[Fic The Mask Singer] S-H-Y - [Fic The Mask Singer] S-H-Y นิยาย [Fic The Mask Singer] S-H-Y : Dek-D.com - Writer

    [Fic The Mask Singer] S-H-Y

    จะ #อีกากินทุเรียน หรือ #ทุเรียนทิ่มอีกา แล้วแต่ผู้อ่านเลยฮะ!

    ผู้เข้าชมรวม

    2,731

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    2.73K

    ความคิดเห็น


    24

    คนติดตาม


    44
    หมวด :  นิยายวาย
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  25 ก.พ. 60 / 15:55 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    มาเม้าท์มอยกันได้ที่>>คลิก

    ____________________________________________________________________________________________________

    รายการ The Mask Singer เป็นรายการเรียลลิตี้เกมโชว์ที่ซื้อลิขสิทธิ์มาจากประเทศเกาหลี และได้รับเรตติ้งท่วมท้นจากผู้ชมทั่วประเทศ มีกติกาคือผู้เข้าแข่งขันทุกคนต้องปกปิดตัวตนภายใต้หน้ากาก ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาเป็นใคร สิ่งที่สามารถบอกใบ้ได้ มีเพียงเสียงและเทคนิควิธีการร้องของพวกเขาเท่านั้น

    เขาเองก็เป็นหนึ่งในนั้น เป็นหนึ่งในผู้เข้าแข่งขันที่มีจุดหมายปลายทางร่วมกันคือ [การเป็น The Mask Singer คนแรกของประเทศไทย]

    และตอนนี้ เขาก็ได้เดินมาจนเกือบจะถึงเส้นชัยนั้นแล้ว

    เสียงกระทบของส้นตึกดังก้องไปทั่วระหว่างทาง หน้ากากอีกาดำเดินเข้ามาในสตูดิโอด้วยท่าทางที่เตรียมพร้อมสุดขีด ชายในชุดขนสีกาก้าวเดินอย่างเชื่องช้าทว่าทะมัดทะแมงตามประสาคนสวมรองเท้าส้นสูง วันนี้เป็นการซ้อมวันแรกของแชมป์ประจำกลุ่ม A ซึ่งคือหน้ากากทุเรียน กับแชมป์ประจำกลุ่ม  B นั่นก็คือเขา โดยที่ทางโปรดิวเซอร์ได้พูดกำชับกับพวกเขาไว้ว่า อยากให้การแสดงรอบวันจริงออกมาดีที่สุด “เอาให้ผู้ชมทั้งอึ้งและประทับใจไปเลย แบบว่า รายการนี้สุดยอด!” ซึ่งแน่นอนว่าพวกเขาก็คิดเช่นเดียวกัน

    หน้ากากอีกาดำเข้ามาในสตูดิโอที่ใช้ในการซ้อม มือในถุงมือหนังสีดำรับไมโครโฟนมาจากทีมงาน บนเวทีเป็นหน้ากากทุเรียนที่เตรียมพร้อมเอาไว้อยู่แล้ว  พวกเขาสบตากันผ่านหน้ากากครู่หนึ่งก่อนจะหันไปทางใครทางมัน

    แต่เดิมก็ไม่ได้สนิทกันอยู่แล้ว

    ทีมงานคนหนึ่งวิ่งเข้ามาแจ้งรายละเอียดกับเขาโดยคร่าวๆ_ซึ่งแอบค่อนไปทางละเอียดอยู่เล็กน้อย_ แต่หน้ากากอีกาดำแทบไม่ได้สนใจในสิ่งที่ทีมงานพูด เพราะว่าความสนใจทั้งหมดของเขาตกไปอยู่ที่ร่างหน้ากากหนามเขียวที่กำลังโยกตัวเบาๆคล้ายคลอตามเพลงระหว่างที่รอเขาไปพลางๆ

    ตอนที่ได้แชมป์ประจำกลุ่ม Aและ Bแล้ว พวกเขาทั้งสองถูกเรียกไปพบกับโปรดิวเซอร์ในทันทีเพื่อตกลงเรื่องเพลงที่จะต้องร้องคู่กัน รายละเอียดส่วนใหญ่ถูกแจ้งผ่านทางโปรดิวเซอร์ และแน่นอนว่าพวกเขาไม่ได้คุยอะไรกันมากมายนัก

    หน้ากากทุเรียนไม่เหมือนหมูป่า รายนั้นเป็นพวกชอบดีดอยู่ตลอดเวลา บทสนทนาส่วนใหญ่จึงเป็นสาวเจ้าที่ชวนเขาคุยเพื่อทำความรู้จักเสียมากกว่า จนไม่นานพวกเขาเองก็เริ่มสนิทกันในระดับหนึ่ง ไม่เช่นนั้นก็คงไม่กล้าหยอกกันบนเวทีแบบนั้นแน่

