[Touken Ranbu] Ishikirimaru x Nikkari
ฟิคดาบสั้นๆจากการเมากาว(?) ดาบเทพกับดาบเกือบเทพนี่ดีต่อใจมากมายยย
ผู้เข้าชมรวม
979
ผู้เข้าชมเดือนนี้
7
ผู้เข้าชมรวม
นิคคาริเดินไปเดินมาอย่างร้อนรนบริเวณหน้าชานเรือน
ถึงแม้จะถูกความเหนื่อยล้าที่เป็นผลมาจากการออกศึกเล่นงานแต่วากิซาชิหนุ่มกลับไม่คิดจะไปพักผ่อนแต่อย่างใด
ข้างๆเขานั้นเป็นทาจิหนุ่มที่อยู่ทัพเดียวกันนาม อิจิโกะ ฮิโตฟุริที่ยังคงนั่งนิ่ง
แต่ภายในใจเองก็เต็มไปด้วยความกังวลไม่ต่างจากนิคคาริ
“กองทัพที่หนึ่งไปนานแล้วนะขอรับ”เสียงนิคคาริเต็มไปด้วยความกังวลอย่างมิอาจปิดซ่อน
“พวกเขาควรจะกลับมาแล้วสิ เหตุใดจึงช้าเพียงนี้!”
อิจิโกะนิ่งเงียบ
ตามที่เขารู้มา หลังจากที่กองทัพที่หนึ่งได้เจอกับท่านอิชิคิริมารุระหว่างทาง
นายท่านจึงสับเปลี่ยนให้อิชิคิริมารุไปอยู่ในกองทัพที่หนึ่งแทนเขา
ซึ่งถูกย้ายมาอยู่ในกองทัพที่สองร่วมกับ นิคคาริ ยะเก็น อิมะโนะสึรุกิ โฮเนะบามิและนามาซึโอะ
เหตุผลคือ “เพื่อให้ชินกับสงครามและความแข็งแกร่ง” ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้นิคคาริผู้มาอยู่ที่ฮงมารุแห่งนี้ก่อนแล้วเกิดความกระวนกระวาย
เพราะตัวของวากิซาชินั้นยังไม่ได้เจอกับโอดาจิเลยสักครั้งเดียว
“คงใกล้จะมาถึงกันแล้วล่ะครับ”
อิจิโกะพูดอย่างสงบ อันที่จริงเขาก็เป็นห่วงกองทัพที่หนึ่งไม่น้อยไปกว่านิคคาริ “กรุณารอสักครู่เถอะครับ”
นิคคารินั่งลงข้างๆอิจิโกะ
ถึงอีกฝ่ายจะทำตัวใจเย็นเพียงใดแต่นิคคาริรู้ว่าลึกๆแล้วก็คงจะกังวลอยู่ไม่น้อย
ในเมื่อคนสำคัญของอีกฝ่ายก็อยู่ในกองทัพนั้นเช่นเดียวกันกับเขา
คนสำคัญ...ที่ไม่อยากให้บาดเจ็บกลับมา
“ทุกท่านขอรับ!”เสียงตะโกนดังมาจากทันโทวตัวน้อย อิมะโนะสึรุกิวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาหาทั้งสอง
“กองทัพที่หนึ่งกลับกันมาแล้วขอรับ!”
ราวกับภูเขาถูกยกออกจากอก
ทั้งคู่รีบลุกขึ้นก่อนจะวิ่งตามเท็งงุตัวน้อยไป มีดาบหลายเล่มมารอพวกเขาอยู่ก่อนหน้านั้นแล้ว
สมาชิกของกองทัพที่หนึ่งมีอาการเหนื่อยล้า แต่ยามเมื่อสำรวจดูผ่านสายตาคร่าวๆ
ก็พบว่าไม่ได้บาดเจ็บหนักอะไร
“ทำไมถึงกลับกันมาแค่นี้ล่ะ”คะชูที่ยืนอยู่ข้างกันกับยาสุซาดะถามเมื่อเห็นว่าสมาชิกที่ควรมี
6 กลับเหลืออยู่แค่ 4 คน “คาเนะซังกับอิชิคิริมารุซังล่ะ!”
