เจ็ดอัศวิน หนึ่งเจ้าหญิงและหนึ่งปริศนา
โลอี้ ลอยด์ เลย์เทอร์ จูน คริสโตเฟอร์ อาซาฮาห์ ไคลท์ เจ็ดอัศวินที่พบเจอเรื่องแปลกประหลาดระหว่างทางที่พาเจ้าหญิงต้องสาปไปพำนักในป่าไกลจากอาณาจักร และสิ่งนั้น....
ผู้เข้าชมรวม
77
ผู้เข้าชมเดือนนี้
3
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
“ปิศาจ! นั่นเด็กปิศาจ!”
“อย่ามองตานาง ดวงตานั่นต้องสาป!”
“เผามัน! เผามันเลย!”
มนุษย์มองสิ่งที่แปลกแยกว่า‘ประหลาด’มองสิ่งที่กลมกลืนและปกติว่า‘ธรรมดา’รัชธิดาต้องสาปมองราษฎรที่อยู่นอกลูกกรงขึ้นสนิมด้วยดวงตาที่ไร้ชีวิต
ชาวบ้านมีผมสีน้ำตาลอ่อนกระทบแสงจะเปล่งประกายในขณะที่ศีษระของพระธิดามีเกศาสีมนทิลคล้ายปีกของอีกาที่นำมาซึ่งโชคร้าย
ผักและผลไม้เน่าเปื่อยถูกเขวี้ยงใส่กรงขึ้นสนิมโดยเหล่าชาวบ้านตั้งแต่ผู้ใหญ่จนถึงเด็กเล็กนายทหารสวมเกราะจึงยืนเป็นโล่กำบังสิ่งสกปรกเหล่านั้นแม้ไม่มีคำสั่งจากพระราชา
คุ้มกันเชื้อพระวงศ์ มหากษัตริย์คือหน้าที่และปฏิญาณอันสูงส่งของเหล่าอัศวินแม้จะถูกปฏิเสธการเป็นพระบุตรีความจริงที่ว่านางคือเชื้อพระวงศ์ก็ไม่เสื่อมคลาย
จึงหน้าที่ของอัศวินเช่นกัน
‘เคลวิน เบอร์นาร์ด ไคลท์’หนึ่งในอัศวินฝึกหัดชำเลืองมองพระนางด้วยสายตาที่เวทนาอย่างถึงแก่นแท้
หากพระราชาทรงสังเกตสักเพียงนิดก็จะทรงรู้ว่าพระธิดาละม้ายคล้ายองค์ราชินีผู้เป็นที่รักดั่งกระจกเงาที่สะท้อนใบหน้าพระมารดามากเพียงใด‘โลอี้ เจย์ ริชาร์สัน’ครูอัศวินที่รับหน้าที่คุ้มกันพระธิดาส่งสายตาตำหนิแก่นายอัศวินฝึกหัด
“มองเชื้อพระวงศ์ด้วยสายตาเช่นนั้นถือว่ามีความผิดอัศวินฝึกหัด”
“ข้าแค่ไม่เข้าใจ
พระธิดาต่างจากเราตรงไหน?”เขาตั้งคำถามด้วยใบหน้าใคร่ความรู้
“นางเป็นบุตรกษัตริย์ส่วนเจ้าเป็นลูกขุนนางแค่ชาติกำเนิดก็ต่างกันมากโข”
“เป็นถึงบุตรีของกษัตริย์กลับต้องล่ามโซ่อยู่ในกรงขึ้นสนิมน่ะหรือ?...”
“เราไม่มีสิทธิ์ก้าวก่ายใดๆหน้าที่ของเราคือนำพระธิดาไปฝากไว้ใน..ป่า”
“นั่นคือการประหารที่โหดร้ายที่สุดสำหรับเด็กคนหนึ่ง พระธิดามีพระชนมายุเพียงสิบห้าพรรษา..”
“นั่นคือประสงค์ขององค์ราชา”
โลอี้กล่าวเพียงเท่านั้นและหันไปทำหน้าที่ของตน
ครู่หนึ่งที่เขาเหลียวใบหน้ามองไปยังร่างที่นั่งกอดเขาตัวสั่นเทาอย่างน่าเวทนา ทำตามคำสั่งของกษัตริย์คือหน้าที่ของอัศวิน
รถม้าใช้เวลาเตรียมสักพักใหญ่เพราะกว่าจะหาม้าหนุ่มที่มีพละกำลังมาได้นั้นยากพอสมควรเพราะ
ปัจจุบันม้าในปราสาทล้วนแก่และไร้เรี่ยวแรงจะออก วิ่งกษัตริย์จึงต้องยกเลิกประเพณีล่าสัตว์ตามฤดูกาลที่สืบสานมากว่าหลายร้อยปี
อัศวินทั้งเจ็ดนายต่างประจำที่ขนาบข้างกรงสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ที่เคยใช้ขังสัตว์ร้ายที่ราชวงศ์หวั่นเกรง
แต่บัดนี้กลับขังไว้ซึ่งเด็กสาวคนหนึ่งที่มีสายเลือดของกษัตริย์ผู้ปกครองอาณาจักรอันอุดมสมบูรณ์
ช่างเป็นภาพที่น่าเวทนายิ่งนัก
“เอ่อ..พระธิดาทรงต้องการสิ่งใดหรือไม่พะย่ะค่ะ?”ลอยด์ยัลหนึ่งในเจ็ดอัศวินกล่าวถามด้วยราชาศัพท์เงิ่กงั่นเพราะน้อยครั้งที่จะสนทนากับเชื้อพระวงศ์อย่างใกล้ชิด
“....ฆ่าเรา”น้ำเสียงสั่นเครือกล่าวจุดประสงค์ของตนไม่ยอมสบตาผู้เอ่ยถาม
“พระธิดา...เฮ้! โลอี้นายมีขนมใช่ไหม?”
