คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ตอนที่ ๗
เมื่อจีวอนออกไปแล้วฮันบินยังคงนอนนิ่งอยู่กับเตียง
มือขาวสัมผัสอยู่บนปากสีแดงเรื่อของตัว นึกถึงคำที่จีวอนพูดออกมา
แล้วจะมีอะไรเกิดขึ้นต่อจากนี้กัน อะไรกันที่ตัวฮันบินเองยังคิดไม่ถึง
คิ้วเรียวสวยขมวดพลางพยายามคิด
แต่ก็ต้องโมโหตัวเองที่เผลอไปนึกถึงสิ่งอื่น จนต้องใช้มือที่ปิดปากตัวเองอยู่
ถูเช็ดมันออกแรงๆจนปากอิ่มแดงขึ้นกว่าเดิม
นี่มันเรื่องงี่เง่ามากที่เขาถูกอีกฝ่ายทำอย่างนี้
มันน่าสับสนและหงุดหงิดจนรบกวนสมาธิในการไตร่ตรองแผนร้ายของอีกฝ่าย
ฮันบินจะคิดว่ามันเป็นเรื่องไม่เข้าท่าและไม่ควรนำมาเป็นประเด็น
คิดว่าจูบแรกของตนเองคือการพยายามช่วยชีวิตของฮงซอกคงดีกว่าเรื่องเมื่อครู่นี้
เด็กหนุ่มพยายามเอาเหตุการณ์ซึ่งฮันบินถือว่าเป็นเรื่องหยุมหยิมนั้นออกจากหัว
ครุ่นคิดถึงคนที่เพิ่งออกไป
จีวอนนอกจากร้ายกาจแล้วยังเป็นคนที่ฉลาดมาก
เป็นนักแสดงที่เสแสร้งได้ชั้นครู ยังไม่นับประสบการณ์
ความปลิ้นปล้อนและกิริยาที่ชวนให้อึดอัดนั่นอีก
ศัตรูที่น่ากลัวอย่างนี้เมื่อประกาศว่าจะเลิกใส่หน้ากาก แล้วจะมีสิ่งใดตามมาอีก
และสิ่งใดที่ว่ามันก็ตามมาได้อย่างรวดเร็วนัก เมื่อเช้าวันต่อมาฮันบินพบว่าไม่มีบ่าวไพร่รวมไปถึงองครักษ์สักคนของตนอยู่ที่นี่แล้ว
ร่างโปร่งผอมเดินออกมามองรอบสวนของตัวปราสาท ทั้งบ่าวรับใช้
องครักษ์ที่ทำงานอยู่ล้วนแต่เป็นคนของฝั่งตะวันตกทั้งนั้น
ฮันบินเดินกลับเข้าไปยังปราสาทอีกครั้ง ขึ้นไปยังชั้นที่สี่ก็พบจีวอนซึ่งเดินออกมาจากห้อง
"คุณชายน้อยตามหาข้าอยู่หรือเปล่า" จีวอนถามเด็กหนุ่ม
นึกขำในใจที่ตอนนี้เจ้าของใบหน้าขาวคงกำลังเดาเรื่องให้เป็นแง่ร้ายที่สุดเท่าที่จะนึกออกได้
ดูจากในดวงตาที่หวั่นวิตกจนปิดไม่มิดนั้น
ทำไมถึงได้เป็นเด็กอย่างนี้ก็ไม่รู้
"ข้าตามหาเด็กรับใช้และองครักษ์ข้า
หากพวกเขารบกวนท่านอยู่ที่ไหนช่วยบอกข้าด้วย"
ฮันบินถามอีกฝ่ายรู้สึกกังวลเป็นห่วงเด็กรับใช้
ไม่รู้ว่าร่างสูงใจคอโหดร้ายนี้จะทำอะไรคนพวกนั้นบ้าง
"จากเหตุการณ์ที่คุณชายน้อยทำ
คิดว่าข้าจะปล่อยให้คนพวกนั้นอยู่กับท่านรึ"
ร่างสูงตอบอย่างไม่คิดจะปิดบังอยู่ภายใต้หน้ากาก
ฮันบินมองเจ้าของใบหน้าซึ่งใส่แว่นกรอบใสอยู่อย่างคาดโทษ
คนใจคอโหดเหี้ยมเช่นนี้ ฮันบินไม่หวังว่าบรรดาคนของตนจะยังมีลมหายใจอยู่
มือบางกำเข้าหากัน
อยากจะบีบคออีกฝ่ายให้ตายคามือ คนคนหนึ่งจะมีความอำมหิตในใจได้แค่ไหนกัน
"หากอยากจะกล่าวโทษก็โทษวีรกรรมตัวท่านเองก่อนเถอะ
หากให้คนของท่านอยู่ต่อไป ไม่พยายามติดต่อกับทางนั้น ก็คงคิดพากันหลบหนี
หากคุณชายน้อยอยู่อย่างสงบ มันจะไม่เป็นอย่างนี้เลย"
จีวอนบอกเด็กหนุ่ม มือหนาเข้าไปลูบแก้มใส ไล่ไปถึงใบหู
เด็กหนุ่มกำลังโกรธเขา แต่จีวอนกลับจับจ้องไปที่ปากอิ่มสวยนั้น . . .
