ข้อมูลเบื้องต้น
สวัสดีเราชื่อ...เรานั้นโดนบูลลี่ทุกเรื่องเลยแต่เรื่องที่เราทำใจได้ยากคือ“การเหยียดเพศ"
เล่าไปถึงตอนเราเด็กๆ ด้วยความที่พ่อแม่กับอาของเราไม่ชอบหน้ากันทำให้พ่อแม่กับอาไม่คุยกันแต่ในช่วงเราเด็กๆพ่อแม่ของเราต้องออกไปทำงานจึงเหลือเรากับพี่ของเรา ทั้งวันพี่เราก็ไม่ว่างเพราะมัวแต่ทำงานบ้าน,ทำการบ้าน ทำให้อาเราจึงเอาเราไปเลี้ยง ด้วยความที่อาเราไม่ชอบหน้าพ่อกับแม่ทำให้อาเราต้องการทำจะทำให้เรามีนิสัยสดีดสดิ๊ง(นิสัยผู้หญิง) (อาเราเป็นผู้ชายนะแต่อาเรามีนิสัยที่ค่อยค้างอิจฉาคนอื่นพอสมควร)
ทุกๆวันพ่อแม่ของเราก็จะฝากให้อาเลี้ยงเรา จนเรามีนิสัยที่คล้ายกับผู้หญิงแต่ไม่ถึงขนาดนั้น อาเราเลยพาเราไปซื้อตุ๊กตาบาร์บี้เล่น ช่วงนั่นพ่อแม่เราเห็นแต่ก็ไม่ได้คิดอะไรเพราะ คงคิดว่าพอโตไปเดี๋ยวนิสัยพวกนี้ก็จะหายไปเอง แต่กลับกันเพราะยิ่งเราอยู่กับอาเรามากเท่าไหร่นิสัยผู้หญิงก็จะยิ่งมาก จนเราเข้าอนุบาลเราก็ยังชอบผู้หญิงจนถึงป.2 หลังจากนั้นเราก็เริ่มมาชอบผู้ชายและแน่นอน เราก็โดนบูลลี่ตั้งแต่นั้นมา เช่น ไอตุ๊ด อีกะเทยควาย สเนียดตุ๊ดว่ะ ตุ๊ด กะเทย แน่นอนเราเศร้ามาแต่ไม่ถึงขั้นร้องไห้เสียใจ เราก็กลับไปคิดว่า เราทำอะไรให้พวกเอ็ง ทำไมพวกเอ็งต้องมาพูดกับเราแบบนั้นด้วย หลังจากนั่นคำบูลลี่มันก็เริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆ จนถึงขั้นที่คุณครูมาพูดเบ๊ะปาก พูดชื่อนามสกุลขึ้นต้นเราว่าอี (ขอบอกก่อนนะว่าเราเป็นเด็กตั้งใจเรียน เกรดเฉลี่ยแต่ละปีไม่ต่ำกว่า3.70) ทำให้เราก็สงสัยว่า เราก็ตั้งใจเรียนดีนะแต่ทำไมครุถึงพูดชื่อเราอย่างนั้น และแน่นอนทำให้เราคิดมากตั้งแต่ตอนนั้นเลย เวลามีใครมาด่าหรือตำหนิเหยียดเพศ เราจะมีคิดมากและนั่งซึมทั้งวันเลย จนถึงป.6 เราก็พอรับได้แต่เราก็โดนคำบูลลี่มาแทบจะทุกวันเลยแหละ ในช่วงปิดเทอมที่ผ่านมา เราทะเลาะกับพี่หนักมากจนทำให้พี่เราด่าเราว่า อีกะเทยผิดเพศอ๋อมึงอะ หุบปากไปอีตุ๊ดไปที่อื่น อีกะเทย อย่าสะระแหน่ เราแบบอึ้งมากว่าพี่เราด่าเราแบบนั้นได้ไง มันเป็นคำด่าจากปากของคนในครอบครัว และเราก็ร้องไห้หนักมากแต่เราไม่บอกใคร แต่เราไม่เคยคิดสั้นหรืออะไรเลยนะ เพราะเราคิดว่าเรายังมีความสามารถในการพัฒนาตัวเองให้ไกลจากปากคนพวกนี้ได้ ปัจจุบันเราก็ยังโดนบูลลี่อยู่ แต่เราก็เห็นว่าเฉยๆเพราะเราไม่คิดอะไรมากแล้ว คิดซะว่าพวกที่บูลลี่คือพวกที่เก็บกด
ความคิดเห็น