When I'm feeling Blue... - When I'm feeling Blue... นิยาย When I'm feeling Blue... : Dek-D.com - Writer

    When I'm feeling Blue...

    ความรักระหว่างต้นและฟ้า ที่จะชวนคุณรำลึกถึงความรักที่ได้สูญเสียไป

    ผู้เข้าชมรวม

    214

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    214

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักดราม่า
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  17 เม.ย. 52 / 17:06 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    นิยายแฟร์ 2024
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      วันนี้ท้องฟ้าปลอดโปร่ง มองเห็นหมู่ดาวมากมายสกาวอยู่บนท้องฟ้า

      ผมกับเธอ เรานอนนับดาวอยู่ด้วยกันตรงระเบียง ลมทะเลหอบเอากลิ่นเกลือมา เสียงระลอกคลื่นยามดึกแว่วมาไกลๆ คืนนี้เป็นคืนที่บรรยากาศดีเอามากๆเลย

      "ทำไมนับเท่าไหร ก็นับไม่หมดซักทีนะ ดวงนั้น...ดวงนู้น...โผล่มาเรื่อยๆเลย"

      "ไม่อย่างนั้นเขาจะบอกว่าดวงดาวมีมากมายเต็มท้องฟ้าหรอ?" ผมหันไปตอบคำถามเธอ มองหน้าเธอจากด้านข้างแล้ว เวลาที่เธอถามคำถามแปลกๆขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุนั้นมันดูน่ารักมากๆเลย 

      "นั่นซิ.." เธอหันมายิ้มให้ผม ไม่ว่าจะมองกี่ครั้งๆเธอก็น่ารักเสมอ แล้วเธอก็เริ่มนับต่อ "หนึ่งร้อย... อ๊ะ มันเท่าไหรแล้วล่ะเนี่ย"

      "หนึ่งร้อยห้าสิบแปดครับ" ผมตอบเธอไป พร้อมอดยิ้มไม่ได้กับอาการหัวเสียในเรื่องไม่เป็นเรื่องของเธอ

      "แหม จำเก่งจังเลยนะ ทีวันเกิดเราน่ะ ดันจำไม่ได้ซะงั้น" เธอหันมาค้อนใส่ผมซะอย่างนั้นแหละ ดูเธอยังไม่หายโกรธผมเรื่องที่ผมลืมวันเกิดเธอไปนะเนี่ย จะว่าไปแล้ว เพราะผมลืมวันเกิดเธอนี่แหละ ผมเลยต้องพาเธอมาฉลองวันเกิดย้อนหลังชดเชยให้กับเธอ โดยการพาเธอมาเที่ยวที่ระยอง

      ในตอนแรกเธอหัวเสียเอามากๆเลย และเธอก็โกรธผมเอามากๆเสียด้วย ไม่ยอมรับโทรศัพท์ผม ปิดเครื่องหนี จนผมต้องตามไปง้อเธอถึงบ้าน ดีนะที่คุณแม่เธอยอมให้ผมเข้าบ้าน และช่วยกล่อมเธอให้ยอมคุยกับผม จนผมอ้อนเธอให้มาเที่ยวทะเลได้นี่แหละ ไม่งั้นนะป่านนี้จะเป็นยังไงต่อ ผมก็ไม่กล้าจินตนาการเหมือนกัน

      "ขอโทษคร้าบบบบบบบ ต่อไปผมจะไม่ลืมอีกแล้ว" ผมทำท่าขอโทษเธอเสียยกใหญ่ จนเธออดหัวเราะออกมาไม่ได้

      "5555+ โอเคๆๆ เราไม่โกรธแล้ว เลิกทำท่าแบบนั้นเสียที นี่!!! บอกให้เลิกทำได้แล้วไง 55555+" ดูเธอตลกกับท่าหัวเราะของผมเสียเหลือเกิน ยิ่งผมเห็นเธอตลกกับมันก็เหมือนยุให้ผมทำท่านั้นซ้ำอีก จนเธอลุกมาทุบผมเป็นการใหญ่