ที่ได้สัมผัสไปเมื่อค่ำวาน
"ในเมื่อกล้าทำเรื่องโหดร้ายถึงเพียงนั้นกับผู้ไม่มีความผิด
ทำไมไม่ตัดหัวข้าเสียบประจานเสียเลยล่ะ"
ฮันบินปัดมืออีกฝ่ายออกจากการสัมผัสหน้า
รังเกียจคนชั่วร้ายจนไม่อยากให้โดนตัวหรือหายใจใช้อากาศร่วมกัน
จีวอนเลิกคิ้วให้กับคำพูดและกิริยาของเด็กหนุ่ม
"ข้าจะทำอย่างนั้นไปเพื่ออะไร
เคยบอกแล้วว่าข้าไม่ได้ต้องการให้คุณชายน้อยเจ็บ"
ฮันบินไม่ได้สนใจคำเกี้ยวพานั้น
ลำพังคิดจะกักขังตนไว้ก็เป็นเรื่องแย่พอดูแล้ว
แต่การสังหารคนพวกนั้นมันยิ่งทำให้ฮันบินรังเกียจอีกฝ่ายขึ้นไปอีก
ในเมื่อไม่อยากให้ฮันบินสวมหน้ากาก
เด็กหนุ่มก็ส่งสายตาเกลียดชังไปให้อีกฝ่ายอย่างไม่ปิดบัง
"ความรู้สึกข้าไม่มีความหมายเลยสินะ"
จีวอนถาม
"หากข้าบอกว่าองครักษ์บ่าวไพร่พวกนั้นยังมีชีวิตอยู่ตามสมควรในที่ซึ่งข้าเตรียมไว้
มันจะช่วยลดสายตาเกลียดชังของคุณชายน้อยได้หรือไม่" ร่างสูงถามต่อ
ใบหน้าที่โกรธแค้นของฮันบินเปลี่ยนเป็นสงสัยแทน
"ทั้งที่ข้าไม่เคยพูดเลยสักนิด
แต่คุณชายน้อยกลับคิดไปเองแท้ๆว่าข้าทำร้ายคนพวกนั้น"
"แล้วพวกเขาอยู่ไหน"
ฮันบินถามอย่างไม่แน่ใจ
"อยู่ในที่ซึ่งข้าเตรียมไว้ และไม่มีใครตาย
คุณชายน้อยจะเชื่อหรือไม่แต่ข้าไม่มาโกหกด้วยเรื่องบ่าวไพร่แค่นี้หรอก"
จีวอนบอกขณะที่ฮันบินไม่แน่ใจว่าควรจะเชื่อคำที่อีกฝ่ายพูดหรือไม่
แต่หากเป็นจริงดังนั้น มันคงช่วยให้ฮันบินคลายกังวลใจลงไปบ้าง
"พอจะคลายความโกรธเกลียดข้าลงไปได้บ้างหรือยัง"
จีวอนถามต่อ มือหนาจับไปที่แก้มนวลของเด็กหนุ่มให้สบตากับตนมองหาความเกลียดชังที่อยู่ในนั้น
"ในแผนการที่ท่านกังวล เชื่อเถอะ
ว่าการที่ข้ามาหลงในตัวคุณชายน้อย มันไม่ได้อยู่ในแผนการเลยสักนิด"
ใบหน้าชายหนุ่มที่โตกว่าก้มลงมา
ให้ปลายจมูกโด่งใกล้ชนกับผิวแก้ม หมายจุมพิตลงบนปากอิ่มเด็กหนุ่ม แต่ฮันบินหันหน้าหลบออกมา
"อย่าทำเช่นนี้กับข้า"
ร่างโปร่งผอมกล่าว แล้วหลบตัวให้ไกลจากอีกฝ่าย
เพราะเมื่อครู่ฮันบินกำลังงุนงงกับคำพูดและสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังทำ
จึงเกือบทำให้เหตุการณ์ที่ไม่สมควรเกิดขึ้น
"เรื่องที่ท่านจะคิดเห็นเช่นไรกับตัวข้า
ไม่ใช่เรื่องที่ข้าจะสนใจ . . .
