[BTS]OS Be careful my Heart (Jungkook x Yoongi) - [BTS]OS Be careful my Heart (Jungkook x Yoongi) นิยาย [BTS]OS Be careful my Heart (Jungkook x Yoongi) : Dek-D.com - Writer

    [BTS]OS Be careful my Heart (Jungkook x Yoongi)

    ..จอนจองกุกคนใจร้าย... การหายไปของใครคนหนึ่ง ทิ้งให้อีกคนต้องเสียใจเจ็บเจียนตาย

    ผู้เข้าชมรวม

    957

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    5

    ผู้เข้าชมรวม


    957

    ความคิดเห็น


    12

    คนติดตาม


    22
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  21 ต.ค. 58 / 09:18 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น


    Title : Be careful my Heart

    Author :  Brmyoice
    Pairing : JungkookxYoongi

     

    จอนจองกุก คนใจร้าย ...

     

    *If I miss you,I miss you so much, I am in pain like this.

    Are you okay? I’m afraid of you for being silent.

    Here is raining in Seoul over my lonely heart.

    Come back please come back

    the rain starts to stop.

     

     

    สายลมหนาวพัดผ่านเข้ามาพร้อมกับแสงแดดอ่อนๆที่ลอดผ่านผ้าม่านเข้ามาทำให้คนที่เผลอหลับไปทั้งน้ำตาและโทรศัพท์มือที่ยังกำแน่นอยู่ในมือค่อยๆรู้สึกตัวตื่นลืมตาพร้อมกับความรู้สึกในใจ

    ...จอนจองกุกใจร้าย...

     

    มินยุนกิตกอยู่ในสภาพนี้มาหลายเดือนแล้วตั้งแต่ใครบางคนหายไปจากชีวิต สภาพที่กินอะไรก็ไม่อร่อย นอนไม่ค่อยหลับ ร่างกายผ่ายผอม ทรุดโทรม ผิวที่เคยคิดว่าขาวอยู่แล้วกลับซีดเผือดลงไปอีก เรียนไม่รู้เรื่อง ไม่อยากออกไปไหน ไม่อยากเจอใคร ยกเว้นคนเพียงคนเดียวที่หายไป

    เขาพลิกตัวนอนคว่ำหันหน้าออกไปมองสายฝนที่โปรยปรายในยามเช้า อากาศเย็นข้างนอกคงเทียบไม่ได้กับความรู้สึกเหน็บหนาวราวกับมีฝนตกกระหน่ำอยู่ในหัวใจของเขาตอนนี้

     

    ฝนตกอีกแล้ว  ตกเหมือนวันแรกที่ได้เจอกัน

    เพียงแต่วันนี้ไม่มีคนที่เคยได้เจอกันทุกๆวันตั้งแต่ได้เริ่มทำความรู้จัก

    ใครคนนั้นหายไปราวกับว่าไม่เคยพบหรือเคยทำความรู้จัก หายไปราวกับหยาดฝนที่โดนแสงแดดส่องแล้วระเหยกลายเป็นไอลอยหายไปในอากาศ

    เขาพยายามติดต่อไปทุกทางทั้งโทรศัพท์ ทุกช่องทางของโซเชียลมีเดีย แต่ก็ไร้การตอบกลับ จากหนึ่งวันเป็นหนึ่งสัปดาห์ จากหนึ่งสัปดาห์กลายเป็นหนึ่งเดือน และหลายเดือน

    สามเดือนแล้วที่ไร้ข่าวคราวและการติดต่อกลับ ใครคนนั้นใจร้ายกับเขามากเกินไปแล้ว

     

    โทรศัพท์มือถือในมือส่งเสียงบอกให้รู้ว่ามีคนโทร.หา แต่เมื่อเห็นชื่อคนโทร.ก็ทำให้เขารู้สึกผิดหวังอีกครั้ง หวังทั้งที่ไม่มีหวังนั่นแหละ

    “ว่าไง?ซอกจิน”

    “ตื่นแล้วเหรอแก อย่าลืมมาส่งไฟนอลโปรเจ็คที่ภาคนะ ว่าแต่แกทำเสร็จหรือยัง?”