“ถ้านายจะกิน?
คงต้องฝัน”โลอี้หันมาตอบด้วยใบหน้ากวนประสาทเบื้องล่างของเพื่อนร่วมปฏิญาณศักดิ์สิทธิ์
“เปล่า ฉันจะให้พระธิดาทรงเสวยต่างหากพระองค์ยังไม่ได้กินอะไรเลย”
“เอาน้ำให้พระองค์ด้วย”
พรึ่บ! ห่อขนมอบกรอบถูกโยนส่งให้อัศวินที่รั้งตำแหน่งขบวนคนที่สี่ขนาบข้างลูกกรง
ใบหน้าคล้ายสุนัขพันธ์ขาสั้นบุ้ยไม่พอใจเพราะเสียงกรอบแกรบในห่อผ้า ขนมต้องแตกแน่ๆเจ้าบ้าโลอี้
ริชาร์สัน ส่งมาดีๆไม่ได้หรือ?
“พระธิดาคุกกี้พะย่ะค่ะ ญาติกระหม่อมอบเองกับมือนางทำขนมอร่อยมาก”
“ขนม?”ดวงหน้าเบือนคราบน้ำตาเงยขึ้นมองห่อขนมที่ยื่นเข้ามาให้อย่างเป็นมิตร
พระนางลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนอัศวินที่รั้งท้ายอีกคนหนึ่งจะกล่าวเสียงอ่อนโยน
“รับไปเถิดพะย่ะค่ะ
ญาติเขาทำอร่อยจริงๆกระหม่อมเคยได้กินอยู่หลายครั้ง”
“ขอบคุณ...”พระธิดากล่าวและรับห่อคุกกี้จากมืออัศวินหนุ่มที่ส่งยิ้มไมตรีเป็นมิตรให้ตน
“ขอบใจอัศวินฝึกหัด”
“ข้าน้อยชื่อเคลวิน ไคลท์ เรียกไคลท์ก็ได้ท่านลอยด์ยัล บรอนซ์”อัศวินฝึกหัดแนะนำตัวอย่างสุภาพพร้อมโค้งให้ผู้อาวุโสกว่า
“เจ้ามีมารยาทมากกว่าอัศวินบางคนเสียอีก”ลอยด์ยัลเอ่ยกระแนะอัศวินด้านหน้าที่ครองทรงผมหยิกประหนึ่งเส้นบะหมี่
“ลอยด์ยัลข้าไม่อยากเก็บศพเจ้านะ”จูน บราเทย์โลหัวหน้าอัศวินกล่าวติดตลก
แต่ใบหน้าไม่ได้แสดงรอยยิ้มแต่อย่างใด
“จะว่าไปเราไม่ได้แนะนำตัวกันเลยนะครับ”อัศวินฝึกหัดอีกนายกล่าวโพล่งขึ้นหลังจากเงียบมานานตั้งแต่เริ่มขบวน
ลอยด์ยัลและไคลท์พยักหน้าเห็นด้วย บทสนทนาของทั้งสามเรียกความสนใจของร่างเล็กในซี่กรงให้เงยหน้าขึ้นด้วยความสงสัย
“ดีๆ ข้าก่อน ข้าลอยด์ยัล บรอนซ์อัศวินอารักขาพระราชา”
“ข้าชื่อโลอี้ ริชาร์สัน อัศวินอารักขาพระราชา
อายุเท่ากับเจ้าหมาขาสั้นเมื่อครู่และเป็นครูอัศวินฝึกหัด”
“เฮ้!”ลอยด์ยัลหันไปขึ้นเสียงใส่เพื่อนตัวสูงทันทีที่ได้ยินประโยคล้อเลียนตนเมื่อครู่
“ข้ามีนามว่าคริสโตเฟอร์ วอร์เกอร์รองหัวหน้าอัศวิน”ชายหนุ่มผู้นำหน้าขบวนหันมากล่าวอย่างเป็นมิตร
ซึ่งดูจากโครงหน้าและการพูดจาสื่อถึงการเลี้ยงดูของพวกคุณนางชั้นสูงได้เป็นอย่างดี
ที่สำคัญเขาสูงเทียบเท่ากับโลอี้และอัศวินฝึกหัดสองนายที่รั้งท้ายขบวนจึงดูเด่นเป็นพิเศษ
ก่อนจะออกจากอาณาจักรหญิงสาวหลายนางมองเขาตาเป็นมันอย่างไม่ปิดกิริยา
“ข้าจูน บราเทย์โลหัวหน้าคณะอัศวิน”เขายิ้มอย่างเป็นมิตรซึ่งอัศวินฝึกหัดสองนายพยักหน้ารับรู้แต่ปมคิ้วที่ผูกหากันทำให้คริสโตเฟอร์ต้องกล่าวเสริม
“พ่อของจูนเป็นหัวหน้าอัศวินและเป็นคนฝึกเขาด้วยตนเอง
ส่วนสูงแค่นี้จูนล้มนายทหารที่สูงกว่าพร้อมกันได้ถึงสามนายเลยข้าเตือนพวกเจ้านะว่าอย่าสงสัยเขา”คลายความสงสัยให้อัศวินฝึกหัดทั้งสอง
บ่อยครั้งที่เพื่อนร่วมอาชีพถูกตั้งคำถามเพราะส่วนสูงที่ค่อนข้างจะพอดีเกณฑ์ไปเสียหน่อย
ในขบวนมีเพียงลอยด์ยัลและจูนที่ตัวเล็กกว่าอัศวินคนอื่นๆหากไม่นับพระธิดา ซึ่งเรื่องนี้ถือว่าเป็นประโยคต้องห้ามหากไม่อยากลดขั้นไปเป็นคนล้างส้วม
“เฮ้! เจ้าสองคนนินทาข้าหรือ?”
