ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic] Amaryllis : : Doubleb , ikon

    ลำดับตอนที่ #9 : ตอนที่ ๙

    • อัปเดตล่าสุด 8 ต.ค. 58




    เวอร์ชั่นไม่คัทดูตรงไบโอทวิตเตอร์นะคะ





    ผิวขาวนวลจากเจ้าของกายโปร่งบางยังคงถูกกักกอดไว้แนบร่างจีวอนจนถึงเช้า ซอกคอขาวอันเป็นตำแหน่งที่ใบหน้าร่างสูงซุกเอาไว้แทบตลอดทั้งคืน มีรอยจ้ำแดงปรากฎชัดกว่าส่วนอื่นของร่างกาย

    มือหนาแตะลงมาตรงสะโพกอิ่มซึ่งเปลือยเปล่าภายใต้ผ้าห่ม เขารู้ว่าฮันบินตื่นแล้ว หรือจะพูดให้ถูกเมื่อคืนเด็กหนุ่มแทบไม่นอนเลยด้วยซ้ำ หลายครั้งเมื่อเขาขยับตัวตื่นขึ้นมา จากจังหวะการหายใจเขารู้ว่าเด็กหนุ่มยังไม่หลับ

     มือที่จับสะโพกอิ่มอยู่เลื่อนลงมาแตะที่หน้าท้อง ฮันบินตัวผอมซะยิ่งกว่าที่เขาเห็นจากภายนอก ปลายนิ้วยาวเลื่อนไล้ต่ำลงมา . . . และนั่นมันจึงทำให้เด็กหนุ่มยอมขยับตัว คว้ามือคนโตกว่าให้หยุดการกระทำ

    ตื่นอยู่ทำไมต้องแกล้งหลับ

    ถามเสียงเบาหยอกเด็กหนุ่ม กดจูบลงไปบนไหล่นุ่มนั้นอีกครั้งหนึ่งอย่างที่ทำมาตลอดหลายครั้งในค่ำคืนที่ผ่านมา

     มือใหญ่กว่าลูบไล้แผ่วเบาไปตามนิ้วมือที่จับรั้งตนไว้อยู่ คิดถึงเรื่องเมื่อคืนก็ทำให้มุมปากร่างสูงยกขึ้นมาอย่างพึงพอใจ ร่างที่อยากครอบครองตั้งแต่แรกเจอจนเก็บมาจินตนาการอยู่หลายครั้งคราเมื่อได้มาสัมผัสมันกลับดียิ่งกว่าอย่างเทียบกันไม่ได้

    นอกจากมือซึ่งรั้งมือจีวอนเอาไว้ไม่ให้ทำการล่วงเกินตนมากไปกว่านี้ ฮันบินก็ไม่ได้ทำการตอบรับอะไรอีกฝ่ายอีก

    ทั้งในหัวและร่างกายเด็กหนุ่มมันปวดจนแทบแตกสลาย ความเครียดปวดร้าวของร่างกายผิวเนื้อซึ่งถูกล่วงเกิน มันทำให้ทั้งในความคิดและหัวใจของฮันบินปวดไปพร้อมกับความรู้สึกขยะแขยง เรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้น พร้อมกับอ้อมกอดของคนที่เจตนาทำให้เกิดเรื่องเช่นนี้

    มือหนาจับพลิกร่างเด็กหนุ่มให้นอนหันมาทางตน จ้องมองใบหน้าขาวซึ่งมีดวงตาเฉยชา ลูบไปตามหน้าซึ่งมีคราบน้ำตาซึ่งแห้งกรังเปรอะเปื้อนก่อนจะจูบลงไปบนปลายจมูกเด็กหนุ่ม

    อาบน้ำเถอะ เนื้อตัวมอมนัก จีวอนบอกแล้วจัดการจับเด็กหนุ่มซึ่งยื้อตัวด้วยแรงปลกเปลี้ยขึ้นอุ้ม แล้วพาร่างเปลือยเปล่าของทั้งคู่แช่ลงในอ่างน้ำ

     

