คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : ตอนที่ ๘
ฮันบินกับชานอูต่างพากันกลับห้องของตนไปตั้งแต่งานเลี้ยงยังไม่จบ
เมื่อชานอูซึ่งพูดบ่นขณะมองกลุ่มคนที่เต้นรำกันอยู่ว่าไม่มีสิ่งใดให้เขาทำ
ที่สุดแล้วในฐานะเจ้าบ้าน
ชานอูก็ประกาศออกมาว่าตนจะไปนอน
ซึ่งเป็นคำที่ฮันบินคิดว่าเข้าท่าที่สุดตั้งแต่พูดคุยกันมา
เสียงดนตรีที่ดังหากใครที่อยู่ในปราสาทคิดจะหลับในเวลานี้คงเป็นเรื่องยากอยู่สักหน่อย
กว่างานเลี้ยงในคืนนี้จะเลิกราก็เลยเที่ยงคืนไปแล้ว
ภายในปราสาทจึงจะเริ่มเข้าสู่ความสงบ
แต่ถึงอย่างนั้นเมื่อเสียงดนตรีจบลงพร้อมกับเสียงรถม้าที่ทยอยกันออกไปจากตัวปราสาท
ก็มีเสียงที่ตามมาคือเสียงเคาะประตูที่หน้าห้องของฮันบิน
เด็กหนุ่มจับจ้องที่บานประตูอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเดินไปหยุดที่ต้นเหตุของเสียง
“ใคร” ฮันบินถามออกไปแต่ไม่ได้เปิดประตูออกมา
“ข้าเอง”
ข้าเองที่ว่าคือเสียงของผู้ครองแคว้นคนปัจจุบัน
นั่นไม่ได้เชิญชวนให้ฮันบินเปิดประตูออกมาต้อนรับเลยสักนิดเด็กหนุ่มขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะถามออกไป
“มีสิ่งใดจำเป็นต้องคุยกับข้าในเวลานี้” จากภายนอกไม่มีเสียงใดตอบรับออกมาอยู่ครู่หนึ่ง
เหมือนทางนั้นก็ครุ่นคิดหาคำที่จะเลือกพูดออกมา
“ตอนแรกข้าตั้งใจจะตำหนิเรื่องมารยาทที่คุณชายน้อยลุกออกไปอย่างนั้น
ที่นี่กิริยาอย่างนั้นมีชานอูคนเดียวก็เกินพอแล้ว”
ภายใต้ใบหน้านิ่งของเด็กหนุ่มฮันบินอยากจะเบะปากตนใส่อีกฝ่าย
ทั้งที่มีประตูกั้นอยู่อีกฝ่ายไม่อาจเห็น
ตนจำเป็นต้องมีมารยาทอะไรกันกับสถานะที่ถูกกักขังไว้อย่างนี้
“แต่ตอนนี้” จีวอนเงียบไปอีกครั้ง
“ข้าแค่อยากกล่าวราตรีสวัสดิ์”
คำบอกกล่าวนี้ทำให้ฮันบินเม้มปากเข้าหากันเล็กน้อย
ดวงตาคู่สวยหลุบลง
“ไม่ใช่คำที่ข้าต้องการฟัง” ฮันบินตอบกลับไป
เมื่อไม่มีเสียงตอบรับจากจีวอนฮันบินจึงพูดต่อ
“เมื่อไรท่านถึงจะปล่อยข้าออกไปจากที่นี่” นิ่งรอฟังคำตอบจากอีกฟากของประตู
“ท่านจีวอน” เรียกซ้ำเมื่อไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมา
อีกฝ่ายยังคงไม่ให้คำตอบ
“ไม่เหนื่อยบ้างรึอย่างไร
สิ่งที่ท่านปรารถนาคือสิ่งใดกันแน่”
ยังคงมีเพียงความเงียบที่ตอบรับ
จนฮันบินสงสัยว่าอีกฝ่ายกลับไปแล้วรึเปล่า
“ข้าเพียงต้องการมากล่าวราตรีสวัสดิ์
ขอคุณชายน้อยหลับให้สบายอย่าคิดอะไรให้มากความ” จบคำกล่าวของร่างสูงที่พูดออกมา
ฮันบินก็ได้ยินเสียงเท้าที่อยู่หน้าห้องตนเดินออกไป
✥✥✥
ในห้องโถงที่เตรียมไว้สำหรับการประชุมของฝ่ายตะวันออกมีเพียงขุนนางผู้ใหญ่ที่อยู่ใกล้ชิดกับผู้ครองแคว้นเพียงหกคนเท่านั้นที่ได้รับคำเชิญ
ยังกวอนซึ่งนั่งกวาดตาอยู่ที่หัวโต๊ะมองหน้าผู้ประชุมแต่ละคนก่อนจะพูดขึ้นมา
“ยองแดล่ะ” ถามถึงขุนนางชั้นผู้ใหญ่อีกหนึ่งคนที่ยังไม่เข้ามา
ไม่มีใครตอบคำถามนี้ได้ดีนัก
“คงกำลังเดินทางมาครับท่าน” ขุนนางคนหนึ่งกล่าว
ยังกวอนพยักหน้ารับด้วยท่าทีที่ออกจะดูรำคาญ
“งั้นเราเริ่มคุยกันก่อนเลย” ยังกวอนตัดสินใจ
“ท่านแฮซู” เรียกขุนนางซึ่งนั่งอยู่ตำแหน่งกลางโต๊ะให้หันมารับฟัง
“ยาที่ท่านเตรียมไว้ให้มินโฮ
เหตุใดสิบสองวันผ่านไปแล้ว ยังไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น” พูดถึงตัวยาซึ่งแน่นอนทราบกันเฉพาะคนในที่ประชุมนี้ว่ามันไม่ใช่ยารักษา
คำถามที่เกิดขึ้นจึงเป็นว่าทำไมมินโฮบุตรชายนอกสมรสของผู้ครองแคว้นถึงยังมีชีวิตอยู่
“ยาตัวนี้จะทำลายภายในไปทุกขณะ
ข้าไม่แน่ใจที่ท่านมินโฮยังมีลมหายใจอยู่จะเป็นเพราะความเป็นคนหนุ่มที่ร่างกายแข็งแรงกว่าคนทั่วไปรึไม่”
“ทั้งที่ก่อนหน้านี้หมอวินิจฉัยว่าเป็นไข้ป่าอยู่น่ะรึ”
แฮซูส่ายหน้าตอบ
“แต่เด็กรับใช้ก็บอกว่ากระอักไอเป็นเลือดมากขึ้นทุกวัน
คิดว่าคงอีกไม่นาน”
ยังกวอนพยักหน้ารับ
อาจจะโหดร้ายไปบ้างกับการถามถึงความคืบหน้าการตายของบุตรชายตัวเอง
แต่การมีอยู่ของมินโฮไม่เคยทำให้ใจของเขาสงบลงได้ และเรื่องที่มินโฮทำกับฮันบิน
มีความจำเป็นไหนกันที่เขาต้องปราณี
“เอาเถอะ หลังจากนั้นก็รอประกาศว่ามินโฮจากไปเพราะไข้ป่า”
ยังกวอนสรุปรอผลที่เหลือซึ่งจะตามมา
“แล้วเรื่องฮันบิน
มีผู้ใดได้รับข่าวการเดินทางกลับบ้างรึยัง”