“เปล่าขอรับ!!”สองว่าที่อัศวินกล่าวพร้อมเพรียงเมื่อหัวหน้าส่งยิ้มเย็นชวนสันหลังวาบมาให้ตน
ไม่แปลกใจที่เขาจะล้มทหารที่สูงกว่าถึงสามนายได้พร้อมกัน
ออร่านักฆ่ามืออาชีพชัดๆ!
“ข้าชื่อเลย์เทอร์ จางเรียกรุ่นพี่ก็ได้”อัศวินผู้มีไฝใกล้ริมฝีปากบนกล่าวพร้อมยิ้มอ่อนโยนดูเป็นมิตรมากกว่าหัวหน้าอัศวินและน่าเข้าใกล้มากกว่าอัศวินอารักษ์ขาพระราชา
เพราะจูนและโลอี้มักจะแสดงใบหน้าเรียบเฉยตระหนักในหน้าที่มากกว่าอัศวินคนอื่นจึงดูน่าเคารพมากกว่าอัศวินที่ผูกมิตรไปทั่วอย่างลอยด์
“ตาเจ้าสองคนแล้ว เจ้าก่อนเลยผิวคล้ำเช่นนี้ลูกขุนนางจริงรึ?”ลอยด์แฝงความแปลกใจในคำถาม
“แม่ข้าเป็นชาวเอเชียข้าเลยมีผิวคล้ำ ข้าชื่อเคลวิน
ไคลท์เป็นอัศวินฝึกหัดขอรับ”
“ข้าอาซาฮาห์ เมราโกว์
อัศวินฝึกหัดขอรับ”จูนกับคริสโตเฟอร์แสดงสีหน้าแตกตื่นเช่นเดียวกับโลอี้ที่หันควับมาอย่างรวดเร็วประหนึ่งเจอเรื่องแปลกประหลาด
ไก่ออกไข่เป็นงูหรือถึงทำสีหน้าเช่นนั้น?
“เมราโกว์ เจ้-องค์ชายอาซาฮาห์หรอกหรือ?”ไคลท์หันมองเพื่อนร่วมตำแหน่งทันควัน
องค์ชาย? ก่อนหน้านี้เขากับอาซาฮาห์ผลัดกันแลกหมัดอยู่ในสนามซ้อมประหนึ่งว่าตายกันไปข้าง
พระเจ้า เขาจะโดนโทษประหารไหม?
“ข้าอยากเป็นอัศวิน
อีกอย่างเรียกข้าตามที่พวกท่านถนัดเถอะข้าไม่ถือตนนักไคลท์อย่าทำหน้าเหมือนข้าจะสั่งประหารเจ้าอย่างนั้นสิ”
“ก็ข้าคิดว่าเจ้าจะสั่งประหารข้าน่ะสิเมื่อเช้าข้าต่อยเจ้าคว่ำเลยนะ”ซึ่งแผลแตกที่หางคิ้วด้านขวาประมาณสองแผลเสียด้วยซ้ำ
อาซาฮาห์ยกยิ้มราวกับเป็นเรื่องน่าขัน
“เจ้าเป็นสหายข้า จะถือทำไมอย่างไรข้าก็เอาคืนเจ้าอยู่ดี”
“จริงสิ! พระธิดาทรงมีนามว่ากระไรหรือพะย่ะค่ะ?”
“ลอยด์ยัล!”โลอี้ตวัดเสียงใส่เมื่อเพื่อนหันไปถามพระนามพระธิดาซึ่งๆหน้าโดยไม่ไตร่ตรองใดๆอย่างถี่ถ้วน
สิ้นคิดนัก!
“ชื่อเรา? เบลาห์เน็ต...เบลาห์เน็ต
เซเรนวา”พระนางยกยิ้มยามแนะนำตนอย่างไม่ถือตัว ไม่อันตรายอย่างที่ใครกล่าวซักเพียงนิด
อาซาฮาห์เท้าคางก่อนจะกล่าวถามอย่างใคร่รู้
“เบลาห์เน็ตในภาษาฮิปวาที่แปลว่าดอกกุหลาบใช่หรือไม่พะย่ะค่ะ”พระนางพยักหน้าเป็นการยืนยันสิ่งที่อาซาฮาห์สงสัย
เมื่อได้คำตอบอัศวินหนุ่มก็ไม่กล่าวสิ่งใดต่อเพียงแสดงสีหน้าเรียบนิ่งเหมือนที่ผ่านมา
ขบวนเคลื่อนต่อโดยมีเสียงโวยวายของลอยด์ยัลและเสียงขุ่นเคืองของโลอี้กระทบกันให้สัตว์ป่าแตกตื่นตลอดระยะทาง
“เราพักที่นี่เถอะใกล้ธารน้ำห่างจากสัตว์ป่า
ลอยด์ยัลเจ้ากับข้าต้องไปหาเสบียง!”โลอี้เอ่ยสั่งหลังจากลงจากก้าวขาลงจากม้าหนุ่มเจ้า‘เบนโทนี’ของตน
“อะไรนะ? ไม่ใช่เจ้ากับท่านคริสโตเฟอร์หรือ?”ลอยด์ยัลถามด้วยสีหน้าแปลกใจ
โลอี้ขมวดคิ้วผูกก่อนจะโอบคอเพื่อนที่เตี้ยกว่าให้เดินไปด้วยกันโดยไม่สามารถขัดขืนได้
รองหัวหน้าเขาอยากจะไปกับเพื่อนเขามากกว่า ดูไม่ออกหรือเจ้าเตี้ย?