      "นี่!!! เราบอกให้เลิกได้แล้วไง ใจคอจะให้เราหัวเราะจนขาดใจตายใช่ไหมล่ะ " เธอพูดไปพลางทุบตีผมไปพลาง แน่นอนว่ามันไม่เจ็บหรอก แต่ผมต้องแกล้งทำเป็นเจ็บมาก เพราะเธอดูจะมีความสุขเวลาที่ทำให้ผมเจ็บตัวได้ แฟนผมนี่แอบซาดิสม์เล็กๆนะเนี่ย

      "โอ้ยๆๆ เจ็บๆๆ พอแล้วๆๆ ยอมแล้วๆๆ" ผมแกล้งทำเป็นเจ็บ พร้อมยกมือกันกำปั้นเธอที่ทุบลงมาเป็นระยะๆ

      "เป็นไงล่ะ บอกให้เลิกแต่แรกก็ไม่เชื่อ ต้องเจ็บตัวถึงจะเชื่อใช่ไหมล่ะ" เธอเลิกทุบตีผมแล้ว แต่ท่าทางเธอดูมีความสุขกับชัยชนะในครั้งนี้เหลือเกิน จากนั้นเธอก็เตรียมตัวจะลงมานอนข้างๆผม สบโอกาสตอนเธอกำลังจะนอนลง ผมก็รวบตัวเธอให้มาอยู่ในอ้อมกอดผม

      "ว้าย!! เล่นอะไรน่ะ ไม่เข็ดใช่ไหม อยากโดนทุบอีกหรือไง?" เธอเงยหน้ามองผมแบบค้อนนิดๆ พร้อมทุบเบาๆที่อกผม

      "ไม่อยากโดนทุบหรอกครับ ผมก็แค่อยากกอดคุณเท่านั้นเอง" พูดจบผมก็หอมแก้มเธอไปทีนึง ดูเธอเขินนิดๆนะ  น่ารักจริงๆ ผมว่าได้ยินเธอกระซิบเบาๆว่า "ตาบ้า" ด้วยนะ ไม่รู้ผมหูแว่วไปเองรึเปล่า

      คืนนั้นเราสองคนก็นอนกอดกัน ท่ามกลางดวงดาวเต็มท้องฟ้า มีเสียงระลอกคลื่นเป็นเพลงขับกล่อม...

      จนถึงตอนนี้ ผมยังไม่อยากเชื่อเลยว่านั่นจะเป็นคืนสุดท้ายที่เราได้อยู่ด้วยกัน...

      เช้าวันรุ่งขึ้น เธอตื่นก่อนผมและออกไปหาซื้ออาหารเช้ามาทานด้วยกัน ผมสะดุ้งตื่นในเวลาต่อมาเพราะป้าเจ้าของบ้านพักมาทุบประตูและตะโกนเรียกผม เป็นการใหญ่

      ......เธอถูกรถชน.......

      จากปากคำของแม่ค้าบอกผมว่า เธอมาซื้อของกับป้าเขา พอซื้อเสร็จและกำลังจะข้ามถนน จู่ๆก็มีรถเก๋งขับมาเร็วมากๆชนเธอที่กำลังจะข้ามถนนพอดี พอคนขับรถมันรู้ว่าชนคน ก็รีบขับหนีไปทันที ตอนนั้นป้าแกตกใจอยู่เลยจำทะเบียนรถไม่ได้ และตอนนั้นก็เป็นตอนเช้าเลยมีคนไม่ค่อยเยอะเท่าไหรนัก...