เพราะพิธีสถาปนาก็น่าจะเสร็จสิ้นไประยะหนึ่งแล้ว
คิดว่าจึงควรถึงแก่เวลาที่คณะเดินทางของบุตรชายตนจะเดินทางกลับ
แต่ยังกวอนก็ยังไม่รับข่าว
ไม่ใช่เรื่องต้องวิตกเท่าเรื่องมินโฮในเวลานี้นัก
แต่ถึงอย่างนั้นยังกวอนก็ยังไม่ไว้ใจว่ามินโฮจะส่งคนไปทำอะไรฮันบินอีกหรือไม่
ไม่มีใครตอบคำถามเหล่านี้ได้
กระทั่งมีเสียงหนึ่งจากเจ้าของร่างผู้มาใหม่เปิดประตูเข้ามา
“เรื่องฮันบินขอท่านพ่อวางใจ
เมื่อทุกอย่างทางนี้เรียบร้อยแล้วข้าจะไปรับน้องด้วยตัวข้าเอง”
ทุกคนในที่ประชุมงุนงงกับการปรากฏตัวของมินโฮ
แม้ใบหน้าชายหนุ่มจะซีดหมองอย่างเช่นคนที่ป่วย
แต่ร่างสูงสง่านั้นก็สามารถพาตัวเองเดินมาได้อย่างมั่นคงและนั่งลงตรงที่นั่งด้านขวามือของคนเป็นบิดา
เหล่าขุนนางต่างพยายามสำรวมกิริยาไม่ให้อยู่ในอาการตระหนกกับการเห็นมินโฮที่คล้ายหายป่วยมาเข้าร่วมประชุมได้เช่นนี้
ในขณะที่ยังกวอนมองคนที่ได้ชื่อว่าเป็นบุตรชายด้วยสายตาไม่พอใจ
“ท่านมินโฮป่วยอยู่
เหตุไฉนถึงต้องลำบากมาประชุม”
ขุนนางคนหนึ่งกล่าวถามกลบเกลื่อนเรื่องที่ตัวเองคิดอยู่
“ไม่รู้ว่าท่านยองมินเป็นห่วงเรื่องสุขภาพข้าขนาดนี้
แต่อย่างไรก็ต้องขอขอบคุณ”
มินโฮกล่าว
ดวงตาคู่คมกวาดสายตามองไปยังขุนนางทีละคนบรรยากาศในห้องตอนนี้ดูกระอักกระอวนนัก
สายตาคู่คมนั้นมองไปยังจุดหนึ่งที่ว่างเปล่าอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่
“ตาแก่ยองแดไม่มารึ” มินโฮถาม
หลายคนขมวดคิ้วกับคำใช้เรียกอีกฝ่ายของมินโฮ และไม่มีใครตอบคำถามนี้
“สงสัยจะรู้ตัวรีบหนีไปก่อนใครแล้ว”
มินโฮพูดออกมาคล้ายบ่นเพียงลำพัง
ก่อนที่มือหนาของคนหนุ่มจะคว้าผลส้มซึ่งจัดไว้อยู่บนถาดกลางโต๊ะมาปอกกินอย่างไร้มารยาท
“กระเพาะข้าไม่ค่อยดีนัก
พักนี้ดื่มอะไรที่ไม่ค่อยดีต่อสุขภาพมาเสียเยอะ”
มินโฮอธิบายสาเหตุถึงกิริยาไร้มารยาทของตน
แต่ถึงอย่างนั้นน้ำเสียง สีหน้าและท่าทางที่แสดงออกมาดูจะไม่ได้คิดว่าสิ่งที่ตัวเองทำไร้มารยาทแต่อย่างใด
ดวงตาคมกล้านั้นสนใจเพียงแต่พิจารณาผลส้มที่ตนเองปอกอยู่มากกว่าสายตาทุกคู่ที่เพ่งมอง
ร่างสูงยังคงทำกิริยาคล้ายคนบ้านป่าไร้การอบรมต่อไป และในที่สุดคนที่ทนไม่ได้กับการเห็นร่างสูงของมินโฮซึ่งอยู่ในสภาพเกือบแข็งแรงและอยู่ในกิริยาเช่นนี้ก็ตวาดขึ้น
“เจ้าเข้ามาทำไม
ไม่มีใครเชิญ” ยังกวอนตวาดคนเป็นบุตร
มินโฮละสายตาจากผลส้มเลิกคิ้วมองอีกฝ่าย
“ข้าแค่มาประชุมตามหน้าที่ข้า
. . . ท่านพ่อ” ตอบอย่างไม่ยี่หระเจ้าของใบหน้าถมึงทึง โดยที่คำพูดหลังเน้นเข้าไปในดวงตาคนที่สนทนาด้วย
“การประชุมครั้งนี้ไม่มีใครเชิญเจ้า
กลับออกไป”
ไม่มีการปฏิบัติตามคำสั่งของผู้ครองแคว้นเกิดขึ้น
ส้มที่ปอกแล้วมินโฮเพียงฉีกมันใส่ปากเท่านั้น
ยังกวอนกำมือแน่นด้วยความโมโห
ขณะที่คนอื่นต่างก็งุนงงกับกิริยาที่ถึงปกติจะมีความแข็งกระด้างบ้างแต่นี่มันออกจะมากกว่าทุกที
และอีกสิ่งที่ทุกคนคิดตรงกัน
คือการที่เห็นร่างสูงของมินโฮยังคงหายใจอยู่ซ้ำยังแข็งแรงพอที่จะเข้าห้องประชุมอย่างนี้
เกิดอะไรขึ้นกับยาพิษที่วางไว้
และมีสิ่งใดที่พวกเขาพลาดไป การกระอักไอใกล้ตายอย่างที่บ่าวรับใช้ซึ่งเฝ้าไว้คอยรายงานคือสิ่งใด
“ถึงข้าอยากจะออกไป
แต่ข้าก็มีน้ำใจกับท่านแฮซูมากพอที่จะไม่ให้เขาโดนตำหนิ” มินโฮกล่าวถึงอีกคน
ทำให้เจ้าของชื่อขมวดคิ้วมอง
“ยาพิษที่ท่านหามาใช้งานได้ดีตามสมควรจนข้าเกือบเอาตัวไม่รอด
ฉะนั้นท่านพ่ออย่าได้ตำหนิเขาเลย”
เหล่าขุนนางตะลึงกับคำที่มินโฮพูดออกมาได้อย่างง่ายดาย
หลายคนมองสบตากันไปมากับคำบอกกล่าวล่วงรู้ความลับในสิ่งที่พวกตนทำแต่ยังกวอนยังคงเพียงกำมือแน่นด้วยโทสะ
บรรยากาศในที่ประชุมมืดหม่นขึ้นไปทุกที
มีเพียงมินโฮที่ดูจะไม่ค่อยใส่ใจกับบรรยากาศนี้เท่าไร
คนร่วมโต๊ะซึ่งหนุ่มกว่าใครยังคงอยู่ในท่าทีที่ดูสบาย
“ข้าบอกให้เจ้าออกไป” ยังกวอนย้ำคำเดิม
ดวงตาดุไม่ต่างจากราชสีห์จับจ้องไปที่บุตรชายของตน แต่มินโฮยังคงเป็นเฉกเช่นเดิม
ไม่นำพาต่อคำขับไสนั้น
“ขอข้ากล่าวความในใจสักนิดเถอะ
ก่อนจะไม่มีโอกาส หลังจากนั้นไม่ช้าไปนักข้าจะออกไปแต่โดยดี”
เหล่าขุนนางในห้องประชุมต่างพากันสงสัยในคำพูดที่จะตามมา
ขุนนางชั้นผู้ใหญ่แต่ขี้ขลาดบางคนถึงกับลอบกลืนน้ำลาย
