ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ลิขิตฟ้าสั่งหวนคืน

    ลำดับตอนที่ #3 : บทที่สอง

    • อัปเดตล่าสุด 25 พ.ย. 65


    บทที่สอง

     

    หนึ่งบุรุษยืนจ้องมองร่างแน่นิ่งไร้สติ น้ำตาหยดลงพื้นไร้เรี่ยวแรงในการเดิน เท้าทั้งสองหยุดอยู่กับที่แต่ใจคะนึงอยากเดินเข้าไปหาร่างรำพึงถึงนางแด่ผู้เป็นที่รัก

    “เฟิ่งเอ๋อร์ ข้าขอโทษได้โปรดกลับมาเถิด”

    ส่วนอีกหนึ่งบุรุษโอบรัดร่างเย็นชืดของหญิงสาวไม่ให้ผู้ใดได้มาสัมผัสนาง เขาโอดครวญอ้อนว้อนภาวนาต่อนาง บัดนี้น้ำตาลูกผู้ชายได้พรั่งพรูออกมาจนไม่เหลือคราบชายชาตรี

    “ไป๋เอ๋อร์ ตื่นขึ้นมาข้ากลับมาแล้ว! ได้โปรดตื่นขึ้นมา”

    เหตุใดความฝันเหล่านี้ไม่จางหายไปสักที ตื่นหรือนางจะตื่นได้อย่างไรนางตายอย่างจริงจัง ทว่าเสียงบุรษคร่ำครวญดังขึ้นเรื่อยๆ

    ได้โปรดตื่นขึ้นมา ตื่นขึ้นมา ตื่นขึ้นมา...ตื่นขึ้นมา ตื่นขึ้นมา เฟิ่งไป๋!!!

    นางชักรำคาญ เออ ตื่นก็ตื่น!

    ร่างเล็กลุกพรวด ม่านตาขยายรับแสงแดดจ้า หรี่ตามึนงงกับสถานการณ์นี้ เกิดปวดศีรษะและหัวใจราวกับมีเข็มพันเล่มทิ่มแท่งเข้าสู่ข้างในพร้อมสายฟ้าลอดผ่านทั่วกายเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาวถึงสามชั่วยามที่นางต้องนอนทนรับความเจ็บปวดนี้

    “หลี่ชิงไป๋เจ้าทำอะไรไป อ๊ากก”เฟิ่งไป๋โอดครวญ 

    ในตอนนี้เฟิ่งไป๋ได้เข้ามาอยู่ร่างเด็กน้อยเป็นที่เรียบร้อยกรีดร้องอย่างเจ็บปวด ความทรงจำทั้งสองได้รวมเป็นหนึ่งเกือบหมดขาดเพียงตอนหลี่ชิงไป๋ตกลงกับเด็กชายหญิงนั้น

    เฟิ่งไป๋ได้แต่ยอมรับความจริงนี้ ถอดหายใจปล่อยวางลุกขึ้นเดินตรงยกก้อนหินที่หลี่ชิงไป๋เคยถือไปมาอย่างง่ายดาย นำมาวางหน้าต้นเหมยฮวาสีดำไม่มีใบไม่มีดอกมีเพียงลำต้นที่มอดดับ พนมสองมือกล่าวอำลาสถานที่อันน่าจดจำ

    “นับจากนี้เฟิ่งไป๋มิได้มีตัวอยู่บนโลกนี้ ข้าหลี่ชิงไป๋จะเดินทางตามหาคำปฏิญาณที่ตัวข้าได้กล่าวไว้ สวรรค์เอ๋ย..ครั้งนี้ข้าจะเลือกเส้นทางด้วยสองเท้าข้าเอง อย่าได้คิดว่าบังคับหลี่ชิงไป๋ผู้นี้อีกได้ คอยจ้องมองเป็นกำลังใจให้ข้าไปสะละ ฮ่าฮ่า”หลี่ชิงไป๋เอ่ย พลางสงสัยสวรรค์คงกลัวนางไปกระทืบจึงเลือกให้กลับมาการเดินทางครั้งใหม่นี้ นางต้องได้เป็นคนกำหนดเอง! ยืนอยู่ชั่วครู่หันหลังเดินจากไปไม่มองย้อนกลับ

    นางไม่ยอมลอยไปมาไร้จุดหมายอีก!!

    หลี่ชิงไป๋เดินมาถึงทางออกป่าดอกเหมย มองออกไปพบต้นไม้ใบหญ้าเขียวขจีมองกลับมาพบหิมะขาวโพลนมีเพียงสีดอกเหมยที่เด่นหราสมแล้วที่ชื่อ เขาครึ่งเสวี่ย

    ลาขาดเจ้าหิมะ

    เมื่อถึงครึ่งทางเจอลำธาร หลี่ชิงไป๋เดินตรงหวังชำระร่างกายถึงรอยเลือดตามเสื้อผ้าและลำตัวได้หายไปแต่พวกดินโคลนยังคงอยู่

    นางถอดเสื้อผ้าลงลำธารกวักน้ำล้างส่วนสำคัญต่างๆในร่างกาย..แต่

    ส่วนตรงนั้นมันถึงไม่ใช่น้องสาวนาง!