“ข้ากับจูนจะก่อไฟและเฝ้ายาม ถ้ามีกระต่ายก็จับมาล่ะโลอี้”
“ข้าไม่รับปาก”คริสโตเฟอร์ยิ้มรับไม่ถือสา
จูนเดินแยกออกไปอีกทางเพื่อหากิ่งไม้ก่อฟืน
เลย์เทอร์อาสาจะจับปลาส่วนไคลท์ที่เสนอจะช่วยโดนอาซาฮาห์รั้งไว้เพราะต้องมีคนเฝ้าพระธิดา
เพื่อนผิวคล้ำทำหน้าเสียดายก่อนจะยืนพิงลูกกรงมองเลย์เทอร์ใช้ดาบแทนฉมวกจับปลาตาละห้อย
ข้าเคยจับปลาด้วยมือเปล่าแท้ๆ
“.......”ดวงตาสีน้ำตาลมองแผ่นหลังทั้งสองอย่างเรียบนิ่งเมื่อไม่หันมาจึงเหลียวใบหน้าชำเลืองไปด้านหลัง
แอปเปิ้ลแดงสดจากต้นกับเชอร์รี่ป่า? พลางขบคิดจะเอื้อมหยิบอย่างไรไม่ให้ทั้งสองหันมา
“พวกท่านไม่ไปจับปลาหรือ?”
“กระหม่อมมีหน้าที่ดูแลพระองค์”อาซาฮาห์ตอบด้วยใบหน้าเช่นเดิมเพียงไม่หันมาสบตา
“กรงนี้เคยขังสัตว์ร้าย...ต่อให้มังกรทับก็ไม่บุบสลายเช่นโซ่ที่ล่ามมือและขาเรา
เราไม่หายไปไหนหรอก”เบลาห์เน็ตกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนลง ไคลท์พยักหน้าเห็นด้วยอย่างยิ่งก่อนจะถือวิสาสะคว้ามือเจ้าชายในคราบอัศวินฝึกหัดไปจับปลาที่ริมธารด้วยกันไม่ไกลจากกรงแต่ให้อยู่ในระดับสายตา
เจ้าของใบหน้าเฉยชาหันมามองครู่หนึ่งเมื่อไม่พบสิ่งใดแปลกจากปกติจึงยอมตามเพื่อนผิวคล้ำไปจับปลาที่กลางสายลำธารใส
เป็นเด็กไปได้
‘อาซาฮาห์ตรงนั้นๆขาเจ้า!’
‘เจ้าจะกระทืบน้ำเพื่ออะไร?!’
‘ทั้งสองคนปลามันหนีหมดแล้วนะครับ!’
“.......”ร่างเล็กมองภาพนั้นด้วยสายตาชื่นชมอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะย้ายกายไปหยิบเจ้าผลไม้สดที่วางอยู่เบื้องหลังขึ้นมามองพิจารณา จะกินได้ไหม?
ตุบๆ
แอปเปิ้ล..อีกลูก?
นัยนาสีเปลือกไม้เงยหน้ามองเข้าไปในป่าลึกไม่พบสิ่งใดมีเพียงสายลมและกระรอกป่าที่ปรากฏในสายตาแต่สิ่งหนึ่งที่แน่ชัด
กระรอกไม่มีทางแบกลูกแอปเปิ้ลที่ใหญ่กว่าผลโอ๊ค ข้อมือซ้ายสลักแผลเป็นตัวอักษรอังกฤษยกแอปเปิ้ลขึ้นมากัดประทังความหิว
ไม่เปรี้ยวแต่หวานกำลังดี
เมื่อร่างนั้นให้ความสนใจกับผลไม้ป่าดวงเนตรสีแดงจึงฉายประกายความพอใจอยู่ในเงามืดซ่อนเร้นกายจากอัศวินผู้ถือครองดาบศักดิ์สิทธิ์
โลอี้ถือกระต่ายป่ามาสองถึงสามตัวซึ่งหักคอพวกมันเรียบร้อยไหล่ซ้ายแบกคนใจเสาะน้ำตาคลอเบ้ามาหนึ่งนาย
ลอยด์ยัล บรอนซ์
“เจ้าหยุดร้องไห้ได้หรือยัง?”
“ก็นั่นมัน!”โลอี้หักคอกระต่ายป่าหลังจากที่มันยอมเข้าใกล้เพราะท่าทีเป็นมิตรของร่างสูง
ดวงตากลมโตยามจ้องมาอย่างใสซื่อทำให้ลอยด์ยัลแทบจะโมโหทั้งน้ำตา ไอ้คนไร้มนุษยธรรมโลอี้
ริชาร์สันหากโลกหน้ามีจริงข้าขอให้เจ้าเกิดเป็นกระต่าย!
ที่โดนนายพรานหักคอ!
“พวกนายสองคนเลิกทะเลาะกันสักที โอ้!
กระต่ายป่าข้าไม่นึกว่าเจ้าจะฆ่ามันจริงๆ”
“หรือท่านจะไม่กิน?”
