ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic] Amaryllis : : Doubleb , ikon

    ลำดับตอนที่ #7 : ตอนที่ ๗

    • อัปเดตล่าสุด 8 ต.ค. 58




    เมื่อจีวอนออกไปแล้วฮันบินยังคงนอนนิ่งอยู่กับเตียง มือขาวสัมผัสอยู่บนปากสีแดงเรื่อของตัว นึกถึงคำที่จีวอนพูดออกมา แล้วจะมีอะไรเกิดขึ้นต่อจากนี้กัน อะไรกันที่ตัวฮันบินเองยังคิดไม่ถึง

     คิ้วเรียวสวยขมวดพลางพยายามคิด แต่ก็ต้องโมโหตัวเองที่เผลอไปนึกถึงสิ่งอื่น จนต้องใช้มือที่ปิดปากตัวเองอยู่ ถูเช็ดมันออกแรงๆจนปากอิ่มแดงขึ้นกว่าเดิม

    นี่มันเรื่องงี่เง่ามากที่เขาถูกอีกฝ่ายทำอย่างนี้ มันน่าสับสนและหงุดหงิดจนรบกวนสมาธิในการไตร่ตรองแผนร้ายของอีกฝ่าย

     ฮันบินจะคิดว่ามันเป็นเรื่องไม่เข้าท่าและไม่ควรนำมาเป็นประเด็น คิดว่าจูบแรกของตนเองคือการพยายามช่วยชีวิตของฮงซอกคงดีกว่าเรื่องเมื่อครู่นี้

    เด็กหนุ่มพยายามเอาเหตุการณ์ซึ่งฮันบินถือว่าเป็นเรื่องหยุมหยิมนั้นออกจากหัว ครุ่นคิดถึงคนที่เพิ่งออกไป

     จีวอนนอกจากร้ายกาจแล้วยังเป็นคนที่ฉลาดมาก เป็นนักแสดงที่เสแสร้งได้ชั้นครู ยังไม่นับประสบการณ์ ความปลิ้นปล้อนและกิริยาที่ชวนให้อึดอัดนั่นอีก ศัตรูที่น่ากลัวอย่างนี้เมื่อประกาศว่าจะเลิกใส่หน้ากาก แล้วจะมีสิ่งใดตามมาอีก 

     

    และสิ่งใดที่ว่ามันก็ตามมาได้อย่างรวดเร็วนัก เมื่อเช้าวันต่อมาฮันบินพบว่าไม่มีบ่าวไพร่รวมไปถึงองครักษ์สักคนของตนอยู่ที่นี่แล้ว

    ร่างโปร่งผอมเดินออกมามองรอบสวนของตัวปราสาท ทั้งบ่าวรับใช้ องครักษ์ที่ทำงานอยู่ล้วนแต่เป็นคนของฝั่งตะวันตกทั้งนั้น ฮันบินเดินกลับเข้าไปยังปราสาทอีกครั้ง ขึ้นไปยังชั้นที่สี่ก็พบจีวอนซึ่งเดินออกมาจากห้อง

    "คุณชายน้อยตามหาข้าอยู่หรือเปล่า" จีวอนถามเด็กหนุ่ม นึกขำในใจที่ตอนนี้เจ้าของใบหน้าขาวคงกำลังเดาเรื่องให้เป็นแง่ร้ายที่สุดเท่าที่จะนึกออกได้ ดูจากในดวงตาที่หวั่นวิตกจนปิดไม่มิดนั้น

    ทำไมถึงได้เป็นเด็กอย่างนี้ก็ไม่รู้

    "ข้าตามหาเด็กรับใช้และองครักษ์ข้า หากพวกเขารบกวนท่านอยู่ที่ไหนช่วยบอกข้าด้วย"

    ฮันบินถามอีกฝ่ายรู้สึกกังวลเป็นห่วงเด็กรับใช้ ไม่รู้ว่าร่างสูงใจคอโหดร้ายนี้จะทำอะไรคนพวกนั้นบ้าง

    "จากเหตุการณ์ที่คุณชายน้อยทำ คิดว่าข้าจะปล่อยให้คนพวกนั้นอยู่กับท่านรึ"

    ร่างสูงตอบอย่างไม่คิดจะปิดบังอยู่ภายใต้หน้ากาก 

    ฮันบินมองเจ้าของใบหน้าซึ่งใส่แว่นกรอบใสอยู่อย่างคาดโทษ คนใจคอโหดเหี้ยมเช่นนี้ ฮันบินไม่หวังว่าบรรดาคนของตนจะยังมีลมหายใจอยู่

