[ LOTM ] Seal Artifact : Artificial Human Edition - นิยาย [ LOTM ] Seal Artifact : Artificial Human Edition : Dek-D.com - Writer
×

    [ LOTM ] Seal Artifact : Artificial Human Edition

    โดย Astromagis

    เรื่องราวเริ่มมาจากวิหารฤดูเก็บเกี่ยวต้องการสร้างสมบัติปิดผนึกขึ้นมาโดยให้ผลงานมนุษย์ประดิษฐ์ที่ล้มเหลวซึมซับตะกอนพลังดรูอิด แต่มันดันทำให้ตัวผลงานชิ้นนั้นมีชีวิตจริงๆขึ้นมาแทนซะงั้น "ไม่ได้เห็นอะไรแบบนี้ตั้งแต่ยุคสมัยแฟรงค์ ลีแล้วนะเนี่ย"

    ผู้เข้าชมรวม

    510

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    354

    ผู้เข้าชมรวม


    510

    ความคิดเห็น


    22

    คนติดตาม


    58
    จำนวนตอน :  4 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  8 ก.ย. 67 / 01:10 น.

    อีบุ๊กจากนิยาย ดูรายการอีบุ๊กทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

     

    ในวิหารฤดูเก็บเกี่ยว ณ ราชอาณาจักรเฟย์นาพ็อตเตอร์

     

    ลูอี้ สโนว์เป็นเพียงเด็กกำพร้าธรรมดาคนนึงที่ได้รับอุปถัมภ์โดยวิหารฤดูเก็บเกี่ยว ไม่กี่เดือนมานี้ เธอเพิ่งจะอายุครบ 18 ปีบริบูรณ์ ส่งผลให้เธอต้องเลือกระหว่างออกจากโบสถ์ไปใช้ชีวิตของตัวเองหรือจะผันตัวมาเป็นนักบวชของพระแม่ แน่นอนว่าเธอเลือกอย่างหลังอยู่แล้ว มันเป็นเกียร์ติของเธอที่จะได้อยู่ข้างกายพระแม่ธรณี

    หลังจากนั้นไม่นาน บิชอปมาน่อนก็ได้แนะนำเรื่องเกี่ยวกับโลกผู้วิเศษให้เธอได้รู้จัก ลูอี้ค้นพบว่าวิหารฤดูเก็บเกี่ยวนั้นให้ความสำคัญกับค้นคว้าและการทดลองมากกว่าที่ตัวเองคิดไว้ อาจจะเป็นเพราะว่าเส้นทางนักเพาะปลูกนั้นมีการค้นคว้าเป็นตัวแปรสำคัญอยู่แล้วด้วยส่วนนึง เลยทำให้กิจกรรมส่วนใหญ่ของผู้วิเศษในวิหารพระแม่นั้นเป็นการวิจัย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการผสมสิ่งมีชีวิตข้ามสายพันธุ์ หรือสังเกตุการกลายพันธุ์ก็ตาม 

    ในความคิดของลูอี้ วิหารฤดูเก็บเกี่ยวที่เธอเติบโตมานั้นเหมือนกับมหาวิทยาลัยมากกว่าสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อีก เพราะตอนที่เธอยังเด็ก วิหารก็สอนเรื่องการเพาะปลูกเป็นวิชาหลักอยู่แล้ว พอโตมาเป็นนักบวชก็ต้องทำงานวิจัยส่งอาวุโสใหญ่อีก นอกจากนั้น พอเธอพูดเรื่องนี้ให้อาจารย์ของเธอ อาวุโสอเล็กซ์ฟัง เขาก็เริ่มเรียกทีมวิจัยของวิหารและนักบวชทุกคนว่านักศึกษาด้วยซ้ำไป

    วันนี้เธอได้รับหน้าที่ในการส่งต่อตะกอนพลังของหนึ่งในสมาชิกโบสถ์ที่เพิ่งที่เสียชีวิตไปให้ทีมงานวิจัย แอบได้ยินมาว่าพวกเขาจะสร้างสมบัติปิดผนึกจากมัน โดยลูอี้เองก็ได้รับอนุญาตให้ดูการทดลองด้วย

    “ลูอี้! นักเรียนคนโปรดของฉัน มาๆ ส่งตะกอนพลังแล้วไปยืนรอตรงนั้นได้เลย อย่าลืมจดบันทึกขั้นตอนด้วยล่ะ” อาวุโสใหญ่อเล็กซ์กล่างพลางยืนมือมารับกล่องบรรจุ

    ลูอี้เดินไปยืนประจำจุดเฝ้ามอง ข้างๆมีนักบวชและนักวิจัยอีกมากมาย ข้างหน้าของเธอมีประจกคอยกันสิ่งที่อยู่ภายในไว้เผื่อเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้นระหว่าการทดลอง ในห้องกระจกมีร่างของ ‘หญิงสาว’ ผู้นึงนอนอยู่ เธอมีผมสีน้ำตาลมะฮอกกานี ร่างกายสมส่วน  ใบหน้างดงามเหมือนดั่งถูกสลักขึ้น แต่ถ้าหากมองดีๆแล้วก็จะสังเกตเห็นข้อต่อตุ๊กตาอยู่ตรงข้อมือของหญิงสาวผู้นั้น ใช่แล้ว ร่างที่นอนอยู่นั้นหาใช่มนุษย์ แต่เป็นเพียงหุ่นตุ๊กตาที่ล้มเหลวในการเป็นมนุษย์ประดิษฐ์ หนึ่งในผลงานที่ล้มเหลวของวิหาร