แต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่ไม่พอใจในท่าทีของมินโฮ
“ท่านยองมิน”
มินโฮกล่าวเรียกขุนนางคนหนึ่ง
“เป็นผู้ใหญ่ที่น่าเคารพนักข้าซาบซึ้งจนสุดหัวใจกับคำแนะนำให้ข้าไปประจำอยู่ชายแดนของท่านในที่ประชุม
ข้าไม่แน่ใจหรอกนะว่าท่านกับพ่อข้าใครเป็นผู้เริ่มคิดได้ก่อนกันกับการส่งข้าไปอยู่ที่นั่น
ตั้งแต่เมื่อสิบเอ็ดปีก่อน แต่อย่างไรก็ขอขอบคุณ มันช่วยให้ข้ามีอาณาจักรเล็กๆของตัวเองขึ้นมาเลยทีเดียว”
ยังกวอนขมวดคิ้วให้กับคำพูดดังกล่าว
“แต่ที่นั่นหาได้มีสิ่งใดเจริญตา
และทำให้ข้าเจริญใจนัก . . . ต่างจากที่นี่”
ยังกวอนไม่แน่ใจนักกับคำพูดดังกล่าวที่มินโฮตั้งใจหันมามองทางตน
อีกฝ่ายต้องการสื่อสิ่งใดกันแน่
“แล้วก็ท่านแฮซู
ข้าได้บอกไปแล้วว่ายาพิษที่ท่านหามานั้น มันออกฤทธิ์ได้ดีจริง
ข้าคิดว่าข้าจะตายเพราะมันอยู่แล้ว
แม้แต่ตอนนี้ในร่างกายของข้าก็ยังทรมานเพราะมันอยู่”
“พร่ามอะไร
ข้าบอกให้เจ้าออกไปไง” ยังกวอนตะคอกตัดบท
แต่มินโฮส่ายหน้าตอบ
“เป็นพ่อที่ไม่ได้สนใจคำที่ลูกอยากจะบอกเลย
ข้าบอกแล้วว่าต้องการพูดสิ่งที่อยู่ในใจกับพวกเขาสักหน่อย” มินโฮแสร้งตัดพ้อแล้วพูดต่อไป
สายตาเปลี่ยนไปจับจ้องขุนนางอีกสองคน ซึ่งนั่งติดกัน
” . . . ท่านแทบิน
ท่านซึงวูที่เห็นด้วยและช่วยส่งเสริมกับทุกแผนการเสมอมาขอชื่นชมจากใจในความเสมอต้นเสมอปลายนี้
. . . ขาดก็แต่เจ้าแก่ยองแดที่ไหวตัวทัน”
เหล่าขุนนางเริ่มประหวั่นกับท่าทีและบรรยากาศไม่ชอบมาพากลนี้
เหมือนคนหนุ่มกำลังจะทำสิ่งร้ายอะไรบางอย่าง หลายคนเริ่มอยู่ไม่เป็นสุข
แต่มินโฮยังคงกล่าวต่อไปไม่ใส่ใจท่าทีคนเหล่านี้
“ผู้ออกความคิดให้สังหารบุตรนอกสมรสให้หมดเมื่อสิบหกปีก่อน
ผู้เป็นสาเหตุในการสังหารแม่ข้า . . . จุดนี้ข้าขอคารวะจากใจหาได้มีการเสแสร้ง”
มินโฮกล่าวอีกครั้ง
แน่นอน
ชั่วชีวิตคนที่มินโฮกลัวที่สุดคือหญิงซึ่งให้กำเนิดตนมา . . . ในเมื่อนางจากไปแล้ว
ยังมีผู้ใดและสิ่งใดให้มินโฮต้องกลัวกัน
คนในห้องประชุมต่างกระสับกระส่าย
มินโฮนั่งเอนหลังเงียบเหมือนรอฟังบางสิ่งอยู่
ในที่สุดประตูของห้องประชุมก็ถูกเปิดเข้ามา
พร้อมทหารเวรยามคนหนึ่งกระหืดกระหอบเข้ามาด้วยอาการแทบหมดอากาศหายใจ
“ทะเล่อทะล่าเข้ามาได้อย่างไร” ยองมินกล่าวตำหนิทหารหนุ่มคนนั้น
แต่มุมปากของมินโฮเหยียดยิ้มขึ้น
“หัวเมืองชั้นนอกส่งข่าวมาว่าถูกกองทัพทหารจากชายแดนบุกโจมตี
ตอนนี้พวกนั้นมุ่งหน้าเข้ามาทางตัวเมืองแล้วครับท่าน” ทหารหนุ่มกล่าวอย่างเหนื่อยหอบ
สิ้นคำนั้น ทุกคนต่างตระหนกกับสิ่งที่ได้ยินต่างจับจ้องไปที่มินโฮ
“. . ท่านทำสิ่งใดกัน
ทหารพวกนั้นเข้ามาทำไม” แฮซูถาม น้ำเสียงร้อนรน
มินโฮที่มุมปากยกยิ้มอยู่ จ้องตากับคนถาม ก่อนจะพูดออกมา
“นั่นล่ะที่ข้าอยากจะบอก
. . . ข้าอยากกล่าวคำอำลากับทุกคนที่มีส่วนร่วมให้ข้ามีวันนี้ . . .
คงต้องกล่าวว่าขอบคุณและลาก่อนสินะ”
เหล่าขุนนางต่างมองไปรอบตัว
ทันใดนั้นเสียงเท้ากระทบพื้นเป็นจังหวะก็ดังขึ้นมาพร้อมร่างของทหารสิบนายกรูเข้ามาจากหน้าประตู
โดยเมื่อผ่านร่างทหารหนุ่มผู้ซึ่งมารายงานเหตุการณ์และยืนอยู่หน้าประตูทหารผู้ส่งข่าวคนดังกล่าวก็ถูกแทงทะลุร่างจนร่วงลงไปกับพื้นเป็นคนแรก
ก่อนที่เหล่าทหารจะเข้ามากดไหล่ของเหล่าขุนนางและยังกวอนไว้ไม่ให้ไปไหน
“จะทำอะไร”
เหล่าขุนนางต่างร้องด้วยความตระหนก
ยังกวอนจับจ้องใบหน้าของคนที่เป็นบุตรชาย
ซึ่งเหยียดยิ้มส่งสายตาเกลียดชังไปให้ทุกคน
ก่อนที่ทหารของข้าจะมา
คนของข้าแทรกซึมและยึดปราสาทนี้ไว้หมดแล้ว . . . เอาล่ะ คงต้องกล่าวคำอำลาอีกครั้ง”
มินโฮยกมือกางนิ้วทั้งห้าขึ้นบนอากาศ
เหล่าขุนนางผู้ชราต่างพยายามขัดขืนหนีการจับกุม
แต่ผมของพวกเขาก็ถูกทึ้งให้ศีรษะแหงนเงยขึ้นมา
มีดเย็นเฉียบถูกจ่ออยู่บนลำคอขุนนางเหล่านั้น
และทันทีที่มินโฮกำมือเป็นสัญญาณ
คมของมีดก็กรีดลึกบนลำคอผู้คนเหล่านั้น จนเลือดกระเซ็นเปรอะเปื้อนไปทั่วห้องประชุม
ร่างขุนนางทั้งห้าร่างถูกปล่อยให้หัวฟาดลงบนโต๊ะกระตุกไปมาอย่างทรมานก่อนจะขาดใจ
ชวนให้สยดสยองและสังเวชในเวลาเดียวกัน
ยังกวอนซึ่งถูกทหารสองคนควบคุมตัวอยู่
ไม่ได้มีสายตาหวั่นกลัวกับสิ่งน่าสยดสยองที่อยู่ตรงหน้า