หากความปลอดภัยของคนพวกนั้นเป็นจริงอย่างที่ท่านพูด
อย่างน้อยมันก็มีเรื่องให้ข้าเอ่ยขอบคุณกับท่านได้บ้าง"
ฮันบินบอกกับชายที่โตกว่าและเดินออกไปโดยไม่มีท่าทีอำลา
✥✥✥
กระดาษแผ่นเล็กในมือถูกคลี่ออกจนยับไปหลายครั้ง
ข้อความที่ได้รับมาเมื่อสองวันก่อนทำให้ยังกวอนครุ่นคิดถึงสิ่งที่ได้ตัดสินใจลงไปแล้วตั้งแต่วันที่ได้รับจดหมาย
การบอกเล่าถึงการถูกลอบสังหารของฮันบินซึ่งมาจากบ่าวไพร่สักคน
. . . ฮันบินเกือบจะเอาชีวิตไม่รอดเมื่อเดินทางไปที่นั่น
ความผิดของพวกตะวันตกขุนนางบางคนออกความเห็นแต่ตัวยังกวอนไม่คล้อยตาม
จะทำเพื่ออะไรในเมื่อฮันบินตายไปจะตกเป็นความผิดของตัวเอง
แล้วคนในหัวที่ยังกวอนสงสัย คนที่จะได้รับประโยชน์จากการตายของฮันบิน หมาข้างถนน
ที่เคยบอกกับตนว่าจะฆ่าฮันบินให้ตายมาแล้วถึงสองหน
สำหรับเขา จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากมัน
เขารู้ว่าคนอย่างมินโฮมีสันดานมักใหญ่ใฝ่สูงอยู่ในตัว เพราะฉะนั้น
สิ่งที่เขาตัดสินใจทำลงไปตั้งแต่วันที่ได้รับจดหมายมันถูกต้องแล้ว
แม้มันจะผิดสัญญากับหญิงที่เขารักที่สุดก็ตาม
แต่หากเพื่อฮันบินเขาคิดว่าหญิงสาวที่จากไปแล้วคงเข้าใจ
✥✥✥
ทั่วทั้งปราสาทไปจนตลอดทั้งตัวเมืองถูกประดับประดาไปด้วยของตกแต่งสีขาวไม่ว่าจะข้าวของเครื่องใช้
ผ้าตกแต่งระโยงระยาง รวมถึงชุดคลุมที่คนในเมืองถูกบังคับให้สวมใส่ในวันนี้
ทำให้วันนี้ทั้งเมืองถูกย้อมไปด้วยสีขาว
ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง วันสถาปนาแต่งตั้งผู้ครองแคว้นคนใหม่
ฮันบินซึ่งอยู่ในห้องภายในปราสาทไม่มีความคิดจะไปร่วมงานสถาปนานี้ด้วยเลยสักนิด
ถึงตอนแรกจะเป็นพันธะกิจที่ต้องทำในฐานะตัวแทนฝั่งตะวันออก
แต่ในเมื่อหน้ากากที่สวมอยู่มันถอดออกมาแล้ว
การจะทำหน้าที่เป็นแขกสวมหน้ากากแสดงความยินดีฮันบินไม่คิดว่ามันใช่สิ่งที่จำเป็น
แต่ถึงอย่างนั้นจีวอนก็ยังส่งคนให้มาพาฮันบินออกไปร่วมงาน
ลานหินกว้างกลางเมืองคือสถานที่ทำพิธีสถาปนา
ท่ามกลางประชาชนของเมืองที่แห่แหนกันมาเข้าชม
กลุ่มคนที่อยู่ในชุดเนื้อผ้าชั้นดีบ่งบอกว่าต่างมาจากตระกูลชั้นสูง และวงศ์ขุนนาง
อยู่รวมกันบริเวณส่วนหน้าซึ่งมีเหล่าทหารและองครักษ์รายล้อมเอาไว้
แล้วเว้นที่ไปอีกระยะสิบก้าวให้ประชาชนทั่วไปได้เข้าชม
