ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ลิขิตฟ้าสั่งหวนคืน

    ลำดับตอนที่ #4 : บทที่สาม

    • อัปเดตล่าสุด 25 พ.ย. 65


    บทที่สาม

     

    หลี่ชิงไป๋ตื่นขึ้นในโรงหมอกล่าวขอบคุณพลทหารใจดีที่ออกค่ารักษาให้

    นางเดินตรงกลับจวนไม่มีผู้ใดถามไถ่ข้ารับใช้ต่างเมินเฉยราวกับนางไม่มีตัวตนในสายตา 

    หลี่ชิงไป๋คิดเป็นเช่นนี้ก็ดีไม่มีผู้ใดมายุ่งวุ่นวายกับตน เมื่อเดินถึงเรือนที่ดูเสมือนเรือนร้าง บานประตูหน้าต่างที่พุพังใกล้จะพังเต็มทน

    เพียงแค่แตะประตูอย่างเบามือกับกลายเป็นประตูติดมากับมือนาง

    แม้เจ้าหนูนี้จะไม่มีพลังปราณแต่พละกำลังกับมีมหาศาลบิดาที่เลี้ยงเจ้าหนูมาจนโตขนาดนี้ไม่แลส่งคนมาซ่อมแซมเรือนให้หน่อยเรอะ ภายในเรือนก็มีสิ่งของข้าวใช้ไม่กี่อย่าง เตียงไม้เก่า โต๊ะเก้าอี้ทุกอย่างอยู่รวมกันภายในที่ๆเดียว นี้มันใช่เรือนคุณชายตระกูลใหญ่หรือไม่?

    ยังไม่ทันได้ทำสิ่งใดก็มีเสียงดังมากจากด้านหลัง

    “คะคะคุณชาย ท่านกลับมาแล้ว!!”เสียงสะอื้นเอ่ยถามแฝงด้วยความโล่งใจ

    หลี่ชิงไป๋หันไปหาเสียงสะอื้นพบเด็กสาวใบหน้าบวมช้ำเสื้อผ้าเปอะเปื้อน คงเห็นดวงตาใสเผยหยดน้ำออกมาอย่างพรั่งพรู ขาทั้งสองของเด็กสาวทรุดลงบนพื้น

    “ท่านหายไปไหนมาเจ้าคะ!! ผิงอินเป็นห่วงท่านแทบตาย”เสียงเล็กเอ่ยถามอย่างตะกุกตะกัก

    ผิงอันนั้นเป็นห่วงเจ้านายตนมากพยายามขอเข้าพบนายท่านเพื่อให้ส่งคนไปตามหาคุณชายกับโดนสาวใช้ของคุณหนูเล็กผลักไสตบตี นางยังคงอดทนรออยู่แถวนั้นหวังให้นายท่านเดินผ่านกับยิ่งโดนรังแกหนักกว่าเก่าถึงขั้นหมดสติ 

    เมื่อได้สติขึ้นมาได้ยินว่าคุณชายกลับมาพลันวิ่งตรงมายังเรือนเก่าโดยไม่ทันได้ดูสภาพตนเอง

    หลี่ชิงไป๋เห็นคนตัวเล็กห่วงใยตน มือเล็กยกขึ้นปาดน้ำตาสตรีน้อย ลูบหัวปลอบอย่างเอ็นดูพลางยิ้มอ่อนให้ 

    “ข้ากลับมาแล้วผิงอิน” ในมือกำแน่นสายตาแฝงความอำมหิตเมื่อมองไปที่บาดแผลตามตัวสาวใช้คนสนิทของหลี่ชิงไป๋

    ผิงอินนั้นเปรียบเสมือนพี่น้องแท้จริงของหลี่ชิงไป๋เนื่องด้วยนางเป็นบุตรของสาวใช้ของแม่หลี่ชิงไป๋ห่างกับหลี่ชิงไป๋เพียงสองปี ทว่าเมื่อแม่หลี่ชิงไป๋หายตัวไปแม่ผิงอินก็ได้หายตามไปด้วยโดยยังสั่งให้ผิงอินดูแลหลี่ชิงไป๋ให้ก่อนจากไป ผิงอินนั้นไม่รู้ว่าหลี่ชิงไป๋เป็นสตรี 

    ผิงอินจึงไม่มีญาติมิตรสหายที่ไหน มีเพียงหลี่ชิงไป๋คนเดียวเปรียบดั่งทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของผิงอิน

    “ใครบังอาจมาทำร้ายเจ้า!”

