คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : ตอนที่ ๙
ผิวขาวนวลจากเจ้าของกายโปร่งบางยังคงถูกกักกอดไว้แนบร่างจีวอนจนถึงเช้า
ซอกคอขาวอันเป็นตำแหน่งที่ใบหน้าร่างสูงซุกเอาไว้แทบตลอดทั้งคืน
มีรอยจ้ำแดงปรากฎชัดกว่าส่วนอื่นของร่างกาย
มือหนาแตะลงมาตรงสะโพกอิ่มซึ่งเปลือยเปล่าภายใต้ผ้าห่ม
เขารู้ว่าฮันบินตื่นแล้ว หรือจะพูดให้ถูกเมื่อคืนเด็กหนุ่มแทบไม่นอนเลยด้วยซ้ำ
หลายครั้งเมื่อเขาขยับตัวตื่นขึ้นมา
จากจังหวะการหายใจเขารู้ว่าเด็กหนุ่มยังไม่หลับ
มือที่จับสะโพกอิ่มอยู่เลื่อนลงมาแตะที่หน้าท้อง
ฮันบินตัวผอมซะยิ่งกว่าที่เขาเห็นจากภายนอก ปลายนิ้วยาวเลื่อนไล้ต่ำลงมา . . .
และนั่นมันจึงทำให้เด็กหนุ่มยอมขยับตัว คว้ามือคนโตกว่าให้หยุดการกระทำ
“ตื่นอยู่ทำไมต้องแกล้งหลับ”
ถามเสียงเบาหยอกเด็กหนุ่ม
กดจูบลงไปบนไหล่นุ่มนั้นอีกครั้งหนึ่งอย่างที่ทำมาตลอดหลายครั้งในค่ำคืนที่ผ่านมา
มือใหญ่กว่าลูบไล้แผ่วเบาไปตามนิ้วมือที่จับรั้งตนไว้อยู่
คิดถึงเรื่องเมื่อคืนก็ทำให้มุมปากร่างสูงยกขึ้นมาอย่างพึงพอใจ
ร่างที่อยากครอบครองตั้งแต่แรกเจอจนเก็บมาจินตนาการอยู่หลายครั้งคราเมื่อได้มาสัมผัสมันกลับดียิ่งกว่าอย่างเทียบกันไม่ได้
นอกจากมือซึ่งรั้งมือจีวอนเอาไว้ไม่ให้ทำการล่วงเกินตนมากไปกว่านี้
ฮันบินก็ไม่ได้ทำการตอบรับอะไรอีกฝ่ายอีก
ทั้งในหัวและร่างกายเด็กหนุ่มมันปวดจนแทบแตกสลาย
ความเครียดปวดร้าวของร่างกายผิวเนื้อซึ่งถูกล่วงเกิน
มันทำให้ทั้งในความคิดและหัวใจของฮันบินปวดไปพร้อมกับความรู้สึกขยะแขยง
เรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้น พร้อมกับอ้อมกอดของคนที่เจตนาทำให้เกิดเรื่องเช่นนี้
มือหนาจับพลิกร่างเด็กหนุ่มให้นอนหันมาทางตน
จ้องมองใบหน้าขาวซึ่งมีดวงตาเฉยชา
ลูบไปตามหน้าซึ่งมีคราบน้ำตาซึ่งแห้งกรังเปรอะเปื้อนก่อนจะจูบลงไปบนปลายจมูกเด็กหนุ่ม
“อาบน้ำเถอะ
เนื้อตัวมอมนัก” จีวอนบอกแล้วจัดการจับเด็กหนุ่มซึ่งยื้อตัวด้วยแรงปลกเปลี้ยขึ้นอุ้ม
แล้วพาร่างเปลือยเปล่าของทั้งคู่แช่ลงในอ่างน้ำ
กลิ่นหวานของกลีบดอกไม้ซึ่งลอยแช่อยู่ในอ่างน้ำไม่ได้ทำให้ฮันบินรู้สึกผ่อนคลายเลยสักนิด