สายตาของผู้ปกครองแคว้นมีแต่ความเกลียดและแค้นส่งไปให้บุตรชายตน
“ไอ้สารเลว” ยังกวอนเค้นเสียงด่ารอดไรฟัน
มินโฮเพียงเหยียดยิ้มให้กับคำด่านั้นเท่านั้น มองพญาราชสีห์ที่ติดอยู่ในบ่วงของตน
✥✥✥
ทางด้านฝั่งตะวันตก
ร่างสูงของจีวอนยืนอยู่บนกำแพงเมืองซึ่งเป็นป้อมปราการชั้นนอก มองลงไปเบื้องล่าง
ที่แห่งนี้ทหารหลายหมื่นนายกำลังฝึกซ้อมกันอยู่
สุดลูกหูลูกตาจากตรงนี้จะมองเห็นทั้งพื้นที่ทำการเกษตร
หมู่บ้านน้อยใหญ่ซึ่งตั้งเรียงรายอยู่หัวเมืองชั้นนอก แม่น้ำสายแคบ
และในวันที่ฟ้าสว่างสดใสเช่นวันนี้จากตรงนี้จะสามารถมองเห็นแนวเทือกเขาซึ่งกั้นแบ่งระหว่างแคว้นฝั่งตะวันออกและตะวันตกออกจากกัน
ดวงตาคมภายใต้แว่นกรอบใสเพ่งมองไปที่จุดดังกล่าว
ในหัวประมวลอยู่ในความคิด ก่อนที่จุนฮเวองครักษ์จะพูดบางอย่างขึ้น
“ตอนนี้ทหารชายแดนพวกนั้นคงไปถึงตัวเมืองแล้ว”
จุนฮเวกล่าว
เพราะคนเป็นนายสั่งทหารไปสืบดูความเคลื่อนไหวความเป็นไปของทหารชายแดนฝั่งตะวันออก
ในที่สุดข่าวการเคลื่อนไหวของพวกนั้นก็ได้รับกลับมาตั้งแต่เมื่อสามวันที่แล้ว
กองทัพชายแดนตะวันออกซึ่งเป็นทัพภายใต้การบัญชาของมินโฮละหน้าที่ปฏิบัติจากเขตพรมแดน
มุ่งหน้าสู่ตัวเมือง
“ทำไมเราไม่ใช้โอกาสนี้
. . .” จุนฮเวถามคนเป็นนายแต่จีวอนส่ายหน้าตอบ
“มันยังไม่ถึงเวลา”
จีวอนกล่าว ก่อนจะพูดขึ้นต่อ
“ข้าจะดูสกปรกขนาดไหนกันหากทำเช่นนั้น”
จุนฮเวพยักหน้ารับผู้เป็นนายแม้จะนึกเสียดายโอกาสดีงามนี้
แต่เมื่ออีกฝ่ายเห็นควรตามนี้จุนฮเวก็คงไม่ขัด
ภาพลักษณ์ของผู้เป็นนายก็เป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่ง
“พนันกับข้าสักหน่อยไหมจุนฮเว”
องครักษ์หนุ่มมองจีวอน
เจ้าของดวงตาเรียวที่ดูล้ำลึกภายใต้แว่นกรอบใส
จุนฮเวไม่คิดว่าการเล่นพนันอะไรกับอีกฝ่ายตนจะเป็นฝ่ายชนะ
“ราชสีห์เฒ่ากับสุนัขกัดกันใครจะเป็นผู้ชนะ”
จุนฮเวขมวดคิ้วคิดตาม
“ข้าไม่แน่ใจนัก
แต่จากรูปการตอนนี้ข้าคิดว่าเป็นสุนัข” จุนฮเวตอบผู้เป็นนาย
ความคิดของตนนั้นสองจิตสองใจอยู่
แต่เท่าที่ดูฝ่ายที่พร้อมและลงมือก่อนย่อมได้เปรียบ
จีวอนเหยียดยิ้มมุมปากให้กับลูกน้องคนสนิท
“จะเล่นพนันอย่างไรในเมื่อข้าก็เล่นข้างสุนัขไว้เช่นกัน”
จีวอนกล่าว จุนฮเวเลิกคิ้วฟังคนเป็นนายพูดต่อไป
องครักษ์หนุ่มรู้ดีว่าสำหรับผู้เป็นนายของตนย่อมรู้ล่วงหน้าว่าเหตุการณ์จะเป็นอย่างนี้
ก่อนที่เรื่องจะดำเนินมาถึงขั้นนี้นานแล้วด้วยซ้ำ
“สุนัขพอโดนเหยียบหางมันกัดได้ทุกอย่างล่ะ
ยิ่งเป็นสุนัขข้างถนนด้วยแล้ว มันไม่มาสำนึกหรอกว่าผู้ที่มันกัดนั้นเป็นใคร . . .
ก็เพราะว่าไม่มีใครเคยมีบุญคุณกับมันอย่างไรล่ะ . . .
ยิ่งเป็นสุนัขที่ถูกเหยียบหางครั้งแล้วครั้งเล่า
คิดรึว่ามันจะไม่เตรียมการไว้ทุกอย่างเพื่อกัดตอบได้ในทันที”
✥✥✥
เสียงกลองศึกและระฆังเตือนภัยดังระงมไปทั่วเมือง
เป็นเวลาหกชั่วยามแล้วตั้งแต่กองทหารจากชายแดนทะลวงเข้าหัวเมืองชั้นในมาได้
จากท้องฟ้าสว่างจ้าตอนนี้กลับมืดลงเมื่อถึงเวลาค่ำคืน
ยังกวอนปิดตาลง ขณะที่มินโฮนั่งนิ่งฟังเสียงฟาดฟันจากภายนอก
ไม่ช้าไม่นานมินโฮมั่นใจว่าฝ่ายตนจะเป็นผู้ได้ชัยชนะ
. . . ทหารในตัวเมืองที่ทำหน้าที่ไม่ต่างจากเวรยามเสวยสุขไปวันๆ
มีหรือจะสู้กองกำลังพวกเหลือเดนของตนที่เสี่ยงตายออกรบมานับครั้งไม่ถ้วน
ซุ่มซ้อมอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันก็เพื่อวันนี้ ซึ่งอาจมาถึง
ทหารที่พร้อมรบกับเหล่าทหารที่ไม่เคยตั้งตัว
ไม่ต่างจากการเอาเด็กเกเรมารังแกเด็กที่เพิ่งหัดคลาน
“รอวันนี้มานานแล้วสินะ” ยังกวอนพูดขึ้น หลังจากถูกบังคับให้นั่งที่เดิมติดต่อกันสิบชั่วยาม
ตัวยังกวอนรู้ดีว่าศึกครั้งนี้ตนคงไม่อาจชนะ
ได้แต่นึกโกรธแค้นการพลาดท่า ไม่สังหารคนดังกล่าวไปตั้งแต่เมื่อสิบหกปีก่อน
“อย่าพูดอย่างนั้นเลย
เป็นท่านไม่ใช่รึ ที่ลงมือก่อน” มินโฮตอบกลับ
ตัวเขาเองก็เกือบเอาชีวิตไม่รอดจากการวางยาพิษที่อีกฝ่ายคิดสังหารเช่นกัน
กลับมาพูดเหมือนเรื่องทั้งหมดจบลงที่ความผิดมินโฮแต่เพียงผู้เดียว
“หากนั่นเป็นเพราะเจ้าคิดฆ่าฮันบินก่อน
มีเหตุผลอะไรที่ข้าต้องเลี้ยงสุนัขที่มาแว้งกัดเอาไว้”
“ข้าน่ะรึทำร้ายฮันบิน”
มินโฮตะคอกกลับ
“อย่างข้าน่ะรึจะทำร้ายฮันบิน