วินาทีนั้นนิคคาริรู้สึกใจหายวาบ
ลมหายใจของวากิซาชิหนุ่มติดขัด ความคิดเลวร้ายที่สุดผุดขึ้นมาในหัว ถ้าเกิดว่าพวกเขาแตกล่ะ
มือเรียวเผลอขยุ้มผ้าคลุมของตัวเอง ถ้าเกิดว่า เกิดเรื่องร้ายระหว่างทางล่ะ
ราวกับอ่านใจของนิคคาริได้ ยามัมบะกิริผู้ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าทัพในครั้งนี้จึงเอ่ยขึ้นมาขัดเบาๆ
“ไม่ต้องห่วง ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายขนาดนั้น”
“พวกเขาแค่ต้องเข้าโรงซ่อมด่วนน่ะ”กระเรียนผู้ชื่นชอบความประหลาดใจกล่าวต่อ
ก่อนจะทำเนียนเข้าไปกอดอิจิโกะ “ ข้าเหนื่อยมากเลยล่ะ~ อิจิโกะ” แต่ยังไม่ทันถึงตัวก็ถูดมีดสั้นของยะเก็นกับดาบของนามาซึโอะเข้ามาจ่อที่คอหอยอย่างรู้งาน
ทสึรุมารุจึงแกล้งพ่นลมออกมาอย่างขัดใจ
ทาจิหนุ่มหัวเราะเล็กน้อย
ก่อนจะดึงตัวน้องชายออกห่างจากทสึรุมารุ “เห็นท่านทสึรุมารุกลับมาอย่างปลอดภัยก็ดีแล้วครับ”
เขายิ้มให้เล็กน้อย ก็ยังดีกว่าบาดเจ็บกลับมาล่ะนะ
“แล้วท่านนิคคาริไปไหนแล้วล่ะครับ” อิจิโกะถามเมื่อไม่เห็นร่างของคนที่มาด้วยกันตั้งแต่แรก
“วิ่งไปโรงซ่อมตั้งแต่ข้ายังพูดไม่ทันจบแล้วล่ะ”
.
.
.
สองขาพาร่างบางวิ่งมาถึงโรงซ่อมด้วยความรวดเร็ว
นิคคาริหายใจไม่เป็นจังหวะ ที่หน้าโรงซ่อมนั้นมีซานิวะหญิงมายืนรออยู่ก่อนแล้ว เธอเดินเข้ามาหาวากิซาชิหนุ่ม
“ขอโทษนะคะ”ซานิวะเริ่มสนทนา
สีหน้าเธอไม่สู้ดีนักยามเมื่อเห็นว่ามีดาบที่ได้รับความเสียหายหนักมากหลังจากกลับมาถึงสองเล่ม
“เป็นความผิดของฉันเองที่ไม่ตรวจสอบศัตรูให้ดีก่อน ขอโทษจริงๆนะคะ!”
“นายหญิง”นิคคาริรีบเข้ามาประคอง
เมื่อคนตรงหน้ามีท่าทีจะเป็นลม “ไม่ใช่ความผิดของท่านหรอกขอรับ”
ถึงแม้จะไม่ได้ตอบอะไร
แต่สายตาที่นายหญิงส่งมาให้เขามันสื่อความได้ว่า ผิดสิคะ เป็นเพราะข้าแท้ๆ.. ซานิวะสาวจึงทำการตัดบท
“เธอคงอยากเข้าไปดูพวกเขาแล้ว
โดยเฉพาะกับคุณหมอ ยังไม่ได้เจอกันเลยนี่คะ”
นิคคาริหลบสายตา
“ถ้าเช่นนั้นก็เข้าไปเยี่ยมเถอะค่ะ
ปล่อยให้ข้าได้นั่งสำนึกผิดตรงนี้เสียเถอะ”
ใจหนึ่งก็อยากเข้าไปหา
แต่อีกใจก็ไม่อยากปล่อยให้ซานิวะนั่งโทษตัวเองอย่างที่ว่าออกมาจริงๆ
เมื่อเห็นเช่นนั้น เด็กสาวจึงหัวเราะออกมาอย่างขบขัน
“ล้อเล่นน่ะ เธอเข้าไปเยี่ยมพวกเขาเถอะ”
นิคคาริค้อมตัวให้เป็นเชิงขออนุญาต
ก่อนจะเดินเข้าไปในโรงซ่อม เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเดินเข้าไปแล้ว
ซานิวะสาวจึงทิ้งตัวลงนั่งบริเวณนั้น โดยไม่สนใจว่าชุดสีขาวที่สวมใส่อยู่จะเลอะหรือไม่
เธอคร่ำครวญออกมาเบาๆ