     มือบางกำเข้าหากัน อยากจะบีบคออีกฝ่ายให้ตายคามือ คนคนหนึ่งจะมีความอำมหิตในใจได้แค่ไหนกัน

    "หากอยากจะกล่าวโทษก็โทษวีรกรรมตัวท่านเองก่อนเถอะ หากให้คนของท่านอยู่ต่อไป ไม่พยายามติดต่อกับทางนั้น ก็คงคิดพากันหลบหนี หากคุณชายน้อยอยู่อย่างสงบ มันจะไม่เป็นอย่างนี้เลย"

    จีวอนบอกเด็กหนุ่ม มือหนาเข้าไปลูบแก้มใส ไล่ไปถึงใบหู เด็กหนุ่มกำลังโกรธเขา แต่จีวอนกลับจับจ้องไปที่ปากอิ่มสวยนั้น . . . ที่ได้สัมผัสไปเมื่อค่ำวาน

    "ในเมื่อกล้าทำเรื่องโหดร้ายถึงเพียงนั้นกับผู้ไม่มีความผิด ทำไมไม่ตัดหัวข้าเสียบประจานเสียเลยล่ะ"

     ฮันบินปัดมืออีกฝ่ายออกจากการสัมผัสหน้า รังเกียจคนชั่วร้ายจนไม่อยากให้โดนตัวหรือหายใจใช้อากาศร่วมกัน 

    จีวอนเลิกคิ้วให้กับคำพูดและกิริยาของเด็กหนุ่ม

    "ข้าจะทำอย่างนั้นไปเพื่ออะไร เคยบอกแล้วว่าข้าไม่ได้ต้องการให้คุณชายน้อยเจ็บ"

    ฮันบินไม่ได้สนใจคำเกี้ยวพานั้น ลำพังคิดจะกักขังตนไว้ก็เป็นเรื่องแย่พอดูแล้ว แต่การสังหารคนพวกนั้นมันยิ่งทำให้ฮันบินรังเกียจอีกฝ่ายขึ้นไปอีก

    ในเมื่อไม่อยากให้ฮันบินสวมหน้ากาก เด็กหนุ่มก็ส่งสายตาเกลียดชังไปให้อีกฝ่ายอย่างไม่ปิดบัง

    "ความรู้สึกข้าไม่มีความหมายเลยสินะ" จีวอนถาม

    "หากข้าบอกว่าองครักษ์บ่าวไพร่พวกนั้นยังมีชีวิตอยู่ตามสมควรในที่ซึ่งข้าเตรียมไว้ มันจะช่วยลดสายตาเกลียดชังของคุณชายน้อยได้หรือไม่" ร่างสูงถามต่อ

    ใบหน้าที่โกรธแค้นของฮันบินเปลี่ยนเป็นสงสัยแทน

    "ทั้งที่ข้าไม่เคยพูดเลยสักนิด แต่คุณชายน้อยกลับคิดไปเองแท้ๆว่าข้าทำร้ายคนพวกนั้น"

    "แล้วพวกเขาอยู่ไหน" ฮันบินถามอย่างไม่แน่ใจ

    "อยู่ในที่ซึ่งข้าเตรียมไว้ และไม่มีใครตาย คุณชายน้อยจะเชื่อหรือไม่แต่ข้าไม่มาโกหกด้วยเรื่องบ่าวไพร่แค่นี้หรอก" จีวอนบอกขณะที่ฮันบินไม่แน่ใจว่าควรจะเชื่อคำที่อีกฝ่ายพูดหรือไม่ แต่หากเป็นจริงดังนั้น มันคงช่วยให้ฮันบินคลายกังวลใจลงไปบ้าง

    "พอจะคลายความโกรธเกลียดข้าลงไปได้บ้างหรือยัง"

    จีวอนถามต่อ มือหนาจับไปที่แก้มนวลของเด็กหนุ่มให้สบตากับตนมองหาความเกลียดชังที่อยู่ในนั้น

    "ในแผนการที่ท่านกังวล เชื่อเถอะ ว่าการที่ข้ามาหลงในตัวคุณชายน้อย มันไม่ได้อยู่ในแผนการเลยสักนิด"

    ใบหน้าชายหนุ่มที่โตกว่าก้มลงมา ให้ปลายจมูกโด่งใกล้ชนกับผิวแก้ม หมายจุมพิตลงบนปากอิ่มเด็กหนุ่ม แต่ฮันบินหันหน้าหลบออกมา

    "อย่าทำเช่นนี้กับข้า"

