ปิโตรเลียมเเละโพลิเมอร์ - ปิโตรเลียมเเละโพลิเมอร์ นิยาย ปิโตรเลียมเเละโพลิเมอร์ : Dek-D.com - Writer

    ปิโตรเลียมเเละโพลิเมอร์

    เอาไว้ทามงานน่ะ แบบว่าหาดิสไม่เจอ

    ผู้เข้าชมรวม

    10,541

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    10.54K

    ความคิดเห็น


    5

    คนติดตาม


    4
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  8 ส.ค. 49 / 21:20 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      กำเนิดปิโตรเลียม

       

      เมื่อหลายล้านปี ทะเลเต็มไปด้วยสัตว์ และพืชเล็ก ๆ

      จำพวกจุลินทรีย์ เมื่อสิ่งมีชีวิตตายลงจำนวนมหาศาล ก็จะตกลงสู่ก้นทะเล และถูกทับถมด้วยโคลน และทราย

       

      แม่น้ำจะพัดพากรวดทราย และโคลนสู่ทะเล ปีละหลายแสนตัน ซึ่งกรวด ทราย และโคลน จะทับถมสัตว์ และพืชสลับทับซ้อนกัน เป็นชั้น ๆ อยู่ตลอดเวลา นับเป็นล้านปี

      การทับถมของชั้นตะกอนต่าง ๆ มากขึ้น จะหนานับร้อยฟุต ทำให้เพิ่มน้ำหนักความกดและบีบอัด จนทำให้ทราย และชั้นโคลน กลายเป็นหินทราย และหินดินดาน ตลอดจนเกิดกลั่นสลายตัว ของสัตว์ และพืชทะเล เป็นน้ำมันดิบ และก๊าซธรรมชาติ

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

       

      น้ำมันดิบ และก๊าซธรรมชาติ มีความเบา จะเคลื่อนย้าย ไปกักเก็บอยู่ในชั้นหินเนื้อพรุน เฉพาะบริเวณที่สูงของโครงสร้างแต่ละแห่ง และจะถูกกักไว้ด้วยชั้นหินเนื้อแน่น ที่ปิดทับอยู่

       

       

       

       

      ผลิตภัณฑ์จากการกลั่นปิโตรเลียม


      น้ำมันดิบหรือปิโตรเลียม มีส่วนประกอบเป็นธาตุคาร์บอน และไฮโดรเจน และอาจมีธาตุอื่นๆปะปนอยู่ด้วย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแหล่งน้ำมันดิบแต่ละที่จะมีองค์ประกอบ แตกต่างกัน การนำน้ำมันดิบมาใช้ประโยชน์ ต้องผ่านกระบวนการกลั่นแยก ซึ่งเรียกว่า การกลั่นลำดับส่วน เพื่อแยกน้ำมันดิบออกเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆจำนวนมาก ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นลำดับส่วนน้ำมันดิบ จะมีองค์ประกอบชนิดใดมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับแหล่งน้ำมันดิบ เช่น บางแหล่งกลั่นได้น้ำมันดีเซลมาก หรือบางแห่งอาจจะได้น้ำมันเบนซินมาก เป็นต้น

       

      ผลิตภัณฑ์จากการกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม เรียกว่า สารประกอบไฮโดรคาร์บอน ซึ่งประกอบด้วยธาตุไฮโดรเจน และคาร์บอน จำนวนแตกต่างกัน มีตั้งแต่โมเลกุลที่มีคาร์บอน 1 อะตอม ขึ้นไปจนถึงกว่า 50 อะตอม ถ้าโมเลกุลที่มีจำนวน 1 - 4 อะตอม จะมีสถานะเป็นแก๊ส เมื่อจำนวนคาร์บอนเพิ่มขึ้น สถานะจะเป็นของเหลว และมีความข้นเหนียวมากขึ้นตามจำนวนคาร์บอน ซึ่งโมเลกุลเหล่านี้ นำไปใช้ประโยชน์ในลักษณะแตกต่างกันดังข้อมูลในตารางนี้