“กินสิๆ
เนื้อนุ่มๆของมันข้าชอบมากๆ”คริสโตเฟอร์รับกระต่ายป่าที่โดนหักคอเรียบร้อยจากมือรุ่นน้องมามองน้ำลายสอ
หากอยู่ที่บ้านคงได้ทานสเต็กกระต่ายราดซอสชุ่มๆเนื้อนิ่มๆกับไวน์รสชาติดีสักขวด
“เก็บอาการหน่อยท่าน ข้าชักไม่แน่ใจว่าสามตัวจะพอ”
“ไม่หรอกเลย์เทอร์จับปลาอยู่ เจ้าหนุ่มผิวคล้ำนั่นมืออาชีพมาก โอ๊ะ!
เขาจับได้อีกตัวแล้ว!”ดวงเนตรสีทองทอประกายตื่นเต้นเมื่อเห็นรุ่นน้องจับปลาสดๆด้วยมือเปล่าราวกับชาวประมงมืออาชีพ
ดูไม่สมกับอายุและใบหน้าสุขุมเท่าใดนัก หากสองคนนั้นกำลังจับปลา แล้ว...พระธิดา?!
ตุบ!
“คิดจะวางก็วางเลยหรือไอ้เจ้-...!”ลอยด์ยัลสบถอย่างไม่สบอารมณ์
โลอี้ไม่เหลียวใบหน้ามามองสภาพของเพื่อน เขาเร่งฝีเท้าไปใกล้ลูกกรง
จังหวะหัวใจที่เต้นตึกตักทำให้เขาหอบออกมาโดยไม่รู้ตัว ไม่เป็นอะไรใช่ไหม?
ยังปลอดภัย?
“โล..อี้?”
“...พระธิดาทรงปลอดภัยใช่หรือไม่พะย่ะค่ะ?”
“อ-อื้ม”เบลาห์เน็ตซ่อนผลไม้สีแดงสดไว้ด้านหลังก่อนจะเงยหน้ามองอัศวินหนุ่มผมหยิกตรงหน้าผ่านซี่ลูกกรง
กังวลว่าจะหนีหรือ?
“บนต้นไม้อาจมีงูหรือสิ่งมีพิษหากหล่นลงมาพระองค์จะเป็นอันตราย
อย่าถือสากระหม่อมเลยกระหม่อมเพียงเป็นห่วงความปลอดภัยของพระองค์”โลอี้กล่าวจากใจพลางย่อเข่าเป็นการขออภัย
เบลาห์เน็ตส่ายหน้าพลางยิ้มสื่อว่าตนไม่ถือสาเรื่องนี้
เมื่อเห็นดังนั้นโลอี้จึงเดินไปตำหนิสองอัศวินฝึกหัดที่ละเลยหน้าที่ด้วยน้ำเสียงดังสนั่นจนฝูงนกต่างบินหนีซ่อกแซ่
‘เป็นอัศวินแต่กลับละเลยหน้าที่!
พวกเจ้าท่องจนจำขึ้นใจหรือยังว่าอัศวินต้องปฏิบัติตามหน้าที่ตนไม่ว่าสิ่งใดอยู่ตรงหน้า
หน้าที่ย่อมมาก่อนเสมอ!
ไคลท์เจ้าไปหาเสบียงเพิ่มหากหาไม่ได้ข้าจะปลดเจ้าออกจากตำแหน่งอัศวินฝึกหัด! อาซาฮาห์เจ้าไปช่วยไคลท์!
นี่ถือเป็นบทเรียนแรกและอย่าละเลยหน้าที่อีก!’
‘ขอรับ!!’
‘โลอี้ของขึ้นเลยรึ?’
‘เขาเกลียดพวกละเลยหน้าที่จะตาย
แต่ลอยด์ยัลกลับไม่เห็นโดน’จูนว่าพลางเหลียวสายตาไปมองร่างบางในเกราะอัศวินแสดงสีหน้าเหรอหรากลับมามองตน
‘ข้าเกี่ยวอะไรด้วยเล่า!’
เบลาห์เน็ตมองภาพเบื้องหน้าด้วยสายตาที่แปลกจากเดิมก่อนจะเงยหน้ามองแผ่นเล็กที่เหลี่ยมที่ปิดด้านบนจนมิดชิด
อสรพิษ? ต่อให้เป็นมังกรร้ายก็ไม่อาจทำอะไรตนได้ตราบใดที่สิ่งนั้นยังอยู่ด้านนอก
เมื่อคิดเรื่อยเปื่อยเสร็จจึงหันกลับไปหาสิ่งที่ตนพยายามซ่อนไว้ที่ด้านหลังบนกองฟางแห้งแต่ต้องเลิกคิ้วและคิดอย่างแปลกใจ
แอปเปิ้ลหายไป?
“........”
“พระธิดาท่านทานเนื้อกระต่ายหรือไม่?”
“......อือ”เบลาห์เน็ตพยักหน้ารับ
อัศวินใจเสาะเมื่อครู่ฉีกยิ้มกว้างก่อนจะยื่นปลาอย่างเสียบไม้ผ่านซี่กรงขึ้นสนิม
กลิ่นปลาอย่างหอมๆทำให้กระเพาะน้อยประท้วงเสียงเบา
“เสวยสิ่งนี้รอก่อนนะพะย่ะค่ะ
โลอี้กำลังเสียบกระต่าย..หมอนั่นจะหน้านิ่งไปไหน?”ลอยด์ยัลว่าด้วยสีหน้าเอียนเมื่อร่างสูงเสียบไม้แหลมทะลุร่างกระต่ายน้อยผู้โชคร้ายหน้าตาเฉยประหนึ่งว่าเสียบเนื้อสด
เขาจะกลั้นอ้วกไม่อยู่จริงๆเพราะโลอี้คนเดียวนั่นล่ะ!