ในหัวเด็กหนุ่มยังคงอยู่กับเรื่องเดิมๆกับสิ่งที่สูญเสียไป
น่าเศร้าที่ต้องคอยตอกย้ำเตือนตัวเองว่าทุกเรื่องที่เกิดนั้นเป็นเรื่องจริง
อ้อมกอดอันน่ารังเกียจครอบครองร่างผอมมาจากด้านหลัง
มือหนาลูบไล้ผิวพรรณเด็กหนุ่มคล้ายช่วยชำระเนื้อตัวให้
ผมดำสนิทที่เปียกน้ำนั้นลีบลงจีวอนปัดมันออกไปอีกทางแล้วกดจูบลงไปบนไหล่ซ้ายสูดดมกลิ่นอ่อนจากผิวเนื้อซึ่งเจือกลิ่นกุหลาบที่ลอยอยู่อย่างพึงพอใจ
แขนแกร่งจับเอวบางให้ขยับตัวขึ้น เด็กหนุ่มซึ่งเหม่อลอยอยู่ในความคิดตัวเองไม่ได้ขัดขืนมากนัก มือหนาละเลื่อนมาแตะสะโพกอ้อยอิ่งอยู่อย่างนั้น
“กินข้าวบ้าง
ท่านผอมไปแล้ว”บอกออกไปพร้อมลูบเอวบางขณะที่มืออีกข้างยังทำหน้าที่มันอยู่
ทำอย่างนี้ไม่ใช่ว่าตัวจีวอนจะไม่รู้สึก
ร่างกายเบื้องล่างชายหนุ่มเองก็ปวดหนึบ
แต่ก็เพียงข่มอารมณ์จูบลงไปบนกลุ่มผมเปียกของฮันบินเท่านั้น
“ไม่อยากลงไป
เดี๋ยวข้าจะให้เด็กรับใช้เอาอาหารขึ้นมาให้”
ตั้งแต่เมื่อวานไม่มีอะไรตกถึงท้องเด็กหนุ่มสักอย่างร่างกายถึงไร้เรี่ยวแรงขนาดนี้
เด็กหนุ่มในอ้อมแขนจีวอนไม่ตอบเนื้อตัวที่เขาสัมผัสอยู่นั้นกำลังสั่น
เขารู้ว่าน้ำตาฮันบินไหลออกมาอย่างนิ่งเงียบโดยที่เด็กหนุ่มไม่ส่งเสียง
นิ้วเรียวยาวที่สัมผัสเบื้องล่างเด็กหนุ่มจึงละออกไปพร้อมจับใบหน้าฮันบินเข้าหาตัว
แหงนเงยขึ้นมาสบตาตน
“ข้าพูดความจริง
อยู่กับข้า . . . . .ตลอดไป”
จีวอนกดจูบลงไปบนปากอิ่ม
เน้นย้ำลงไปบนปากนุ่มระบายความรู้สึกว่าคำที่เพิ่งเอ่ยออกมาคือความจริงจากใจหาใช่อุบายอะไรทั้งสิ้น
เน้นย้ำอยู่เนิ่นนานผ่านเรียวลิ้น
แต่ร่างซึ่งขัดขืนได้เพียงน้อยนิดยังคงแต่ผลักไสพยายามดันอกอีกฝ่ายออกไปไม่เต็มใจยอมรับรสจูบที่ป้อนเข้ามา
✥✥✥
ฮันบินรู้สึกเวียนหัวจนขยับตัวแทบไม่ไหว
อาการเครียดที่มีทำให้เด็กหนุ่มถึงกับอาเจียนออกมาหลายครั้ง แม้อาหารอ่อนที่จีวอนสั่งเด็กรับใช้ให้ยกขึ้นก่อนที่ตนจะออกไปข้างนอกฮันบินกลับไม่สามารถกลืนมันลงคอได้
ใบหน้าขาวมีแต่จะซีดกว่าเดิม
แต่ถึงอย่างนั้นกลับมีแรงมากพอจะให้น้ำในดวงตาไหลออกมาได้