ผู้ร่วมชมทุกคนไม่ว่าจะเป็นคนกลุ่มไหนล้วนแต่งกายอยู่ในชุดสีขาว
แต่สำหรับฮันบินเด็กหนุ่มพอใจที่จะอยู่ในเครื่องแต่งกายสีแดงต่างจากทุกคนแทนชุดสีทองที่ได้เตรียมเอาไว้สำหรับใส่วันสถาปนาโดยไม่สนว่ามันจะดูผิดที่ผิดทางหรือผิดมารยาทแต่อย่างใด
กับการใส่สีอริศัตรูท่ามกลุ่มชุดขาวในวันสถาปนาเช่นนี้
ฮันบินเห็นชานอูเลิกคิ้วให้ตนตอนเจอฮันบินลงจากรถม้าตรงมุมปากนั้นยกขึ้นเล็กน้อย
เสียงดนตรีบรรเลงขับขานอยู่เป็นพัก ในที่สุดงานสถาปนาก็ได้เริ่มขึ้นมาถึงจุดสำคัญ
บนเวทีกลางลานปรากฏร่างของชายวัยใกล้หกสิบซึ่งกำลังจะเป็นอดีตผู้ครองแคว้นขึ้น
ต่อมาเป็นจีวอน ร่างสูงอยู่ในชุดคลุมกำมะหยี่เนื้อดีผืนหนาสีขาว
โดยรอบขลิบไปด้วยสีเงิน ดนตรีเปลี่ยนเพลงเพื่อเข้าสู่พิธีสำคัญ
หญิงสาวบอบบางซึ่งมีใบหน้างดงามหมดจดคนหนึ่งขึ้นมาบนเวทีซึ่งทำพิธีสำคัญอยู่
ในมือเธอมีพานสีเงินและผ้าสีขาวซึ่งรองไว้ภายในมีกล่องขนาดเล็กบุด้วยผ้ากำมะหยี่สีเดียวกันอยู่สองกล่อง
เมื่อขึ้นมาถึงฮันบินเห็นสายตาจีวอนทอดนิ่งมาที่เธอ
มุมปากยกขึ้นเช่นยามที่เจ้าตัวพอใจ หญิงสาวซึ่งอยู่ใกล้ร่างสูงทอดสายตายิ้มให้พอเป็นพิธีเล็กน้อยก่อนทุกอย่างจะเริ่มขึ้น
ชายสูงวัยกว่าถอดแหวนอันเป็นสัญลักษณ์ของทายาทผู้สืบครองออกจากนิ้วกลางของบุตรชายวางไว้ในกล่องซึ่งเคยว่างเปล่า
ก่อนจะหยิบแหวนเงินสลักรูปจิ้งจอกวงใหญ่กว่ามาจากอีกกล่องสวมไปยังนิ้วเดิมของบุตรชาย
ทั้งเสียงบรรเลง คำประกาศของอดีตผู้ครองแคว้นในพิธี
คำมั่นของจีวอนยังคงมีต่อไปแต่ฮันบินไม่ได้สนใจฟังมันนัก
และฮันบินก็มารู้ว่าชานอูก็เช่นกันที่ไม่ได้สนใจฟังมันเท่าไร
"คุณหนูโซรา"
ชานอูบอกกับฮันบินที่ทำสีหน้าไม่เข้าใจบทสนทนานี้
"บทเวทีนั่นอย่างไร ข้าถึงได้บอกไว้ว่าไม่ใช่ครั้งแรกหรอกที่ข้าเห็นพี่ชายปฏิบัติกับใครอย่างนี้"
ไม่ได้ปฏิบัติเป็นพิเศษเอาอกเอาใจแค่กับฮันบินคงเป็นสิ่งที่ชานอูต้องการจะสื่อ
"น้อยใจอย่างนั้นรึ" ชานอูถาม
"ทำไมข้าต้องรู้สึกอย่างนั้น"
ฮันบินตอบด้วยสีหน้าเรียบสงบ ชานอูยกยิ้ม
"นางเป็นบุตรของเสนาบดีใหญ่ มีเส้นสายในกลุ่มขุนนางและทั้งเมืองนี้มากพอดู
จริงๆไล่สืบไปไม่ไกลเราก็อยู่ในหมู่เครือญาติกัน" ชานอูเล่าต่อ
"รู้หรือยังเจ้ากับนางมีอะไรที่เหมือนกัน"
ชานอูถามต่อ แต่ฮันบินไม่ตอบ
"เป็นแบบที่พี่ข้าชอบ . . .