    “เสร็จแล้ว เสร็จเมื่อคืนไรท์ใส่แผ่นไว้แล้ว บ่ายๆจะเข้าไป”

    “เออ ดีๆ นึกว่าแกจะเบี้ยวอีก วันนี้วันสุดท้ายแล้วนะ ถ้าไม่มาส่งข้าไปลากคอแกถึงห้องแน่ๆ”

    “เออๆแค่นี้ใช่มั้ย” เขาตัดสายทั้งๆที่อีกฝ่ายยังพูดไม่จบ เพราะถ้าไม่ทำแบบนี้รับรองได้ว่าเขาคงต้องโดนเจ้าเพื่อนตัวดีจอมขี้บ่นซักไซ้ไล่เลียงอีกยาว แต่อย่างน้อยคิมซอกจินก็เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเขาเพราะทั้งห่วงใย ถามไถ่ความเป็นไปตลอด แม้ในระยะหลังๆเขาเองจะเป็นคนที่พยายามหลบหน้าหลบตา เพราะเทอมนี้ไม่ค่อยมีเรียน มีแค่ทำงานให้เสร็จส่งทันตามกำหนด

    มินยุนกิบิดตัวอย่างเกียจคร้านก่อนเดินไปดูแผ่นซีดีเพลงที่แต่งไว้สำหรับส่งอาจารย์ พร้อมกับเนื้อเพลงที่พิมพ์ออกมา

    “Rain In Seoul

     

    ชื่อเพลงที่บ่งบอกอารมณ์และความรู้สึกและเรื่องราวในชีวิตตอนนี้ของเขาได้เป็นอย่างดี

     

    เขาเหม่อมองสายฝนที่เริ่มขาดเม็ดก่อนจะเดินคว้าผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำไปทำธุระส่วนตัวเพื่อเรียกความสดชื่นให้กลับคืนมา สักนิดหนึ่งก็คงดี ก่อนจะเดินชงกาแฟรสเข้มพลางมองเหม่อออกไป

     

    ท้องฟ้าเริ่มสดใสด้วยแดดจ้า สายฝนหายไปเหลือเพียงความเย็นชุ่มฉ่ำที่เหลือร่องรอยทิ้งไว้เป็นหยดน้ำที่เกาะพราวบนใบไม้ เขาก็อยากให้ชีวิตของเขากลับมาสดใสมีชีวิตชีวาเหมือนอากาศในตอนนี้ แต่มันช่างยากเหลือเกินเมื่อหวนนึกถึงใครบางคน

     

    เมื่อความคิดถึงลอยวนอยู่ในอารมณ์ ความเจ็บปวดก็กลับคืนมา เขาวางแก้วกาแฟที่ดื่มหมดไปแบบไม่รู้รสเหลือทิ้งคราบสีน้ำตาลเกาะที่ปากแก้ว ความขมของกาแฟคงไม่เท่ากับความขมขื่นที่อยู่ในหัวใจของเขายามนี้

     

    เมื่อไหร่จะกลับมา?

     

    มีเพียงคำถามที่ไร้คำตอบ

     

    บางทีอาจจะถึงเวลาที่ต้องทำตัวเองให้กลับมาเข้มแข็งได้เสียที มีใครเคยบอกไว้ว่า ไม่มีใครทำให้ตัวของเราเข้มแข็งได้เท่ากับตัวของเราเอง วันนี้เขาจะทำตัวใหม่ จะดูแลตัวเองให้ดีกว่านี้ เมื่อคิดได้เช่นนั้นเขาจึงเดินไปเลือกหยิบเสื้อผ้าสีสันสดใสที่มีอยู่น้อยนิดเพียงในตู้

     

    เสื้อแจ็คเก็ตสีฟ้าลายกราฟิกสีดำแดงเทากระจายอย่างลงตัว แขวนอยู่มุมในสุดของตู้เสื้อผ้า เขาเอื้อมมือไปหยิบพร้อมกับความหลังที่หวนคืนมา

     


     

    “เสื้อตัวนี้เหมาะกับพี่ดีนะ ทำไมพี่ชอบใส่แต่เสื้อผ้าสีดำ เทา?” คนพูดว่าพลางจัดปกเสื้อให้คนตัวเล็กกว่าตรงหน้าพร้อมมองอย่างสำรวจไปทั่วร่างทำเอาคนถูกมองรู้สึกเขินวางตัวไม่ถูก ก็เล่นมาจ้องกันด้วยสายตาเป็นประกายเจ้าเล่ห์แบบนั้น

     

    “ตัวนี้แหละเหมาะที่สุดแล้ว ผมซื้อให้เป็นของขวัญวันที่เราคบกัน100วันนะ แล้ววันที่ครบรอบ1ปี เราไปดินเนอร์ที่ภัตตาคารบนโซลทาวเวอร์กัน”

     

    “100วันแล้วเหรอ?”