    แน่นอนว่าหน้ากากทุเรียนเองก็ตกอยู่ในสถานการณ์เช่นเดียวกัน ดังนั้นการเจอกันครั้งแรกจึงเริ่มต้นไม่ค่อยดีนัก นอกจากคำว่า “สวัสดี” ที่เหลือก็เป็นเพียงความเงียบทั้งสิ้น

    หน้ากากทุเรียนมองชายร่างสูง(ที่เสริมส้น)ตรงหน้า  เขาดูเป็นพวกที่จริงจังและซีเรียสกับทุกสิ่งอย่างบอกไม่ถูก ทำให้เขาไม่กล้าเข้าไปแหย่เล่นหรือกวนตีนแบบผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆ นอกจากจะกลัวโดนจะงอยปากจิกใส่แล้ว อีกใจหนึ่งก็แอบเกรงๆส้นตึกของอีกฝ่ายด้วยเช่นกัน(...)

    “จะเริ่มทำการซ้อมแล้วนครับ”

    หน้ากากอีกาดำพยักหน้า ชายหนุ่มเดินก้าวขาขึ้นเวทีโดยไม่ลืมยืดอกเชิดหน้าขึ้นเพื่อให้ตัวเองดูน่าเกรงขามดุจดังอีกาทมิฬเช่นทุกครั้ง ส่วนหนึ่งก็เพื่อเป็นการขู่คู่แข่งกลายๆ จะได้รู้ว่าคนแก่เองก็เก๋าเช่นกัน

    แต่เขาอาจลืมไปว่า ตัวเองใส่รองเท้าอภิมหาโครตส้นตึกอยู่

    ไม่รู้ว่าด้วยก้าวพลาด เหยียบชายเสื้อ หรือส้นรองเท้าเกิดพลิก แต่ทั้งหมดทั้งมวลนั่นทำให้ชายหนุ่มมาดร็อกเกอร์สะดุดร่วงลงเวทีไป ท่ามกลางความตกใจของหน้ากากทุเรียนและทีมงาน

    “คุณอีกา!!

    กลิ้งเป็นลูกขนุนเลยแหะ...

    .

    .

    .

    การเจอกันครั้งแรกว่าแย่แล้ว แต่การเจอกันครั้งที่สองแย่ยิ่งกว่า หน้ากากอีกาดำรู้สึกว่าภาพลักษณ์ที่สั่งสมมาตั้งแต่เทปแรกหายไปภายในไม่กี่วินาที หวังว่าเมื่อครู่นี้คงจะไม่มีใครแอบถ่ายรูปเขาเอาไว้หรอกนะ

    ยิ่งไปกว่านั้นคือการซ้อมถูกยกเลิกไปตั้งแต่ยังไม่ทันได้ซ้อม โดยมีตัวต้นเหตุนั่งรู้สึกผิดอยู่ที่เก้าอี้บริเวณผู้ชม สาเหตุที่ซ้อมต่อไม่ได้เป็นเพราะว่าข้อเท้าแพลงตอนร่วงลงมา ดูเหมือนการใส่ส้นตึกจะสร้างเรื่องให้เขาก็คราวนี้แหละ

    “ผมถามจริงๆเถอะครับ สวมส้นสูงซะขนาดนี้นี่คุณอีกาดำฝึกเดินมานานแค่ไหนล่ะครับนั่น”คู่แข่งรุ่นน้องถามในขณะที่นั่งก้มๆเงยๆดูอาการของคนแก่อยู่ที่พื้น

    หน้ากากอีกาดำเงียบไปครู่หนึ่ง “...น่าจะราวๆสามเดือน..มั้งนะ”

    โอ้โห...

    หน้ากากทุเรียนแอบส่ายหัวในใจให้กับความอยากสูงของคนตรงหน้า ไม่แปลกหรอกที่อีกฝ่ายล้มในเมื่อใส่รองเท้าส้นสูงเสียขนาดนี้ สูงกว่าเขาเกือบสอง-สามเท่าเลยน่าจะได้ ชายหนุ่มมองรองเท้าข้างที่ถูกถอดเอาไว้ด้วยสายตาเวทนา ดูจากสภาพแล้วคงซ่อมมาหลายทีแล้วล่ะ