      ในหัวผมตอนนี้มีหลายอารมณ์ผสมปนเปอยู่ ทั้งตกใจ ทั้งโกรธ และ ใจหาย ผมกลัว กลัวจนไม่รู้จะทำอย่างไรดี เมื่อเห็นร่างเธอเต็มไปด้วยเลือดนอนอยู่กลางถนน ผมรีบวิ่งเข้าไปทันที กำลังจะอุ้มเธอขึ้น ป้าเจ้าของบ้านแกก็ดึงเอาไว้ก่อน เพราะกลัวว่าถ้าไปดึงเธอขึ้นมาอาการอาจจะแย่ไปมากกว่านี้ ผมจึงทำได้แค่เอาเสื้อผมห้ามเลือดให้เธอ เธอมองผมด้วยสายตาที่อธิบายไม่ได้ เธอทำท่าเหมือนจะร้องไห้ ปากเธอพะงาบบอกอะไรซักอย่างกับผม ซึ่งผมไม่ได้ยินอะไรที่เธอพูดเลย น้ำตาผมไหลออกมาไม่หยุด ปากก็พร่ำเอาแต่พูดว่า "ฟ้าต้องไม่เป็นอะไรนะ ฟ้าต้องไม่เป็นไร ไม่ต้องห่วงนะฟ้า เดี๋ยวรถพยาบาลก็มาแล้ว ไม่ต้องกลัวนะ ผมอยู่ตรงนี้" ผมกุมมือเธอเอาไว้ไม่ปล่อย เธอน้ำตาคลอเบ้าและทำท่าเหมือนจะพูดอะไรออกมาตลอดเวลา

      รถพยาบาลมาถึงในเวลาสิบกว่านาทีหลังจากเธอโดนรถชน ทีมแพทย์และพยาบาลพาเธอขึ้นรถในทันที ผมรีบตามกระโดดขึ้นรถไป ในรถผมกุมมือเธอเอาไว้ไม่ยอมปล่อย ปากก็พร่ำแต่ประโยคเดิมๆ "ไม่เป็นไรนะ คุณต้องไม่เป็นไร" น้ำตาผมมันไหลไม่ยอมหยุด

      เมื่อถึงโรงพยาบาล เธอถูกพาตัวเข้าห้องฉุกเฉินในทันที ตัวผมทำได้แค่รออยู่หน้าห้อง เดินไปมาราวกับคนบ้า ผมไม่ต้องการที่จะรออยู่ตรงนี้ ผมอยากเข้าไปดูเธอ อยากจะช่วยเธอ...

      แม่ของฟ้ามาถึงโรงพยาบาลในอีก 3 ชั่วโมงต่อมา เมื่อเห็นผมคุณแม่ก็ถามคำถามต่างๆ "ฟ้าเป็นไงบ้าง? เกิดอะไรขึ้น? แล้วเราล่ะเป็นยังไงบ้าง" ท่าทางของท่านดูตกใจเป็นอย่างมาก ผมได้แต่มองหน้าคุณแม่ และน้ำตาผมมันก็เริ่มไหลอีกครั้ง คุณแม่เห็นดังนั้นก็กอดผม และพูดปลอบผมด้วยเสียงที่สั่นเครือ "ไม่เป็นไรนะต้น ไม่เป็นไร ฟ้าเขาไม่เป็นอะไรหรอก" คุณแม่กอดผมเอาไว้ไม่ปล่อย ท่านเองก็ร้องไห้อยู่เช่นเดียวกัน

      4 ชั่วโมงผ่านไป... 5 ชั่วโมงผ่านไป...มันเป็นช่วงเวลาที่ยาวนานมากในชีวิตผม ยาวนานที่สุดเท่าที่ผมเคยสัมผัสมา  แล้วประตูห้องฉุกเฉินก็เปิดออก ทีมแพทย์ค่อยๆเดินออกมา ผมกับคุณแม่รีบวิ่งเข้าไปถามทันที

      "หมอช่วยสุดความสามารถแล้ว แต่อาการของผู้ป่วยสาหัสมาก ในกรณีที่แล้วร้ายที่สุด หมออาจจะต้องให้คุณเตรียมใจใจเอาไว้.."

