ยันต์นาคราช - นิยาย ยันต์นาคราช : Dek-D.com - Writer
×
NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายเนื้อหาที่เกี่ยวกับความรุนแรงสูง
  • มีเนื้อหาที่เครียดหรือหดหู่มาก ซึ่งอาจกระทบต่อภาวะทางจิตใจ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด

    ยันต์นาคราช

    ความเชื่อ ความรัก ความแค้น เพื่อตามหาความจริง

    ผู้เข้าชมรวม

    113

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    113

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักอื่น ๆ
    จำนวนตอน :  2 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  23 ก.พ. 66 / 23:13 น.
    คำเตือนเนื้อหา NC

    มีการบรรยายเนื้อหาที่เกี่ยวกับความรุนแรงสูง, มีเนื้อหาที่เครียดหรือหดหู่มาก ซึ่งอาจกระทบต่อภาวะทางจิตใจ

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    ยันต์นาคราช 

    ตอนที่ 1

              แม่น้ำโขง  ยามค่ำคืนพระจันทร์เต็มดวงเดือนสิบสอง สาดแสงนวลเหลืองอร่ามกระทบกับผิวน้ำส่องประกายระยิบระยับราวกับเกร็ดดาวบนสายน้ำที่กำลังไหลเชี่ยวผ่านแทรกโขดหินเกาะแก่ง สายน้ำแตกกระเซ็นเสียงดังครืนๆไม่ขาดสาย

             ณ บริเวณชายแดนฝั่งไทย ยามดึกเงียบสงัดปรากฏร่างเงาตะคุ่มของกลุ่มคนจำนวนสามคนเคลื่อนไหวอยู่ในชายป่ากำลังย่ำฝีเท้าเดินตรงไปยังริมแม่น้ำโขง ทั้งหมดได้หยุดฝีเท้ายืนนิ่งร่างที่กระทบแสงจันทร์ทำให้มองเห็นว่าเป็นกลุ่มชายวัยฉกรรจ์สวมใส่นุ่งผ้าเตียวร่างกายท่อนบนเปลือยทุกคน มองเห็นกล้ามเนื้อแผงอกกำยำแข็งแรง แล้วทั้งสามกำลังจะสืบเท้าก้าวเดินตรงลงไปยังพื้นน้ำของกระแสน้ำไหลแม่น้ำโขง พลันใดนั้นเอง พวกเขาก็ต้องหยุดชงัก ร่างของพวกเขาทั้งสามยืนนิ่ง เพราะว่าโสตประสาทหูได้ยินเสียงเด็กทารกแรกเกิดร้อง ลอยล่องแผ่วตามกระแสลมมาสู่โสตประสาทหูแทบไม่เชื่อเลยว่าหากเป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดาคนทั่วไปจะไม่สามารถได้ยินเสียงร้องของเด็กทารกแรกเกิดได้ แต่ทว่าพวกเขาทั้งสามได้ยินเสียงนั้น

            “ท้าวพญานาคราชถือกำเนิดกลับชาติภพมาแล้ว”หนึ่งในสามร่างนั้นท่าทางเขาเป็นหัวหน้ากล่าวขึ้นด้วยสีหน้าถมึงทึงแล้วเขาหันหลังกลับมามองไปยังต้นเสียงนั้นซึ่งดังมาจากหมู่บ้านที่อยู่ห่างไกลลึกเข้าไปในป่า

               “ข้าว่า พวกเรารีบไปกันเถอะขอรับ” ชายที่ยืนขนาบข้างขวาของชายผู้เป็นหัวหน้า ย้ำคำพูดย่างหนักแน่น

             ในที่สุดทั้งสามก็หันขวับกลับหลังสู่เบื้องหน้ากระแสน้ำไหลของแม่น้ำโขงย่างก้าวเดินลงสู่พื้นน้ำ แทบไม่เชื่อสายตาพลันใดร่างของพวกเขาทั้งสามก็กลายเป็นลักษณะคล้ายๆงูใหญ่แหวกว่ายกลืนหายไปกับสายน้ำท่ามกลางคืนพระจันทร์ขึ้นสิบห้าค่ำเดือนสิบสอง เหตุการณ์เรื่องราวนี้เกิดขึ้นในปีพุทธศักราช 2511 