    กลิ่นหวานของกลีบดอกไม้ซึ่งลอยแช่อยู่ในอ่างน้ำไม่ได้ทำให้ฮันบินรู้สึกผ่อนคลายเลยสักนิด ในหัวเด็กหนุ่มยังคงอยู่กับเรื่องเดิมๆกับสิ่งที่สูญเสียไป น่าเศร้าที่ต้องคอยตอกย้ำเตือนตัวเองว่าทุกเรื่องที่เกิดนั้นเป็นเรื่องจริง อ้อมกอดอันน่ารังเกียจครอบครองร่างผอมมาจากด้านหลัง

     มือหนาลูบไล้ผิวพรรณเด็กหนุ่มคล้ายช่วยชำระเนื้อตัวให้ ผมดำสนิทที่เปียกน้ำนั้นลีบลงจีวอนปัดมันออกไปอีกทางแล้วกดจูบลงไปบนไหล่ซ้ายสูดดมกลิ่นอ่อนจากผิวเนื้อซึ่งเจือกลิ่นกุหลาบที่ลอยอยู่อย่างพึงพอใจ

     แขนแกร่งจับเอวบางให้ขยับตัวขึ้น เด็กหนุ่มซึ่งเหม่อลอยอยู่ในความคิดตัวเองไม่ได้ขัดขืนมากนัก มือหนาละเลื่อนมาแตะสะโพกอ้อยอิ่งอยู่อย่างนั้น

    กินข้าวบ้าง ท่านผอมไปแล้วบอกออกไปพร้อมลูบเอวบางขณะที่มืออีกข้างยังทำหน้าที่มันอยู่

    ทำอย่างนี้ไม่ใช่ว่าตัวจีวอนจะไม่รู้สึก ร่างกายเบื้องล่างชายหนุ่มเองก็ปวดหนึบ แต่ก็เพียงข่มอารมณ์จูบลงไปบนกลุ่มผมเปียกของฮันบินเท่านั้น

    ไม่อยากลงไป เดี๋ยวข้าจะให้เด็กรับใช้เอาอาหารขึ้นมาให้

    ตั้งแต่เมื่อวานไม่มีอะไรตกถึงท้องเด็กหนุ่มสักอย่างร่างกายถึงไร้เรี่ยวแรงขนาดนี้

    เด็กหนุ่มในอ้อมแขนจีวอนไม่ตอบเนื้อตัวที่เขาสัมผัสอยู่นั้นกำลังสั่น เขารู้ว่าน้ำตาฮันบินไหลออกมาอย่างนิ่งเงียบโดยที่เด็กหนุ่มไม่ส่งเสียง

    นิ้วเรียวยาวที่สัมผัสเบื้องล่างเด็กหนุ่มจึงละออกไปพร้อมจับใบหน้าฮันบินเข้าหาตัว แหงนเงยขึ้นมาสบตาตน

    ข้าพูดความจริง อยู่กับข้า . . . . .ตลอดไป

     จีวอนกดจูบลงไปบนปากอิ่ม เน้นย้ำลงไปบนปากนุ่มระบายความรู้สึกว่าคำที่เพิ่งเอ่ยออกมาคือความจริงจากใจหาใช่อุบายอะไรทั้งสิ้น

    เน้นย้ำอยู่เนิ่นนานผ่านเรียวลิ้น แต่ร่างซึ่งขัดขืนได้เพียงน้อยนิดยังคงแต่ผลักไสพยายามดันอกอีกฝ่ายออกไปไม่เต็มใจยอมรับรสจูบที่ป้อนเข้ามา

     

    ✥✥✥

     

    ฮันบินรู้สึกเวียนหัวจนขยับตัวแทบไม่ไหว อาการเครียดที่มีทำให้เด็กหนุ่มถึงกับอาเจียนออกมาหลายครั้ง แม้อาหารอ่อนที่จีวอนสั่งเด็กรับใช้ให้ยกขึ้นก่อนที่ตนจะออกไปข้างนอกฮันบินกลับไม่สามารถกลืนมันลงคอได้

     ใบหน้าขาวมีแต่จะซีดกว่าเดิม แต่ถึงอย่างนั้นกลับมีแรงมากพอจะให้น้ำในดวงตาไหลออกมาได้

    ในค่ำคืนนั้นจีวอนกลับเข้ามาอีกครั้ง นับว่าโชคดีที่นอกจากอ้อมกอดน่ารังเกียจอีกฝ่ายก็ไม่ได้ทำอะไรฮันบินอีก