งดงามแล้วก็มีประโยชน์กับเขา"
✥✥✥
ในห้องที่ความสว่างมีเพียงความสลัวจากแสงเทียง
เสียงไออย่างทรมานของมินโฮยังคงดังไม่หยุด
ทั้งที่คิดว่าอาการของตัวเองเริ่มจะทุเลาลงมาบ้างแล้ว
แต่ตอนนี้มันกลับเริ่มมาเป็นหนักอีกครั้ง อย่างกับมีโรคแทรกซ้อน คนหนุ่มหายใจหอบ
เจ็บร้าวไปทั่วแผงอกเหมือนมีกรดแสบกัดกินอยู่ข้างใน
"ค . . แค่ก. ค ค . . ก"
เลือดสดสีคล้ำไหลออกมาจากปากเปื้อนฝ่ามือ
ไม่หยุดให้ชายหนุ่มได้พักหายใจจากการทรมาน การไออย่างหนักก็ตามมาอีกครั้ง
แต่ครั้งนี้มันตามด้วยการอาเจียนเป็นเลือดของมินโฮ
ร่างสูงจมลงกับที่นอนที่เต็มไปด้วยกองเลือดซึ่งกระอักไอออกมา .
. . บ่าวรับใช้ที่เฝ้าอยู่ช่วยทำความสะอาดเช็ดเนื้อตัว
ดวงตาคมปิดลงเพราะเหนื่อยแม้เพียงแค่จะลืมตา
เขากำลังจะตาย มินโฮคิด
ภายในร่างกายของเขาตอนนี้มันคงจะพังแทบไม่มีชิ้นดีแล้ว
ขณะที่บ่าวรับใช้ของตนออกไปเปลี่ยนน้ำเพื่อมาทำความสะอาดให้มินโฮ
ประตูห้องก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง ชายหนุ่มไม่ได้ใส่ใจจะมองมันด้วยซ้ำ
กระทั่งมีเสียงคุ้นหูเรียกชื่อตน
"ท่านมินโฮ"เจ้าของคิ้วเข้มขมวดและฝืนลืมตาขึ้นมา
มองเห็นร่างสูงเจ้าของดวงตาเรียวเล็กลูกน้องคนสนิทของตนที่ควรอยู่ตรงชายแดนมานั่งอยู่ข้างเตียง
"ซึงฮุน"
มินโฮเรียกชื่ออีกฝ่าย
แปลกใจเมื่อเห็นซึงฮุนมาที่นี่ได้ เมื่อเห็นซึงฮุนเอานิ้วชี้แตะปากตัวเอง
ทำให้ยิ่งสงสัยว่าทำไมถึงต้องเงียบ แสดงว่าชายหนุ่มคงลอบเข้ามา
"ข้ารู้ว่าท่านป่วยหนักอยู่และไม่มีเวลาไถ่ถามอาการท่านมากนัก"
ซึงฮุนบอกด้วยเสียงที่เบา
"หลายวันมานี้ยาที่ท่านดื่มเข้าไปนั้นมีพิษ"
ซึงฮุนบอกผู้เป็นนายที่ขมวดให้ด้วยความสงสัยและทรมาน
"คนของเราสืบมาแล้วว่าท่านยังกวอนเป็นคนสั่งให้วางยาพิษซึ่งจะทำลายท่านลงทีละวัน
จนให้ดูเหมือนท่านตายจากโรคไข้ป่า"
มินโฮที่ไร้เรี่ยวแรงได้แต่สบถด่าในใจ
ไม่ใช่ด้วยความแปลกใจเลยสักนิด เพียงแต่คิดว่า วันนี้มาถึงแล้วจนได้
วันที่เขาคิดว่าสักวันมันต้องมี
วันที่คนซึ่งอยู่ในฐานะเป็นพ่อของตนจะลงมือฆ่ามินโฮอีกครั้ง
"เพราะเขาคิดว่าท่านส่งคนไปลอบสังหารท่านฮันบิน
. . . . . ท่านฮันบินยังปลอดภัยอยู่ท่านอย่าได้เป็นกังวล"
ซึงฮุนรีบพูดต่อเมื่อเห็นสีหน้าตกตะลึงของมินโฮ
ชายหนุ่มรู้ว่าคนเป็นนายรู้สึกเช่นไรกับน้องชายร่วมสายเลือด
. . . ก็ไม่ใช่จากใครซึงฮุนได้ยินมันมาจากหญิงชาวบ้านใจง่ายที่ได้หลับนอนกับมินโฮ
พูดถึงยามร่วมรักกับเจ้านายหนุ่มแล้วมีชื่อนี้เล็ดลอดออกมา