    ถึงนางพึ่งจะสวมร่างนี้แต่นี้คือคนของนางริอาจมารังแกเท่ากับคนผู้นั้นไม่อาจได้มีชีวิตอยู่อีก

    “ข้าไม่เป็นไรเจ้าค่ะอย่าห่วงไปเลย คุณชายนั้นและเจ้าคะดูซูมผอมลงไปเยอะไหนเสื้อผ้าที่ขาดรุ่ยพวกนี้อีก โชคดีจริงๆ ที่กลับมาอย่างปลอดภัย” เสียงสะอื้นตอบกลับด้วยความดีใจพร้อมสำรวจร่างกายเจ้านายที่ไร้บาดแผลพลางขอบคุณสวรรค์ที่เมตตาต่อคุณชายนาง

    “เจ้านั้นล่ะลุกขึ้นหยุดร้องไห้ได้แล้ว เอานี้ไปรักษาที่โรงหมอ” หลี่ชิงไป๋ค่อยๆ พยุงผิงอินขึ้นยื่นถุงเงินให้ผิงอินไปรักษาตัว

    นางจำได้ว่าหลี่ชิงไป๋เก็บซ่อนเงินจำนวนหนึ่งไว้ซึ่งได้มาจากการถูกส่งไปรบที่ชายแดนถึงไม่ได้ออกศึกแต่ก็ไปเป็นหน่วยเสบียงขนของซึ่งก็หนักหนาพอสมควรสำหรับเด็กคนหนึ่ง

    “ข้ารับไม่ได้เจ้าค่ะ คุณชายควรเก็บไว้นะเจ้าคะ”ผิงอินทำท่าทางปฏิเสธ

    “ถ้าเจ้าไม่รับไปข้าจะเอาไปโปรยทิ้ง เงินที่ข้าหามาหาหากไม่ได้มีไว้ใช้จะมีไปทำไม”หลี่ชิงไป๋ตัดพ้อ กอดอกหันไปมองทางอื่นทำท่าแง่งอนใส่

    “คุณชายแต่มันมากเกินไป ผิงอินไม่ได้เป็นอะไรมากเดี๋ยวลับไปทายาที่ห้องก็หายแล้วเจ้าค่ะ” ผิงอินเริ่มกระวนกระวาย

    “ข้าอยากให้เจ้าไปรักษาตัวอยู่นอกจวนสักระยะจนกว่าจะหายดี ข้ามิชอบเวลาคนงามของข้าเจ็บได้โปรดเถิดผิงอินทำตามที่ข้าปรารถนาเถอะนะ” หลี่ชิงไป๋ดึงมือเด็กสาวพร้อมยัดถุงเงินให้ ส่งสายตาประกายออดอ้อน

    “เป็นเช่นนั้นใครจะดูแลคุณชายล่ะเจ้าค่ะ” ผิงอินเขินอายกับคำพูดและท่าทีของหลี่ชิงไป๋

    เหตุใดคุณชายของนางแตกต่างไปราวกับมิใช่คนเดิม ปกติคุณชายจะสุขุมเยือกเย็นไม่ค่อยแสดงท่าทีเป็นห่วงมากนักและไม่เคยหยอกล้อเช่นนี้กับนางแล้วไหนคำพูดที่ดูน่าอายนั้น คุณชายที่มักพูดแบบดิบหามมากกว่าสุภาพ ช่างแปลกตา

    “ข้าดูแลตนเองได้ดีกว่า ไปเถอะเจ้าอยู่ที่นี้มีแต่ทำให้ข้าห่วงขึ้นอีก”

    “หากเป็นเช่นนั้นก็ได้เจ้าค่ะ แต่ท่านต้องดูแลตัวเองดีๆนะเจ้าคะอย่าสูบผอมลงไปอีก” ผิงอินยอมแพ้ให้กับหลี่ชิงไป๋

    “เจ้านั้นล่ะ กินให้มากๆ ข้างนอกมีของอร่อยอยู่เยอะและจงอยู่แต่โรงหมอสะล่ะ”

    “เจ้าค่ะคุณชาย”

    แม้ผิงอินจะอายุสิบสี่ปีแต่ตัวนางเทียบเท่ากับหลี่ชิงไป๋ มือเล็กที่มีหนังติดกระดูกนี้ไม่ต่างกับเจ้านายตนท่าทางอ่อนล้าราวกับแค่โดนลมแรงพัดคงปลิวไปกับสายลม

    เมื่อผิงอินจากไปหลี่ชิงไป๋จึงได้อยู่กับตนเองเสียทีนางเลือกที่จะนอนลงบนเตียงไม้เก่า แม้มันจะแข็งมากเพียงใดแต่ตอนนี้นางอยากหลับให้ตายไปข้างนึง ตอนเป็นวิญญาณเร่ร่อนไม่ได้เคยได้หยุดพักมัวแต่ลอยไปลอยมาตาแทบไม่ปิด ถึงจะได้ไปนอนที่โรงหมอแต่ยังไม่อิ่มพอ

    “ไว้ตื่นมาข้าค่อยสะสางเรื่องต่างๆแล้วกัน”หลี่ชิงไป๋บอกตนเอง ตาเล็กค่อยๆ ปิดสนิท 

    .

    .

    .