    วันที่สองก็เช่นเคยเป็นอีกวันที่แทบไม่มีอะไรตกถึงท้องฮันบิน แม้จะพยายามกลืนลงคอแล้วแต่ร่างกายกลับรู้สึกพะอืดพะอมจนเด็กหนุ่มต้องอาเจียนออกมา

     นอกจากนอนนิ่งๆอยู่บนเตียงพร้อมความทุกข์ที่กดทับเด็กหนุ่มก็ไม่ได้ทำอะไร ยามค่ำคืนมาถึงจีวอนเข้ามาดูที่ห้อง สั่งเด็กหนุ่มให้กินอาหารก่อนจะออกไปไม่ได้นอนค้างในค่ำคืนนี้

    วันที่สาม เป็นอีกวันที่ฮันบินแทบไม่ได้กินอะไร สภาพร่างกายตอนนี้แย่ยิ่งกว่าวันไหนๆ มีเสียงเคาะประตูจากชานอูแต่ฮันบินไม่ได้ไปเปิดรับ และอีกฝ่ายก็ไม่ได้ยุ่งกับฮันบินขนาดคนเป็นพี่ชายซึ่งมักไขประตูเข้ามาเอง เมื่อไม่มีการตอบรับจากคนในห้องชานอูจึงเพียงกลับออกไป

    วันที่สี่เมื่อตื่นขึ้นฮันบินพบชายสูงวัยไม่คุ้นหน้ายืนอยู่ข้างเตียงพูดคุยกับจีวอนอยู่ จากที่พอจับใจความได้ชายคนนั้นรายงานกับผู้ครองแคว้นถึงอาการป่วยของฮันบินและจัดยาให้เด็กหนุ่มดื่ม

    มันยิ่งกว่าแย่ในเมื่ออาหารฮันบินยังกินแทบไม่ได้นับประสาอะไรกับยาขมรสชาติเฝื่อนคอ เมื่อคนเป็นหมอออกไปแล้ว จีวอนก็ปรายตามองเด็กหนุ่มที่ใบหน้าซูบซีดลงอย่างเห็นได้ชัด เกิดจากภาวะเครียดจัดและตั้งตัวกับเรื่องร้ายไม่ติดของอีกฝ่าย

    กินข้าวแล้วก็กินยา คุณชายกำลังไม่สบายอยู่

    ชายโตกว่าบอก แต่เด็กหนุ่มกลับดูเอาแต่อยู่ในภวังค์ความคิดของตน ไม่สนใจด้วยซ้ำว่าใครจะมาหรือไป รึแม้แต่การมีจีวอนอยู่ตรงนี้ มือหนาพยุงร่างฮันบินให้ลุกขึ้นนั่งดีๆ ก่อนจะหยิบข้าวต้มอุ่นซึ่งสั่งเด็กรับใช้ให้เอามา

    สาบานได้ว่าชายหนุ่มไม่เคยจะทำอะไรอย่างนี้มาก่อน พอเมื่อมีอาการตอบรับกลับมาเพียงการเหม่อลอยไม่ยอมรับข้าวที่ตนป้อนให้มันทำให้หัวคิ้วจีวอนขมวด

    อยากตายหรืออย่างไรกัน

    แม้น้ำเสียงที่พูดนั้นจะเรียบแต่มันก็ไม่ใช่คำที่น่าฟังแน่นอนจีวอนรู้ แต่การที่เด็กหนุ่มทำตัวเหมือนดอกไม้ที่เหี่ยวเฉาไร้ชีวิตไม่ยอมรับความปรารถนาดีมันทำให้จีวอนอดจะหงุดหงิดไม่ได้  

     ฮันบินชายตามามองเขา จีวอนคิดว่าจะได้เห็นสีหน้าประชดประชันแสดงออกมาว่าอยากตายอย่างที่ตนว่า . . แต่ฮันบินกลับยอมอ้าปากรับข้าวที่เขาป้อนแต่โดยดี มันค่อนข้างทำให้จีวอนงงกับกิริยาตอบรับ

    ความจริงในหัวฮันบินอยากตอบอีกฝ่ายไปว่าอยากตายอย่างที่ร่างสูงพูด ความทรมานทุกครั้งที่รู้สึกตัวตื่นขึ้นมา มีแต่การดับหายไม่รับรู้อะไรไปคงทำให้พ้นความทรมานนี้ได้มันคงสบายกว่าทนหายใจอยู่ร่วมกับคนที่ทำให้เกิดสิ่งเลวร้ายนี้ขึ้น