. . . ข้ารักฮันบินมากกว่าที่ท่านคิดเอาไว้นัก”
ยังกวอนไม่คิดเชื่อคำพูดอีกฝ่าย
ชายสูงวัยกว่าเพียงแต่สบถอะไรออกมาไม่เป็นคำ
“ท่านเป็นเพียงตาแก่ที่เคยเกรียงไกร
แต่ตอนนี้ . . . เท่าที่ข้าเห็น ท่านก็เป็นเพียงคนแก่หัวรั้นโง่ๆคนหนึ่ง”
ร่างสูงเอนกายกับพนักพิงเพราะร่างกายที่ยังไม่เป็นปกติและพิษที่ยังขับออกมาไม่หมดทำให้มินโฮเหนื่อยอ่อน
เอนหลังอยู่เพียงพักทหารรับใช้ซึ่งซึงฮุนเตรียมไว้ใช้ลอบส่งยารักษาให้กับเขา
ก็เข้ามาพร้อมแก้วบรรจุของเหลวสีคล้ำ
“ข้าต้องพักดื่มนี่สักหน่อย
แต่ไม่ต้องกังวลไป อีกไม่นานของท่านก็จะตามมาเช่นกัน”มินโฮกล่าว
พร้อมยกแก้วยารสขมขึ้นดื่ม
ยังกวอนมองคนที่เป็นบุตรชาย
ปากชายสูงวัยกว่าบิดเบี้ยวไปด้วยความดูถูก
“สันดานกบฎของหมาลอบกัด
คิดทำสิ่งนี้มานานแล้วสิท่า”
การที่ทหารชายแดนเตรียมความพร้อมเข้าตีตัวเมืองได้
ทั้งที่ตัวสั่งการยังนอนป่วยอยู่จะมีสิ่งใดนอกจากพวกชายแดนซ่องสุมกำลังพร้อมจะทำการกบฏได้ทุกเวลา
ทุกอย่างถึงได้เกิดขึ้นอย่างทันท่วงทีและรวดเร็วถึงเพียงนี้
มินโฮที่ดื่มยาจนหมดแก้วไม่ได้ปฏิเสธกับข้อกล่าวหานี้
“ต้องบอกว่าเพราะข้าได้พ่อแม่ที่ดีจะดีกว่า” ชายหนุ่มตอบ
เพราะตั้งแต่เกิด
สำหรับมินโฮแล้วเขาเรียนรู้มันได้ดีว่า
หากไม่เตรียมพร้อมหรือลงมือทำกับอีกฝ่ายก่อนตนนี่ล่ะจะเป็นผู้ถูกฆ่า
เมื่ออีกฝ่ายสุมไฟเข้าใส่เขาแล้วอย่างนี้
. . . ทำไมมันจะไม่ถึงเวลาที่เขาควรลงมือล่ะ
“สันดานมักใหญ่ใฝ่สูงในตัวเจ้าข้าประเมินมันต่ำไปด้วยซ้ำ”
“ข้าก็เพียงรักษาชีวิตตัวเอง”
มินโฮกล่าว
“เมื่อมีผู้ให้กำเนิดเช่นนี้ไม่คิดว่าข้าจะสมควรป้องกันตัวบ้างหรือไร”ชายหนุ่มบอกและไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงนั่งนิ่งรอฟังเสียงจากภายนอก
คอยฟังเสียงสงครามรอให้มันจบไป
จนกระทั่งสองชั่วยามต่อมา
ประตูห้องก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง พร้อมด้วยร่างสูง
ที่เต็มไปด้วยคราบเลือดและเหน็ดเหนื่อยของซึงฮุนที่เข้ามา
“ทหารพวกนั้นยอมพ่ายหลีกลี้กันไปหมดแล้ว”
ซึงฮุนรายงานผู้เป็นนาย
ปากหนาของมินโฮเหยียดยิ้มขึ้นด้วยความพึงพอใจ ขณะที่ยังกวอนปิดตาลง
เมื่อทุกอย่างจบไม่เหลือซึ่งความหวัง เขาพ่ายแพ้ให้แก่บุตรชายซึ่งเขาไม่เคยต้องการ
“ท่านแพ้แล้ว”
มินโฮกล่าว “ถึงเวลาที่ท่านต้องยอมรับและทำให้ทุกอย่างมันจบ”
มีเสียงคนเดินเข้ามาใกล้
และเมื่อยังกวอนลืมตาแก้วเงินบรรจุของเหลวสีแดงสดถูกวางไว้ตรงหน้าเขา
“ทำให้มันจบเถอะ”มินโฮกล่าว
ถือว่าเขาให้เกียรติอีกฝ่ายมากพอแล้วกับการให้อีกฝ่ายเลือกลงมือดื่มยาพิษลงไปด้วยตัวเอง
แทนที่จะให้ผู้อื่นลงมือสังหาร
ยังกวอนปิดตาลงอีกครั้ง
เขารู้ว่านี่กำลังจะมาถึงจุดสุดท้ายในชีวิตของเขา ซึ่งต้องยอมรับ แต่ก็มีสิ่งหนึ่ง
เพียงสิ่งเดียวที่ทำให้เขาห่วงใย
“ฮันบิน” ยังกวอนพูดขึ้น
“อย่าทำอะไรลูกข้า
โปรดปล่อยเขาไป ให้เขามีความสุขตามที่เห็นสมควร”
เป็นครั้งแรกที่คนอย่างยังกวอนจะขอร้องใคร
และคนที่ตนขอร้องคือคนที่เขาคิดฆ่ามาแล้วถึงสองครั้ง
และตอนนี้อีกฝ่ายนั้นกลับกำลังจะฆ่าเขาเอง
มินโฮมองอีกฝ่ายซึ่งเพียงมองยาพิษตรงหน้า
ยังไม่หยิบขึ้นมา
“เรื่องฮันบินท่านวางใจเถอะ
ข้าจะดูแลอย่างดี”
“ข้าเพียงต้องการให้ปล่อยฮันบินไป
อย่ายุ่งกับเขา”
มินโฮเงียบไปก่อนจะตอบกลับ
“ข้าสัญญาเรื่องความปลอดภัยของฮันบิน
ข้าจะไม่ทำอันตรายฮันบินอย่างแน่นอน”
ยังกวอนพยักหน้ายอมรับเมื่อได้ยินคำที่ต้องการฟัง
มือหนาจึงหยิบแก้วยาพิษขึ้นมา เขารู้ว่าอีกไม่นานเขาจะไปหาหญิงอันเป็นที่รัก
จะห่วงก็แต่ฮันบิน หวังว่ามินโฮจะทำได้อย่างที่พูดออกมา
ของเหลวสีแดงสดถูกกลืนลงคอไปจนหมดแก้ว
พิษร้ายของมันเหมือนมีไฟลูกใหญ่เผาไหม้เขาจากภายในไปทั่วร่าง
ร่างยังกวอนบิดงอด้วยความทรมาน จนร่างนั้นลงไปนอนบิดทุรนทุรายที่พื้น
เลือดแดงสดไหลออกจากทุกทวาร
ยังกวอนมองเห็นร่างมินโฮเข้ามาดูตน . . .
ดวงตาคู่คมที่เหมือนเขาราวกับถอดแบบมาจ้องเข้าไปในดวงตาของเขา
และยังกวอนก็ได้ยินสิ่งที่เขาไม่ควรจะได้ยินออกมาก่อนสิ้นใจ
“ข้าจะดูแลฮันบินให้ดี
เสมอเมียคนหนึ่งของข้าวางใจเถอะ”
ดวงตายังกวอนเปิดค้าง
เมื่อรับรู้ถึงสิ่งที่อยู่ในใจของบุตรชายซึ่งสังหารตน . . .
