรุยกรายแบบเทพธิดากรีก ที่มักเห็นได้ตามหนังสือแนวประวัติศาสตร์ ก็ดูเหมือนรูปสลักมากกว่ามนุษย์ที่มีลมหายใจ

       

                      ธันวามีท่าทีตกใจกลัวมากกว่าจะนึกตื่นเต้นในยามที่ต้องเผชิญกับปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติเหล่านี้ ผู้หญิงคนนั้นเป็นคนสวยแปลกและดูสง่าอย่างบอกไม่ถูก เธอค่อยๆก้าวลงมาจากบัลลังก์มาหาธันวาอย่างช้าๆ พร้อมกับเอ่ยแนะนำตัวว่าเธอคือ ราชินีแห่งทิวา ผู้ปกครองอาณาจักรคาปูชินโญ่ และเป็นผู้ส่งลูกแก้วแห่งชะตากรรมไปยังมิติคู่ขนานหนึ่งในมิตินับพันนับหมื่นที่ซ้อนทับกันอยู่นี้ เพื่อคัดเลือกผู้ที่เหมาะสมมาช่วยเหลืออาณาจักรคาปูชินโญ่ให้กลับมามีสีสันแห่งชีวิตเหมือนเดิมให้ได้ภายใน 7 วัน โดยสีสันทั้งหมดอยู่ที่ราชาเงา ผู้ถูกเลือกต้องไปนำสีสันกลับมาให้ได้ ไม่เช่นนั้นมนุษย์ทุกคน ต้นไม้ทุกต้น สัตว์ทุกตัว และอาณาจักรทั้งอาณาจักรจะค่อยๆกลายเป็นสีขาว-ดำ ทั้งหมดจนจางหายไปตลอดกาล และตอนนี้เวลาได้ล่วงเข้าวันที่ 3 แล้ว เหลือเวลาอีก 4 วันเท่านั้นก่อนที่อาณาจักรนี้จะเลือนหายไป ราชินีแห่งทิวาเอ่ยอย่างไม่อ้อมค้อม

       

                      ธันวาที่ได้ฟังก็เกิดความรู้สึกเห็นใจกับชะตากรรมของอาณาจักรคาปูชินโญ่ แต่เขาก็ยังมีความกลัวมากกว่าจะยอมตัดสินใจช่วยราชินีแห่งทิวาและอาณาจักรของพระนางในทันที จนพระนางต้องขู่ธันวาว่าจะไม่ยอมส่งเขากลับเด็ดขาด เมื่อครบกำหนด 7 วัน ธันวาก็จะค่อยๆสูญเสียสีสันแห่งชีวิตที่มีอยู่ในตัว จนกลายเป็นสีขาว-ดำ และจางหายไปในที่สุดพร้อมกับอาณาจักรแห่งนี้

       

                      หลังจากที่คิดอย่างถี่ถ้วนจนแน่ใจว่าราชินีแห่งทิวาไม่ยอมส่งเขากลับแน่แล้ว ธันวาจึงตอบตกลงใจที่จะช่วยอาณาจักรคาปูชินโญ่ ราชินีแห่งทิวาจึงให้อัศวินหญิงคนหนึ่งนามว่า ฟารัน ตามไปคุ้มครองและนำทางให้แก่ธันวาเพื่อเดินทางไปยังอาณาจักรแห่งเงา ของราชาเงา พวกเขาต่างผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าที่รัดกุมเพื่อเพิ่มความสะดวกให้แก่การเดินทาง สะพายอาวุธที่แหลมคมพอจะใช้ปกป้องชีวิตน้อยๆของพวกเขา และคาดสัมภาระ เสบียงกรังและน้ำดื่มเข้ากับพาหนะมากพอที่จะไม่ต้องไปอดตายระหว่างทาง

       

                      ฟารันพาธันวารีบรุดไปยังที่อยู่ของราชาเงาอย่างรีบเร่งด้วยกำลังของม้าสีขาว-เทา และสีเทา-ดำ 2 ตัว ซึ่งธันวาขึ้นไปขี่มันตัวหนึ่งอย่างกล้าๆกลัวๆ โดยเฉพาะเมื่อเพิ่งผ่านหลักสูตรการฝึกขี่ม้าแบบเร่งรัดของฟารันมาหมาดๆ  พวกเขาเดินทางกันทั้งวันผ่านป่าที่ใบไม้เป็นทรงเรขาคณิต และลำธารสีดำที่มีพรายฟองเดือดปุดๆ ในวันแรก

       