    แต่ถึงอย่างนั้นพอสี่วันผ่านไปฮันบินรู้ว่าตัวเองนั้นไม่ได้อยากตายจริงอย่างที่ในหัวคิดประชดประชัน เพราะยังมีชีวิตจึงจำเป็นต้องหายใจ แต่ร่างกายและใจที่มันสลายไปกับความสูญเสียครั้งสำคัญมันทำให้กลืนข้าวที่อีกฝ่ายป้อนมาได้เพียงสี่คำเท่านั้น โดยที่คนป้อนไม่ได้บีบบังคับให้ฮันบินต้องกินมากไปกว่านี้

    เด็กหนุ่มพยายามฝืนกินยารสขมอย่างยากลำบากขณะมีมือหนาพยายามลูบหลังไปด้วยราวกับจะช่วยให้เด็กหนุ่มกลืนลงได้ง่ายขึ้น

    ฮันบินสูดหายใจเข้าจนลึกในวันนั้นอยากขับไล่ทุกสิ่งอย่างซึ่งโถมทับให้เป็นทุกข์ออกไปจากจิตใจ มันไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก

    แต่อย่างน้อยในวันที่สี่แม้จะไม่มีเรี่ยวแรงคิดสิ่งใด แต่สิ่งหนึ่งที่เด็กหนึ่งรู้ได้ 

    คือต้องหาทางทำทุกอย่างให้ได้ออกไปจากที่นี่

    ในวันที่สิบฮันบินหลับติดต่อกันเป็นเวลาสี่ชั่วโมงซึ่งนับว่านานที่สุดตั้งแต่เกิดเหตุการณ์นั้นขึ้น ความทุกข์ไม่ได้เบาบางลงนักแต่ก็ไม่ถึงกับรู้สึกว่าร่างกายแหลกสลายในทุกครั้งที่ลืมตา

     ร่างผอมบางพาตัวเองลุกขึ้นจากเตียง หยุดยืนตรงบานหน้าต่างแหวกผืนผ้าม่านมองลงไปเบื้องล่าง เห็นรถม้าของจีวอนเพิ่งวิ่งออกไป โดยก่อนหน้านี้ไม่นานอีกฝ่ายเพิ่งเข้ามาในนี้แต่ฮันบินเลือกที่จะแสร้งหลับ

    ฮันบินรู้ตัวทุกครั้งว่าทุกค่ำคืนรวมถึงทุกเช้าที่ตนแสร้งหลับใหล ชายผู้ซึ่งได้ตำแหน่งผู้ครองแคว้นไม่นานมักจะเข้ามาที่ห้องเสมอ

    มือหนามักลูบไล้ใบหน้าก่อนจะมาหยุดที่ตรงหน้าผากคล้ายกำลังดูอาการป่วยอยู่ ปากร้อนจุมพิตที่ปลายจมูกและปากเด็กหนุ่มทุกครั้งก่อนจะออกไป

    อาจจะรู้ว่าเด็กหนุ่มแกล้งหลับแต่ก็ยังคงทำอย่างนั้นได้ทุกครั้ง ดวงตาคู่สวยซึ่งลึกโหลลงกว่าแต่ก่อนอยู่ในความคิด

    ตนไม่อาจเป็นเช่นนี้ต่อไป การมีชีวิตเพียงเพื่อทนหายใจไปวันๆคงต้องพอเสียที 

    ในวันที่สิบสองฮันบินแช่ตัวอยู่ในอ่างไม้นานกว่าปกติสองวันมานี้ฮันบินพยายามฝืนกินข้าวให้มากที่สุดเท่าที่มากได้แต่ถึงอย่างนั้นเมื่อแตะไปตามลำตัวและหน้าท้องของตนเด็กหนุ่มก็รู้ว่าตนซูบผอมลงกว่าเดิมไม่น้อย แต่เท่าที่พิจารณาดูความซีดเซียวของตนดูจะจางลงไปบ้าง