และแม้ตอนนี้ลมหายใจจะถูกปลิดไปแต่ดวงตาที่เปิดอยู่ก่อนสิ้นใจไม่อาจปิดตาม
มินโฮมองร่างสิ้นใจที่ไม่อาจปิดตาลง ศัตรูและผู้ให้กำเนิดของเขาได้จบชีวิตไปแล้ว
ร่างสูงย่อตัวลง
มือหนาคว้ามือร่างที่นอนตายไปแล้วขึ้นมา
ก่อนจะถอดแหวนตราราชสีห์ที่นิ้วกลางของอีกฝ่ายสวมลงบนนิ้วตัวเอง
จากนี้ไปผู้ครองแคว้นของฝั่งตะวันออกคือมินโฮ
✥✥✥
นับตั้งแต่วันสถาปนาขึ้นเป็นผู้ครองแคว้นจบลงฮันบินพบว่าตนเองพบกับจีวอนไม่บ่อยนัก
หลายครั้งและหลายวันมานี้อีกฝ่ายมักออกไปข้างนอกอยู่เสมอซึ่งฮันบินไม่แน่ใจนักว่าเป็นที่ใด
อาจไม่แปลกนักกับภาระหน้าที่ของตำแหน่งผู้ครองแคว้นที่เพิ่งจะได้รับ
งานภาระที่ต้องทำและมีอีกหลายสิ่งอย่างที่ยังไม่ลงตัว แต่ถึงดังนั้น
ทุกการกระทำของจีวอนฮันบินก็อยากจะตั้งข้อสังเกตและสงสัยไปเสียทุกอย่าง
ว่าสิ่งใดกันที่อีกฝ่ายกำลังคิดทำอยู่
ร่างโปร่งผอมเดินเล่นบริเวณภายในสวนของปราสาทด้วยความเบื่อหน่าย
หยุดยืนอยู่ตรงกำแพงที่ตัวเองเคยปีนป่ายอีกครั้ง
บริเวณนี้ไกลสุดแล้วที่ตนจะได้รับอนุญาตให้ออกมาได้
มือขาวแตะทาบอยู่บนกำแพงมองขึ้นไปด้านบน
ต้องทำอย่างไรถึงจะได้ออกไปจากที่นี่กัน
ไม่รู้ว่าทางฝั่งนั้นซึ่งจากมาจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง
ทางนั้นจะรับรู้แล้วหรือยังว่าฮันบินไม่อาจออกไปจากที่นี่ได้
“จริงสิพวกตะวันออกนี่อำมหิตจริงๆเลย”
ฮันบินได้ยินเสียงหญิงสาวคนหนึ่งพูดขึ้น
โดยมีอีกคนตอบรับ
“ลูกฆ่าพ่อได้ก็เป็นยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉานแล้วล่ะ”
“ไม่รู้ว่าคนพวกนั้นเลี้ยงดูกันมาอย่างไร
ถึงได้ต่ำตมถึงเพียงนี้ ท่านฮันบินก็คง .. . .”
ปากของหญิงรับใช้ซึ่งกำลังจะพูดได้แต่อ้าค้างไว้
เมื่อเห็นร่างของเด็กหนุ่มซึ่งเพิ่งถูกเอ่ยชื่อ
มาหยุดยืนฟังสิ่งที่พวกตนสองคนกำลังสนทนาอยู่
ดวงตาหยีเล็กของนางปิดสนิท
ร้องบ่นในใจว่าเคราะห์ร้ายของตนกำลังมาเยือน
เด็กหนุ่มใบหน้านิ่งจับจ้องพวกเธอทีละคน
“คุยถึงเรื่องใดกันอยู่”
ฮันบินถาม หากให้คนอย่างตนจับคำที่สนทนากันมาต่อเป็นเรื่องราว
มันไม่ใช่สิ่งที่ฮันบินจะคิดรับได้
หญิงรับใช้ที่ต่างพากันบ่ายเบี่ยงไม่ยอมตอบคำถามยิ่งทำให้ใจของฮันบินแทบปะทุออกมาด้วยความร้อนรนกังวลใจและโมโห
“ข้าถามว่าคุยสิ่งใดกันอยู่”
ฮันบินตะคอกเสียงดัง แทบไม่เคยเลยที่เด็กหนุ่มจะเป็นอย่างนี้
แต่เมื่อนึกถึงสิ่งที่ตนคิดออก กิริยาคนตรงหน้ามีแต่จะสร้างความโมโห
ฮันบินเพียงกำลังรอคำเฉลยว่าสิ่งที่ตนคิดอยู่มันเป็นเพียงการคาดคะเนที่ผิดพลาดไป
บทสนทนาเมื่อครู่ตนเพียงจับประเด็นและเดาสิ่งที่อาจเกิดนั้นผิด แต่หญิงสองคนที่หดตัวด้วยความหวั่น
ก็ยังเอาแต่เกี่ยงกันไปมาอย่างน่าโมโห จนที่สุดแล้วหญิงคนหนึ่งก็ยอมพูดขึ้น
“อย่าถามหาความจากพวกข้าเลยท่านฮันบิน
เราเป็นเพียงบ่าวรับใช้ หากมีผู้ใดรู้ว่าท่านได้ยินจากเรา พวกเราสองคนจะลำบาก”
ฮันบินกำมือแน่นระงับโทสะกับกิริยาและคำตอบที่ไม่ได้ดังใจของหญิงรับใช้
ร่างผอมสูดหายใจเข้าจนลึกระงับสติอารมณ์ของตน
“ท่านจีวอนอยู่ไหน”
ฮันบินเลือกถามอีกคำถามหนึ่ง
เป็นอีกครั้งที่หญิงสองคนมองหน้ากันก่อนจะพูดออกมา
“ท่านจีวอนไปทำธุระนอกเมืองกว่าจะกลับก็ค่ำค่ะ”
เป็นคำตอบที่ไม่เคยเป็นดังใจเลยสักนิด
ใจฮันบินตอนนี้ไม่อาจเย็นพอนั่งรอจีวอนถึงตอนค่ำได้
ฮันบินเดินจากหญิงรับใช้ทั้งสองไป
เดินกลับเพื่อตรงเข้าไปในตัวปราสาท . . .
ในที่แห่งนี้คนหนึ่งที่ฮันบินเชื่อว่าอีกฝ่ายจะกล้าพูดออกมา
และสิ่งที่พูดออกมานั้นพอจะเชื่อได้ว่าเป็นความจริง
เพียงแค่ฮันบินกำลังจะเดินเข้าไปหาอีกฝ่ายในปราสาท
เด็กหนุ่มผู้นั้นก็เดินออกมาพอดี . . .