      ผมได้ยินดังนั้นก็กระชากเสื้อหมอ "เตรียมใจอะไร!!! ผมต้องเตรียมใจอะไร!!! หมอฃ่วยฟ้าแล้วไม่ใช่หรอ ฟ้าต้องไม่เป็นอะไรซิ" หมอได้แต่ส่ายหน้า ก่อนที่คุณแม่จะดึงตัวผมออกมา น้ำตาผมยิ่งไหลไม่หยุด...

      ฟ้าอยู่ในห้อง ICU มีผมคอยอยู่ข้างๆตลอด คุณแม่ฟ้าไปจัดการเรื่องต่างๆให้ และกลับไปกรุงเทพฯเพื่อเอาเสื้อผ้ามาให้ผมเปลี่ยน ผ่านไปสามวันก็แล้ว อาการของเธอยังไม่ดีขึ้นเลย และเธอก็ยังคงไม่รู้สึกตัว

      เช้าวันที่สี่ ผมที่เผลอหลับไป ถูกปลุกด้วยเสียงของพยาบาลที่วิ่งไปมา "คนไข้รู้สึกตัวแล้วค่ะ" ผมรีบลุกและเดินไปหาฟ้าทันที เธอค่อยๆหันมามองที่ผม เห็นดังนั้นน้ำตาผมก็เริ่มคลออีกแล้ว...  และดวงตาเธอก็เริ่มมีน้ำตาเช่นเดียวกัน

      ปากของเธอพะงาบ เหมือนจะพยายามจะพูดอะไรซักอย่าง ผมจึงขอร้องให้พยาบาลช่วยถอดหน้ากากออกซิเยน และก้มลงไปฟังที่เธอพูด

      "ขอ...โทษนะ...ต้น...ฟ้า....ขอโทษ" เสียงของเธอสั่นเครือ น้ำตาเจ้ากรรมของผมมันไหลไม่หยุด "ขอโทษอะไรฟ้า ขอโทษผมทำไมล่ะ ฟ้าไม่ได้ทำอะไรผิดซักหน่อย..." ผมกุมมือเธอให้แน่นที่สุด เพื่อไม่ให้เธอปล่อยมือจากผมไปไหน...

      "ตื้ดๆๆๆๆๆๆๆ...." สัญญาณชีพจรเธอเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ แพทย์และพยาบาลรีบเข้ามาดูอาการเธอ และกันผมออกจากเตียง สิ่งสุดท้ายที่ผมได้ยินจากฟ้าคือ "ฟ้ารักต้นนะ..." ก่อนที่เตียงเธอจะถูกเข็นเข้าห้องฉุกเฉินไป

      ผมนั่งรอหน้าห้องฉุกเฉิน จนคุณแม่เดินทางกลับมาถึง และอยู่นั่งเป็นเพื่อนผมหน้าห้อง...

      ผ่านไปหลายชั่วโมง ประตูห้องผ่าตัดก็เปิดออก คุณหมอเดินออกมา และส่ายหน้าเบาๆ ผมรู้ทันทีว่ามันหมายถึงอะไร ผมร้องไห้อย่างห้ามไม่ได้ี คุณแม่เองก็เช่นกัน.....

      พิธีศพจัดขึ้นที่วัดใกล้ๆบ้านเธอ ผมได้แต่อยู่เฉย หมดกำลังใจที่จะทำอะไร ผมยังยอมรับไม่ได้ว่าเธอ...ฟ้า ผู้หญิงที่ผมรักมาก...ได้จากผมไปแล้ว...  จนกระทั่งวันเผาศพ ผมก็ยังคงทำใจรับไม่ได้อยู่ดี...

      ผ่านไปหลายวัน ผมใช้ชีวิตเหมือนเร่งวันตาย ไม่กินข้าวปลา ไม่ออกไปพบใคร ผมยังคงจมอยู่กับอดีต กับภาพเวลาเดิมๆ และยังไม่เชื่อว่าฟ้าจากไปแล้ว... คุณแม่ฟ้าหมั่นมาเยี่ยมผมอยู่สม่ำเสมอ และพูดจาปลอบประโลม...ทว่าคำพูดเหล่านั้นไมได้เข้าถึงผมเลย...ไม่กี่วันต่อ มาผมก็ล้มลงไป และถูกส่งเข้าโรงพยาบาล

      เมื่อผมรู้สึกตัวก็มีคุณแม่ฟ้าอยู่ข้างๆ และมองผมด้วยสายตาเป็นห่วง แกดูเศร้าซึมมาก...