       

       

       

       

       

      จำนวนคาร์บอนอะตอม

      สถานะ

      จุดเดือด (เซลเซียส)

      ประโยชน์ของผลิตภัณฑ์

      1 - 4

      แก๊ส

      น้อยกว่า 30

      แก๊สหุงต้ม

      5 - 7

      ของเหลว

      30 - 110

      ตัวทำละลายในอุตสาหกรรม

      6 - 12

      ของเหลว

      65 - 170

      น้ำมันเบนซิน

      10 - 14

      ของเหลว

      170 - 250

      น้ำมันก๊าด เครื่องบินไอพ่น

      14 - 19

      ของเหลว

      250 - 340

      น้ำมันดีเซล

      19 - 35

      ของเหลวข้น

      มากกว่า 350

      น้ำมันหล่อลื่น

      35 - 40

      เหลวหนืด

      มากกว่า 400

      น้ำมันเตา

      40 - 50

      กึ่งเหลวกึ่งแข็ง

      มากกว่า 400

      เทียนไข จารบี แว็กซ์

      มากกว่า 50

      กึ่งแข็งจนถึงแข็ง




      พอลิเมอร์
      (Polymer)

      พอลิเมอร์   คือ สารประกอบที่มีโมเลกุลขนาดใหญ่ และมีมวลโมเลกุลมากประกอบด้วย หน่วยเล็ก ๆ ของสารที่อาจจะเหมือนกันหรือต่างกันมาเชื่อมต่อกันด้วยพันธะเคมี เรียกว่าพันธะโคเวเลนต์ (Covalent bond) หน่วยเล็กๆของพอลิเมอร์คือโมเลกุลเล็กๆ เรียกว่า มอนอเมอร์ (Monomer)
      มอนอเมอร์ (Monomer) คือ หน่วยเล็ก ๆ ของสารในพอลิเมอร์
      ปฏิกิริยาการเกิดพอลิเมอร์ เรียกว่า พอลิเมอไรเซชั่น (Polymerization) ซึ่งเป็นปฏิกิริยาการรวมตัวของมอนอเมอร์แต่ละชนิด ภายใต้สภาวะต่างๆ เช่น ตัวเร่งปฏิกิริยา อุณหภูมิ ความดัน เป็นต้น ทำให้เกิดพอลิเมอร์ชนิดต่างๆขึ้นมากมาย ทั้งที่เป็นพอลิเมอร์ในธรรมชาติ หรือพอลิเมอร์สังเคราะห์

       

       

      พอลิเมอร์ แบ่งตามเกณฑ์ต่าง ๆ ดังนี้
        แบ่งตามการเกิด
      . พอลิเมอร์ธรรมชาติ เป็นพอลิเมอร์ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เช่น โปรตีน แป้ง เซลลูโลส ยางธรรมชาติ
      . พอลิเมอร์สังเคราะห์ เป็นพอลิเมอร์ที่เกิดจากการสังเคราะห์โดยปฏิกิริยาเคมี โดยใช้สารเริ่มต้นหรือมอนอเมอร์ ส่วนใหญ่เป็นโมเลกุลของไฮโดรคาร์ไม่อิ่มตัว ซึ่งเป็นผลพลอยได้จากการกลั่นน้ำมันดิบ ไฮโดรคาร์บอนไม่อิ่มตัว คือสารประกอบที่มีพันธะคู่ระหว่างคาร์บอนอะตอมในโมเลกุลของไฮโดรคาร์บอน เช่น เอทิลีน โพรพิลีน เป็นต้น ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากปฏิกิริยาพอลิเมอไรเซชั่น จะได้พอลิเมอร์ ที่มีมวลโมเลกุลมาก และมีโครงสร้างแข็งแรง เช่น พอลีเอทิลีน พอลีโพรพิลีน เป็นต้น ซึ่งพอลิเมอร์เหล่านี้เรียกว่า เม็ดพลาสติก ซึ่งจะถูกนำไปใช้ในอุตสาหกรรมต่อเนื่อง เรียกว่า ปิโตรเคมี เพื่อใช้ประโยชน์ในการผลิตวัสดุต่าง ๆ เช่น พลาสติก ไนลอน ดาครอนและลูไซต์  วัสดุต่างๆที่เป็นพลาสติก ในปัจจุบันจึงได้จากกระบวนการพอลิเมอไรเซชั่นเป็นจำนวนมาก เช่น พลาสติกต่างๆ ภาชนะใส่อาหาร ท่อสายยาง ฟิล์มถ่ายรูป ของเล่นเด็ก และอีกมากมาย