    ร่างโปร่งผอมกล่าว แล้วหลบตัวให้ไกลจากอีกฝ่าย เพราะเมื่อครู่ฮันบินกำลังงุนงงกับคำพูดและสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังทำ จึงเกือบทำให้เหตุการณ์ที่ไม่สมควรเกิดขึ้น

    "เรื่องที่ท่านจะคิดเห็นเช่นไรกับตัวข้า ไม่ใช่เรื่องที่ข้าจะสนใจ . . . หากความปลอดภัยของคนพวกนั้นเป็นจริงอย่างที่ท่านพูด อย่างน้อยมันก็มีเรื่องให้ข้าเอ่ยขอบคุณกับท่านได้บ้าง" ฮันบินบอกกับชายที่โตกว่าและเดินออกไปโดยไม่มีท่าทีอำลา

    ✥✥✥

     

    กระดาษแผ่นเล็กในมือถูกคลี่ออกจนยับไปหลายครั้ง ข้อความที่ได้รับมาเมื่อสองวันก่อนทำให้ยังกวอนครุ่นคิดถึงสิ่งที่ได้ตัดสินใจลงไปแล้วตั้งแต่วันที่ได้รับจดหมาย

    การบอกเล่าถึงการถูกลอบสังหารของฮันบินซึ่งมาจากบ่าวไพร่สักคน . . . ฮันบินเกือบจะเอาชีวิตไม่รอดเมื่อเดินทางไปที่นั่น

    ความผิดของพวกตะวันตกขุนนางบางคนออกความเห็นแต่ตัวยังกวอนไม่คล้อยตาม

    จะทำเพื่ออะไรในเมื่อฮันบินตายไปจะตกเป็นความผิดของตัวเอง แล้วคนในหัวที่ยังกวอนสงสัย คนที่จะได้รับประโยชน์จากการตายของฮันบิน หมาข้างถนน ที่เคยบอกกับตนว่าจะฆ่าฮันบินให้ตายมาแล้วถึงสองหน

    สำหรับเขา จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากมัน เขารู้ว่าคนอย่างมินโฮมีสันดานมักใหญ่ใฝ่สูงอยู่ในตัว เพราะฉะนั้น สิ่งที่เขาตัดสินใจทำลงไปตั้งแต่วันที่ได้รับจดหมายมันถูกต้องแล้ว

    แม้มันจะผิดสัญญากับหญิงที่เขารักที่สุดก็ตาม แต่หากเพื่อฮันบินเขาคิดว่าหญิงสาวที่จากไปแล้วคงเข้าใจ

     

    ✥✥✥

     

    ทั่วทั้งปราสาทไปจนตลอดทั้งตัวเมืองถูกประดับประดาไปด้วยของตกแต่งสีขาวไม่ว่าจะข้าวของเครื่องใช้ ผ้าตกแต่งระโยงระยาง รวมถึงชุดคลุมที่คนในเมืองถูกบังคับให้สวมใส่ในวันนี้ ทำให้วันนี้ทั้งเมืองถูกย้อมไปด้วยสีขาว

    ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง วันสถาปนาแต่งตั้งผู้ครองแคว้นคนใหม่ ฮันบินซึ่งอยู่ในห้องภายในปราสาทไม่มีความคิดจะไปร่วมงานสถาปนานี้ด้วยเลยสักนิด

     ถึงตอนแรกจะเป็นพันธะกิจที่ต้องทำในฐานะตัวแทนฝั่งตะวันออก แต่ในเมื่อหน้ากากที่สวมอยู่มันถอดออกมาแล้ว การจะทำหน้าที่เป็นแขกสวมหน้ากากแสดงความยินดีฮันบินไม่คิดว่ามันใช่สิ่งที่จำเป็น

    แต่ถึงอย่างนั้นจีวอนก็ยังส่งคนให้มาพาฮันบินออกไปร่วมงาน

    ลานหินกว้างกลางเมืองคือสถานที่ทำพิธีสถาปนา ท่ามกลางประชาชนของเมืองที่แห่แหนกันมาเข้าชม กลุ่มคนที่อยู่ในชุดเนื้อผ้าชั้นดีบ่งบอกว่าต่างมาจากตระกูลชั้นสูง และวงศ์ขุนนาง อยู่รวมกันบริเวณส่วนหน้าซึ่งมีเหล่าทหารและองครักษ์รายล้อมเอาไว้ แล้วเว้นที่ไปอีกระยะสิบก้าวให้ประชาชนทั่วไปได้เข้าชม