ในค่ำคืนนั้นจีวอนกลับเข้ามาอีกครั้ง
นับว่าโชคดีที่นอกจากอ้อมกอดน่ารังเกียจอีกฝ่ายก็ไม่ได้ทำอะไรฮันบินอีก
วันที่สองก็เช่นเคยเป็นอีกวันที่แทบไม่มีอะไรตกถึงท้องฮันบิน
แม้จะพยายามกลืนลงคอแล้วแต่ร่างกายกลับรู้สึกพะอืดพะอมจนเด็กหนุ่มต้องอาเจียนออกมา
นอกจากนอนนิ่งๆอยู่บนเตียงพร้อมความทุกข์ที่กดทับเด็กหนุ่มก็ไม่ได้ทำอะไร
ยามค่ำคืนมาถึงจีวอนเข้ามาดูที่ห้อง
สั่งเด็กหนุ่มให้กินอาหารก่อนจะออกไปไม่ได้นอนค้างในค่ำคืนนี้
วันที่สาม
เป็นอีกวันที่ฮันบินแทบไม่ได้กินอะไร สภาพร่างกายตอนนี้แย่ยิ่งกว่าวันไหนๆ
มีเสียงเคาะประตูจากชานอูแต่ฮันบินไม่ได้ไปเปิดรับ
และอีกฝ่ายก็ไม่ได้ยุ่งกับฮันบินขนาดคนเป็นพี่ชายซึ่งมักไขประตูเข้ามาเอง
เมื่อไม่มีการตอบรับจากคนในห้องชานอูจึงเพียงกลับออกไป
วันที่สี่เมื่อตื่นขึ้นฮันบินพบชายสูงวัยไม่คุ้นหน้ายืนอยู่ข้างเตียงพูดคุยกับจีวอนอยู่
จากที่พอจับใจความได้ชายคนนั้นรายงานกับผู้ครองแคว้นถึงอาการป่วยของฮันบินและจัดยาให้เด็กหนุ่มดื่ม
มันยิ่งกว่าแย่ในเมื่ออาหารฮันบินยังกินแทบไม่ได้นับประสาอะไรกับยาขมรสชาติเฝื่อนคอ
เมื่อคนเป็นหมอออกไปแล้ว
จีวอนก็ปรายตามองเด็กหนุ่มที่ใบหน้าซูบซีดลงอย่างเห็นได้ชัด
เกิดจากภาวะเครียดจัดและตั้งตัวกับเรื่องร้ายไม่ติดของอีกฝ่าย
“กินข้าวแล้วก็กินยา
คุณชายกำลังไม่สบายอยู่”
ชายโตกว่าบอก
แต่เด็กหนุ่มกลับดูเอาแต่อยู่ในภวังค์ความคิดของตน ไม่สนใจด้วยซ้ำว่าใครจะมาหรือไป
รึแม้แต่การมีจีวอนอยู่ตรงนี้ มือหนาพยุงร่างฮันบินให้ลุกขึ้นนั่งดีๆ
ก่อนจะหยิบข้าวต้มอุ่นซึ่งสั่งเด็กรับใช้ให้เอามา
สาบานได้ว่าชายหนุ่มไม่เคยจะทำอะไรอย่างนี้มาก่อน
พอเมื่อมีอาการตอบรับกลับมาเพียงการเหม่อลอยไม่ยอมรับข้าวที่ตนป้อนให้มันทำให้หัวคิ้วจีวอนขมวด
“อยากตายหรืออย่างไรกัน”
แม้น้ำเสียงที่พูดนั้นจะเรียบแต่มันก็ไม่ใช่คำที่น่าฟังแน่นอนจีวอนรู้
แต่การที่เด็กหนุ่มทำตัวเหมือนดอกไม้ที่เหี่ยวเฉาไร้ชีวิตไม่ยอมรับความปรารถนาดีมันทำให้จีวอนอดจะหงุดหงิดไม่ได้
ฮันบินชายตามามองเขา
จีวอนคิดว่าจะได้เห็นสีหน้าประชดประชันแสดงออกมาว่าอยากตายอย่างที่ตนว่า . .