“ฮือออ
ขอโทษนะคาเนะซัง ขอโทษนะคะคุณหมอ”
ทรัพยากรมากมายที่ใช้สำหรับการซ่อมถูกวางกองอยู่ที่พื้น
ยิ่งมีเลเวลสูงมาก เวลาที่ใช้กับจำนวนทรัพยากรก็ยิ่งมีมากขึ้นตาม
จะยกเว้นเพียงกรณีของอิชิคิริมารุที่ต่อให้มีเลเวลน้อยก็ยังคงใช้เวลาในการซ่อมมากกว่าอิสึมิ โนะ
คามิ คาเนซาดะ
“อาโอเอะซัง!” อิชิคิริมารุเรียกเมื่อเห็นอีกฝ่ายเดินเข้ามา
โอดาจิหนุ่มนอนอย่างหมดสภาพอยู่บนเตียงซ่อม ตามร่างกายมีแผลและเสื้อผ้าบางส่วนขาดวิ่น
เป็นผลที่ได้รับมาจากการต่อสู้ทั้งสิ้น
“ท่านอิชิคิริมารุ”นิคคาริถลาเข้าไปหาคนตรงหน้าทันที
ใบหน้าหวานแสดงความห่วงใยออกมาอย่างเห็นได้ชัด มือเรียวคว้ามือแกร่งมากอบกุมไว้เป็นการปลอบประโลมตัวเอง
นิคคาริอดที่จะสะอื้นไห้ไม่ได้
อิชิคิริมารุตกใจเมื่อได้ยินเสียงสะอื้นจากคนข้างๆ
“เดี๋ยวสิ” เขาใช้มืออีกข้างที่ยังว่างอยู่ลูบไล้ไปตามโครงหน้าก่อนจะใช้นิ้วหัวแม่มือเช็ดคราบน้ำตาเบาๆ
“เจ้าจะร้องไห้ทำไมอาโอเอะซัง” ชายหนุ่มกล่าว “ได้เจอกันทั้งที
ข้าอยากเห็นเจ้ายิ้มมากกว่าร่ำไห้นะ”
นิคคาริปาดน้ำตาออก
พยายามวาดยิ้มให้อีกฝ่าย “ข้าแค่กลัวว่าท่านจะเป็นอะไรไป”เสียงที่เปล่งออกมาเบาจนแทบไม่ได้ยิน
แต่ก็ทำให้อิชิคิริมารุยิ้มออกมาจางๆได้
“โอ่ยๆ”
คาเนซาดะส่งเสียงร้องขึ้นมาแทรก ชายหนุ่มนอนอยู่บนเตียงซ่อมข้างๆ “ข้าเองก็เจ็บหนักพอๆกับอิชิคิริมารุ
ทำไมไม่เห็นมีใครมาสนใจข้าบ้างเลย”คาเนะซังตัดพ้อด้วยความน้อยใจ เขาชูนิ้วขึ้นมา 2 นิ้ว “ 2 ครั้งแล้วนะที่ข้าต้องเข้าโรงซ่อมน่ะ! ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ข้าก็เข้าโรงซ่อมมา 2 ครั้งเชียวนะ!”
“ก็ไม่ใช่ความผิดของข้าหรืออาโอเอะ
ที่ไม่มีใครมาเยี่ยมท่านนี่”อิชิคิริมารุตอบกลับยิ้มๆ “อีกอย่าง
ข้าเองก็เข้าโรงซ่อมวันเดียวกับที่มาที่นี่เช่นกัน ข้าว่าข้าน่าสงสารกว่าท่านนะ”
“เหอะ!”คาเนะซังส่งเสียงขึ้นจมูก ก่อนจะพลิกตัวหันหลังไม่สนใจคู่รัก(?)ข้าวใหม่ปลามัน
“ฮะฮะฮะ”
คุณหมอหัวเราะออกมาเบาๆ โอดาจิหนุ่มใช้มือลูบหัวนิคคาริอย่างอ่อนโยน
ดวงตาคมหรี่ลงเล็กน้อย “ทั้งๆที่ข้าเป็นหมอแท้ๆ แต่ในเวลานี้กลับรักษาตัวเองไม่ได้
ช่างน่าสมเพชเสียจริง”
“ใช่
ท่านน่ะมันงี่เง่าที่สุด”วากิซาชิหนุ่มว่า “ ท่านควรจะรู้กำลังของตนเองนะ”
“ข้ารู้ๆ”ดาบศักดิ์สิทธิ์กล่าว
“คราวหน้าข้าจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก ข้าสัญญา”
“ข้าจะไปขอนายหญิงให้ข้าได้อยู่ทัพเดียวกับท่าน”นิคคาริกล่าวอย่างมาดมั่น
“อย่างน้อยๆถ้าท่านอืดอาด ข้าจะได้ช่วยท่านทัน”