    ลูอี้ยืนมองอาวุโสอเล็กซ์นำตะกอนพลัง ‘ดรูอิด’ เข้าไปใส่ในแกนกลางของตัวหุ่น นี้เป็นหนึ่งในกรรมวิธีของวิหารที่มีไว้เพื่อใช้สร้างสมบัติปิดผนึกลำดับ 2

    ทุกคนค่อนข้างตื่นเต้นกับเรื่องนี้ เพราะกรรมวิธีสร้างสมบัติปิดผนึกนั้นไม่ได้มีให้เห็นบ่อยๆ เป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้วเพราะตะกอนพลังที่จะเอามาใช้สร้างสมบัติปิดผนึกนั้นไม่ได้หาง่ายๆ อีกทั้งยังมีความเสี่ยงในการสร้างสูงอีก โอกาสล้มเหลวก็มีเยอะ อย่างน้อยก็สามารถกล่าวได้ว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะมีโอกาสได้เห็นมันก่อนตาย

    แต่ทันใดที่หุ่นตุ๊กตาได้ผสานกับตะกอนพลัง แสงสว่างจ้าก็เกิดระเบิดออกมาจากตัวหุ่น!

    “ระเบิดงั้นเหรอ?!!”

    “การทดลองล้มเหลว?!!”

    ในตอนที่ลูอี้และเหล่านักวิจัยคนอื่นๆกำลังแตกตื่นนั้นเอง เสียงทุ้มของอเล็กซ์ก็ได้ดังขึ้น “ใจเย็นๆนักศึกษา แสงสว่างระเบิดออกตอนที่สร้างสมบัติปิดผนึกเป็นเรื่องธรรมดา โปรดอยู่ในความสงบด้วยเถ-”

    “หุ่น!!! หุ่นมันขยับ!!??” เสียงตะโกนดังขึ้นขัดประโยคที่ยังไม่ทันได้จบของอาวุโสใหญ่ นอกจากนั้นยังทำให้ทุกคนในห้องวิจัยแห่งนี้หันไปมองหุ่นข้างหน้าเป็นตาเดียวกัน

    ร่างของหุ่นตุ๊กตาไม่เพียงจะขยับ แต่ยังลุกขึ้นมาขยี้ตาของตัวมันเองอีกด้วย!!!

    “มันมีชีวิต!!! เป็นไปได้ยังไงกัน ตะกอนพลังดรูอิดไม่น่าทรงพลังพอที่จะเปลียนหุ่นให้เป็นมนุษย์จริงๆได้นี่น่า?!!!”

    “เดี๋ยวสิ แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าหุ่นมันกลายเป็นมนุษย์จริงๆหรือเป็นเพียงแค่สมบัติปิดผนึกมีชีวิตน่ะ?!!”

     

     

    ปวดหูจัง…

    ก่อนหน้านี้ไม่เห็นรู้สึกแบบนี้เลยนี่น่า…

    เดี๋ยวนะ? รู้สึกงั้นเหรอ?? นี้เรามีความรู้สึกตั้งแต่เมื่อไหร่กัน…

    ภาพเบลอไปหมดเลยแฮะ ข้างหน้านั้นมีอะไรกันน่ะ

    “คุณ… ฉัน อ่า… นี้ฉันพูดได้??” มันตกใจก่อนที่จะหันไปมองผู้ชายรูปร่างใหญ่ข้างๆ

    “แปลกมากเลย ผมไม่ได้เห็นอะไรแบบนี้ตั้งแต่ที่เราไล่แฟรงค์ ลีออกจากวิหารแล้วนะเนี่ย!!” อาวุโสอเล็กซ์กล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

    “แฟรงค์ ลีงั้นเหรอ อ่า… นักเรียนคนแรกของคุณที่ถูกกล่าวหาว่านอกรีตสินะ” บิชอปมาน่อนเสริม

    “กล่าวหาอะไรกัน! เด็กนั้นเขาถูกไล่ออกไปจากวิหารเพราะพยายามที่จะผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่างกระทิ่ง วัว และข้าวสาลีตั้งหาก!! อาวุโสอเล็กซ์ ทำไมคุณถึงได้ชื่นชอบเด็กนั้นขนาดนั้นกันนะ” คราวนี้เป็นอาวุโสมิชาที่แย้งขึ้น

    “ก็ความคิดนอกกรอบสุดสร้างสรรค์และความไม่เกรงกลัวที่จะแสดงออกของเขาเนี่ยแหละที่ผมชื่นชอบ อีกอย่าง ไม่ใช่ว่าคุณก็ชื่นชอบแฟรงค์รึไง อาวุโสมิชา?” อเล็กซ์หันหน้าไปตอบมิชา เขาไม่ลืมที่จะถามแทงใจอีกฝ่ายด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ก่อนที่จะหันกลับมามองอดีตหุ่นตุ๊กตาด้านหน้า “สาวน้อย เธอมีความรู้สึกใช่มั้ย?”