และซึงฮุนก็ไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าเอามีดล้วงไปตัดลิ้นของนางออกมาพร้อมทั้งขู่ห้ามนางไม่ให้นำเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป
. . . และแน่นอนซึงฮุนไม่ได้บอกกับเจ้านายว่าตนรู้
"ต่อไปนี้ท่านอย่าได้ดื่มยาที่พวกนั้นเตรียมมา
ยารักษาข้าจะส่งคนลอบมาให้ท่าน" มินโฮพยักหน้ารับ
ชายหนุ่มตกอยู่ในห้วงความคิด ในเมื่อตนไม่ใช่คนที่ทำร้ายฮันบิน
อย่างนั้นก็ต้องเป็นบุคคลอื่นที่ทำ . . . เช่นนั้นแล้วในตอนนี้คงไม่พ้นพวกตะวันตก
"ฮันบินกลับจากตะวันตกหรือยัง"
ถามลูกน้องทั้งที่เสียงตัวเองแทบไม่มีด้วยซ้ำ
"งานเลี้ยงสถาปนายังไม่จบคงอีกระยะหนึ่ง
เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่ท่านจะห่วงคุณชายฮันบิน ควรห่วงตัวท่านเองและเรื่องที่จะทำต่อไป"
ซึงฮุนเตือนสติคนเป็นนาย
ลอบมองไปทางประตูเมื่อคิดว่าได้ยินเสียงใครเข้ามา
"แล้วข้าจะลอบมาอีกครั้ง
หากมีสิ่งใดจะสั่งการข้าพร้อมจะทำทันที" ซึงฮุนกล่าว
ก่อนจะลอบปีนออกไปจากทางหน้าต่าง
✥✥✥
หลังจากพิธีแต่งตั้งจบไป งานเลี้ยงสถาปนาก็จัดขึ้นต่อภายในปราสาทอีกสามวันสามคืน
เสียงดนตรีบรรเลงและงานเลี้ยงมีตลอดแทบไม่มีหยุดพัก
ซึ่งแน่นอนฮันบินไม่ได้อยากมีส่วนร่วมด้วยเลยสักนิด
แต่ก็ถูกเกณฑ์ให้ออกมาอยู่ร่วมทุกครั้งไป
ขณะภายนอกมีการฉลองกินดื่ม เต้นรำ
สังสรรค์พูดคุยกันในหมู่ขุนนาง พ่อค้าและเหล่าเศรษฐีผู้มั่งคั่ง
ภายในตัวปราสาทก็ประกอบด้วย ชนชั้นสูงเชื้อสายที่สนิท
ขุนนางชั้นผู้ใหญ่คนสำคัญและครอบครัวที่พามา ซึ่งหนึ่งในนั้นมีเสนาบดีใหญ่และโซราบุตรสาวอยู่ร่วมโต๊ะด้วย
"คำร่ำลือที่เขาว่าทายาทฝั่งตะวันออกเป็นหนุ่มน้อยรูปงามนัก
ไม่เกินจริงเลยแม้แต่น้อย"
ภรรยาขุนนางชั้นผู้ใหญ่คนหนึ่งกล่าวชม
แต่ฮันบินคร้านที่จะยิ้มให้ตามมารยาทกับคำป้อยอนี้เด็กหนุ่มจึงทำเพียงมองตอบแล้วสนใจกับอาหารในจาน
พร้อมกับความรู้สึกอยู่ผิดที่ผิดทางของตนเอง
การพูดคุยของพวกนั้นที่ดำเนินไป
ฮันบินไม่คิดจะเอาตัวเองเข้าไปยุ่ง
แม้มีใครคิดลากชื่อเด็กหนุ่มเข้าไปในบทสนทนาฮันบินก็เพียงแต่มองตอบเช่นเดิมแต่ไม่ได้ออกความเห็นใดๆ
"คุณหนูโซรานับวันที่เจอยิ่งมีแต่จะงามขึ้น
น่าอิจฉาชายที่จะได้เป็นคู่ครอง"
หญิงคนเดิมที่กล่าวชมฮันบินพูดขึ้นมา
หญิงสาวที่ถูกพูดถึงยิ้มรับอย่างมีมารยาท
ใบหน้างดงามดูเอียงอายแค่เพียงเล็กน้อยกับคำชม
ทำให้ดูชวนมองกับกิริยาที่ไม่ดูมากจนเกินไป
"ท่านจีวอนก็คิดเห็นเช่นนั้นใช่หรือไม่"
หญิงคนเดิมถามไปยังอีกคนอย่างมีความหมาย