“ขอบคุณ”พระนางเอื้อมรับเจ้าปลาอย่างเนื้อแน่นมาและกล่าวขอบคุณ ปลาตัวนี้ที่รองอัศวินมองตาเป็นประกายไม่ใช่หรือ?
แม้จะแปลกใจแต่ก็ขอบคุณที่อัศวินกลุ่มนี้ปฏิบัติต่อตนเสมือนปฏิบัติต่อพระมารดาและพระบิดา อย่างน้อยพวกเขาก็ดีต่อข้า
ภายใต้ประกายความพงพอใจที่ฉายชัดในดวงตาสีเปลือกโอ๊คแก่
บางสิ่งขยับกายซ่อนเร้น ยกยิ้มเย้ยยันราวผู้เหนือกว่า
กัดแทะลงบนแอปเปิ้ลแดงซ้ำรอยกัดเล็กของเจ้าของก่อนหน้านี้และโยนทิ้งไปด้านหลังอย่างไม่ใยดี
รสชาติหวานล้ำยังคงติดตรึงที่ริมฝีปาก แค่ปลาตัวเดียว หึ
จูนหันซ้ายแลขวาด้วยสีหน้ากังวลเพราะรู้สึกเหมือนอะไรบางอย่างกำลังมองพวกตนอยู่จากในป่าเมื่อเจ้ากระรอกวิ่งออกมาเขาจึงถอดใจอย่างโล่งอก
ท่ามกลางเสียงหัวเราะของคริสโตเฟอร์ที่กล่าวหาว่าเขาระแวงเพียงกระรอกตัวเล็กๆ
‘ฮ่าๆๆ!
เจ้ากลัวแม้แต่กระรอกเลยหรือจูน?’
‘เงียบเลยนะ!’
‘นั่นกระต่ายของข้านะ!’
‘ข้าจำได้ว่าเจ้ายังไม่ได้เขียนชื่อลงไปฉะนั้นตอนนี้มันเป็นของข้า’คริสโตเฟอร์มองริมฝีปากแดงกระจับกัดลงบนเนื้อกระต่ายเหนียวนุ่นอย่างแค้นเคือง
กระต่ายของข้า!
“กระต่ายพะย่ะค่ะ ระวังร้อนนะพะย่ะค่ะ”อาซาฮาห์ยังคงใบหน้าเรียบนิ่งจนเบลาห์เน็ตนึกสงสัย
เขาแสดงสีหน้าแบบอื่นเป็นหรือไม่?
“ขอบคุณ..อาซาฮาห์”เบลาห์เน็ตรับกระต่ายเสียบไม้จากมืออัศวินฝึกหัดสีหน้าเรียบเฉยแต่งดงามราวกับภาพวาดของจิตรกรผู้มีวิจิตรศิลป์
ขนและหัวถูกตัดและถอนออกจนหมด เนื้อก็แล่ให้ครึ่งๆเพื่อที่จะฉีกได้ง่ายๆ
อาซาฮาห์หรี่สายตามองเจ้าของเนื้อกระต่ายเสียบไม้ที่ตนเป็นคนจัดการให้ครู่หนึ่งก่อนจะละสายตาออกมาเมื่อพระนางหันมามองตนซึ่งแปลว่าเขาจะถูกจับได้ว่ากำลังมองพระนางด้วยสายตาเสียมารยาท
อัศวินไม่มีสิทธิ์หรี่สายตาลงมองเชื้อพระวงศ์
นั่นคือคำสอนจากอาจารย์ที่เขาจำขึ้นใจแม้ตนจะเป็นเชื้อพระวงศ์ กษัตริย์ที่ปกป้องครอบครัวไม่ได้ไม่สมควรจะเป็นกษัตริย์
อีกหนึ่งสอนที่บิดาเป็นคนตรัสสอนด้วยตนเอง ช่างน่าสมเพช
“อาซาฮาห์ ชื่อของท่านแปลว่าอะไรหรือ?”เบลาห์เน็ตเอ่ยทำลายความเงียบ
“อาซาในภาษาอินเดียนดั่งเดิมแปลว่า กษัตริย์
ส่วนฮาห์ในภาษาโปโตรแปลว่า ว่าที่,ผู้เป็น พะย่ะค่ะ อาซาฮาห์แปลว่า
ว่าที่กษัตริย์”
“หรือผู้เป็นกษัตริย์”เบลาห์เน็ตกล่าวเสริมพลางฉีกเนื้อกระต่ายร้อนๆและเป่ามือตนไล่ความร้อน
“เน็ตที่มาจากกุกลาบดูเอ็ต แล้วคำนำหน้าแปลว่าอะไรหรือพะย่ะค่ะ”
“เบลาห์มาจากที่รัก เบลาห์เน็ตแปลว่ากุหลาบผู้เป็นที่รัก
นาร์ลิเดียบอกว่าเป็นชื่อที่คล้ายกับท่านแม่ริฮันเน็ต(แปลงกุหลาบที่รัก)”เจ้าของชื่อกล่าวอธิบาย
อาซาฮาห์พยักหน้ารับรู้เช่นครั้งแรก พระธิดาก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร
เหตุใดราชาจึงต้องเนรเทศออกจากอาณาจักร
กษัตริย์เป็นผู้ที่แปลกจากผู้อื่นอาซาฮาห์คิดเช่นนั้น
‘ราตรีสวัสดิ์’
‘เจ้าหมาขาสั้นนอนได้แล้ว’
‘ข้ากล่าวตามธรรมเนียม!
โลอี้เจ้าคนไร้ธรรมเนียม!’