     มือขาวไล้วนกลีบดอกไม้ไปตามมือและซอกคอ สัมผัสกลิ่นหอมอ่อนเพื่อช่วยทำให้รู้สึกผ่อนคลาย ดวงตาคู่สวยปิดลงเพื่อทำจิตใจให้สบาย รวบรวมความกล้าเพื่อจะทำสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่นานนี้

    ในค่ำคืนนั้นเป็นอีกวันที่จีวอนเข้ามายังห้องเด็กหนุ่มหลังจากออกไปจัดการงานที่นอกเมือง ในห้องยังคงมืดสลัวอย่างเช่นทุกทีไม่มีความสว่างของเทียนที่จุดไว้ และจีวอนก็ไม่คิดจะจุดเทียนให้แสงสว่างรบกวนคนบนเตียงอย่างเช่นทุกทีที่เขาทำ ถึงแม้จะรู้ว่าทุกครั้งมาเจ้าของร่างที่นอนอยู่เพียงแต่แสร้งหลับเท่านั้นแต่ร่างสูงก็ไม่ได้นำพาแสงสว่างมารบกวนคนที่แสร้งทำเป็นหลับ

    พาตัวเองเดินไปหยุดอยู่ข้างเตียง โชคดีที่ท้องฟ้าในคืนนี้สว่างนักแม้จะไม่ได้ใช้แสงสว่างอื่นก็พอมองเห็นใบหน้าเด็กหนุ่มชัดได้ในค่ำคืนนี้

     มือหนาใช้มือปัดผมยาวของเด็กหนุ่มที่ละตามซอกคอออก พินิจมองเจ้าของใบหน้าขาว ฮันบินซูบลงกว่าแต่ก่อนนั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาชอบเลย แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าดวงหน้าที่เขามองอยู่นั้นยังคงน่ามองอยู่ดี

     มือหนาไล่ละไปจับใบหน้าและหน้าผากของเด็กหนุ่ม อุณหภูมิในร่างกายไม่ได้น่าวิตกอย่างแต่ก่อน ก่อนจะเลื่อนมือไล่สัมผัสใบหน้าเด็กหนุ่มเพียงแผ่วเบาอยู่อย่างนั้น

    ฮันบินยังไม่หลับ เขารู้ แต่ก็ไม่ได้แสดงตัวอะไรออกไปว่าตนนั้นจับได้เรื่องเด็กหนุ่มแกล้งหลับอยู่ จมูกโด่งเพียงก้มลงมาแตะทาบตรงสันกลางจมูกเด็กหนุ่มก่อนจะไล่ลงแล้วใช้ปากสัมผัสคนที่ทำเป็นนอน

    ร่างสูงละออกมาไม่ได้ทำสิ่งใดคนที่ยังไม่แข็งแรงอีก ผละตัวหันกลับไปเพื่อจะไปยังห้องทำงาน เตรียมงานที่คั่งค้างไว้ แต่กลับมีมือนุ่มของอีกฝ่ายรั้งจับมือของตนเอาไว้ซะก่อน

    จีวอนแทบจะสงสัยว่ามีสิ่งใดเกิดขึ้นด้วยซ้ำ เมื่อหันกลับไปมองก็เห็นฮันบินลืมตาอยู่ มือที่จับตนไว้เด็กหนุ่มได้ปล่อยออกไปแล้ว

    ฮันบินขยับตัวลุกขึ้นนั่ง ไม่ได้พูดสิ่งใด ดวงตาที่มองเขาอยู่นั้นเปลี่ยนเป็นหลุบลง 

    จีวอนมองใบหน้างดงามที่เม้มปากเข้าหากันไม่ได้พูดสิ่งใดออกมา เพียงเท่านี้จีวอนกลับคิดว่าเด็กหนุ่มกำลังเชิญชวนเขาอยู่ด้วยซ้ำ

     และเมื่อทันทีที่ดวงตากลมซึ่งหลุบอยู่ยอมสบมาตรงๆ จีวอนก็ยอมละทุกอย่างตรงเข้าไปป้อนจูบลงบนปากอิ่มของอีกฝ่ายในทันที

    มือหนาประคองใบหน้านั้นขึ้นจูบดังใจปรารถนา ดูดดื่มคลึงลงบนปากอิ่มอย่างพึงพอใจ ไล่ชิมลิ้มสัมผัสปากนุ่มของอีกคน รสหวานเป็นไปดังใจหมาย แต่มันไม่ได้ทำให้ใจเขาสั่นไหวเท่ากับการที่ฮันบินกำลังจูบตอบตนอยู่