แต่ฮันบินกลับยอมอ้าปากรับข้าวที่เขาป้อนแต่โดยดี
มันค่อนข้างทำให้จีวอนงงกับกิริยาตอบรับ
ความจริงในหัวฮันบินอยากตอบอีกฝ่ายไปว่าอยากตายอย่างที่ร่างสูงพูด
ความทรมานทุกครั้งที่รู้สึกตัวตื่นขึ้นมา
มีแต่การดับหายไม่รับรู้อะไรไปคงทำให้พ้นความทรมานนี้ได้มันคงสบายกว่าทนหายใจอยู่ร่วมกับคนที่ทำให้เกิดสิ่งเลวร้ายนี้ขึ้น
แต่ถึงอย่างนั้นพอสี่วันผ่านไปฮันบินรู้ว่าตัวเองนั้นไม่ได้อยากตายจริงอย่างที่ในหัวคิดประชดประชัน
เพราะยังมีชีวิตจึงจำเป็นต้องหายใจ
แต่ร่างกายและใจที่มันสลายไปกับความสูญเสียครั้งสำคัญมันทำให้กลืนข้าวที่อีกฝ่ายป้อนมาได้เพียงสี่คำเท่านั้น
โดยที่คนป้อนไม่ได้บีบบังคับให้ฮันบินต้องกินมากไปกว่านี้
เด็กหนุ่มพยายามฝืนกินยารสขมอย่างยากลำบากขณะมีมือหนาพยายามลูบหลังไปด้วยราวกับจะช่วยให้เด็กหนุ่มกลืนลงได้ง่ายขึ้น
ฮันบินสูดหายใจเข้าจนลึกในวันนั้นอยากขับไล่ทุกสิ่งอย่างซึ่งโถมทับให้เป็นทุกข์ออกไปจากจิตใจ
มันไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก
แต่อย่างน้อยในวันที่สี่แม้จะไม่มีเรี่ยวแรงคิดสิ่งใด
แต่สิ่งหนึ่งที่เด็กหนึ่งรู้ได้
คือต้องหาทางทำทุกอย่างให้ได้ออกไปจากที่นี่
ในวันที่สิบฮันบินหลับติดต่อกันเป็นเวลาสี่ชั่วโมงซึ่งนับว่านานที่สุดตั้งแต่เกิดเหตุการณ์นั้นขึ้น
ความทุกข์ไม่ได้เบาบางลงนักแต่ก็ไม่ถึงกับรู้สึกว่าร่างกายแหลกสลายในทุกครั้งที่ลืมตา
ร่างผอมบางพาตัวเองลุกขึ้นจากเตียง
หยุดยืนตรงบานหน้าต่างแหวกผืนผ้าม่านมองลงไปเบื้องล่าง
เห็นรถม้าของจีวอนเพิ่งวิ่งออกไป โดยก่อนหน้านี้ไม่นานอีกฝ่ายเพิ่งเข้ามาในนี้แต่ฮันบินเลือกที่จะแสร้งหลับ
ฮันบินรู้ตัวทุกครั้งว่าทุกค่ำคืนรวมถึงทุกเช้าที่ตนแสร้งหลับใหล
ชายผู้ซึ่งได้ตำแหน่งผู้ครองแคว้นไม่นานมักจะเข้ามาที่ห้องเสมอ
มือหนามักลูบไล้ใบหน้าก่อนจะมาหยุดที่ตรงหน้าผากคล้ายกำลังดูอาการป่วยอยู่
ปากร้อนจุมพิตที่ปลายจมูกและปากเด็กหนุ่มทุกครั้งก่อนจะออกไป
อาจจะรู้ว่าเด็กหนุ่มแกล้งหลับแต่ก็ยังคงทำอย่างนั้นได้ทุกครั้ง
ดวงตาคู่สวยซึ่งลึกโหลลงกว่าแต่ก่อนอยู่ในความคิด
ตนไม่อาจเป็นเช่นนี้ต่อไป
การมีชีวิตเพียงเพื่อทนหายใจไปวันๆคงต้องพอเสียที
ในวันที่สิบสองฮันบินแช่ตัวอยู่ในอ่างไม้นานกว่าปกติสองวันมานี้ฮันบินพยายามฝืนกินข้าวให้มากที่สุดเท่าที่มากได้แต่ถึงอย่างนั้นเมื่อแตะไปตามลำตัวและหน้าท้องของตนเด็กหนุ่มก็รู้ว่าตนซูบผอมลงกว่าเดิมไม่น้อย
แต่เท่าที่พิจารณาดูความซีดเซียวของตนดูจะจางลงไปบ้าง
มือขาวไล้วนกลีบดอกไม้ไปตามมือและซอกคอ
สัมผัสกลิ่นหอมอ่อนเพื่อช่วยทำให้รู้สึกผ่อนคลาย
ดวงตาคู่สวยปิดลงเพื่อทำจิตใจให้สบาย
รวบรวมความกล้าเพื่อจะทำสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่นานนี้