‘ราตรีสวัสดิ์ลอยด์ยัล’
‘ใครมีที่อุดหูบ้างข้ากลัวมดเข้าหูเพราะความหวานแถวนี้’
‘คริสโตเฟอร์เงียบ ฉันจะนอน’
ถกเถียงกันสักพักอัศวินรุ่นใหญ่ก็เริ่มเข้าสู่นิทรา
อัศวินฝึกหัดอย่างไคลท์ก็พยายามปรือตาให้ตื่นแต่เพราะความอิ่มและขี้เกียจทำให้ย่อตัวลงนอนข้างกงล้อโดยมีกระเป๋าเสื้อผ้าเป็นหมอน
ส่วนผ้าห่มก็ตาข่ายที่ใส่รองเกราะเหล็ก อาซาฮาห์ยังคงปฏิบัติหน้าที่อยู่เป็นยามภาคดึก
พลางเหล่ตามองเพื่อนร่วมอาชีพที่ตอนแรกพูดซะดิบดีว่าจะอยู่คุยเป็นเพื่อน กลับล้มตัวนอนก่อนใคร
ไม่ได้เรื่องเลย ผิดกับหัวหน้าอัศวินที่ปากบอกจะนอนแต่กลับลุกมาเฝ้ายามเป็นเพื่อน
จูนนั่งอยู่ใกล้กองไฟและหันหน้าเข้าหาป่าเพื่อหาสิ่งผิดปกติ
“เจ้าจะหลับก่อนก็ได้เดี๋ยวข้าเฝ้ายามเอง”
“ข้าไม่ละเลยหน้าที่ เดี๋ยวคนบางคนจะตำหนิ”
“เจ้าหมายถึงใคร?”คนที่นอนอยู่ลุกขึ้นนั่งหลังตรง
โลอี้ยิ้มก่อนจะยกผ้าห่มตนให้คนขี้หนาวที่นอนอยู่ข้างๆ
สองอัศวินและหนึ่งเด็กฝึกหัดนั่งเฝ้ายามภคกลางคืนอย่างสงบ
อีกหนึ่งคู่นัยนาปรือขึ้นอย่างเงียบสงบไม่ส่งเสียงใดให้บุคคลทั้งสามแปลกใจ
“พวกเจ้าได้กลิ่นอะไรไหม? ข้ารู้สึกเหมื-!”ตุบ! หัวหน้าอัศวินกล่าวก่อนจะเอนตัวล้มลงไปนอนลงซึ่งผิดวิสัยของหัวหน้าอัศวิน
หรือมีคนอื่นนอกจากพวกเขา?
“กลิ่นไลแล-” ไม่ทันกล่าวจบอัศวินอารักขาพระองค์ก็เอนตัวโงนเงน
“โลอี้-!”ตุบ!!
อัศวินที่เหลืออยู่สองนายเอนตัวล้มลงเพราะกลิ่นอกไม้อ่อนๆ ไลแลคขาว หรือ
ดอกไซรินยา โปรยกลิ่นอ่อนๆลอยมาตามสายลม
ร่างบางในกรงก็เริ่มโงนเงนพยายามปรือตาอย่างยากลำบากสุดท้ายก็ไม่สามารถต้านฤทธิ์ของไลแลคขาวดั่งกล่าวได้
ฝ่ามือหยาบเอื้อมคว้าร่างนั้นไว้ดึงเข้ามาในอ้อมกอดของตน
กุญแจที่พันธนาการไม่ถูกเปิดแต่ร่างนั้นกลับเข้าไปอย่างง่ายดายราวไม่มีสิ่งใดขวางกั้น
กุญแจข้อมือและโซ่ทั้งหลายที่พันธนาการซึ่งเด็กสาวถูกปลดออกอย่างง่ายดายโดยไม่ต้องพึงกุญแจหรืออักษรใดๆ
มีเพียงกลิ่นไลแลคอ่อนที่กล่อมร่างบางในอ้อมอกให้หลับสนิทกว่าทุกค่ำคืน
ขนของหมีสีน้ำตาลถูกนำมาคลุมให้ในคืนที่หนาวเหน็บ ลมพัดผ่านสายธารย่อมหนาวเหน็บ
ช่างโง่เขลาที่ใช้เพียงเศษผ้าผืนบางไร้ค่าคลุมกาย มือหยาบสีเปลือกไม้วางลงบนศีรษะที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นสีมลทินที่นำมาซึ่งสิ่งเลวร้าย
‘ฝากบทกลอนอักษรกล่อมตัวเจ้า
ว่าข้าเฝ้าดูแลไม่ไปไหนไกลจากกายเจ้า
ข้านั่งกล่อมเจ้านอนไม่ห่างไป
อยู่ใกล้ๆกล่อมเจ้าหลับฝันดี
นอนฝันดีในทุกราตรีที่ดวงดาวสกาวเต็มนภา
เพราะเจ้ามีข้าคอยกล่อมนอนไม่ห่างกาย’
‘ในทุกห้วงราตรีที่เจ้าหลับตาจะมีข้าเฝ้ากล่อมมิเสื่อมคลาย’
“โลอี้..โลอี้ ริชาร์สัน!”
“อ-อะไร!?”อัศวินอารักขาพระองค์นามโลอี้
ริชาร์สันเบิกตาตื่นโพล่ง สะดุ้งกายลุกพรวดพลาดตั้งท่าพร้อมสู้
ทำให้ลอยด์ยัลหลุดหัวเราะเสียงดังสนั่นไพร มีอะไรน่าขำ?