    “ความรู้สึก?… ฉันปวดหู นั้นเป็นความรู้สึกรึเปล่า?”

    “เป็น เธอมีเลือดมั้ย?” คราวนี้เป็นมิชาที่เป็นฝ่ายถาม

    “ไม่รู้ค่ะ…”

    “เธอเข้าใจภาษาของเรา มีความรู้สึกและมีความรู้ คล้ายกับมนุษย์ประดิษฐ์ที่สมบูรณ์ตั้งแต่รังสรรค์เลย” มาน่อนกล่าวเสริม “อ่า… แต่ก็ยังเหลือเรื่องอวัยวะเพศอยู่ด้วยสินะ บางทีเธออาจจะไม่มีมันก็ได้”

    “ฉันคิดว่าตัวเองมีนะคะ อย่างน้อยก็รู้สึกได้” มันหันไปตอบผู้หญิงข้างหน้า ก่อนที่จะกวาดตามองเหล่าบุคคลในชุดนักบุญทั้งสาม “ฉัน… เป็นใครงั้นเหรอคะ…?”

    อเล็กซ์ มาน่อน และมิชาหันหน้ามามองกันและกันสักพักก่อน หุ่นตุ๊กตาที่มีชีวิตจิตใจเพราะซึมซับตะกอนพลัง เรื่องนี้เรื่องเดียวก็มากพอที่จะทำให้พวกเขาทั้งสามซวยแล้วหากอาร์ชบิชอปในวิหารรู้ แต่อาจจะเป็นเพราะพวกเขาชื่นชอบและสนับสนุนคน ‘นอกรีต’ บางคนด้วยละมั้ง อีกทั้ง 2 ใน 3 ก็ยังเคยสอนชายผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นนักวิจัยเสียสติคนนั้นอีกด้วย

    “ถ้าไม่เก็บไว้แฟรงค์คงผิดหวังในตัวอาจารย์คนนี้แน่ๆ สาวๆ พวกคุณละว่าไง?” อเล็กซ์หัวเราะด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

    “แฟรงค์เป็นรุ่นน้องของฉันนะคะ คุณก็รู้ว่าฉันน่ะชอบเล่นแต่งตัวตุ๊กตาเป็นพิเศษ” บิชอปมาน่อนยังคงรักษาบทบาทซัพพอร์ตได้อย่างคงที่ คราวนี้ทั้งสองคนก็ได้หันหน้าไปหาบุคคลสุดท้ายที่ยังไม่ได้ออกความเห็น

    “……เห้อ” มิชาถอนหายใจ ความจริงคือทั้งเธอและอเล็กซ์นั้น เกือบได้มีโอกาสเป็นหนึ่งในอาร์ชบิชอปของวิหารพระแม่ธรณีแล้ว แต่เพราะว่าเรื่องงานวิจัยของแฟรงค์นั้นดันแดงขึ้นมาเสียก่อน เธอและเขาจึงไม่ได้รับโอกาสเลื่อนลำดับต่อและคงต้องติดอยู่ที่ตำแหน่งอาวุโสใหญ่ตลอดไป

    ตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอพยายามที่จะหนีมัน หรือไม่ก็โทษที่ศิษย์ของเธอที่ไม่รู้จักจำกัดจินตนาการที่แสนจะสุดโต่งของเขา แต่ที่จริงแล้ว มันก็คือตัวเธอเองที่ชื่นชมจินตนาการของแฟรงค์ เป็นเธอเองที่ไม่ต้องการจะจำกัดจินตนาการของเขา ความจริงคือ เธอไม่ต้องการที่จะตัดปีกเด็กคนนั้น เพราะเธอรู้ดีว่าเขาจะไปได้ไกลมากกว่าผู้วิเศษเส้นทางนักเพาะปลูกคนไหน แม้ว่าวิธีที่เขาใช้มันสุดจะแสนพิสดารแค่ไหนก็ตาม มิชาเองไม่เคยคิดสงสัยว่าแฟรงค์จะได้รับอิทธิพลจากเทพมารเหมือนที่อาร์ชบิชอปมาร์ติน่ากล่าวเลยสักนิด

    “สุดท้ายก็หนีอดีตไม่พ้นสินะ…” รอยยิ้มเล็กๆผุดขึ้นมาบนใบหน้าของหญิงครึ่งเทพโดยไม่ได้ตั้งใจ เมื่ออเล็กซ์และมาน่อนเห็น พวกเขาก็เผลอยิ้มตามคนข้างๆเช่นกัน

     

     

    “ต่อไปนี้ เธอจะมีชื่อว่า วิวาเซีย”

     

     

     

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น