       

       

       

       

       

      แบ่งตามชนิดของมอนอเมอร์ที่เป็นองค์ประกอบ

       

      ก.       โฮมอลิเมอร์ เป็นพอลิเมอร์ที่ประกอบด้วยมอนอเมอร์ชนิดเดียวกัน เช่น แป้ง พอลิเอทิลีน PVC

       

      ข.       โคพอลิเมอร์ เป็นพอลิเมอร์ที่ประกอบด้วยมอนอเมอร์ต่างชนิดกัน เช่น โปรตีน พอลิเอสเทอร์



       

       

      โครงสร้างของพอลิเมอร์



      . พอลิเมอร์แบบเส้น
      เป็นพอลิเมอร์ที่เกิดจากมอนอเมอร์สร้างพันธะต่อกันเป็นสายยาว โซ่พอลิเมอร์เรียงชิดกันมากว่าโครงสร้างแบบอื่น ๆ จึงมีความหนาแน่น และจุดหลอมเหลวสูง มีลักษณะแข็ง ขุ่นเหนียวกว่าโครงสร้างอื่นๆ ตัวอย่าง
      PVC พอลิสไตรีน พอลิเอทิลีน



      . พอลิเมอร์แบบกิ่ง
      เป็นพอลิเมอร์ที่เกิดจากมอนอเมอร์ยึดกันแตกกิ่งก้านสาขา มีทั้งโซ่สั้นและโซ่ยาว กิ่งที่แตกจาก พอลิเมอร์ของโซ่หลัก ทำให้ไม่สามารถจัดเรียงโซ่พอลิเมอร์ให้ชิดกันได้มาก จึงมีความหนาแน่นและจุดหลอมเหลวต่ำยืดหยุ่นได้ ความเหนียวต่ำ โครงสร้างเปลี่ยนรูปได้ง่ายเมื่ออุณหภูมิเพิ่มขึ้น ตัวอย่าง พอลิเอทิลีนชนิดความหนาแน่นต่ำ



       

      . พอลิเมอร์แบบร่างแห
      เป็นพอลิเมอร์ที่เกิดจากมอนอเมอร์ต่อเชื่อมกันเป็นร่างแห พอลิเมอร์ชนิดนี้มีความแข็งแกร่ง และเปราะหักง่าย ตัวอย่างเบกาไลต์ เมลามีนใช้ทำถ้วยชาม

       

       

       

      ปฏิกิริยาพอลิเมอร์ไรเซชัน

      พอลิเมอร์ไรเซชัน (Polymerization) คือกระบวนการเกิดสารที่มีโมเลกุลขนาดใหญ่ (พอลิเมอร์) จากสารที่มีโมเลกุลเล็ก (มอนอเมอร์)

      ปฏิกิริยาพอลิเมอร์ไรเซชัน

      ก. ปฏิกิริยาพอลิเมอร์ไรเซชันแบบเติม

      ข. ปฏิกิริยาพอลิเมอร์ไรเซชันแบบควบแน่น

      หมายเหตุ พอลิเมอร์บางชนิดเป็นพอลิเมอร์ที่เกิดจากสารอนินทรีย์ เช่น ฟอสฟาซีน ซิลิโคน

       

       