     ผู้ร่วมชมทุกคนไม่ว่าจะเป็นคนกลุ่มไหนล้วนแต่งกายอยู่ในชุดสีขาว แต่สำหรับฮันบินเด็กหนุ่มพอใจที่จะอยู่ในเครื่องแต่งกายสีแดงต่างจากทุกคนแทนชุดสีทองที่ได้เตรียมเอาไว้สำหรับใส่วันสถาปนาโดยไม่สนว่ามันจะดูผิดที่ผิดทางหรือผิดมารยาทแต่อย่างใด กับการใส่สีอริศัตรูท่ามกลุ่มชุดขาวในวันสถาปนาเช่นนี้

     ฮันบินเห็นชานอูเลิกคิ้วให้ตนตอนเจอฮันบินลงจากรถม้าตรงมุมปากนั้นยกขึ้นเล็กน้อย

    เสียงดนตรีบรรเลงขับขานอยู่เป็นพัก ในที่สุดงานสถาปนาก็ได้เริ่มขึ้นมาถึงจุดสำคัญ บนเวทีกลางลานปรากฏร่างของชายวัยใกล้หกสิบซึ่งกำลังจะเป็นอดีตผู้ครองแคว้นขึ้น ต่อมาเป็นจีวอน ร่างสูงอยู่ในชุดคลุมกำมะหยี่เนื้อดีผืนหนาสีขาว โดยรอบขลิบไปด้วยสีเงิน ดนตรีเปลี่ยนเพลงเพื่อเข้าสู่พิธีสำคัญ

     หญิงสาวบอบบางซึ่งมีใบหน้างดงามหมดจดคนหนึ่งขึ้นมาบนเวทีซึ่งทำพิธีสำคัญอยู่ ในมือเธอมีพานสีเงินและผ้าสีขาวซึ่งรองไว้ภายในมีกล่องขนาดเล็กบุด้วยผ้ากำมะหยี่สีเดียวกันอยู่สองกล่อง

     เมื่อขึ้นมาถึงฮันบินเห็นสายตาจีวอนทอดนิ่งมาที่เธอ มุมปากยกขึ้นเช่นยามที่เจ้าตัวพอใจ หญิงสาวซึ่งอยู่ใกล้ร่างสูงทอดสายตายิ้มให้พอเป็นพิธีเล็กน้อยก่อนทุกอย่างจะเริ่มขึ้น

     ชายสูงวัยกว่าถอดแหวนอันเป็นสัญลักษณ์ของทายาทผู้สืบครองออกจากนิ้วกลางของบุตรชายวางไว้ในกล่องซึ่งเคยว่างเปล่า ก่อนจะหยิบแหวนเงินสลักรูปจิ้งจอกวงใหญ่กว่ามาจากอีกกล่องสวมไปยังนิ้วเดิมของบุตรชาย

    ทั้งเสียงบรรเลง คำประกาศของอดีตผู้ครองแคว้นในพิธี คำมั่นของจีวอนยังคงมีต่อไปแต่ฮันบินไม่ได้สนใจฟังมันนัก และฮันบินก็มารู้ว่าชานอูก็เช่นกันที่ไม่ได้สนใจฟังมันเท่าไร

    "คุณหนูโซรา" ชานอูบอกกับฮันบินที่ทำสีหน้าไม่เข้าใจบทสนทนานี้

    "บทเวทีนั่นอย่างไร ข้าถึงได้บอกไว้ว่าไม่ใช่ครั้งแรกหรอกที่ข้าเห็นพี่ชายปฏิบัติกับใครอย่างนี้"

    ไม่ได้ปฏิบัติเป็นพิเศษเอาอกเอาใจแค่กับฮันบินคงเป็นสิ่งที่ชานอูต้องการจะสื่อ

    "น้อยใจอย่างนั้นรึ" ชานอูถาม

    "ทำไมข้าต้องรู้สึกอย่างนั้น" ฮันบินตอบด้วยสีหน้าเรียบสงบ ชานอูยกยิ้ม

    "นางเป็นบุตรของเสนาบดีใหญ่ มีเส้นสายในกลุ่มขุนนางและทั้งเมืองนี้มากพอดู จริงๆไล่สืบไปไม่ไกลเราก็อยู่ในหมู่เครือญาติกัน" ชานอูเล่าต่อ

    "รู้หรือยังเจ้ากับนางมีอะไรที่เหมือนกัน" ชานอูถามต่อ แต่ฮันบินไม่ตอบ

    "เป็นแบบที่พี่ข้าชอบ . . . งดงามแล้วก็มีประโยชน์กับเขา"

     

    ✥✥✥

     

    ในห้องที่ความสว่างมีเพียงความสลัวจากแสงเทียง เสียงไออย่างทรมานของมินโฮยังคงดังไม่หยุด