    ภายในอกชายโตกว่ากำลังสั่นรัวกับรสจูบที่มาพร้อมการตอบรับของฮันบิน ปากสีระเรื่อยอมเผยอรับยามจีวอนแทรกซึมเข้าไปด้านใน ไม่ได้ชำนาญการแต่อาการไม่ประสาที่ตอบรับก็ทำให้ใจวูบไหวได้ไม่น้อย

     ดูดดื่มความหวานเช่นนั้นเป็นเวลานาน มือหนาประคองเอวและศีรษะเด็กหนุ่มไม่ให้ละออกไป จนผู้อ่อนประสบการณ์หายใจขัดเริ่มผลักอกตนออกจีวอนจึงได้ยอมละออกมา . . . เพียงน้อยนิด

    ใบหน้าฮันบินนั้นแดงซ่านอย่างน่ามอง กลบความซีดเซียวก่อนหน้านี้ไปสิ้น ดวงตาจีวอนจ้องมองเด็กหนุ่มคล้ายกำลังล้อเลียนอีกฝ่าย  เด็กหนุ่มก็ตอบรับด้วยใบหน้าเขินอายได้อย่างเหย่อหยิ่งจนปากจีวอนยกสูง

    รอจนเมื่ออาการสั่นไหวในอกของตนสงบลงจึงได้พูดออกมา

    คุณชายน้อยทำเช่นนี้ต้องการจะล่อลวงอะไรข้ากัน

    แน่นอนคนอย่างฮันบินรวมไปถึงทุกสิ่งอย่างที่เกิดขึ้น เด็กหนุ่มย่อมมีแต่จะโกรธแค้นตน คงไม่ได้ทำลงไปด้วยใจที่เสน่หาอย่างแน่นอน ใบหน้าของฮันบินไม่ได้ตกใจกับคำที่ถูกถามนัก

    ในเมื่ออีกฝ่ายเป็นคนฉลาดทำไมฮันบินจะไม่รู้ว่าจีวอนย่อมรู้ดีในกิริยาเช่นนี้ของตนย่อมไม่ได้มาจากใจที่เสน่หาอีกฝ่ายอย่างแน่นอน

    คนอย่างข้าจะล่อลวงอะไรท่านจีวอนได้

     เป็นความจริงที่ฮันบินรู้ดีคนเช่นนี้ยากแก่การเอาชนะ มิหนำซ้ำแพ้ตั้งแต่ที่คิดจะสู้ . . . ในเมื่อตอนนี้สู้ไม่ได้ เด็กหนุ่มก็ไม่คิดที่จะสู้กับอีกฝ่าย

    มุมปากของจีวอนยกขึ้นด้วยคำพูดของเด็กหนุ่ม พร้อมกับส่ายหน้าให้

    ประเมินตนเองต่ำไป ข้านั้นพร้อมจะตกทุกหลุมพรางที่คุณชายน้อยขุดขึ้นมา ปากหยักพูดจบก็กดจูบลงบนเส้นผมแล้วไล้ลงมาที่ใบหูกระซิบถามเด็กหนุ่ม

    ได้ไหม

    ฮันบินรู้ดีว่าสัมผัสน่ารังเกียจที่มากกว่าเดิมกำลังจะเริ่มขึ้น สิ่งที่เด็กหนุ่มต้องทำคือต้องผ่านมันไปให้ได้ ในเมื่อการหายใจทิ้งจมความทุกข์ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อะไร เช่นนั้นฮันบินต้องยอมทำอะไรสักอย่างเพื่อก่อเกิดความหวังว่าจะออกไปจากที่นี่ได้ในสักวัน

    หลังจากนั้นที่ทำคือการที่เด็กหนุ่มพยักหน้าตอบกับอีกฝ่าย

     

    แขนแกร่งจีวอนนอนกกกอดฮันบินจนถึงเช้า แม้อีกฝ่ายจะพูดว่าพร้อมจะตกทุกหลุมพรางที่เด็กหนุ่มขุด แต่สิ่งที่ทำอยู่นี้ก็เป็นการแสดงออกให้รู้ว่าชายหนุ่มไม่เกรงและไม่คิดว่าตนจะพ่ายต่อหลุมพรางผู้ใด