     

    “อื้ม! พรุ่งนี้ก็จะครบ 100วันที่เราคบแล้ว พี่นี่ขี้ลืมจัง” คนตัวโตกว่าหยิกแก้มที่แดงเรื่อของอีกฝ่ายด้วยความเอ็นดู

     

    “มันเจ็บนะ!” คนเป็นพี่ใช้มือคลำแก้มตัวเองพร้อมกับทำเป็นบ่นแบบไม่จริงจัง

     

    “งั้นไถ่โทษด้วยแบบนี้ละกัน” เขาพูดจบก็ขโมยหอมแก้มคนตรงหน้าไปด้วยความรวดเร็วก่อนจะโดนฝ่ามือหนักๆที่ฟาดตามมาแต่เขาชิงรับไว้ได้ทัน

     

    “โอ๊ย!ทำไมเขินแล้วชอบทำร้าย เปลี่ยนเป็นหอมแก้มคืนไม่ได้เหรอ?”

     

    “โอ๊ย!จองกุก! นี่มันห้องลองเสื้อนะ” คนตัวเล็กปรามคนตัวโตกว่า แต่อีกฝ่ายกลับหัวเราะและส่งรอยยิ้มแสนทะเล้นมาให้

     


     

    ช่วงเวลาแห่งความสุขผ่านเลยไป มีเพียงของต่างหน้าที่เหลือทิ้งไว้ มินยุนกิกลั้นใจหยิบเสื้อแจ็คเก็ตตัวนั้นมาสวมและส่องกระจกแม้จะเจ็บปวดแต่เมื่อนึกถึงวันเวลาเก่าๆมันก็พอจะทำให้เขารู้สึกดีขึ้นบ้างว่าอย่างน้อยเขาก็เคยมีช่วงเวลาที่แสนดี

     

    เสื้อแจ็คเก็ตสีสดใสตรงข้ามกับหน้าตาของเขาที่ซีดเผือดและเศร้าหมอง แววตาเศร้าสร้อย เขาได้แต่ถามคนในกระจกว่าเมื่อไหร่เขาจะกลับมาเข้มแข็งได้ดังเดิม ก่อนจะหันไปเห็นข้อความและรูปหัวใจของคนที่จากไปวาดไว้บนปฏิทิน “ครบรอบ1ปี”

     

    วันนี้ครบรอบหนึ่งปี แต่จะมีประโยชน์อะไรในเมื่อไม่มีใครอีกคนให้อยู่ฉลองด้วยแล้ว เขาเบือนหน้าหนีให้พ้นจากปฏิทินก่อนจะเดินไปหยิบซีดีและเอกสารสำหรับส่งอาจารย์ใส่ลงไปในกระเป๋าหนังสีดำคู่ใจ แต่ยังไม่ทันได้หย่อนของทั้งสองลงกระเป๋าเสียงกริ่งที่หน้าประตูก็ดังขึ้นทำให้เขาชะงักก่อนจะเดินตรงไปที่ประตู เจ้าเพื่อนตัวดีกลัวเขาจะไม่ไปส่งงานอาจารย์ล่ะมั้งถึงได้บุกมาลากเขาถึงห้อง คนตัวบางได้แต่คิดและบ่นในใจก่อนจะเดินไปที่ประตูห้อง

     

    “กลัวฉันไม่ไปส่งงานรึไงถึงได้มาลากตัวถึงห้อง!” เขาทำหน้าหงุดหงิดก่อนจะตะโกนบ่นเพื่อนออกไปขณะที่เปิดประตู ถึงจะเศร้าแต่กับเพื่อนสนิทความโวยวายและความโหดไม่เคยลดลงเลยสักนิด

     

    แต่คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าไม่ใช่คิมซอกจินกลับเป็นคนตัวใหญ่ที่โผเข้ามากอดเขาไว้แนบอก อ้อมกอดที่คุ้นเคย อ้อมกอดที่เขาโหยหามาตลอดสามเดือน ความรู้สึกสับสนในใจเกิดขึ้นมากมายทำให้เขาได้แต่ยืนนิ่งอยู่ในอ้อมกอด

     