ในค่ำคืนนั้นเป็นอีกวันที่จีวอนเข้ามายังห้องเด็กหนุ่มหลังจากออกไปจัดการงานที่นอกเมือง
ในห้องยังคงมืดสลัวอย่างเช่นทุกทีไม่มีความสว่างของเทียนที่จุดไว้
และจีวอนก็ไม่คิดจะจุดเทียนให้แสงสว่างรบกวนคนบนเตียงอย่างเช่นทุกทีที่เขาทำ
ถึงแม้จะรู้ว่าทุกครั้งมาเจ้าของร่างที่นอนอยู่เพียงแต่แสร้งหลับเท่านั้นแต่ร่างสูงก็ไม่ได้นำพาแสงสว่างมารบกวนคนที่แสร้งทำเป็นหลับ
พาตัวเองเดินไปหยุดอยู่ข้างเตียง
โชคดีที่ท้องฟ้าในคืนนี้สว่างนักแม้จะไม่ได้ใช้แสงสว่างอื่นก็พอมองเห็นใบหน้าเด็กหนุ่มชัดได้ในค่ำคืนนี้
มือหนาใช้มือปัดผมยาวของเด็กหนุ่มที่ละตามซอกคอออก
พินิจมองเจ้าของใบหน้าขาว ฮันบินซูบลงกว่าแต่ก่อนนั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาชอบเลย
แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าดวงหน้าที่เขามองอยู่นั้นยังคงน่ามองอยู่ดี
มือหนาไล่ละไปจับใบหน้าและหน้าผากของเด็กหนุ่ม
อุณหภูมิในร่างกายไม่ได้น่าวิตกอย่างแต่ก่อน
ก่อนจะเลื่อนมือไล่สัมผัสใบหน้าเด็กหนุ่มเพียงแผ่วเบาอยู่อย่างนั้น
ฮันบินยังไม่หลับ เขารู้
แต่ก็ไม่ได้แสดงตัวอะไรออกไปว่าตนนั้นจับได้เรื่องเด็กหนุ่มแกล้งหลับอยู่
จมูกโด่งเพียงก้มลงมาแตะทาบตรงสันกลางจมูกเด็กหนุ่มก่อนจะไล่ลงแล้วใช้ปากสัมผัสคนที่ทำเป็นนอน
ร่างสูงละออกมาไม่ได้ทำสิ่งใดคนที่ยังไม่แข็งแรงอีก
ผละตัวหันกลับไปเพื่อจะไปยังห้องทำงาน เตรียมงานที่คั่งค้างไว้
แต่กลับมีมือนุ่มของอีกฝ่ายรั้งจับมือของตนเอาไว้ซะก่อน
จีวอนแทบจะสงสัยว่ามีสิ่งใดเกิดขึ้นด้วยซ้ำ
เมื่อหันกลับไปมองก็เห็นฮันบินลืมตาอยู่ มือที่จับตนไว้เด็กหนุ่มได้ปล่อยออกไปแล้ว
ฮันบินขยับตัวลุกขึ้นนั่ง
ไม่ได้พูดสิ่งใด ดวงตาที่มองเขาอยู่นั้นเปลี่ยนเป็นหลุบลง
จีวอนมองใบหน้างดงามที่เม้มปากเข้าหากันไม่ได้พูดสิ่งใดออกมา
เพียงเท่านี้จีวอนกลับคิดว่าเด็กหนุ่มกำลังเชิญชวนเขาอยู่ด้วยซ้ำ
และเมื่อทันทีที่ดวงตากลมซึ่งหลุบอยู่ยอมสบมาตรงๆ
จีวอนก็ยอมละทุกอย่างตรงเข้าไปป้อนจูบลงบนปากอิ่มของอีกฝ่ายในทันที
มือหนาประคองใบหน้านั้นขึ้นจูบดังใจปรารถนา
ดูดดื่มคลึงลงบนปากอิ่มอย่างพึงพอใจ ไล่ชิมลิ้มสัมผัสปากนุ่มของอีกคน
รสหวานเป็นไปดังใจหมาย
แต่มันไม่ได้ทำให้ใจเขาสั่นไหวเท่ากับการที่ฮันบินกำลังจูบตอบตนอยู่
ภายในอกชายโตกว่ากำลังสั่นรัวกับรสจูบที่มาพร้อมการตอบรับของฮันบิน
ปากสีระเรื่อยอมเผยอรับยามจีวอนแทรกซึมเข้าไปด้านใน
ไม่ได้ชำนาญการแต่อาการไม่ประสาที่ตอบรับก็ทำให้ใจวูบไหวได้ไม่น้อย
ดูดดื่มความหวานเช่นนั้นเป็นเวลานาน
มือหนาประคองเอวและศีรษะเด็กหนุ่มไม่ให้ละออกไป
จนผู้อ่อนประสบการณ์หายใจขัดเริ่มผลักอกตนออกจีวอนจึงได้ยอมละออกมา . . .