    กลับเป็นน้องชายไม่ใช่ว่ากำไลมารดาหลี่ชิงไป๋ให้แค่ผู้อื่นมองเห็นเป็นบุรุษหรือหลี่ชิงไป๋ยกกำไลดู ทันทีที่นางแตะกำไลเปร่งแสงลอยขึ้นเหนือหัวพลันกลายเป็นเด็กน้อยชายหญิง 

    “พวกเจ้าคือ?”

    “ยินดีที่ได้พบนายท่าน”เด็กทั้งสองเอ่ย ย่อตัวโค้งทำความเคารพผู้เป็นนาย

    “นายท่าน?”หลี่ชิงไป๋ถาม ทั้งสองเงยหน้า เด็กสาวหน้าแดงจับจ้องไปที่ส่วนล่างหลี่ชิงไป๋ จนเด็กชายนำมือมาบังสายตาร้อน

    “อะแฮ่ม! ขออภัยนายท่าน เราทั้งสองคือกำไลหยกเมื่อครู่หรือนาวว่า กำไลหยกหลีหลง นายท่านเป็นผู้สร้างเราสองขึ้นมา”เด็กชายอธิบาย ยังคงนำมือบังหน้าเด็กสาว

    นายท่านไม่เขินอายสักหน่อยเรอะ นั้นคือเรือนร่างของบุรุษเลยนะถึงแค่เด็กก็ตาม สำคัญคือท่านไม่คิดปกปิดเลยรึไง! เด็กชายได้แต่คิดใบหน้ายิ้มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเพียงแค่ส่งสายตาไปให้

    “ข้าสร้างพวกเจ้า?”หลี่ชิงไป๋รู้สึกถึงสายตาดุดันของเด็กชายจึงยอมขึ้นน้ำใส่กางเกง 

    “ถูกขอรับ ตอนนี้ข้ายังไม่สามารถอธิบายได้มากรอนายท่านเลื่อนขั้นท่านจะทราบทุกอย่างเอง”เด็กชายว่า นำมือออกจากใบหน้าเด็กสาวทำหน้าเสียดาย อดได้ชมยลโฉมเจ้านายรูปงาม

    “ขออภัยนายท่านด้วยนะเจ้าคะ สิ่งที่ท่านควรทราบก่อนนั้นเมื่อท่านอยากเป็นหญิงจงส่งปราณไปหามัจฉาสีขาว ถ้าท่านอยากเป็นชายจงส่งปราณไปหามัจฉาสีดำ ข้าทั้งสองจะรอคอยนับวันที่ได้พบกับนายท่านนะเจ้าคะ” 

    สิ้นคำสุดท้ายเด็กสาวดูเศร้าสร้อยนำแขนเสื้อขึ้นมาปิดบังใบหน้าทำท่าทีจะร้องไห้ แต่กับเด็กชายได้ถอดหายใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า

    หลี่ชิงไป๋กำลังจะถามต่อแต่ทั้งสองกลับกลายเป็นแสงสีขาวดำพุ่งตรงลงมายังข้อมือซ้ายนางปรากฏเป็นรอยภาพปลาหลีฮื้อคู่ตัวนึงดำตัวนึงขาว ด้านหลังเป็นหยินหยางสลับสีกับตัวปลา แสงสีขาวดำนั้นเลื้อยตามเส้นเลือดเข้าสู่กลางหัวใจหลี่ชิงไป๋

    โปรดระวังตัวให้ดี เมื่อถึงเวลาได้โปรดตั้งนามพวกเรา นายท่าน เสียงทั้งสองดังขึ้นมาในหู หลี่ชิงไป๋ได้แต่หลับตานางไม่สามารถถามโต้แย้งได้รับคำตอบหรือกล่าวความคิดเห็นใดๆได้เลย นางควรทำเช่นไรต่อดี....

    ปล่อยให้เป็นโชคชะตานำพานางแล้วกัน ฮ่าฮ่า

    “หรือว่าข้าควรละทางโลกเข้าสู่ทางธรรมดี?” เปรี้ยง!! สายฟ้าหนึ่งสายผ่าลงมาตรงหน้าเสมือนสวรรค์ได้ยินนาง

    หลี่ชิงไป๋หน้าเหวอรีบตอบกลับ “สวรรค์เพื่อนรักข้าเพียงหยอกเล่น ไม่ทำจริงหรอกน่า” 

    .

    .