    นับถือคุณหน้ากากอีกาดำจริงๆที่ใส่เดินมาโดยไม่ล้มตั้งแต่การอัดเทปครั้งแรก

    “คุณอีกาคะ พี่เอาผ้ากับน้ำแข็งมาให้ประคบเย็นเบื้องต้นก่อนค่ะ เดี๋ยวอีกสักพักรถพยาบาลคงจะมา”

    ทีมงานคนหนึ่งเดินเอาของมาให้ เห็นแบบนี้แล้วตัวต้นเหตุยิ่งรู้สึกผิดเข้าไปใหญ่ จากมาดพญาอีกา ผู้น่าเกรงขามตอนนี้แทบไม่ต่างอะไรกับลูกนกตัวป้อมสีดำเลยสักนิดเดียว

    “เดี๋ยวผ--/เดี๋ยวผมทำเองครับ!” เสียงอาสาของหน้ากากทุเรียนถูกกลบด้วยเสียงแหบของคนเจ็บที่ลืมตัวลุกพรวดพราดขึ้นมาเพื่อรับของ โดยลืมคำนึงถึงความแตกต่างของส่วนสูงของข้างที่สวมและข้างที่ไม่ได้สวมส้นตึก ผลคือทำให้ชายหนุ่มมาดร็อกเกอร์ล้มคะมำไปอีกรอบ

    ชีวิตจริงไม่ใช่ในละคร ที่พระเอกจะบรรจงรับตัวนางเองเอาไว้ในอ้อมกอดแล้วถามว่า “ไม่เป็นอะไรนะครับ” แต่เพราะเป็นชีวิตจริง หน้ากากอีกาดำเลยล้มใส่หน้ากากทุเรียนไปเต็มๆ

    “โอ้ย!!”เสียงร้องประสานกันดังลั่นเมื่อจะงอยปากอันใหญ่กระแทกเข้าหน้าเต็มๆ ส่วนทุเรียนก้านยาวเองก็ทำหน้าที่ได้ดีเยี่ยม นั่นคือการกระแทกใส่กระเดือกคนล้มไปเต็มๆเช่นกัน

    ทีมงานรีบกุลีกุจอเข้ามาช่วยพยุงหน้ากากคนเจ็บกับคนปกติที่ถูกทำให้เจ็บกันอย่างอลหม่านก่อนจะพาไปนั่งบนเก้าอี้ หน้ากากทุเรียนหยิบอุปกรณ์ประคบเย็นจากพี่ทีมงานที่ตอนนี้ยืนอึ้งอ้าปากค้างให้กับสถานการณ์ตรงหน้า ชายหนุ่มร่างเล็กที่ปกติจะอารมณ์ดีตลอด พอมาเจออะไรแบบนี้เข้าก็อดรู้สึกอารมณ์ขุ่นมัวขึ้นมาไม่ได้หน่อยเหมือนกัน ถึงจะรู้ว่าเป็นเหตุสุดวิสัยก็เถอะ

    “เดี๋ยวผมจัดการเองครับ พี่ๆไปทำอย่างอื่นต่อเถอะ”เสียงที่แปลงผ่านไมค์กล่าว “ส่วนคุณนั่งนิ่งๆไปเลยครับ”หันมากำชับเมื่อเห็นอีกฝ่ายทำท่าจะขยับตัวอีกรอบ

    หน้ากากอีกาดำจำต้องนั่งลงนิ่งๆเสียไม่ได้ ถึงแม้จะมองไม่เห็นหน้าอีกฝ่าย แต่ฟังจากน้ำเสียงก็พอเดาได้ว่าคงจะหงุดหงิดอยู่ไม่น้อย ซึ่งก็สมควร คนแก่เลยได้แต่นั่งนิ่งๆให้พยาบาลจำเป็นจัดการกับข้อเท้าของเขาไป

    “บวมนิดหน่อย แต่ไม่กี่วันก็คงจะหายครับ”หน้ากากทุเรียนว่าในขณะที่ประคบน้ำแข็งให้อย่างเบามือ ความรู้วิชาลูกเสือได้เอามาใช้ก็วันนี้แหละ ขอบคุณมากครับอาจารย์! “โชคดีที่ไม่ถึงขั้นหัก ไม่อย่างนั้นคงได้เลื่อนวันแสดงออกไปนานแน่” นอกเหนือจากนั้นคือถ้าข่าวรั่วก็มีโอกาสถูกจับได้ว่าหน้ากากอีกาดำเป็นใครสูงมาก ซึ่งเรื่องนี้น่าเป็นห่วงยิ่งกว่า