    เจ้าของใบหน้าใสขยับตัวลืมตาตื่นขึ้นจากการถูกจมูกโด่งสูดดมกลิ่นกายของตน

    เมื่อคืนคุณชายน้อยหลับจีวอนบอกเด็กหนุ่ม

    หลังจากผ่านค่ำคืนด้วยกันมาจีวอนพบว่าหลังจากนั้นเด็กหนุ่มในอ้อมกอดตนได้หลับสนิทจากลมหายใจของอีกฝ่าย ต่างจากค่ำคืนแรกนั้นโดยสิ้นเชิง

     ฮันบินคิด รู้สึกจะเป็นเช่นนั้นอย่างที่อีกคนพูดแต่ไม่ได้ตอบอะไร กระนั้นก็ไม่ได้ขัดขืนอีกฝ่ายที่เอาใบหน้ามาแนบซุกกับลำคอของตน

    เด็กหนุ่มเพียงหลับตาลง นี่เป็นเพียงสิ่งที่ต้องทนต่อไป

     

     ✥✥✥

     

    เป็นครั้งแรกในรอบสองอาทิตย์หลังจากได้ทราบข่าวร้ายนั้นที่ฮันบินลงมาร่วมโต๊ะอาหารกับทุกคน

    อดีตผู้ครองเมืองและภรรยาไถ่ถามอาการฮันบินไปตามมารยาท โดยที่ฮันบินก็ตอบไปตามมารยาทว่าดีขึ้นพอควรและกล่าวคำขอบคุณ

    ฮันบินไม่แน่ใจนักว่าคนอื่นคิดเห็นเช่นไรกับการที่ฮันบินยังอยู่ที่นี่ มันอาจจะดีหากมีใครสักคนลุกขึ้นมาผลักไสฮันบินให้ออกไป

    ซึ่งคงไม่มี ฮันบินไม่แน่ใจนักว่าตัวฮันบินมีประโยชน์ในแง่ไหนสำหรับอีกฝ่าย แต่การที่จีวอนไม่ส่งตัวฮันบินให้มินโฮเพื่อเจริญสัมพันธไมตรีกับผู้ครองแคว้นตะวันออกคนใหม่ หรือเพื่อแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กันก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ฮันบินจะมองในแง่ดีเพียงน้อยนิดเท่าที่จะคิดออกในตอนนี้

    หรือก็อาจจะเป็นเพียงแค่ตอนนี้ที่จีวอนยังไม่ลงมือทำ มันเป็นเรื่องยากนักที่จะให้คิดว่าคนผู้นั้นคิดทำสิ่งใด

    แต่หากส่งตัวฮันบินไปให้มินโฮ แน่นอนเสี้ยนหนามคนสุดท้ายของมินโฮอย่างตนคงถูกกำจัดจบสิ้นข้อกังขาของผู้มีสิทธิ์ในการครองแคว้น

                    ฮันบินพยายามยิ้มรับในการพูดคุยของทุกคน มีเพียงชานอูที่ไม่ได้พูดสิ่งใด

    อาหารในจานเด็กหนุ่มพยายามฝืนกลืนมันให้ลงคอเข้าไป ลิ้นรับรสคล้ายเพียงเคี้ยวก้อนยางเหนียวๆเท่านั้นจนอยากขยักขย้อนมันออกมา แต่ก็ทำเพียงเคี้ยวและกลืนมันต่อ

    น้ำผลไม้สีแดงสดถูกวางไว้ตรงหน้าของฮันบินคล้ายคนสั่งจะรู้ว่าเด็กหนุ่มสุดกล้ำกลืนที่จะกินอะไรเข้าไปเต็มที

    จีวอนมองเด็กหนุ่มที่ทำเป็นเก่งกินอาหารเข้าไปทั้งที่ภายใต้ใบหน้าที่แสดงว่าหายดีแล้วนั้นจีวอนมองออกว่าฮันบินแทบไม่ไหวอยู่แล้ว มองมือขาวที่หยิบแก้วขึ้นมาพอใจที่เห็นร่างผอมไม่มีกิริยาบ่ายเบี่ยงแม้แต่น้อยถึงจะรู้ว่าตนเป็นผู้สั่งเด็กรับใช้ให้เอามาให้ก็ตาม