จีวอนยิ้มบางรับหญิงคนนั้น ก่อนจะมองไปยังโซรา
ตาคู่นั้นจับจ้องหญิงสาวที่ภายใต้ใบหน้าท่าทีสงบของนางนั้นความเอียงอายที่นางพยายามซ่อนไว้ดูจะออกมา
"แน่นอนอยู่แล้ว
ทั่วแคว้นนี้ไม่มีใครน่าอิจฉาเท่าชายผู้นั้นแน่นอน"
ใบหน้าหญิงสาวดูจะขึ้นสีขึ้นมายามสบตากับคนพูด
เธอยิ้มบางให้จีวอนก่อนจะก้มหน้าสนใจอาหาร
ฮันบินคิดว่าตัวเองไม่ได้อยากจะสนใจอะไรกับบทสนทนาพวกนี้ แต่ว่ามือหนาของจีวอนซึ่งนั่งติดกับฮันบินกลับมาสัมผัสที่นิ้วของตนจากใต้โต๊ะ
ฮันบินจึงเอามือหลบออกมา
การพูดคุยบนโต๊ะอาหารยังคงดำเนินต่อไป
ฮันบินอยากหาทางลุกออกไปเพื่อกลับไปยังห้องนอนของตน
เรื่องที่คุยฮันบินสังเกตว่ามันออกจะวกวนมายังเรื่องโซราและจีวอนอยู่บ่อยครั้ง
ให้ฮันบินเดาทุกคนต่างหมายมั่นให้มีงานสมรสตามมาหลังจากงานสถาปนา
"อยากเดินเล่น"
อยู่ๆชานอูก็โพล่งขึ้นมาอย่างไม่เกี่ยวกับบทสนทนาของใคร
"เจ้าน่ะ ไปกับข้าไหม ในนี้เขาประชุมเรื่องเตรียมพิธีสมรสกัน
ข้าขี้เกียจฟัง ไม่เห็นมันจะเกี่ยวกับข้าตรงไหน" ชานอูชี้มาที่ฮันบิน
"เรียกคุณชายฮันบินให้ดีหน่อยสิชานอู"
เยวอนปรามบุตรชาย แต่ไม่ได้ปฏิเสธคำกล่าวที่เหลือ
แม้จะงุนงงกับกิริยาของเด็กหนุ่มแต่ฮันบินก็ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีซึ่งตนจะลุกออกไปจากตรงนี้ได้
ถึงจะมีมือหนากดขาฮันบินมาจากใต้โต๊ะไม่ให้ลุกไปก็ตาม
แต่ฮันบินก็เดินตามชานอูออกไปจนถึงในสวน
✥✥✥
เมื่อฮันบินได้คุยกับชานอู
ฮันบินพบว่าอีกฝ่ายไม่ได้เป็นเพียงเด็กหนุ่มประหลาดที่ทำตัวไร้มารยาทไปวันๆ
แต่ยังเป็นคนที่ช่างสังเกตมากคนหนึ่ง
ภายในซุ้มใต้พุ่มไม้ในสวนข้างปราสาท
เสียงดนตรีบรรเลงยังคงสร้างความรื่นเริงครึกครื้นให้กับคนที่มา
ส่วนตนกับชานอู
นับตั้งแต่เดินนำพาฮันบินมายังที่นี่เด็กหนุ่มยังคงเอาแต่จ้องหน้าฮันบินเขม็งเหมือนเป็นกิจกรรมอย่างหนึ่งของอีกฝ่าย
"เด็กรับใช้กับองครักษ์เจ้าไม่อยู่สักคน"
ชานอูพูดขึ้นมา
"ท่านไม่รู้"
ฮันบินแกล้งพูดไปในลักษณะคำถาม
ในเมื่อการกักขังตัวฮันบินรวมทั้งกีดกันไม่ให้เด็กหนุ่มติดต่อกับภายนอกย่อมเป็นเรื่องที่คนภายในนี้รู้เห็นเป็นใจ
"ข้ากับพี่ข้าเหมือนคนที่สนิทจนมาเล่าสู่กันฟังนักหรืออย่างไร"
ชานอูตอบกลับ ฮันบินก็บอกไม่ถูกว่าลักษณะความสัมพันธ์ของสองพี่น้องนี้เป็นแบบไหน
แต่คิดว่าถึงจะไม่สนิทกันอย่างไรก็คงไม่ได้ย่ำแย่ห่างไกลเท่าตนกับมินโฮ
ในกรณีนี้ให้ฮันบินคิดมันคงมาจากอายุที่ห่างกัน
กับลักษณะนิสัยที่ต่างกันไกลมากกว่าซึ่งนำมาให้เกิดความเบื่อหน่ายกับอีกฝ่าย