    ทั้งที่คิดว่าอาการของตัวเองเริ่มจะทุเลาลงมาบ้างแล้ว แต่ตอนนี้มันกลับเริ่มมาเป็นหนักอีกครั้ง อย่างกับมีโรคแทรกซ้อน คนหนุ่มหายใจหอบ เจ็บร้าวไปทั่วแผงอกเหมือนมีกรดแสบกัดกินอยู่ข้างใน

    "ค . . แค่ก. ค ค . . ก"

    เลือดสดสีคล้ำไหลออกมาจากปากเปื้อนฝ่ามือ ไม่หยุดให้ชายหนุ่มได้พักหายใจจากการทรมาน การไออย่างหนักก็ตามมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันตามด้วยการอาเจียนเป็นเลือดของมินโฮ

    ร่างสูงจมลงกับที่นอนที่เต็มไปด้วยกองเลือดซึ่งกระอักไอออกมา . . .  บ่าวรับใช้ที่เฝ้าอยู่ช่วยทำความสะอาดเช็ดเนื้อตัว ดวงตาคมปิดลงเพราะเหนื่อยแม้เพียงแค่จะลืมตา

    เขากำลังจะตาย มินโฮคิด

    ภายในร่างกายของเขาตอนนี้มันคงจะพังแทบไม่มีชิ้นดีแล้ว ขณะที่บ่าวรับใช้ของตนออกไปเปลี่ยนน้ำเพื่อมาทำความสะอาดให้มินโฮ ประตูห้องก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง ชายหนุ่มไม่ได้ใส่ใจจะมองมันด้วยซ้ำ กระทั่งมีเสียงคุ้นหูเรียกชื่อตน

    "ท่านมินโฮ"เจ้าของคิ้วเข้มขมวดและฝืนลืมตาขึ้นมา มองเห็นร่างสูงเจ้าของดวงตาเรียวเล็กลูกน้องคนสนิทของตนที่ควรอยู่ตรงชายแดนมานั่งอยู่ข้างเตียง

    "ซึงฮุน"

     มินโฮเรียกชื่ออีกฝ่าย แปลกใจเมื่อเห็นซึงฮุนมาที่นี่ได้ เมื่อเห็นซึงฮุนเอานิ้วชี้แตะปากตัวเอง ทำให้ยิ่งสงสัยว่าทำไมถึงต้องเงียบ แสดงว่าชายหนุ่มคงลอบเข้ามา

    "ข้ารู้ว่าท่านป่วยหนักอยู่และไม่มีเวลาไถ่ถามอาการท่านมากนัก" ซึงฮุนบอกด้วยเสียงที่เบา

    "หลายวันมานี้ยาที่ท่านดื่มเข้าไปนั้นมีพิษ" ซึงฮุนบอกผู้เป็นนายที่ขมวดให้ด้วยความสงสัยและทรมาน

    "คนของเราสืบมาแล้วว่าท่านยังกวอนเป็นคนสั่งให้วางยาพิษซึ่งจะทำลายท่านลงทีละวัน จนให้ดูเหมือนท่านตายจากโรคไข้ป่า"

    มินโฮที่ไร้เรี่ยวแรงได้แต่สบถด่าในใจ ไม่ใช่ด้วยความแปลกใจเลยสักนิด เพียงแต่คิดว่า วันนี้มาถึงแล้วจนได้ วันที่เขาคิดว่าสักวันมันต้องมี วันที่คนซึ่งอยู่ในฐานะเป็นพ่อของตนจะลงมือฆ่ามินโฮอีกครั้ง

    "เพราะเขาคิดว่าท่านส่งคนไปลอบสังหารท่านฮันบิน . . . . . ท่านฮันบินยังปลอดภัยอยู่ท่านอย่าได้เป็นกังวล" ซึงฮุนรีบพูดต่อเมื่อเห็นสีหน้าตกตะลึงของมินโฮ

     ชายหนุ่มรู้ว่าคนเป็นนายรู้สึกเช่นไรกับน้องชายร่วมสายเลือด . . . ก็ไม่ใช่จากใครซึงฮุนได้ยินมันมาจากหญิงชาวบ้านใจง่ายที่ได้หลับนอนกับมินโฮ พูดถึงยามร่วมรักกับเจ้านายหนุ่มแล้วมีชื่อนี้เล็ดลอดออกมา

     และซึงฮุนก็ไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าเอามีดล้วงไปตัดลิ้นของนางออกมาพร้อมทั้งขู่ห้ามนางไม่ให้นำเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป . . . และแน่นอนซึงฮุนไม่ได้บอกกับเจ้านายว่าตนรู้