เพียงน้อยนิด
ใบหน้าฮันบินนั้นแดงซ่านอย่างน่ามอง
กลบความซีดเซียวก่อนหน้านี้ไปสิ้น
ดวงตาจีวอนจ้องมองเด็กหนุ่มคล้ายกำลังล้อเลียนอีกฝ่าย
เด็กหนุ่มก็ตอบรับด้วยใบหน้าเขินอายได้อย่างเหย่อหยิ่งจนปากจีวอนยกสูง
รอจนเมื่ออาการสั่นไหวในอกของตนสงบลงจึงได้พูดออกมา
“คุณชายน้อยทำเช่นนี้ต้องการจะล่อลวงอะไรข้ากัน”
แน่นอนคนอย่างฮันบินรวมไปถึงทุกสิ่งอย่างที่เกิดขึ้น
เด็กหนุ่มย่อมมีแต่จะโกรธแค้นตน คงไม่ได้ทำลงไปด้วยใจที่เสน่หาอย่างแน่นอน
ใบหน้าของฮันบินไม่ได้ตกใจกับคำที่ถูกถามนัก
ในเมื่ออีกฝ่ายเป็นคนฉลาดทำไมฮันบินจะไม่รู้ว่าจีวอนย่อมรู้ดีในกิริยาเช่นนี้ของตนย่อมไม่ได้มาจากใจที่เสน่หาอีกฝ่ายอย่างแน่นอน
“คนอย่างข้าจะล่อลวงอะไรท่านจีวอนได้”
เป็นความจริงที่ฮันบินรู้ดีคนเช่นนี้ยากแก่การเอาชนะ
มิหนำซ้ำแพ้ตั้งแต่ที่คิดจะสู้ . . . ในเมื่อตอนนี้สู้ไม่ได้ เด็กหนุ่มก็ไม่คิดที่จะสู้กับอีกฝ่าย
มุมปากของจีวอนยกขึ้นด้วยคำพูดของเด็กหนุ่ม
พร้อมกับส่ายหน้าให้
“ประเมินตนเองต่ำไป
ข้านั้นพร้อมจะตกทุกหลุมพรางที่คุณชายน้อยขุดขึ้นมา” ปากหยักพูดจบก็กดจูบลงบนเส้นผมแล้วไล้ลงมาที่ใบหูกระซิบถามเด็กหนุ่ม
“ได้ไหม”
ฮันบินรู้ดีว่าสัมผัสน่ารังเกียจที่มากกว่าเดิมกำลังจะเริ่มขึ้น
สิ่งที่เด็กหนุ่มต้องทำคือต้องผ่านมันไปให้ได้
ในเมื่อการหายใจทิ้งจมความทุกข์ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อะไร
เช่นนั้นฮันบินต้องยอมทำอะไรสักอย่างเพื่อก่อเกิดความหวังว่าจะออกไปจากที่นี่ได้ในสักวัน
หลังจากนั้นที่ทำคือการที่เด็กหนุ่มพยักหน้าตอบกับอีกฝ่าย
แขนแกร่งจีวอนนอนกกกอดฮันบินจนถึงเช้า
แม้อีกฝ่ายจะพูดว่าพร้อมจะตกทุกหลุมพรางที่เด็กหนุ่มขุด
แต่สิ่งที่ทำอยู่นี้ก็เป็นการแสดงออกให้รู้ว่าชายหนุ่มไม่เกรงและไม่คิดว่าตนจะพ่ายต่อหลุมพรางผู้ใด
เจ้าของใบหน้าใสขยับตัวลืมตาตื่นขึ้นจากการถูกจมูกโด่งสูดดมกลิ่นกายของตน
“เมื่อคืนคุณชายน้อยหลับ”จีวอนบอกเด็กหนุ่ม
หลังจากผ่านค่ำคืนด้วยกันมาจีวอนพบว่าหลังจากนั้นเด็กหนุ่มในอ้อมกอดตนได้หลับสนิทจากลมหายใจของอีกฝ่าย
ต่างจากค่ำคืนแรกนั้นโดยสิ้นเชิง
ฮันบินคิด
รู้สึกจะเป็นเช่นนั้นอย่างที่อีกคนพูดแต่ไม่ได้ตอบอะไร