      ส่วนกลางแบ่งพอลิเมอร์ในทางกายภาพนั้น

                      โพลีเมอร์ที่เรามีการใช้งานในชีวิตประจำวันนั้น สามารถแบ่งออกตามลักษณะทางกายภาพได้ออกมากว้าง ๆ ได้ 4 แบบ ก็คือ

      1.เส้นใย เป็นโพลีเมอร์กลุ่มที่แข็งแรงที่สุด เนื่องจากพื้นที่หน้าตัดของเส้นใยนั้นมีขนาดที่เล็กมาก ตัวโพลีเมอร์เองจึงจำเป็นต้องรับแรงในแนวแกนเส้นใยให้ได้สูงสุด เส้นใยจึงมีลักษณะทางกายภาพที่ดูเบาบาง แต่มีความแข็งแรงสูง

      2.พลาสติก มีความแข็งแรงรองจากเส้นใย แม้ว่าการใช้งานพลาสติกนั้น จะมีมิติความกว้าง ยาว สูง มากกว่าเส้นใยหลายเท่า ทำให้ดูเหมือนว่าแข็งแรงกว่าเส้นใย แต่ถ้าลองนำพลาสติกไปฉีดให้มีความบางเท่าเส้นใย จะพบว่ามันแข็งแรงน้อยกว่ามาก

      3.ยาง มีจุดเด่นคือความยืดหยุ่นสูง เราจึงไม่เปรียบเทียบเรื่องความแข็งแรง แต่มักจะคำนึงถึงค่าเปอร์เซ็นต์การยืดตัวก่อนขาด (elongation at break) และแรงดึงที่จุดขาด (load at break) แทน นอกจากนี้โพลีเมอร์ในกลุ่มนี้จำเป็นต้องมีการคืนตัวกลับได้ดีด้วย (recovery property) จึงต้องมีการเพิ่งแรงยึดเหนี่ยวระหว่างโซ่โมเลกุลด้วยการเชื่อมขวาง (crosslink) ซึ่งจุดที่เชื่อมขวางนี้ควรจะอยู่ห่างกันในระยะที่เหมาะสม เนื่องจากหากถี่เกินไป ยางที่ได้จะมีลักษณะแข็งไม่ยืดหยุ่น ในขณะที่ถ้าห่างเกินไป ก็จะได้ยางที่มีลักษณะนิ่มเกินไป

      4.สารละลายและลาเทกซ์ ใช้งานในรูปของโพลิเมอร์ที่กระจายตัวในของเหลวอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นตัวทำละลายของโพลีเมอร์เอง หรือกระจายตัวเป็นอิมัลชันในน้ำ ลักษณะการใช้งานคือเป็น กาว สีทาบ้าน เชลแล็ค หรือ สารเคลือบผิวอื่น ๆ โพลีเมอร์ในกลุ่มนี้ควรจะกระจายตัวได้ดี และมีความสามารถในการเชื่อมขวางได้ในสภาวะที่มีแสง หรือแก๊ซออกซิเจนได้ หรือไม่ก็สามารถที่จะนำตัวเองไปเกี่ยวพัน (entanglement) กับวัสดุอื่น ๆ ได้

      ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากพอลิเมอร์ 

                  พลาสติก  (Plastic)  คือ สารที่สามารถทำให้เป็นรูปต่าง ๆ  ได้ด้วยความร้อน  พลาสติกเป็นพอลิเมอร์  ขนาดใหญ่ มวลโมเลกุลมาก

              สมบัติ   เสถียร สลายตัวยาก มีมวลน้อย เบา  เป็นฉนวนความร้อนและไฟฟ้าที่ดี  ส่วนมากอ่อนตัวและหลอมเหลวเมื่อได้รับความร้อน จึง

      เปลี่ยนเป็นรูปต่าง ๆ ได้ตามประสงค์

          ประเภทพลาสติก

                   ก. เทอร์มอพลาสติก   เมื่อได้รับความร้อนจะอ่อนตัว และเมื่ออุณหภูมิลดลงจะแข็งตัว  ถ้าให้ความร้อนอีกก็จะอ่อนตัว สามารถทำให้