    “คิดถึงที่สุดเลย!” คนตัวโตกระซิบเข้าที่ข้างหูพร้อมกับหอมแก้มคนตัวเล็กกว่าฟอดใหญ่ คนในอ้อมกอดพยายามผลักเค้าออกแต่ไม่เป็นผลจึงได้แต่ดิ้นขลุกขลักอยู่กับอก ก่อนจะเงยพร้อมกับตาที่เริ่มแดงและน้ำตาที่รื้นขึ้นมาคลอเบ้า

     

    “คนบ้า! นายหายไปอยู่ที่ไหนมา” ใช้มือยันตัวและทุบอกอีกฝ่ายที่ไม่ยอมปล่อย

     

    “ผมขอโทษ! ไม่เอาอย่าร้องไห้” จองกุกใช้มือข้างหนึ่งประคองหน้าคนขี้แยก่อนจะก้มลงจุมพิตซับน้ำตาที่เปลือกตาของอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบาปลอบประโลม สัมผัสนั้นลบรอยน้ำตาของคนตัวเล็กได้เป็นอย่างดี

     

    ยุนกิปล่อยให้อีกฝ่ายพรมจูบจากเปลือกตา หน้าผาก แก้ม คาง ก่อนที่จะหยุดลงที่ริมฝีปากก่อนจะผละออกอย่างอ้อยอิ่ง เขารู้สึกได้ถึงความอบอุ่นของริมฝีปากที่คุ้นเคยที่ส่งผ่านความหอมหวานละมุนไปถึงหัวใจที่แห้งเหี่ยวให้กลับมาพองฟูและเต้นเป็นปกติได้อีกครั้ง ความเศร้าที่เคยลอยวนอยู่กลับมลายหายไปเพียงแค่ได้เห็นหน้าและรสสัมผัสของคนที่เขาคิดถึงแทบขาดใจ

     

    “ชื่นใจจัง คิดถึงพี่ยุนกิที่สุดเลยรู้มั้ย” พูดจบก็กอดคนตัวเล็กเข้าไปจมมิดอยู่ในอกกว้างอีกครั้งจนโดนอีกฝ่ายใช้มือทุบประท้วงนั่นแหละจึงจะยอมคลายอ้อมแขนออก

     

    “เบาๆหน่อยสิ กอดฉันแน่นขนาดนี้ได้ตายกันพอดี” คนตัวเล็กหน้าแดงจัดไม่แน่ใจว่าเขินหรือเหนื่อยเพราะโดนจู่โจมทั้งกอดและจูบแบบนี้

     

    “ผมขอโทษจริงๆไม่ได้ตั้งใจจะหายไปแบบนี้ แต่มันจำเป็นจริงๆ อาจารย์ที่ภาควิชาส่งผมไปเรียนเต้นที่อเมริกาสามเดือน ยึดโทรศัพท์ ตัดขาดการติดต่อจากโลกภายนอกโดยเด็ดขาด พ่อกับแม่ผมก็รู้ตอนผมไปอยู่ที่โน่นได้หนึ่งสัปดาห์เพราะอาจารย์ให้โทร.มาบอก แต่ก็ไม่ยอมให้บอกคนอื่นอีก ผมคิดถึงพี่ใจจะขาด แทบไม่มีสมาธิในการเรียน”  เขาอธิบายยืดยาวก่อนจะส่งสายตาที่จริงจังให้อีกฝ่ายได้รับรู้ว่าทุกคำที่เขาพูดคือความจริง

     

    “เชื่อผมเถอะนะ ผมเองก็ทรมานไม่น้อยกว่าพี่หรอก ก่อนมานี่ผมโทร.หาพี่ซอกจินถามเรื่องพี่หมดแล้ว พี่ไม่ยอมกินไม่ยอมนอน ไม่ยอมออกไปไหนนานๆ เอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้อง ดูสิผอมลงไปตั้งเยอะ เย็นนี้ต้องกินเยอะๆนะรู้มั้ย ผมโทร.ไปจองภัตตาคารไว้แล้ว”

     

    “นี่นายจำได้? แล้วนายโทร.หาซอกจินแต่ไม่โทร.หาฉัน?”