    ทางลงเขาครึ่งเสวี่ยนั้นแสนลาดชัน นางควรกลิ้งลงเขาดีหรือไม่ ได้จากเขาแห่งนี้ไวๆ นางเอี่ยนธรรมชาติเต็มทนถึงชอบสิ่งสวยงามแต่พวกมันล้วนอันตราย แต่หากกลิ้งลงไปจริงการล้างตัวเมื่อครู่เป็นสิ่งที่สูญเปล่า 

    คิดได้หลี่ชิงไป๋จึงเลือกเดินลงอย่างช้าๆ 

    ใกล้ทางลงเขาหลี่ชิงไป๋ได้ยินเสียงร้องนางจึงหันข้างเท้าทั้งสองไถลลงเขาอย่างรวดเร็วลงแอบในพุ่มไม้

    “มีใครอยู่แถวนี้ไหม ได้โปรดช่วยข้าด้วย”เสียงเด็กหวานตะโกนร้องเรียก หลี่ชิงไป๋ได้ยินยังคงไม่เผยตัว เด็กสาวตะโกนร้องอยู่หลายครั้งหลายคราจนเริ่มทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียงเริ่มแผ่วเบาหายไป

    นางมองไปรอบด้านไม่พบผู้ใดลองใช้จิตสัมผัสรอบข้างไม่พบสิ่งอันตรายแถวนี้ หลี่ชิงไป๋ตรงออกไปหาเด็กสาว อุ้มนางขึ้นสำรวจใบหน้า

    เล่อลี่เหลียน นางมาอยู่ที่นี้ได้อย่างไร? 

    เมื่อรู้ว่าเด็กสาวเป็นใคร หลี๋ชิงไป๋รีบวิ่งด้วยพละที่เหลือออกจากป่าเขาครึ่งเสวี่ยระหว่างทางออกพบศพเกลื่อนกลาดมีร่องรอยของการต่อสู้ นางเหลือบเห็นม้ายังอยู่กับรถม้าที่พังยับเยิน รีบวิ่งไปดึงสายคล้องออกจากรถเจ้าม้าตื่นตระหนก

    หลี่ชิงไป๋ไม่มีเวลาให้มันตื่นกลัวนางจ้องเข้าไปในดวงตามัน เจ้าม้าเหมือนรับรู้ถึงสายตาข่มขวัญ จึงได้สติย่อตัวลงให้หลี่ชิงไป๋ขึ้นขี่มันได้ นางกระโดดขึ้นตัวม้าอย่างชำนาญถือสายบังเหียนมือเดียวให้เจ้าม้าวิ่งไป..

    เป็นเวลาเกือบสองชั่วยามหลี่ชิงไป๋บังคับม้าเกือบถึงทางเข้าเมืองหลวงแคว้นเล่อซวิน ยังดีที่นางฉีกเสื้อของตนมาทำเป็นผ้าพันแผลให้เล่อลี่เหลียน พอเด็ดสมุนไพรบรรเทาอาการมาได้บ้างไม่เช่นนั้นเล่อลี่เหลียนอาจได้ตายลงไปแล้ว

     ป่าครึ่งเขาเสวี่ยอยู่ไม่ห่างจากตัวเมืองหลวงนักวิ่งม้าเพียงสองชั่วยามก็ถึงส่วนมากผู้ที่เดินทางไปป่ามักเข้าไปเก็บสมุนไพรและเยี่ยมชมเขาครึ่งเสวี่ยมีหิมะตกตลอดปีอยู่ครึ่งเขาบริเวรที่หิมะตกนั้นเป็นป่าดอกเหมยล้วนอันตรายแตกต่างจากป่าครึ่งเขาเสวี่ยที่ไม่มีสัตว์อสูรอยู่

    ทหารยามเห็นหลี่ชิงไป๋ขี่ม้าตรงมา นำหอกขวางกันทำให้เจ้าม้าตกใจหยุด หลี่ชิงไป๋อุ้มเล่อลู่เหลียนอยู่เกือบตกม้าทหารยามล้อมรอบหลี่ชิงไป๋

    “เจ้าเป็นใคร ทำไมถึงขี่ม้าเร็วขนาดนี้” 

    ถ้านางไม่ขี่เร็ว เด็กสาวในอ้อมอกนางจะรอดไหม? 

    “พวกเจ้ารีบปล่อยข้า ข้าจะนำนางไปโรงหมอ”หลี่ชิงไป๋ไม่ได้กล่าวว่านางเป็นใครเพียงแต่ให้พวกทหารยามเห็นใบหน้าคนในอ้อมแขนนาง

    “องค์หญิง!!”ทหารยามตะลึงรีบนำร่างไร้สติจากไป หลี่ชิงไป๋เห็นเช่นนั้นล้มตัวหมดสติลงกลางหลังม้า

    ถึงร่างกายจะแข็งแรงขนาดไหน แต่เด็กก็คือเด็กวันยังค่ำ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×