      กลับเป็นรูปเดิมหรือเปลี่ยนเป็นรูปอื่นได้  โดยสมบัติของพลาสติกเหมือนเดิม  พลาสติกประเภทนี้โครงสร้างโมเลกุล เป็นโซ่ตรงยาว  มีการเชื่อมต่อ

      ระหว่างโซ่พอลิเมอร์น้อยมาก   จึงสามารถหลอมเหลว หรือเมื่อผ่านการอัดแรงมากๆ  โดยจะไม่ทำลายโครงสร้างเดิม  

         ตัวอย่าง

              พอลิเอทิลีน  พอลิโพรพิลีน  พอลิสไตรีน

                   ข. พลาสติกเทอร์มอเซต  คงรูปภายหลังจากการผ่านความร้อนหรือแรงดันเพียงครั้งเดียว  เมื่อเย็นลงจะแข็งตัวมีความแข็งแรงมาก

        ทนความร้อนและความดัน ไม่อ่อนตัวและเปลี่ยนรูปร่างไม่ได้  แต่ถ้าอุณหภูมิสูงพอก็จะแตกและไหม้เป็นขี้เถ้าสีดำ  พลาสติกประเภทนี้โมเลกุลจะ

      เชื่อมโยงกันเป็นร่างแหจับกันแน่น  แรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุลแข็งแรงมาก  จึงไม่สามารถนำมาหลอมเหลวได้

          ตัวอย่าง

              เมลามีน  พอลิยูรีเทน

      เส้นใย (Fibers) คือ  พอลิเมอร์ชนิดหนึ่งที่มีโครงสร้างของโมเลกุลสามารถนำมาเป็นเส้นด้าย   เส้นใยจำแนกตามลักษณะการเกิดได้ดังนี้

      เส้นใยธรรมชาติ

      เส้นใยเซลลูโลส

      ลินิน  ปอ  เส้นใยสับปะรด  นุ่น 
       ใยมะพร้าว  ขนแกะ   ขนแพะ

      เส้นใยโปรตีน

      ขนสัตว์ เช่น ขนแกะ ขนแพะ

      เส้นใยไหม

      เส้นใยจากรังไหม

      เส้นใยสังเคราะห์

      เซลลูโลสแอซีเตด   ไนลอน   ดาครอน   Orlon

       

       

       

       

      ยาง (Rubber) คือ  สารที่มีสมบัติยืดหยุ่นได้  ทำให้เป็นรูปร่างต่าง ๆ ได้  เป็นสารประกอบพอลิเมอร์

      ประเภทยาง

           ก. ยางธรรมชาติ ได้จากต้นยางพารา น้ำยางที่ได้เป็นของเหลวสีขาว ชื่อพอลิไอโซปริน สมบัติ มีความ

      ยืดหยุ่น  เพราะโครงสร้างโมเลกุลของยางมีลักษณะม้วนงอขดไปมาปิดเป็นเกลียว ได้ แรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุล

      เป็นแรงแวนเดอร์วาลส์ สมบัติเปลี่ยนง่ายคือเมื่อร้อนจะอ่อนตัวเหนียว      แต่เย็นจะแข็งและเปราะ      

       

       

       

                   ข. ยางสังเคราะห์  เป็นพอลิเมอร์ที่สังเคราะห์ขึ้นจากสารผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม เช่น

                   กระบวนการวัลคาไนเซชัน (Vulcanization process)  คือ  กระบวนการที่ใช้ในการเพิ่มคุณภาพของยางธรรมชาติ

       (ยางดิบ)  ให้มีความยืดหยุ่นได้ดีขึ้น  มีความคงตัวสูง  ไม่สึกกร่อนง่าย  และไม่ละลายในตัวทำละลายอินทรีย์  สมบัติ

      เหล่านี้จะยังคงอยู่  ถึงแม้ว่าอุณหภูมิจะเปลี่ยนแปลงก็ตาม

      มากกว่า 400

      400

      ยางมะตอย




       

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×