                      ต้องเดินทางผ่านโตรกผาที่สูงชัน น่าหวาดเสียว และมีลมกระโชกแรงอยู่เป็นระยะจนธันวาแทบจะเอาชีวิตไปทิ้งอยู่ก้นเหวเป็นหลายรอบถึง 5 ลูก ในวันที่สอง

       

                      ต้องเดินทางผ่านทะเลทรายสีเทาอ่อนอันกว้างใหญ่ไพศาลในขณะที่น้ำซึ่งติดตัวมาเหลืออยู่เพียงเล็กน้อย จนต้องหาน้ำดื่มเอาจากต้นกระบองเพชรที่ไม่ค่อยจะมีให้เห็น ในวันที่สาม

       

                      และในวันที่สี่ของการเดินทาง ซึ่งเป็นวันสุดท้ายที่อาณาจักรคาปูชินโญ่ครบกำหนด 7 วัน ธันวาและฟารันก็เดินทางมาถึงจุดหมายปลายทาง ซึ่งเป็นพระราชวังสีทองอันงดงาม พวกเขามองจุดหมายอย่างยินดีระคนแปลกใจที่ระหว่างทางพวกเขาไม่พบอุปสรรคที่มาขัดขวางพวกเขา และที่สำคัญคือไม่พบสิ่งมีชีวิตแม้สักสิ่งเดียวในอาณาจักรแห่งเงานี้ นอกจากพวกเขา 2 คน

       

                      พวกเขาออกตามหาราชาเงาไปทั่วพระราชวังแห่งนั้นอย่างระมัดระวังเนื่องจากเกรงว่าอาจมีสิ่งที่ไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้น จนเวลาล่วงเลยไปจากนาทีเป็นชั่วโมง ร่างกายของพวกเขาเริ่มซีดจางลงเรื่อยๆเหมือนภาพถ่ายเก่าๆที่สีเริ่มเลือน ในที่สุดพวกเขาก็พบราชาเงา พระองค์นั่งรอพวกเขาอย่างสงบอยู่บนบัลลังก์ทองอันงดงามด้วยดวงตาเป็นประกายด้วยความยินดี และกล่าวกับพวกเขาว่า ในที่สุดพวกเจ้าก็มา

       

                      เมื่อสิ้นเสียงกล่าวนั้น ก็เรียกใบหน้าแสดงความงุนงงและแปลกใจของธันวาและฟารันได้ในทันที พร้อมกับจุดความสงสัยขึ้นมาว่าชายที่อยู่ตรงหน้าพวกเขานี้จะใช่คนเดียวกับราชาเงาที่นำสีสันไปจากอาณาจักรคาปูชินโญ่แน่รึเปล่า

       

                      ข้าคือราชาเงา คนที่พวกเจ้าค้นหา อย่าได้นึกสงสัยไปเลย การเดิมพันครั้งนี้ถือว่าราชินีแห่งทิวาชนะ สามารถเดินทางมาถึงอาณาจักรแห่งเงาได้ตามที่ข้ากำหนด และมีมนุษย์ที่มีสีสันแห่งชีวิตร่วมเดินทางมาด้วย ในคราวนี้ข้าจะคืนสีสันแห่งชีวิตให้ตามคำสัญญา กล่าวจบราชาเงาก็คืนสีสันแห่งชีวิตให้แก่อาณาจักรคาปูชินโญ่ จนร่างกายของธันวาและฟารันกลับมามีสีสันแห่งชีวิตตามอย่างที่ควรจะเป็นเช่นเดิม ยกเว้นก็พียงแต่ตัวราชาเงาและอาณาจักรของพระองค์เท่านั้นที่เปลี่ยนมาเป็นสีขาว-ดำ ไร้สีสันผิดกับคราวแรกที่เห็นทุกอย่างดูสดใสสวยงาม ซึ่งนั่นสร้างความสงสัยให้กับธันวาเป็นอย่างมาก

       

                      ราชาเงาจึงเล่าให้ธันวาฟังว่า เมื่อกาลก่อนอาณาจักรแห่งเงาก็มีสภาพเช่นเดียวกับตอนนี้คือไร้ซึ่งสีสันแห่งชีวิต ทำให้ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดทนอยู่ในอาณาจักรแห่งนี้ได้ยกเว้นเพียงพระองค์ซึ่งเป็นเจ้าของและเป็นผู้ปกครองของอาณาจักรแห่งนี้ จนวันหนึ่งพระองค์จึงเดินทางไปพบราชินีแห่งทิวาเพื่อขอแบ่งสีสันแห่งชีวิตเพียงน้อยนิด เพื่อที่อาณาจักรของพระองค์จะได้มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่บ้าง แม้จะเพียงต้นหญ้าเล็กๆหรือต้นไม้ในอาณาจักรแค่ไม่กี่สิบต้นในเขตพระราชวังของพระองค์ก็นับว่าเป็นสิ่งจรรโลงใจให้แก่พระองค์ได้บ้าง แต่ราชินีแห่งทิวากลับเอ่ยวาจาดูถูกและท้าทายว่า