กระนั้นก็ไม่ได้ขัดขืนอีกฝ่ายที่เอาใบหน้ามาแนบซุกกับลำคอของตน
เด็กหนุ่มเพียงหลับตาลง
นี่เป็นเพียงสิ่งที่ต้องทนต่อไป
✥✥✥
เป็นครั้งแรกในรอบสองอาทิตย์หลังจากได้ทราบข่าวร้ายนั้นที่ฮันบินลงมาร่วมโต๊ะอาหารกับทุกคน
อดีตผู้ครองเมืองและภรรยาไถ่ถามอาการฮันบินไปตามมารยาท
โดยที่ฮันบินก็ตอบไปตามมารยาทว่าดีขึ้นพอควรและกล่าวคำขอบคุณ
ฮันบินไม่แน่ใจนักว่าคนอื่นคิดเห็นเช่นไรกับการที่ฮันบินยังอยู่ที่นี่
มันอาจจะดีหากมีใครสักคนลุกขึ้นมาผลักไสฮันบินให้ออกไป
ซึ่งคงไม่มี
ฮันบินไม่แน่ใจนักว่าตัวฮันบินมีประโยชน์ในแง่ไหนสำหรับอีกฝ่าย
แต่การที่จีวอนไม่ส่งตัวฮันบินให้มินโฮเพื่อเจริญสัมพันธไมตรีกับผู้ครองแคว้นตะวันออกคนใหม่
หรือเพื่อแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กันก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ฮันบินจะมองในแง่ดีเพียงน้อยนิดเท่าที่จะคิดออกในตอนนี้
หรือก็อาจจะเป็นเพียงแค่ตอนนี้ที่จีวอนยังไม่ลงมือทำ
มันเป็นเรื่องยากนักที่จะให้คิดว่าคนผู้นั้นคิดทำสิ่งใด
แต่หากส่งตัวฮันบินไปให้มินโฮ
แน่นอนเสี้ยนหนามคนสุดท้ายของมินโฮอย่างตนคงถูกกำจัดจบสิ้นข้อกังขาของผู้มีสิทธิ์ในการครองแคว้น
ฮันบินพยายามยิ้มรับในการพูดคุยของทุกคน
มีเพียงชานอูที่ไม่ได้พูดสิ่งใด
อาหารในจานเด็กหนุ่มพยายามฝืนกลืนมันให้ลงคอเข้าไป
ลิ้นรับรสคล้ายเพียงเคี้ยวก้อนยางเหนียวๆเท่านั้นจนอยากขยักขย้อนมันออกมา
แต่ก็ทำเพียงเคี้ยวและกลืนมันต่อ
น้ำผลไม้สีแดงสดถูกวางไว้ตรงหน้าของฮันบินคล้ายคนสั่งจะรู้ว่าเด็กหนุ่มสุดกล้ำกลืนที่จะกินอะไรเข้าไปเต็มที
จีวอนมองเด็กหนุ่มที่ทำเป็นเก่งกินอาหารเข้าไปทั้งที่ภายใต้ใบหน้าที่แสดงว่าหายดีแล้วนั้นจีวอนมองออกว่าฮันบินแทบไม่ไหวอยู่แล้ว
มองมือขาวที่หยิบแก้วขึ้นมาพอใจที่เห็นร่างผอมไม่มีกิริยาบ่ายเบี่ยงแม้แต่น้อยถึงจะรู้ว่าตนเป็นผู้สั่งเด็กรับใช้ให้เอามาให้ก็ตาม
“แล้ววันนี้จะไปที่บ้านท่านซูยอนอย่างนั้นรึ”เยวอนถามบุตรชายคนโตถึงการเดินทางไปพูดคุยหาลือกับขุนนางใหญ่
ไม่ใช่การพูดคุยกันธรรมดาแต่มีความแฝงไปถึงการพบปะคนเป็นบุตรสาวอย่างโซราด้วย