    เป็นเวลากว่าสามวันที่หลี่ชิงไป๋ได้เข้ามาอยู่ร่างเล็กแต่กับไม่มีผู้ใดมาเยี่ยมเยือนที่เรือนร้างของนางเลย นางต้องออกไปเก็บผักผลไม้ที่มีขึ้นบริเวณแถวนี้ มาประทังชีวิต 

    หลี่ชิงไป๋ยืดเส้นยืดสาย ออกกำลังตามทีี่เจ้าของร่างเดิมเคยทำในแต่ละวัน เมื่อทำทุกอย่่างเสร็จนางจึงมานั่งใคร่ครวญเหตุใดร่างนี้ถึงไม่มีพลังปราณอยู่แม้แต่นิดเดียวถึงแม้นางจะเข้ามาอาศัยร่างนี้แล้วแต่พลังปราณกับไม่พบ

    จุดตันเถียนก็ไม่เสียหาย เมื่อลองหาวิธีธรรมดาไม่ได้แล้ว นางจึงใช้จิตสัมผัส นั้นใช้สมาธิค่อนข้างมากในการเพ่งจิตยิ่งหากไม่มีปราณช่วยผลกระทบหลังใช้ทำให้ปวดร้าวทั่วตัวยังรุนแรงจนหมดสติหรือไม่ก็อาจทำลายเส้นประสาทจนขาดถึงขั้นพิการได้ น้อยคนนักที่จะสามารถใช้ได้

    นี้มัน!! 

    ทำไมเจ้าหนูนี้ถึงโดนพิษเร้นลับได้ พิษที่ไร้สีไร้กลิ่นหากแม้มีปราณเข้ามาตรวจสอบร่างกายก็มิอาจรู้มีเพียงการใช้จิตสัมผัสจากผู้โดนเท่านั้นถึงจะเห็นพิษแทรกซึมอยู่ทั่วเส้นเลือด อาการของพิษนี้มันจะทำให้คนโดนไร้เรี่ยวแรงต้องนอนติดเตียงมีสติรับรู้ทุกอย่างแต่ไม่อาจพูดขยับได้ มันไม่ใช้สิ่งที่ควรอยู่ในดินแดนโจวคลุน

    หึ..ช่างโหดเหี้ยมนักคิดใช้พิษร้ายกับเด็กน้อยไร้เดียงสาแต่เสียใจด้วยที่ร่างกายหลี่ชิงไป๋นั้นพิเศษ ป่านนี้ผู้วางคงกระอักเลือดแล้วกระมัง

    วิธีถอนพิษนั้นไม่ยาก เพียงแค่ค่อยๆ ใช้จิตสัมผัสเค้นพิษจากหัวไล่ลงสู่เท้าโดยไม่มีการหยุดพักหากหยุดชะงักเพียงนิดเดียวพิษจะเพิ่มทวีคูณขึ้นถึงขั้นไม่อาจรักษาชีวิตไว้ได้ 

     ดีที่ข้านอนอิ่มพิษแค่นี้ไม่เกินกำลังขาดนักหรอกถึงจะเป็นร่างนี้ก็ตาม

     .

    .

    .

    สิบสามชั่วยามที่หลี่ชิงไป๋เค้นพิษออกจากกาย ของเหลงสีม่วงดำปรากฏที่ฝ่าเท้าเลือดเสียออกตามรอยแผลเป็น ทำให้ผิวหนังที่เคยเป็นรอยสมานชิดเป็นเนื้อเดียวกัน

    นางหอบเหนื่อยหายใจติดมือกุมขมับปวดหัวอย่างรุนแรง สีหน้าไม่สูดีไร้เลือดฟาด สติเริ่มเลือนลางพลางนึกถึงอดีตของวิญญาณเร่ร่อน

    ยังไม่ทันได้ใช้ชีวิตจะกลายเป็นวิญญาณอีกแล้วหรือ 

    ฮ่าฮ่า..สวรรค์สหายรักเจ้าคงอยากเจอข้าแล้วล่ะสิ

    สติที่มีค่อยๆ หมดลง

    "นายท่าน!! อย่าพึ่งตายพวกข้ากลับมาแล้ว ยังไม่ทันได้ท่องยุทธภพเลย นายท่านตอนนี้ช่างอ่อนแอนัก" 

    เสียงเด็กชายเอ่ยอย่างยียวนทำเอาคนใกล้หมดสติลืมตาตื่นขึ้นอีกครา

    "เจ้านี้นะ ข้าไม่ได้จะตายข้าแค่จะหลับหัดดูสถาณการณ์หน่อยข้ากำลังเข้าสู่ช่วงรำลึกความหลัง!!"

    นางดุว่าเสียงยียวน มุมปากยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย

    "อ่ะอ้าว งั้นหรือขอรับเชิญท่านแสดงต่อเลย"

    เด็กชายกล่าวอย่างไม่รู้สึกผิด ทั้งยังแอบหัวเราะนางเบาๆ

    "เจ้านี้ อย่าให้ข้าขยับได้นะ!!"หลี่ชิงไป๋เริ่มโมโห

    "ฮ่าฮ่า รอท่านฟื้นค่อยมาพูดกับข้านะขอรับ" เด็กชายตอบยังไม่หยุดหัวเราะ

    หลี่ชิงไป๋ไม่ทันโต้ตอบถูกเด็กชายทำให้สลบไป

    "แล้วพบกันใหม่ นายท่านของ" เด็กชายเอ่ยปรากฏกายโน้มตัวลงจูบที่ข้างแก้มหลี่ชิงไป๋

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×