      ระหว่างที่ผมพักอยู่ในโรงพยาบาลนั้น ผมได้ข่าวจากคุณแม่ฟ้าว่าคนที่ขับรถชนฟ้าได้เข้ามอบตัวแล้ว เพราะทนต่อความรู้สึกผิดไม่ไหว ศาลตัดสินจำคุกไม่กี่ปีในฐานขับรถโดยประมาท... ผมได้ยินดังนั้น อารมณ์โกรธผมก็พลุ้งพล่านในทันใด "ผมจะต้องฆ่ามันให้ได้ ฆ่าไอคนที่แย่งฟ้าไปจากผม" ผมเอ่ยประโยคนี้ขึ้นมา คุณแม่ได้ยินดังนั้นก็พูดขึ้นมา "การแก้แค้นไม่ได้ช่วยอะไรหรอกนะต้น ใช่ว่าต้นฆ่าเขาแล้วฟ้าจะฟื้นขึ้นมาเมื่อไหร ตอนนี้เขาก็สำนึกผิดแล้ว และรับโทษตามที่เขาสมควรไปแล้ว อโหสิกรรมให้เขาเถอะนะ แม่เชื่อว่าฟ้าเองก็ต้องคิดอย่างเดียวกับแม่แน่ๆ" ได้ยินดังนั้น ผมก็กัดฟัน และร้องไห้ด้วยความเจ็บใจ...

      ไม่กี่วันต่อมา ผมก็ได้ออกจากโรงพยาบาล คุณแม่ฟ้าชวนผมให้ไปอยู่ที่บ้านของท่าน เพราะผมเป็นเด็กกำพร้า และคุณแม่ท่านก็ไม่มีใครอยู่ด้วยแล้ว  ท่านอยากให้ผมเป็นลูกบุญธรรมท่าน ซึ่งผมก็ตอบตกลงไปโดยไม่ต้องคิด ผมจะดูแลคุณแม่ของฟ้าให้ดีที่สุด แทนตัวของฟ้าเองด้วย...

      ผ่านมาหลายสัปดาห์ ระหว่างที่ผมกำลังนั่งฟังเพลงทางวิทยุอยู่ ผมก็ได้ยินเพลงโปรดของฟ้า เพลงที่ฟ้าชอบฟังอยู่เสมอๆ "When I'm feeling Blue" ของโรส ศิรินทิพย์...

      ภาพเวลาเก่าๆหวนกลับมาในทันใด ภาพตอนที่ผมกับเธอคุยกันเรื่องเพลงนี้ ผมถามฟ้าว่าทำไมถึงชอบเพลงเศร้าๆแบบนี้ ซึ่งฟ้าก็ตอบผมกลับมาว่า "มันเศร้าก็จริงนะ แต่ฟ้าเข้าใจอารมณ์ของเพลงนะ เพราะถ้าเราไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้ว ฟ้าคงต้องคิดถึงต้นมากๆๆๆๆเลยล่ะ แล้วพอฟังเพลงนี้ เราก็จะนึกถึงเวลาที่เราเคยอยู่ด้วยกันไง เวลาที่เรามีความสุขด้วยกัน เวลาที่เราทะเลาะกัน..." พูดจบแล้วเธอก็ยิ้ม  นึกถึงเสร็จน้ำตาผมก็ไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว...

      ผมยังคงนึกถึงวันเวลาเก่าๆที่มีฟ้าอยู่เคียงข้างได้ไม่เสื่อมคลาย และผมยังคงรักเธอเสมอ และรักเธอต่อไปไม่เสื่อมคลาย...

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×