              ช่วงเวลาเดียวกัน ณ หมู่บ้านปากโขง ซึ่งเป็นหมู่บ้านชนบทแห่งหนึ่งที่มีช่องเขาติดฝั่งแม่น้ำโขง ด้วยเหตุที่มีชื่อว่าปากโขงนั้น คนเฒ่าคนแก่ในหมู่บ้านเล่าต่อๆกันมาว่า เพราะหมู่บ้านนี้มีช่องถ้ำลอดที่เชื่อมทะลุกับแม่น้ำโขง ลำธารห้วยน้ำสายต่างๆจะไหลมารวมกันที่นี้ก่อนที่จะไหลลงสู่แม่น้ำโขง หมู่บ้านพื้นที่บริเวณนี้ตั้งมานานสักกี่ปีไม่มีผู้ใดทราบ สภาพของความเจริญกล่าวได้ว่าหมู่บ้านไกลปืนเที่ยง ถนนหนทางยังเป็นลูกรังเส้นทางยากลำบากเวลาสัญจรไปมาการเดินทางคมนาคมยังไม่มีรถยนต์ รวมถึงระบบไฟฟ้าก็ยังไม่มีใช้ทุกครัวเรือน แสงไฟจากตะเกียงส่องวับๆสาดแสงให้ความสว่างภายในบ้านหลังหนึ่งที่ตั้งอยู่เพียงหลังเดียวห่างไกลจากครอบครัวอื่นภาพของหญิงสาววัยยี่สิบนอนหงายตั้งชันเข่าบนแคร่ไม้เก่าๆ หล่อนกำลังเบ่งคลอดสุดกำลังเพื่อให้ทารกน้อยเคลื่อนกายออกมาลืมตาดูโลกใบนี้ ด้วยอาการทุลักทุเลคราบเลือดเปื้อนเปรอะผ้าถุงไหลนองลงพื้นดินของบ้าน ขณะที่ชายหนุ่มวัยราวเดียวกันกำลังใช้มีดคมกริบตัดสายสะดือเด็ก เสียงของทารกน้อยร้องเสียงดังก้องกังวาน ความปิติฉาบฉายบนใบหน้าของชายหนุ่มที่ชื่อนาค ด้วยความรู้สึกของความเป็นพ่อ  เขาปลื้มปิติปนคราบน้ำตาแห่งความดีใจ

             “ลำยอง เราได้ลูกชาย”เขาบอกกับเมียสาว แล้วมือก็พลางหยิบผ้ามาห่อหุ้มพันร่างของทารกน้อยนั้นไว้ในวงแขนอ้อมกอดของตัวเอง นาคสังเกตเห็นว่าบริเวณแผ่นหลังของลูกผิวหนังส่วนนั้นเรียบมีลักษณะคล้ายปานสีเขียวมรกตเมื่อต้องแสงไฟ เขาไม่ได้ใส่ใจมากนัก เพราะว่านาคคิดว่าเป็นคราบรอยเลือดหรือน้ำเมือกจากการคลอดยังเช็ดไม่ออก แล้วก็ยื่นส่งลูกให้กับผู้เป็นแม่ได้สัมผัส หล่อนขยับร่างกายนั่งท่าสบาย แล้วกอดลูกแนบกับอกทารกน้อยนอนหลับตานิ่งเงียบไม่ส่งเสียงร้อง เพราะว่าสัมผัสอุ่นกายของแม่เด็กน้อยรู้สึกปลอดภัย แล้วผู้เป็นพ่อก็ขยับมานั่งใกล้โอบกอดทั้งเมียและลูกท่ามกลางความสุขที่สุดในชีวิตของนาคกับลำยองผัวเมียคู่นี้แห่งหมู่บ้านปากโขง

             เวลาผ่านไปตลอดยามรัตติกาล  นาคสะดุ้งตื่นจากภวังค์ที่เขาเผลอหลับใหลไปเมื่อใดไม่รู้สึกตัว แสงไฟจากตะเกียงยังส่องแสงสลัวๆเขามองเห็นเมียกอดทารกน้อยอยู่ในอ้อมแขนของหล่อนทั้งคู่ยังนอนหลับสนิทอยู่บนแคร่ข้างๆนั้นมีเตาไฟฟืนที่ก่อแบบวางหินสามเส้าความร้อนจากฟืนที่ยังลุกไหม้ให้ความอบอุ่นภายในบ้าน ชายหนุ่มรู้สึกว่าคืนนี้มันเงียบผิดปกติ แม้เวลาดึกดื่นแต่แมลงกลางคืนจิ้งหรีดเรไรยังไม่ส่งเสียงร้อง หากยังมีสายลมหนาวภายนอกแผ่ซ่านความเย็นเข้ามาถึงภายในบ้าน นาคสัมผัสกายขนลุกซู่ แต่ยังดีเมียกับลูกของเขาได้รับความอุ่นจากเตาไฟที่ลุกโชนอยู่ข้างแคร่ นาครอให้    ฟ้าสว่างตอนเช้าแล้ว เขาก็จะเข้าไปในหมู่บ้านตามหมอตำแยมาช่วยดูอาการของลำยองอีกครั้ง

           ปัง ๆ ๆ  ๆ เกิดมีเสียงปืนดังขึ้น มาแต่ระยะไกล นาคคาดคะเนว่าเสียงปืนนั้นดังมาจากด้านช่องถ้ำลอดติดฝั่งแม่น้ำโขง ลำยองขยับกายเพียงเล็กน้อย หล่อนสะลึมสะลือตื่นขึ้นด้วยความเหนื่อยอ่อนเพลียจากการคลอดลูก เอ่ยถามขึ้นด้วยเสียงแหบแห้ง

             “อ้ายนาคเสียงปืนนั้น มีอะไรหรือ”

          “พวกล่าสัตว์ เอ็งนอนพักเถอะไม่มีอะไรหรอก” เขาตอบ ด้วยน้ำเสียงแม้ตัวเองก็ยังไม่มั่นใจ ลำยองขยับกายเล็กน้อยหล่อนโอบกอดทารกน้อยไว้คงนอนหลับต่อไป นาครู้ดีว่าบริเวณแถบนี้ไม่เคยมีเสียงปืนจากการล่าสัตว์แม้สักครั้งเดียว เขามีสีหน้ารู้สึกกังวล ครุ่นคิดรับรู้ว่าจะมีลางสังหรณ์ไม่ดีเกิดขึ้น

     

     

     

     

     

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น