    "ต่อไปนี้ท่านอย่าได้ดื่มยาที่พวกนั้นเตรียมมา ยารักษาข้าจะส่งคนลอบมาให้ท่าน" มินโฮพยักหน้ารับ

    ชายหนุ่มตกอยู่ในห้วงความคิด ในเมื่อตนไม่ใช่คนที่ทำร้ายฮันบิน อย่างนั้นก็ต้องเป็นบุคคลอื่นที่ทำ . . . เช่นนั้นแล้วในตอนนี้คงไม่พ้นพวกตะวันตก

    "ฮันบินกลับจากตะวันตกหรือยัง" ถามลูกน้องทั้งที่เสียงตัวเองแทบไม่มีด้วยซ้ำ

    "งานเลี้ยงสถาปนายังไม่จบคงอีกระยะหนึ่ง เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่ท่านจะห่วงคุณชายฮันบิน ควรห่วงตัวท่านเองและเรื่องที่จะทำต่อไป"

    ซึงฮุนเตือนสติคนเป็นนาย ลอบมองไปทางประตูเมื่อคิดว่าได้ยินเสียงใครเข้ามา

    "แล้วข้าจะลอบมาอีกครั้ง หากมีสิ่งใดจะสั่งการข้าพร้อมจะทำทันที" ซึงฮุนกล่าว ก่อนจะลอบปีนออกไปจากทางหน้าต่าง

     

    ✥✥✥

     

    หลังจากพิธีแต่งตั้งจบไป งานเลี้ยงสถาปนาก็จัดขึ้นต่อภายในปราสาทอีกสามวันสามคืน เสียงดนตรีบรรเลงและงานเลี้ยงมีตลอดแทบไม่มีหยุดพัก ซึ่งแน่นอนฮันบินไม่ได้อยากมีส่วนร่วมด้วยเลยสักนิด แต่ก็ถูกเกณฑ์ให้ออกมาอยู่ร่วมทุกครั้งไป

     ขณะภายนอกมีการฉลองกินดื่ม เต้นรำ สังสรรค์พูดคุยกันในหมู่ขุนนาง พ่อค้าและเหล่าเศรษฐีผู้มั่งคั่ง ภายในตัวปราสาทก็ประกอบด้วย ชนชั้นสูงเชื้อสายที่สนิท ขุนนางชั้นผู้ใหญ่คนสำคัญและครอบครัวที่พามา ซึ่งหนึ่งในนั้นมีเสนาบดีใหญ่และโซราบุตรสาวอยู่ร่วมโต๊ะด้วย

    "คำร่ำลือที่เขาว่าทายาทฝั่งตะวันออกเป็นหนุ่มน้อยรูปงามนัก ไม่เกินจริงเลยแม้แต่น้อย"

    ภรรยาขุนนางชั้นผู้ใหญ่คนหนึ่งกล่าวชม แต่ฮันบินคร้านที่จะยิ้มให้ตามมารยาทกับคำป้อยอนี้เด็กหนุ่มจึงทำเพียงมองตอบแล้วสนใจกับอาหารในจาน พร้อมกับความรู้สึกอยู่ผิดที่ผิดทางของตนเอง

    การพูดคุยของพวกนั้นที่ดำเนินไป ฮันบินไม่คิดจะเอาตัวเองเข้าไปยุ่ง แม้มีใครคิดลากชื่อเด็กหนุ่มเข้าไปในบทสนทนาฮันบินก็เพียงแต่มองตอบเช่นเดิมแต่ไม่ได้ออกความเห็นใดๆ

    "คุณหนูโซรานับวันที่เจอยิ่งมีแต่จะงามขึ้น น่าอิจฉาชายที่จะได้เป็นคู่ครอง"

    หญิงคนเดิมที่กล่าวชมฮันบินพูดขึ้นมา

     หญิงสาวที่ถูกพูดถึงยิ้มรับอย่างมีมารยาท ใบหน้างดงามดูเอียงอายแค่เพียงเล็กน้อยกับคำชม ทำให้ดูชวนมองกับกิริยาที่ไม่ดูมากจนเกินไป

    "ท่านจีวอนก็คิดเห็นเช่นนั้นใช่หรือไม่"

    หญิงคนเดิมถามไปยังอีกคนอย่างมีความหมาย จีวอนยิ้มบางรับหญิงคนนั้น ก่อนจะมองไปยังโซรา ตาคู่นั้นจับจ้องหญิงสาวที่ภายใต้ใบหน้าท่าทีสงบของนางนั้นความเอียงอายที่นางพยายามซ่อนไว้ดูจะออกมา