    หน้ากากอีกาดำไม่ได้พูดอะไร แต่ในใจรู้สึกแปลกพิลึกที่มีคนไม่สนิทมาทำแบบนี้ให้ แอบเขินอยู่หน่อยๆแหะ  คนมีอายุมองคนเด็กกว่านั่งปฐมพยาบาลไปพลาง บ่นไปพลางไม่ขาดสาย จะบอกว่าแปลกตาเล็กน้อยก็คงได้ ปกติเคยเห็นแต่มาดกวนตีนบนเวที พอมาเจอหน้ากากทุเรียนให้อีกมุมหนึ่งเขาก็เลยอาจจะรู้สึกไม่ค่อยชิน

    “เสร็จแล้วครับ”ราชาแห่งผลไม้ว่าเมื่อพันผ้าบริเวณข้อเท้าเป็นอย่างสุดท้าย

    “ขอบคุณครับ”

    “อ๊ะ! ผมลืมไปอย่างหนึ่ง”

    หน้ากากอีกาดำเลิกคิ้ว “ครับ?” แค่นี้ก็เกรงใจคนเด็กกว่าจะแย่อยู่แล้ว นอกจากจะไม่ได้ซ้อม ยังต้องมาทำอะไรแบบนี้อีก

    หน้ากากทุเรียนประคองเท้าของหน้ากากอีกาดำขึ้นมาก่อนที่ลมอุ่นจะเป่าออกจากปาก สร้างความตกใจให้กับคนเจ็บและทีมงานบางคนที่หันมาเจอช็อตนี้พอดี

    “เดี๋ยวๆ! คุณทำอะไรน่ะ”คนแก่เผลอร้องเสียงดังด้วยความตกใจ

    หน้ากากทุเรียนเงยหน้ามองก่อนจะเอียงคอด้วยความสงสัย “ครับ? ก็เป่าไงครับ”เมื่อเห็นอีกคนยังไม่เข้าใจเลยพูดขยายความ “แม่เคยบอกไว้ว่า ถ้าทำแบบนี้จะหายเจ็บเร็วขึ้น” ยัง ยังไม่รู้ตัวอีก!

    นี่มันทำลงไปแบบไม่คิดใช่มั้ยเนี่ย!!!

    จู่ๆหน้ากากอีกาดำก็ลุกพรวดขึ้นโดยไม่ลืมใส่รองเท้าอีกข้างหนึ่งก่อน “ผมขอตัวก่อนนะครับ” เขากล่าวโดยทำเสียงให้เป็นปกติที่สุดก่อนจะกึ่งเดินกึ่งวิ่งแบบกะเผลกๆเท่าที่คนเจ็บคนหนึ่งจะทำได้อย่างรวดเร็วออกจากสตูดิโอไปโดยทิ้งความสงสัยไว้ให้กับหน้ากากทุเรียน

    นี่ผมทำอะไรผิดไปรึเปล่า?

    คนเจ็บพาตัวเองมาที่ห้องอย่างยากลำบาก ก่อนจะลงกลอนปิดประตูไว้เรียบร้อย ลมหายใจหอบถี่จากการเดินหรือจากเหตุการณ์เมื่อครู่ไม่อาจทราบแน่ชัด ชายหนุ่มถอดหน้ากากออกตรงหน้ากระจก สิ่งที่เขาเห็นในนั้นคือตัวเขาที่หายใจถี่หนัก และมีเลือดฝาดไล้ไปตามแก้ม

    “ไอ้เด็กบ้านั่น”ส่งเสียงพึมพำในลำคอ อย่าให้รู้นะว่าเป็นใคร ไม่งั้นพ่อจะตบให้ มีอย่างที่ไหนมาทำแบบนี้กับคนไม่สนิท เป็นใครก็ต้องรู้สึกเขินกันทั้งนั้น หน้ากากอีกาดำสวมหน้ากากกลับเข้าไปตามเดิม แต่ดวงตาก็อดเหลือบมองไปยังผ้าผันแผลที่เท้าไม่ได้

    โดยที่ส่วนลึกในใจอดตั้งคำถามกับตัวเองไม่ได้ ว่าแบบนี้...เขาแพ้ตั้งแต่ยังไม่ทันได้เริ่มแข่งเลยหรือเปล่า?

    ________________________________________________________________________________________________________

    เรื่องนี้นี่แต่งมาด้วยสองฟีลลิ่งค่ะ คือ 1 อยากเห็นเฮียกาแกเขินกับการกระทำที่ทำไปโดยไม่คิดของน้องเรียน กับ 2 อยากลองเขียนทุเรียนในมุมมองอื่นดูบ้าง อาจจะยังสื่อออกมาไม่ดีเท่าไหร่ก็ต้องอภัยด้วยจริงๆค่ะ

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×