“อิชิคิริมารุน่ะช้าที่สุดในกองทัพ”เสียงของคาเนะซังดังแทรกขึ้น
“เขาถึงหลบการโจมตีไม่ทันไงล่ะ”
โอดาจิหนุ่มปรายตามองอีกฝ่าย
“ข้าคิดว่าเจ้าควรไปพักผ่อนนะอาโอเอะซัง”อิชิคิริมารุกล่าว
ชุดที่นิคคาริใส่อยู่ยังคงเป็นชุดที่เอาไว้สำหรับออกรบ
แสดงว่าเจ้าตัวไม่ได้พักผ่อนเลยตั้งแต่กลับมา “ข้าไม่เป็นไรแล้วล่ะ”
“แค่เจ้ามาหาข้า
ข้าก็รู้สึกดีขึ้นมากโขเลย”
นิคคาริมองอีกฝ่ายที่ยังคงส่งยิ้มมาให้
เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วชายหนุ่มจึงถอนหายใจออกมา “ข้าแค่อยากให้ท่านรู้ว่าข้าเป็นห่วงท่าน”วากิซาชิก้มลงจูบที่จมูกของอิชิคิริมารุเบาๆ
ก่อนจะถูกคนเจ็บดึงลงมาประกบริมฝีปากเข้าไปแทน นิคคาริไม่กล้าแม้แต่จะขยับหนี
เพราะเกรงว่าจะไปกระทบกระเทือนแผลของอีกฝ่ายเข้า จึงทำได้เพียงแต่ปล่อยให้อิชิคิริมารุตักตวงความหวานจากตัวเขาไปอยู่ฝ่ายเดียว
ไหนว่าอยู่แต่ในศาลเจ้าไง!
“ในเมื่อท่านไม่เป็นไรแล้ว
ขะ ข้าไปล่ะ”นิคคาริรีบวิ่งออกมาจากโรงซ่อมทันทีที่ถูกปล่อยให้เป็นอิสระ
อิชิคิริมารุได้แต่มองท่าทางตื่นๆเช่นนั้นด้วยความขบขัน
“ท่านก็ไม่น่าแกล้งเขาแบบนั้นนะ”คาเนะซังว่า
“ฮะฮะ
ข้าอดไม่ได้น่ะ”
“แล้วเรื่องกองทัพที่เขาพูดมาล่ะ”คาเนะซังถาม
“ท่านจะยอมรึไม่”
รอยยิ้มบนใบหน้าจางหายไปทันที
อิชิคิริมารุกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “แน่นอนว่าไม่”
เพราะข้าไม่อาจรับปากได้ว่าเจ้าจะปลอดภัย
เพราะว่าข้าไม่อยากให้เจ้าเห็น
หากข้าต้องแตกสลาย
เพราะว่าเจ้าคือนิคคาริ
อาโอเอะ คนที่ข้ารักมากที่สุด
____________________________________________________________________________________________________
แต่งแบบเมาๆ ก็จบแบบเมาๆเช่นนี้แล5555 เรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งจากเหตุการณ์จริง คือเราดรอปนิกกี้ได้ก่อน แล้วดรอปหมอได้อีกวัน ปรากฎว่าพอเอาหมอไปใส่ในทัพ เดินไปกินขนมแปบเดียว ก็ตีมอนเสร็จแล้วเลยไม่ทันดูว่าทหารหมด! ก็เลยติดตัวแดงกันทั้งคู่ แต่ตอนนี้คาเนะซังเข้าโรงซ่อมรอบที่ 3 แล้วนะ อันที่จริงดาบเราทุกเล่มก็เคยเยือนโรงซ่อมกันหมดนะ555 อยู่กับเราบอกเลยว่าต้อง สตรอง!
#ตอนนั้นที่หมอเข้าโรงซ่อมยังดรอปโฮริคาว่าไม่ได้ เพราะงั้นอย่าน้อยใจไปเลยนะคาเนะซังถถถถถ
#อยากให้น้องผ้าห่มมีบทเยอะกว่านี้จัง//ยกชาซด
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ผลงานอื่นๆ ของ เด็กหญิงจานบิน ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ เด็กหญิงจานบิน
ความคิดเห็น