    "แน่นอนอยู่แล้ว ทั่วแคว้นนี้ไม่มีใครน่าอิจฉาเท่าชายผู้นั้นแน่นอน"

    ใบหน้าหญิงสาวดูจะขึ้นสีขึ้นมายามสบตากับคนพูด เธอยิ้มบางให้จีวอนก่อนจะก้มหน้าสนใจอาหาร

    ฮันบินคิดว่าตัวเองไม่ได้อยากจะสนใจอะไรกับบทสนทนาพวกนี้ แต่ว่ามือหนาของจีวอนซึ่งนั่งติดกับฮันบินกลับมาสัมผัสที่นิ้วของตนจากใต้โต๊ะ ฮันบินจึงเอามือหลบออกมา 

    การพูดคุยบนโต๊ะอาหารยังคงดำเนินต่อไป ฮันบินอยากหาทางลุกออกไปเพื่อกลับไปยังห้องนอนของตน

     เรื่องที่คุยฮันบินสังเกตว่ามันออกจะวกวนมายังเรื่องโซราและจีวอนอยู่บ่อยครั้ง ให้ฮันบินเดาทุกคนต่างหมายมั่นให้มีงานสมรสตามมาหลังจากงานสถาปนา

    "อยากเดินเล่น" อยู่ๆชานอูก็โพล่งขึ้นมาอย่างไม่เกี่ยวกับบทสนทนาของใคร

    "เจ้าน่ะ ไปกับข้าไหม ในนี้เขาประชุมเรื่องเตรียมพิธีสมรสกัน ข้าขี้เกียจฟัง ไม่เห็นมันจะเกี่ยวกับข้าตรงไหน" ชานอูชี้มาที่ฮันบิน

    "เรียกคุณชายฮันบินให้ดีหน่อยสิชานอู" เยวอนปรามบุตรชาย แต่ไม่ได้ปฏิเสธคำกล่าวที่เหลือ

     แม้จะงุนงงกับกิริยาของเด็กหนุ่มแต่ฮันบินก็ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีซึ่งตนจะลุกออกไปจากตรงนี้ได้ ถึงจะมีมือหนากดขาฮันบินมาจากใต้โต๊ะไม่ให้ลุกไปก็ตาม แต่ฮันบินก็เดินตามชานอูออกไปจนถึงในสวน

     

    ✥✥✥

    เมื่อฮันบินได้คุยกับชานอู ฮันบินพบว่าอีกฝ่ายไม่ได้เป็นเพียงเด็กหนุ่มประหลาดที่ทำตัวไร้มารยาทไปวันๆ แต่ยังเป็นคนที่ช่างสังเกตมากคนหนึ่ง

    ภายในซุ้มใต้พุ่มไม้ในสวนข้างปราสาท เสียงดนตรีบรรเลงยังคงสร้างความรื่นเริงครึกครื้นให้กับคนที่มา

     ส่วนตนกับชานอู นับตั้งแต่เดินนำพาฮันบินมายังที่นี่เด็กหนุ่มยังคงเอาแต่จ้องหน้าฮันบินเขม็งเหมือนเป็นกิจกรรมอย่างหนึ่งของอีกฝ่าย

    "เด็กรับใช้กับองครักษ์เจ้าไม่อยู่สักคน" ชานอูพูดขึ้นมา

    "ท่านไม่รู้"

     ฮันบินแกล้งพูดไปในลักษณะคำถาม ในเมื่อการกักขังตัวฮันบินรวมทั้งกีดกันไม่ให้เด็กหนุ่มติดต่อกับภายนอกย่อมเป็นเรื่องที่คนภายในนี้รู้เห็นเป็นใจ

    "ข้ากับพี่ข้าเหมือนคนที่สนิทจนมาเล่าสู่กันฟังนักหรืออย่างไร"

    ชานอูตอบกลับ ฮันบินก็บอกไม่ถูกว่าลักษณะความสัมพันธ์ของสองพี่น้องนี้เป็นแบบไหน แต่คิดว่าถึงจะไม่สนิทกันอย่างไรก็คงไม่ได้ย่ำแย่ห่างไกลเท่าตนกับมินโฮ

     ในกรณีนี้ให้ฮันบินคิดมันคงมาจากอายุที่ห่างกัน กับลักษณะนิสัยที่ต่างกันไกลมากกว่าซึ่งนำมาให้เกิดความเบื่อหน่ายกับอีกฝ่าย

    "พี่ข้าเป็นประเภทภูมิใจกับความคิดตน ไม่เอาเรื่องนี้มาปรึกษาหรืออธิบายให้ใครฟังหรอก" ชานอูพูดต่อ