ชานอูเลิกคิ้วมองฮันบินซึ่งใบหน้าที่เคยเรียบสงบอย่างทุกทีตอนนี้กลับไม่เป็นเช่นนั้น
“จะรีบไปที่ใดกัน”
ชานอูทักฮันบิน ซึ่งตอนนี้เดินตรงมาหาตนและหยุดอยู่ตรงหน้า
“เกิดอะไรขึ้นที่ฝั่งตะวันออก”
ฮันบินเร่งถามชานอูอย่างตรงไปตรงมา
คนตัวสูงกว่าเงียบเพียงนิดแต่ไม่ได้มีกิริยาอึกอักหน้ารำคาญเช่นหญิงรับใช้สองคนเมื่อครู่ก่อนที่จะบอกเล่าอย่างตรงไปตรงมา
“เกิดการก่อกบฏขึ้นโดยมินโฮพี่ชายเจ้า”
แสงสว่างแห่งความหวังเพียงน้อยนิดของฮันบินดับลงเมื่อสิ่งที่ตนปะติดปะต่อขึ้นจากการสนทนาเมื่อครู่นั้นเป็นจริง
“. . .แล้ว”
ฮันบินถามต่อเสียงคล้ายหมดแรง
“มินโฮตั้งตนเป็นผู้ครองแคว้นตะวันออก
ตอนนี้ทั้งแคว้นอยู่ภายใต้อำนาจกองทหารของมินโฮ” ชานอูบอกเล่าจับจ้องใบหน้าร่างผอมที่ซีดลงทุกขณะ
“ท่านพ่อข้าล่ะ”
ฮันบินถามเสียงเบาหวั่นกลัวสิ่งที่กำลังจะได้ยินยิ่งกว่าคำถามใดๆ
ใจของเด็กหนุ่มเต้นรัวด้วยความหวาดคำตอบที่จะได้รับ
“ดื่มยาพิษตั้งแต่สงครามจบลงไปเมื่อสี่วันก่อนแล้ว”
ฮันบินคิดว่าตนกำลังจะหมดแรงแต่สามารถยืนอยู่ได้
หากคำที่บอกเล่าออกจากปากผู้อื่นฮันบินอาจจะปลอบประโลมหลอกตัวเองว่าเป็นคำโกหกลวงสร้างสถานการณ์ขึ้นมา
แต่เมื่อคนตรงหน้าคือชานอู
สายตาที่จับจ้องมองตนอยู่ ฮันบินรู้ว่าสามารถเชื่อคำพูดอีกฝ่ายได้
ในหัวฮันบินกำลังตีวนกับสิ่งที่ได้รับ
ไร้ซึ่งการประมวลผลใดๆคล้ายทั้งร่างกำลังลอยเคว้งคว้างอยู่บนอากาศไร้ที่จับยึด
ชานอูมองร่างเล็กกว่าซึ่งอยู่ตรงหน้า
แม้ใบหน้าฮันบินจะนิ่งแต่ชานอูรู้ว่าฮันบินไม่รับรู้อะไรอีกต่อไปแล้ว
สิ่งที่เขาเห็นมันทำให้เขา
. . . เป็นห่วงอีกฝ่าย
แต่ชานอูไม่เคยมีเพื่อนและไม่เคยปลอบใจใคร
สิ่งที่เด็กหนุ่มทำได้เพียงแต่ใช้แขนแกร่งของตนโอบกอดอีกฝ่ายอย่างเก้กัง
ร่างผอมที่ชานอูกอดอยู่ยังคงเพียงยืนนิ่ง
มือหนาลูบบนหลังบางอีกฝ่ายเล็กน้อย
เขาไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรให้คนในอ้อมกอดเขารู้สึกดี
เป็นอย่างนี้อยู่เพียงพักก่อนฮันบินจะเป็นฝ่ายขยับตัวออกมา
“ข้าคงต้องนอนพักสักหน่อย”
ใบหน้าขาวที่ดูไร้ความรู้สึกของฮันบินบอกเขาอย่างนั้นแล้วพาร่างของตนเดินเข้าไปในปราสาทกลับเข้าห้องของตัวเอง
ร่างโปร่งผอมของฮันบินกลับมานอนนิ่งอยู่บนเตียงปฏิกิริยาแรกที่เด็กหนุ่มได้รับหลังจากการรู้ข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้
คือการมึนงงตั้งตัวไม่ติดไปกับทุกสิ่งอย่าง ก่อนที่ปฏิกิริยาที่ตามมาคือการปฏิเสธ
ฮันบินหยิบกระดาษขึ้นมาเขียนข้อความเพื่อไถ่ถามเหตุการณ์ของฝั่งนั้น
แม้รู้ว่าจดหมายที่จะส่งไปไม่มีทางไปถึงก็ตาม
แผ่นแล้วแผ่นเล่าที่มือขาวเขียนมันจดบนกระดาษ และสุดท้ายก็จบลงที่ฮันบินขยำมันทิ้งลงกับพื้น
ร่างผอมพาตัวเองมานอนนิ่งลงบนเตียงซึ่งปูด้วยผ้าสีขาว
ดวงตาคู่สวยเหม่อลอยเคว้งคว้างออกไป
ก่อนที่ในที่สุดจะมีหยดน้ำไหลรินออกมาจากตาคู่นั้น
ทุกอย่างเป็นความจริง
ทั้งการกบฏของมินโฮและการจากไปของผู้ให้กำเนิด . . . อีกคนหนึ่ง
น้ำตาของฮันบินไม่เคยไหลออกมานับจากวันที่คนเป็นแม่จากไป
ตอนนี้มันไหลออกมาอีกครั้ง กับการจากไปของผู้ให้กำเนิดอีกคนหนึ่ง
ฮันบินอยากจะเขวี้ยงความโกรธเกลียดไปใส่ทุกคนและทุกอย่าง
ไม่ว่าจะมินโฮ จีวอน . . . หรือแม้แต่ตัวฮันบินเอง
แต่แรงเท่าที่มีของเด็กหนุ่มในตอนนี้
มีเพียงความรู้สึกเคว้งคว้าง คล้ายตัวเองเป็นอากาศธาตุ ไร้ผู้ให้กำเนิด
และไม่มีที่จะให้กลับ
ทั้งข้า
พี่ชายของท่าน รวมไปถึงพ่อของท่านด้วย เป็นคนดีน้อยกว่าที่ท่านคิดไว้เยอะ
คำพูดที่จีวอนเคยบอกไว้ลอยเข้ามาในหัว
เรื่องที่เกิดขึ้นฮันบินรู้แล้วว่าเกิดมาจากสิ่งใด
เพราะเหตุการณ์โดนลอบทำร้ายของตนทุกอย่างมันถึงกับบานปลายมาถึงขั้นที่ตัวฮันบินเองก็นึกไม่ถึง
ดวงตาคู่กลมปิดลงอยากหยุดพักทุกอย่าง
แต่กระนั้นปากสีระเรื่อของเด็กหนุ่มกลับโค้งตัวลงแล้วกลั่นเป็นเสียงสะอื้นออกมา
จีวอนกลับมาในค่ำคืนนั้นเขาได้รับรู้จากชานอูขณะรับประทานอาหารอยู่ว่าฮันบินรู้เรื่องที่เกิดขึ้นทางฝั่งตะวันออกแล้ว
แน่นอนตอนนี้ฮันบินไม่ได้ลงมาร่วมโต๊ะด้วยแม้จะให้บ่าวไพร่ตามไปเรียกแล้วก็ตาม
ร่างสูงของจีวอนหยุดยืนอยู่หน้าประตูของเด็กหนุ่ม
มือหนาตั้งใจจะเคาะประตูเรียกอีกฝ่ายแต่ก็หยุดไว้ แล้วเปลี่ยนใจตามเด็กรับใช้ให้เอากุญแจมา
ประตูห้องถูกเปิดออก
ภายในห้องมืดสนิทมีเพียงแสงจากคบไฟภายนอกส่องเข้ามาบ้างแต่ก็น้อยนิดนัก
จีวอนจึงคลำทางก่อนจะจุดแสงไฟลงบนเชิงเทียน ทำให้แสงสว่างสีนวลส้มปรากฏขึ้นในห้อง
เขามองเห็นร่างผอมของฮันบินไม่ได้อยู่บนเตียง
แต่เด็กหนุ่มกลับเลือกนั่งลงที่พื้นข้างเตียงก้มหน้าแล้วกอดตัวเองไว้
จีวอนไม่แน่ใจนักว่าเขารู้สึกอย่างไรกับสิ่งที่เห็น
แต่มันไม่ใช่ความรู้สึกที่ดีแน่
ร่างสูงเดินเข้าไปหาเด็กหนุ่มย่อตัวลงกับพื้น
แต่เจ้าของร่างผอมบางไม่สนใจจะเงยหน้าขึ้นมามองสักนิด เด็กหนุ่มยังคงก้มหน้าต่อไป
แขนผอมกอดร่างและขาของตนไม่ขยับสักนิด
“คุณชายน้อย” จีวอนเรียกเด็กหนุ่มที่ไม่มีการตอบรับ
สภาพอย่างนี้สิ่งที่จีวอนอยากทำคือการกอดร่างผอมบางของอีกฝ่าย
แขนแกร่งเข้าไปสวมกอดคนที่เอาแต่กอดตัวเองอยู่ แต่สิ่งที่เขารู้สึกในเวลาต่อมา
คือความรู้สึกเย็นจากโลหะเย็นเชียบที่จ่ออยู่บนลำคอของเขา
ฮันบินเงยหน้าขึ้นสบตากับเขาแล้วตอนนี้
ใบหน้าเด็กหนุ่มดูอิดโรยกว่าทุกที
ดวงตาที่อาฆาตเขานั้นตรงขอบตามีรอยแดงจากการร้องไห้มาก่อน . . .