       

                      พระองค์ทำได้เพียงเท่านี้เองหรือ ช่างเป็นราชาที่มักน้อยเสียจริง หากท่านมีความสามารถนำสีสันแห่งชีวิตของทั้งอาณาจักรข้าไปได้ทั้งหมดภายในคืนเดียว ข้ายินดียกสีสันแห่งชีวิตให้กับท่าน แต่หากท่านทำไม่ได้ก็จงอย่าได้นำสีสันแห่งชีวิตไปแม้แต่เพียงเศษเสี้ยวธุลีดิน ราชาเงาเมื่อได้ฟังคำท้าทายดังนั้นก็ตอบรับ และกล่าวพนันว่า

       

                      ถ้าข้าสามารถนำสีสันแห่งชีวิตไปจากคาปูชินโญ่ได้ภายในคืนเดียวข้าจะนำมันกลับไป แต่ข้าจะให้เวลาท่าน 7 ราตรี ในการนำสีสันแห่งชีวิตกลับคืนไป โดยมีข้อแม้ว่าท่านต้องหาตัวมนุษย์ที่ยังมีสีสันแห่งชีวิตร่วมเดินทางมาให้ถึงพระราชวังของข้า เมื่อนั้นข้าจะคืนสีสันแห่งชีวิตให้กับอาณาจักรของท่าน หลังจากที่ราชาเงานนำสีสันแห่งชีวิตมาได้สำเร็จ พระองค์ก็ใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางแสงสีถึง 7 วัน แต่กระนั้นก็ยังไม่มีสิ่งมีชีวิตชนิดใดมาอาศัยอยู่ในอาณาจักรแห่งเงาเช่นเดิม จนกระทั่งธันวาและฟารันเดินทางมาถึง พระองค์จึงได้ทำตามคำสัตย์สัญญาคืนสีสันแห่งชีวิตให้แก่คาปูชินโญ่

       

                      หลังจากนั้นราชาเงาก็ส่งธันวาและฟารันกลับมายังอาณาจักรคาปูชินโญ่ ทั้งคู่กลับมาเข้าเฝ้าราชินีแห่งทิวา ซึ่งพระนางได้พระราชทานลูกแก้วลูกเล็กๆที่บรรจุสีสันแห่งชีวิตเอาไว้เต็มเปี่ยมดูสดใสสวยงามเป็นที่สุดให้กับธันวา เพื่อเป็นกุญแจเข้าออกอาณาจักรคาปูชินโญ่และโลกมนุษย์ในมิติของธันวา จากนั้นทั้งอาณาจักรก็จัดงานเลี้ยงฉลองให้กับธันวาผู้กล้ารุ่นเยาว์ที่สามารถนำสีสันแห่งชีวิตกลับคืนมาให้กับอาณาจักรคาปูชินโญ่ได้สำเร็จ และเลี้ยงส่งให้กับผู้กล้าน้อยที่ต้องเดินทางกลับไปยังที่ๆเขาจากมา

       

                      เมื่อธันวาร่ำลาฟารันเรียบร้อย ราชินีแห่งทิวาจึงส่งธันวากลับไปยังมิติเดิม ทุกอย่างดูบิดเบี้ยวเหมือนอย่างตอนขามา และแสงสว่างนุ่มนวลยามเย็นส่องกระทบใบหน้าของเขา เบื้องหน้าคือสนามฟุตบอลที่ยังมีเพื่อนๆและรุ่นพี่เล่นฟุตบอลและเตะตะกร้อกันส่งเสียงเจี้ยวจ้าว ด้านข้างยังมีรุ่นน้องโดดหนังยางและดีดลูกแก้วไปตามเรื่อง ขณะนั้นในมือที่กำแน่นของธันวายังคงกำลูกแก้วลูกเล็กๆลูกหนึ่งไว้ โดยที่มันส่องแสงสดใสด้วยสีสันแห่งชีวิตของอาณาจักรคาปูชินโญ่ไว้อย่างเต็มเปี่ยม


                                      

       

       

      *~**~ The End ~**~*

       

       

      28      พฤศจิกายน   2549

       

      ถ้าชอบก็ขอบใจ  ถ้าช่วยโหวตให้ก็ขอบคุณค่ะ  (^o^)

       

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×