    "หากจะทำอะไรสักอย่าง ต้องให้ออกมายิ่งใหญ่ที่สุด ประกาศเกียรติให้คนรู้ทั่วกันถึงความเก่ง ฉลาด  และความสามารถของตน . . . ไร้สาระนะเจ้าว่าอย่างนั้นไหม" ชานอูเบ้ปาก ถามความเห็นฮันบินกับคำนินทาพี่ชายของตน 

    "ดูอย่างงานพวกนี้สิ มันจำเป็นที่ต้องจัดสามวันสามคืนไม่จบอย่างนี้ไหม กลัวคนลืมว่าตัวเองเป็นผู้ครองแคว้นหรืออย่างไรกัน"

     มันจะกลายเป็นการจับคู่นินทาผู้ครองแคว้นตะวันตกไปซะแล้ว หากไม่มีเรื่องให้กังวลใจฮันบินอาจรู้สึกสนุกสนานไปกับคำบ่นของเด็กหนุ่ม

    "เจ้าน่ะ" ชานอูพูดจ้องหน้าฮันบิน

    "อย่าได้เผลอใจไปชอบคนอย่างนี้เชียว"

    ฮันบินอยากจะปฏิเสธในทันทีแต่ชานอูก็ยังคงพูดต่อ

    "เพราะว่าเขาจะทำให้เจ้าเจ็บ . . ไม่ว่าเจ้าจะรักเขาหรือไม่ เขาก็จะทำให้เจ้าเจ็บอยู่ดี . . . เพราะอย่างนั้น เจ้าอย่ารักเขาดีกว่า . . . อย่างไรเจ็บเพราะคนที่เราไม่ได้รักมันย่อมดีกว่า จริงไหม . . . จริงๆข้าก็ไม่ค่อยเข้าใจหรอกนะ แต่ข้าคิดว่าน่าจะเป็นอย่างนั้น"

    ฮันบินไม่ได้ออกความเห็น เพียงแต่ฟังเด็กหนุ่มพูดคนเดียวอยู่เงียบๆ ชานอูยังคงพูดคนเดียวต่อไป ดูจะไม่ใส่ใจนักกับการไม่มีเสียงตอบรับจากฮันบิน

    "เจ้าไม่เหมือนคนที่นี่  ก็อย่างที่เห็น พวกนี้มากมารยาท หาความจริงใจในคำพูดไม่มี พูดออกมาแล้วไม่จริงใจไม่รู้จะพูดทำไม นั่งเงียบๆไปเสียดีกว่า"

    เด็กหนุ่มบ่น จนฮันบินนึกในใจว่าชานอูเองควรก็เจียดมารยาทของคนที่นี่มาใส่ตัวแค่เพียงเล็กน้อยก็คงจะกลายเป็นความพอดี

    "ข้าพูดมาตั้งนานมีอะไรอยากพูดกับข้าไหม" ชานอูถามฮันบินบ้าง

    "ข้าอยากออกไปจากที่นี่" ฮันบินตอบ ชานอูเงียบลงไปบ้างครู่หนึ่งก่อนจะตอบกลับ

    "ข้าอยู่ฝ่ายตะวันตก ต่อให้ข้าเห็นใจเจ้าก็ด้วยในฐานะเพื่อนมนุษย์ เพราะอย่างนั้นข้าคงไม่ทำอย่างที่เจ้าบอก" เป็นคำตอบที่ฮันบินรู้อยู่แล้ว ชานอูยังคงพูดต่อไป

    "แต่หากเจ้าต้องการเพื่อนคุย"

    "ข้าไม่ต้องการ" ฮันบินตอบกลับ

    ชานอูดูจะอึ้งไป ก่อนที่ปากหนากำลังขยับคล้ายหัวเราะออกมาเบาๆ . . . ตัวฮันบินเองก็เช่นกัน ที่อยู่ๆปากอิ่มก็ขยับยิ้มขึ้นมาถึงจะเพียงเล็กน้อยก็ตาม เมื่อรู้สึกว่าตนกำลังติดนิสัยไร้มารยาทของอีกฝ่ายเข้า

    ความจริงการคุยกับชานอูก็ไม่ได้เลวร้ายนัก หากไม่ใช่เพราะสถานะของทั้งสองฝ่าย ฮันบินซึ่งไม่เคยมีเพื่อนหรือคนพูดคุยที่อายุใกล้เคียงกัน ชานอูคงจะได้เป็นอะไรที่ใกล้เคียงสิ่งนั้นกับตน

     

    ✥✥✥

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×