"พี่ข้าเป็นประเภทภูมิใจกับความคิดตน
ไม่เอาเรื่องนี้มาปรึกษาหรืออธิบายให้ใครฟังหรอก" ชานอูพูดต่อ
"หากจะทำอะไรสักอย่าง
ต้องให้ออกมายิ่งใหญ่ที่สุด ประกาศเกียรติให้คนรู้ทั่วกันถึงความเก่ง ฉลาด และความสามารถของตน . . . ไร้สาระนะเจ้าว่าอย่างนั้นไหม" ชานอูเบ้ปาก
ถามความเห็นฮันบินกับคำนินทาพี่ชายของตน
"ดูอย่างงานพวกนี้สิ
มันจำเป็นที่ต้องจัดสามวันสามคืนไม่จบอย่างนี้ไหม
กลัวคนลืมว่าตัวเองเป็นผู้ครองแคว้นหรืออย่างไรกัน"
มันจะกลายเป็นการจับคู่นินทาผู้ครองแคว้นตะวันตกไปซะแล้ว
หากไม่มีเรื่องให้กังวลใจฮันบินอาจรู้สึกสนุกสนานไปกับคำบ่นของเด็กหนุ่ม
"เจ้าน่ะ" ชานอูพูดจ้องหน้าฮันบิน
"อย่าได้เผลอใจไปชอบคนอย่างนี้เชียว"
ฮันบินอยากจะปฏิเสธในทันทีแต่ชานอูก็ยังคงพูดต่อ
"เพราะว่าเขาจะทำให้เจ้าเจ็บ . .
ไม่ว่าเจ้าจะรักเขาหรือไม่ เขาก็จะทำให้เจ้าเจ็บอยู่ดี . . . เพราะอย่างนั้น
เจ้าอย่ารักเขาดีกว่า . . . อย่างไรเจ็บเพราะคนที่เราไม่ได้รักมันย่อมดีกว่า
จริงไหม . . . จริงๆข้าก็ไม่ค่อยเข้าใจหรอกนะ
แต่ข้าคิดว่าน่าจะเป็นอย่างนั้น"
ฮันบินไม่ได้ออกความเห็น
เพียงแต่ฟังเด็กหนุ่มพูดคนเดียวอยู่เงียบๆ ชานอูยังคงพูดคนเดียวต่อไป
ดูจะไม่ใส่ใจนักกับการไม่มีเสียงตอบรับจากฮันบิน
"เจ้าไม่เหมือนคนที่นี่ ก็อย่างที่เห็น พวกนี้มากมารยาท
หาความจริงใจในคำพูดไม่มี พูดออกมาแล้วไม่จริงใจไม่รู้จะพูดทำไม
นั่งเงียบๆไปเสียดีกว่า"
เด็กหนุ่มบ่น จนฮันบินนึกในใจว่าชานอูเองควรก็เจียดมารยาทของคนที่นี่มาใส่ตัวแค่เพียงเล็กน้อยก็คงจะกลายเป็นความพอดี
"ข้าพูดมาตั้งนานมีอะไรอยากพูดกับข้าไหม"
ชานอูถามฮันบินบ้าง
"ข้าอยากออกไปจากที่นี่" ฮันบินตอบ
ชานอูเงียบลงไปบ้างครู่หนึ่งก่อนจะตอบกลับ
"ข้าอยู่ฝ่ายตะวันตก ต่อให้ข้าเห็นใจเจ้าก็ด้วยในฐานะเพื่อนมนุษย์
เพราะอย่างนั้นข้าคงไม่ทำอย่างที่เจ้าบอก" เป็นคำตอบที่ฮันบินรู้อยู่แล้ว
ชานอูยังคงพูดต่อไป
"แต่หากเจ้าต้องการเพื่อนคุย"
"ข้าไม่ต้องการ" ฮันบินตอบกลับ
ชานอูดูจะอึ้งไป ก่อนที่ปากหนากำลังขยับคล้ายหัวเราะออกมาเบาๆ
. . . ตัวฮันบินเองก็เช่นกัน
ที่อยู่ๆปากอิ่มก็ขยับยิ้มขึ้นมาถึงจะเพียงเล็กน้อยก็ตาม
เมื่อรู้สึกว่าตนกำลังติดนิสัยไร้มารยาทของอีกฝ่ายเข้า
ความจริงการคุยกับชานอูก็ไม่ได้เลวร้ายนัก
หากไม่ใช่เพราะสถานะของทั้งสองฝ่าย
ฮันบินซึ่งไม่เคยมีเพื่อนหรือคนพูดคุยที่อายุใกล้เคียงกัน
ชานอูคงจะได้เป็นอะไรที่ใกล้เคียงสิ่งนั้นกับตน
✥✥✥
ความคิดเห็น