    แล้ววันนี้จะไปที่บ้านท่านซูยอนอย่างนั้นรึเยวอนถามบุตรชายคนโตถึงการเดินทางไปพูดคุยหาลือกับขุนนางใหญ่

     ไม่ใช่การพูดคุยกันธรรมดาแต่มีความแฝงไปถึงการพบปะคนเป็นบุตรสาวอย่างโซราด้วย แต่เดิมทีบุตรชายตนไม่ใช่คนที่จะบังคับให้ทำสิ่งใดได้อยู่แล้ว

     ในเรื่องการพึงพอใจในตัวโซราบุตรสาวของเสนาบดีก็เป็นจีวอนเริ่มด้วยตัวเอง นางไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสานสัมพันธ์นี้มากนัก แต่ก็เป็นการเลือก ที่ทำให้ทั้งสองฝ่ายต่างพึงพอใจ 

    วันนี้ข้าจะออกไปนอกเมือง

    จีวอนกล่าวในความหมายที่ปฏิเสธไม่ได้ทำให้เยวอนซักไซ้ก้าวก่ายอะไรมากนัก แต่ไหนแต่ไรมาโดยที่ไม่ต้องทำอะไรบุตรชายคนโตไม่เคยทำสิ่งใดให้น่าผิดหวังเลยสักครั้ง ออกจะฉลาดจนทำให้คนเป็นแม่อย่างนางยังนึกเกรงในบางครั้งด้วยซ้ำไป

    ✥✥✥

     

     

    รถม้าของจีวอนวิ่งออกจากตัวปราสาทไปแล้ว ฮันบินจึงคิดกลับไปยังห้องตัวเอง แต่ก่อนจะไปถึงห้องกลับถูกชานอูยืนดักทางไว้เสียก่อน

    ใบหน้านิ่งของฮันบินมองหน้าเด็กหนุ่ม มองเห็นมือหนานั้นแตะมาที่คอเสื้อฮันบินก่อนจะแหวกมันออกจากกันจนเห็นช่วงลำคอเกือบไปถึงไหล่ผอม ใบหน้านั้นทอดนิ่งอยู่ครู่หนึ่งมองสิ่งที่ตนคิดว่ามองเห็นขณะอยู่บนโต๊ะอาหาร และมันก็เป็นจริงเช่นนั้น

    รอยแดงประปรายปรากฏให้เห็นบนผิวพรรณเจ้าของผิวขาวคนตรงหน้า ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไรและใครเป็นผู้กระทำ

    เพราะอย่างนี้ชานอูถึงได้บอกตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันอย่างไรว่าให้มานอนที่ห้องกับตน

    เพียงเจอหน้าฮันบิน ชานอูก็รู้แล้วว่าสิ่งนี้มันต้องเกิดขึ้น ใบหน้างดงามจับตาอีกทั้งเป็นทายาทผู้ครองแคว้นตะวันออกในขณะนั้น เพียบพร้อมไปทุกอย่างในแบบที่พี่ชายตนปรารถนา เพราะรู้ชะตากรรมเด็กหนุ่มว่าอย่างไรก็ต้องมีความทุกข์จากพี่ชายตนตามมาจึงเพียงอยากผ่อนให้มันเบาลง

    มานอนที่ห้องข้า ที่นั่นไม่มีใครมาละเมิดตัวเจ้าได้ ชานอูบอก ฮันบินจ้องตอบใบหน้าชานอูพร้อมปฏิเสธ

                    ข้าไม่ได้เป็นอะไร

    อย่างนั้นรึชานอูแค่นเสียงประชด

     อยู่กับข้า ที่นั่นปลอดภัยข้ายืนยัน

    อยู่กับท่าน ท่านจะพาข้าออกไปจากที่นี่หรืออย่างไรกัน

    ฮันบินถามคล้ายประชดออกไป ทั้งที่รู้ว่าไม่มีทางเป็นไปได้ ที่ชานอูทำคือการซุกฮันบินไว้ปกป้องภายใต้ปีกของตน . . . แต่ที่ฮันบินต้องการ คือการออกไปจากที่นี่ 

    ฉะนั้นข้าคงต้องบอกว่าข้าไม่เป็นไร

    ✥✥✥

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×