“เจ้ากับหัวหน้ารวมถึงอาซาฮาห์หลับเป็นตาย ฮ่าๆ
ไหนบอกจะเฝ้ายามพ่ออัศวินผมหยิก”ลอยด์ยัลว่าน้ำตาคลอ มือกุมท้อง สีหน้าของโลอี้ตลกนัก
“ข้ากับหัวหน้า?”โลอี้หันไปสบตากับจูนที่มีสีหน้าฉงงไม่แพ้กัน
หากเป็นอาซาฮาห์ก็น่าแปลกเพียงเล็กน้อยเพราะอีกฝ่ายยังคงใหม่สำหรับการเป็นอัศวิน
แต่โลอี้กับจูนไม่มีทางที่จะหลับในระหว่างปฏิบัติหน้าที่ของตน จริงสิ เมื่อคืน...มีกลิ่นดอกไม้...
“พวกเจ้าเมื่อคืนได้กลิ่นดอกไม้รึเปล่า?”โลอี้กวาดสายตาพวกที่เหลือซึ่งหลับไปก่อนเขาสามคน
“ไม่นะครับ”เลย์เทอร์ตอบในขณะที่กำลังดับกองไฟและเก็บของใส่ย่าม
“เจ้าเบลออะไรโลอี้
เราอยู่ไกลจากทุ่งดอกไม้จะตาย”ลอยด์ยัลกล่าวสมทบเพื่อนอัศวิน
“ข้าว่าไม่มีอะไรหรอก เก็บของเถอะ”คริสโตเฟอร์ว่าพลางหันใบหน้าไปมองเพื่อนที่มีสีหน้าไม่ค่อยดีนัก
จูนน่ะหรือจะหลับในยามปฏิบัติหน้าที่ เป็นไปไม่ได้หรอก
ไคลท์และอาซาฮาห์ช่วยกันเตรียมม้าให้พร้อม
อาซาฮาห์มีสีหน้าเหมือนไม่พอใจอะไรสักอย่างทำให้ไคลท์ทึกทักว่าอีกฝ่ายคงโกรธที่เขาแอบหลับไปก่อนทั้งที่รับปากเสียดิบดีว่าจะอยู่คุยเป็นเพื่อน
“มีอะไรหรืออาซาฮาห์”
“เปล่าขึ้นม้าเถอะ เราต้องเดินทางต่อ”
ภายในกรงที่เสมือนว่านิ่งสงบถูกคลุมด้วยผ้าขนาดใหญ่เพื่อบังแดดจึงทำให้ไม่สามารถมองเห็นด้านในได้ บางสิ่งในร่างอสรพิษขดเลื้อยพันธนาการร่างน้อยเพื่อให้ความอบอุ่นแทนเศษผ้าน้อยนิด สิ่งที่พันธนาการถูกเสกให้หายไปจากสายตา ลิ้นสองแฉกสัมผัสลงที่รอยแดงราวจะรักษา ไม่มีใครเอะใจว่าการที่ไม่เปิดม่านสำรวจความผิดปกติมาจากผลของบางสิ่งที่มองไม่เห็น ดวงเนตรโกเมนยังคงสีสว่างเช่นเดิมเพียงมองร่างเล็กด้วยประกายรักใคร่ ปลายหางตวัดเกลี่ยผมที่ปรกหน้าออกอย่างแผ่วเบาราวสิ่งล้ำค่าที่ถนอมไว้
รถม้าเคลื่อนตัวผ่านป่าที่เงียบสงบเพราะไม่มีสิ่งใดในไพศาลจะไม่หวาดกลัวสิ่งนั้น
ลพสายตาออกจากโครงหน้างามเพียงครู่มองผ่านไปยังผ้าม่านที่เห็นเพียงเงาของสองร่างที่มั่นคงไม่เสียสมาธิ
อัศวินฝึกหัดจริงหรือ ช่างขี้สงสัยนัก
“อื้อ.....”
ร่างบางส่งเสียงครางอื้ออึงขยับกายอย่างยากลำบาก
อสรพิษจึงยอมคลายแรงลงเมื่อรู้สึกตัวว่าตนนั้นรัดแน่นเกินไป
แม้ยามหลับใหลก็คงไว้ซึ่งความงดงามที่ไม่มีวันเสื่อมคลาย
ดั่งปิศาจเจ็ดประการที่ล่อลวงมนุษย์ให้คล้อยตาม แต่น่าเสียดายที่เขาไม่ใช่มนุษย์เป็นเพียงบางสิ่งที่มนุษย์หวาดกลัวยิ่งกว่าปิศาจหรือมังกร
ราตรีสวัสดิ์
ร่างของอัศวินเอนตัวไปคนละทิศละทางเพราะเสียงกระซิบนั้นหากแต่กลับลอยขึ้นและวางลงบนพื้นอย่างนิ่มนวลแม้จะไม่เต็มใจ
ม้าไม่สามารถวิ่งหนีได้เพราะรากไม้ที่รัดกีบเท้าทั้งสี่ อีกไม่นานจะมีพายุต้องหาที่ปลอดภัย
ทางที่พวกเจ้ามามีถ้ำอยู่ เพียงไล่สิ่งที่อยู่ออกไปก็ไม่มีอะไรต้องห่วง
จะว่าไป..เจ้าชอบเนื้อกระต่ายใช่หรือไม่พระธิดา?
“อ-อื้ม ที่นี่...!โลอี้ตื่นสิโลอี้!”
“อีกแล้วหร-...เดี๋ยวนะ”
ที่นี่คือในถ้ำไม่ใช่หรือ?......
-------------------------------
"หากละเลยซึ่งหน้าที่ ก็จะไม่มีวันประสบความสำเร็จ"
-อาซาฮาห์ เมราโกว์ อัศวินฝึกหัด-
ผลงานอื่นๆ ของ เล่อ_เกอเก่อ ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ เล่อ_เกอเก่อ
ความคิดเห็น