แต่เดิมทีบุตรชายตนไม่ใช่คนที่จะบังคับให้ทำสิ่งใดได้อยู่แล้ว
ในเรื่องการพึงพอใจในตัวโซราบุตรสาวของเสนาบดีก็เป็นจีวอนเริ่มด้วยตัวเอง
นางไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสานสัมพันธ์นี้มากนัก แต่ก็เป็นการเลือก
ที่ทำให้ทั้งสองฝ่ายต่างพึงพอใจ
“วันนี้ข้าจะออกไปนอกเมือง”
จีวอนกล่าวในความหมายที่ปฏิเสธไม่ได้ทำให้เยวอนซักไซ้ก้าวก่ายอะไรมากนัก
แต่ไหนแต่ไรมาโดยที่ไม่ต้องทำอะไรบุตรชายคนโตไม่เคยทำสิ่งใดให้น่าผิดหวังเลยสักครั้ง
ออกจะฉลาดจนทำให้คนเป็นแม่อย่างนางยังนึกเกรงในบางครั้งด้วยซ้ำไป
✥✥✥
รถม้าของจีวอนวิ่งออกจากตัวปราสาทไปแล้ว
ฮันบินจึงคิดกลับไปยังห้องตัวเอง
แต่ก่อนจะไปถึงห้องกลับถูกชานอูยืนดักทางไว้เสียก่อน
ใบหน้านิ่งของฮันบินมองหน้าเด็กหนุ่ม
มองเห็นมือหนานั้นแตะมาที่คอเสื้อฮันบินก่อนจะแหวกมันออกจากกันจนเห็นช่วงลำคอเกือบไปถึงไหล่ผอม
ใบหน้านั้นทอดนิ่งอยู่ครู่หนึ่งมองสิ่งที่ตนคิดว่ามองเห็นขณะอยู่บนโต๊ะอาหาร
และมันก็เป็นจริงเช่นนั้น
รอยแดงประปรายปรากฏให้เห็นบนผิวพรรณเจ้าของผิวขาวคนตรงหน้า
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไรและใครเป็นผู้กระทำ
เพราะอย่างนี้ชานอูถึงได้บอกตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันอย่างไรว่าให้มานอนที่ห้องกับตน
เพียงเจอหน้าฮันบิน
ชานอูก็รู้แล้วว่าสิ่งนี้มันต้องเกิดขึ้น ใบหน้างดงามจับตาอีกทั้งเป็นทายาทผู้ครองแคว้นตะวันออกในขณะนั้น
เพียบพร้อมไปทุกอย่างในแบบที่พี่ชายตนปรารถนา
เพราะรู้ชะตากรรมเด็กหนุ่มว่าอย่างไรก็ต้องมีความทุกข์จากพี่ชายตนตามมาจึงเพียงอยากผ่อนให้มันเบาลง
“มานอนที่ห้องข้า
ที่นั่นไม่มีใครมาละเมิดตัวเจ้าได้”
ชานอูบอก ฮันบินจ้องตอบใบหน้าชานอูพร้อมปฏิเสธ
“ข้าไม่ได้เป็นอะไร”
“อย่างนั้นรึ”
ชานอูแค่นเสียงประชด
“อยู่กับข้า ที่นั่นปลอดภัยข้ายืนยัน”
“อยู่กับท่าน
ท่านจะพาข้าออกไปจากที่นี่หรืออย่างไรกัน”
ฮันบินถามคล้ายประชดออกไป
ทั้งที่รู้ว่าไม่มีทางเป็นไปได้ ที่ชานอูทำคือการซุกฮันบินไว้ปกป้องภายใต้ปีกของตน
. . . แต่ที่ฮันบินต้องการ คือการออกไปจากที่นี่
“ฉะนั้นข้าคงต้องบอกว่าข้าไม่เป็นไร
✥✥✥
ความคิดเห็น