และในมือมีมีดสั้นจ่ออยู่บนคอเขา
“ผู้ครองแคว้นตะวันออกจากไปแล้ว
ถึงคราวของแคว้นตะวันตกบ้างจะเป็นไร”
เสียงเยียบเย็นของฮันบินบอกออกมา
จีวอนจ้องหน้าฮันบิน
ยอมรับว่าตกใจไม่น้อยแต่คนโตกว่าก็ไม่แสดงท่าทียี่หระให้เห็น
“ผู้ครองแคว้นตะวันออกจากไปแล้วมันเกี่ยวสิ่งใดกับข้ากัน” จีวอนตอบซึ่งหลังจากนั้นปลายคมของมีดที่จ่อลำคอตัวเองอยู่ก็กดเข้าเนื้อจีวอนลงมาจนมีเลือดซึม
“สันดานจิ้งจอกพูดออกมาได้” ฮันบินว่ากลับหัวคิ้วจีวอนเลิกขึ้นเล็กน้อยไม่คิดว่าเด็กหนุ่มจะด่าเขาอย่างนี้
เด็กหนุ่มในตอนนี้คงโกรธแค้นจนไม่สนใจสิ่งใดแล้วจริงๆ
เจ้าของดวงตาที่มีร่องรอยแดงเกิดขึ้นจ้องอีกฝ่ายอยากจะกดมีดฆ่าให้ตายเสียเดี๋ยวนี้
. . . ไม่เกี่ยวกับตนอย่างนั้นรึ
ในเมื่อยอมรับมาเองว่าวางแผนทุกอย่างให้ฝั่งตะวันออกผิดใจกัน
“เพราะแผนของท่าน . . .
สมใจแล้วใช่ไหมที่มันเป็นอย่างนี้ แล้วจะทำสิ่งใดอีก . . . ฆ่าข้า รึมินโฮต่อ”
เด็กหนุ่มคาดคั้นแต่จีวอนดูจะไม่ใส่ใจกับคำถามนัก
เจ้าของดวงตาเรียวจับจ้องใบหน้าฮันบิน
“หยุดโยนทุกความผิดมาที่ข้าเสียทีเถอะ”
จีวอนกล่าวกับเด็กหนุ่มก่อนจะพูดต่อ
“เป็นความผิดข้าหรืออย่างไรที่ครอบครัวท่าน
ไม่ว่าจะพ่อหรือจะลูกก็ต่างฆ่ากันได้อย่างเลือดเย็น”
มีดบนลำคอจีวอนถูกกดให้สร้างบาดแผลขึ้นอีกครั้ง
เขารู้ว่าเขาพูดแทงใจเด็กหนุ่มอยู่
แต่ดวงตาคู่สวยนั้นก็ยังคงมองมาที่เขาอย่างเคียดแค้น
“ไม่ว่าอย่างไรคนอย่างท่านก็ไม่มีความผิดเลยสินะจีวอน” ร่างผอมเรียกเพียงชื่ออีกฝ่ายอย่างโกรธเคือง
“วางแผนมาทุกอย่างแต่ตัวเองกลับไม่มีความผิด”
“หากคิดว่าข้าผิดคุณชายน้อยก็ฆ่าข้าเลยสิ
มัวรอสิ่งใดอยู่” คำท้าของจีวอนทำให้มือฮันบินกดมีดลึกลงกว่าเดิมจนเลือดอีกฝ่ายไหลลงมาตามคอแต่ถึงอย่างนั้นร่างสูงกว่าก็ไม่ได้คิดขัดขืนปล่อยให้เด็กหนุ่มทำสิ่งนั้น
ดวงตาเรียวคมจับจ้องเข้าไปในตาของเด็กหนุ่ม
มันสั่นไหว มือของฮันบินสั่นไม่กล้าสังหารใครขึ้นมาจริงๆ
“ทำสิ” จีวอนท้าขึ้นอีกครั้ง
ฮันบินอยากรวบรวมความกล้าปาดคออีกฝ่ายให้สิ้นใจไป
แต่ที่ทำได้เพียงกดมีดลงที่ผิวเนื้อด้านนอกสร้างรอยอีกแผลเท่านั้น
“หากท่านไม่ทำ” จีวอนขยับตัวเปลี่ยนท่านั่งจนอยู่สูงขึ้น
มีดยังตามจ่อคอของชายที่โตกว่า แต่ตอนนี้มือที่จับมีดนั้นหลวมกว่าเดิม
จีวอนจึงคว้ามือนั้นแล้วแย่งมีดออกมาโยนให้พ้นตัว
ดวงตายังคงจับจ้องที่ฮันบิน
อีกฝ่ายเมื่อไม่มีอาวุธอยู่ในมือตอนนี้เหมือนเด็กตัวเล็กๆที่ไม่มีที่พึ่งและยึดเหนี่ยว
แขนแกร่งจับตัวฮันบินไว้แล้วโอบร่างผอมบางอุ้มขึ้นมาไว้บนเตียง
ร่างสูงตามทาบทับดวงตาจับจ้องเข้าไปในดวงตาเด็กหนุ่มไม่วางตา
มือหนาจับแขนผอมทั้งสองข้างให้อยู่เหนือหัวฮันบิน
“ข้าอยากกลับบ้าน”
คล้ายคำขอจากสิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆที่บาดเจ็บและน่าสงสารแต่ร่างหนายังคงกักขังเด็กหนุ่มไว้ใต้ร่างของตน
“ไม่มีบ้านให้ท่านกลับแล้ว” จีวอนพูดเสียงแผ่วเบา
พลันน้ำตาของฮันบินก็ไหลลงมา
เด็กหนุ่มรู้ดีว่ามันเป็นดังที่อีกฝ่ายพูด
ตนไม่มีใคร . . . ไม่มีแม้แต่ที่จะให้กลับ
“อยู่ที่นี่”
จีวอนบอก
“ไม่ต้องไปไหน”
ปากหนาพรมจูบกลุ่มผมนุ่ม
“อยู่กับข้า”ละลงมาสูดกลิ่นอ่อนตรงซอกคอขาว
ร่างใต้ร่างกำลังขัดขืนเขาแต่จีวอนก็ยังกดอีกฝ่ายไม่ไปไหน
จูบแผ่วเบาสัมผัสตรงผิวหน้า ไล่เล็มหยดน้ำตาให้ออกจากใบหน้าขาว
ฮันบินยังคงเบี่ยงหน้าหนี
มือหนาที่กักขังแขนผอมไว้จึงละออกมา จับประคองหันหน้าฮันบินให้หาตัวไม่ให้ใบหน้าขาวนั้นเบี่ยงหนีไปไหนได้
มอบจูบปรนเปรอเด็กหนุ่มนับครั้งไม่ถ้วน
จูบย้ำบนปากอิ่มที่ดิ้นหนี
แต่สัมผัสลุกล้ำที่แผ่วบ้างหนักบ้างล่อหลอกเด็กหนุ่มทุกหนทางจนในที่สุดก็ได้ชิมความหวานจากภายใน
เสื้อผ้าฝ้ายสีขาวเนื้อบางของเด็กหนุ่มถูกปลดออกจากตัว
ปรากฏผิวขาวชวนมองและตุ่มไตเม็ดเล็กสีสดขึ้นสู่สายตา
“อ . . อย่า”
ฮันบินร้องห้ามอีกฝ่ายน้ำตารินไหลออกมา
เรื่องที่ตนเจอมาวันนี้มันมากพอแล้วไม่ควรเจอสิ่งนี้อีก
กว่าอารมณ์ความพึงพอใจในรสที่ได้เสพของจีวอนจะสงบลง ร่างเด็กหนุ่มก็ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงที่จะร้องออกมา
“นอนพักซะ
ไม่ต้องคิดอะไร ไม่ต้องไปไหนอยู่กับข้าที่นี่”
บอกจบเจ้าของแขนก็เข้ามานอนกอดฮันบินจากด้านหลังอีกครั้ง
อ้อมกอดที่แสนน่ารังเกียจแต่ฮันบินก็ไม่อาจขัดขืนได้ เพียงแต่หลับตาลง
✥✥✥
ความคิดเห็น