     

    “จำได้สิฮะ ผมความจำแม่น แล้วผมก็เร่งวันเร่งคืนให้เรียนจบคอร์สไวๆ ผมดีใจมากเลยที่ได้รู้ว่ากลับมาทันวันครบรอบหนึ่งปีของเรา แต่ที่ไม่ได้โทร.มาบอกก่อนเพราะอยากจะเซอร์ไพร์สไง นี่ลงจากเครื่องปุ๊บก็นั่งแท็กซี่ดิ่งมาหาพี่เลยนะ แต่ผมส่งข้อความมาบอกแล้วพี่อาจจะไม่เห็น”

     

    มินยุนกิเหลือบไปมองโทรศัพท์ที่วางทิ้งไว้บนเตียงเขาไม่ได้หยิบมันขึ้นมาดูเลยไม่รู้ว่าคนตรงหน้าจะมาหา แต่ตอนนี้อะไรก็คงไม่สำคัญเท่ากับการได้เจอกันแบบนี้  เขายิ้มทั้งน้ำตาและร้องไห้อีกครั้งไม่ใช่เพราะเสียใจแต่ดีใจจนพูดอะไรไม่ออกทำได้แต่ซบหน้าลงบนอกกว้างของคนตัวโตที่หวนคืนกลับมา

     

    “อย่าหายไปแบบนี้อีกนะ” เขาเงยหน้ามองคนตัวโตที่ดูเหมือนจะสูงขึ้นกว่าเดิมแถมยังดูตัวหนาขึ้นกว่าเก่าแต่สิ่งไม่เปลี่ยนไปเลยคือดวงตากลมโตที่ส่องประกายสดใส มีความสุขทุกครั้งที่ได้เห็น ยังจะรอยยิ้มกว้างๆที่ส่งมาให้อีก

     

    “จ้องหน้าผมแบบนี้ผมก็เขินแย่สิฮะ” คนตัวโตที่เวลาเขินก็กลับกลายเป็นเด็กน้อยอีกครั้ง

     

    “ก็ไม่ได้เห็นนานเลยขอมองซะหน่อย นายดูโตขึ้นเยอะเลยนะ อยู่โน่นคงกินแฮมเบอร์เกอร์เยอะสมใจเลยสิ”

     

    “ฮ่าๆก็ไม่เชิงหรอกฮะ แรกๆผมก็กินอะไรไม่ได้เพราะคิดถึงพี่ แต่พอคิดอีกที ถ้าไม่ดูแลตัวเองดีๆ ผมคงไม่มีแรงเรียนเต้นให้จบคอร์สได้ ผมก็เลยฮึดสู้จะได้มากอดพี่แบบนี้ไง” เขาพูดพลางดึงอีกฝ่ายมากอดไว้แนบอกอีกครั้ง

     

    “รู้สึกดีทุกครั้งที่ได้กอดพี่จริงๆเลยฮะ”

     

    “ฉันก็เหมือนกัน” คนตัวเล็กในอ้อมกอดเอื้อมแขนไปกอดอีกฝ่ายตอบ กอดให้สมกับการรอคอยที่สิ้น กอดให้ความเหน็บหนาวจากสายฝนที่ตกอยู่ในใจละลายหายไปเหลือเพียงไออุ่นจากคนที่เขารักและรักเขา

     

     

    -END-

     

     

    *เนื้อเพลง Rain In Seoul(서울은 ) ของวงSWEET SORROW(스윗소로우)

     

    Talk: กลับมาอีกแล้วค่ะกลับฟิคแบบฝนๆ(ก็คนแต่งชื่อฝนนี่นา>__<) ฟิคเรื่องนี้เป็นภาคต่อจาก Be careful rain ใครยังไม่เคยอ่าน ย้อนกลับไปอ่านได้นะคะ(ขายของนิดนึง><) อากาศในช่วงปลายฝนต้นหนาวนี่มันทำให้เหงาดีนะคะ แล้วพอดีกับที่วง SWEET SORROW เพิ่งปล่อยเพลงใหม่เกี่ยวกับฝนออกมาเลยเป็นแรงบันดาลใจให้แต่งฟิคสั้นเรื่องนี้ออกมา ^^ ชอบหรือไม่ชอบบอกกันได้นะคะ จะคอมเม้นท์ทิ้งไว้ หรือทักทายกันที่ทวิตเตอร์ @Barmyoice ก็ได้ค่ะ

    ส่วนซีรี่ส์ SF Love Village ก็กำลังแต่งอยู่ค่ะ แต่พอจะลงมือแต่งทีไรทำไมได้ฟิคสั้นกุกก้ามาแทนทุกทีก็ไม่รู้ แหะๆ

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×