ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic] Amaryllis : : Doubleb , ikon

    ลำดับตอนที่ #6 : ตอนที่ ๖

    • อัปเดตล่าสุด 8 ต.ค. 58




    ฮันบินตื่นขึ้นในยามเช้าด้วยความรู้สึกที่ไม่สดชื่นเท่าไร ผิวขาวจัดซีดลงกว่าที่เคยเหตุเพราะเมื่อคืนฮันบินแทบไม่ได้นอน ในหัวครุ่นคิดวิตกถึงเรื่องที่เกิดขึ้น และสิ่งที่จะตามมา ในตอนนี้ด้วยสถานะของตัวเองซึ่งมาติดอยู่ที่นี่ตนควรจะทำสิ่งใด ฮันบินค่อนข้างแน่ใจว่าเรื่องทั้งหมดเป็นแผนการของจีวอน

    จากที่เคยคิดว่าเหตุการณ์ลอบทำร้ายตน กลุ่มคนที่น่าสงสัยคือจีวอนกับมินโฮ ต้องเป็นใครสักคนเตรียมการณ์ไว้เพื่อจะได้ใส่ร้ายอีกฝ่าย

    หากเป็นมินโฮทำ การตายของเขาจะตกอยู่ในความรับผิดชอบของพวกฝั่งตะวันตก โดยที่อีกฝ่ายเพียงรับหน้าที่เป็นทายาทที่เหลือเพียงคนเดียวและได้ปกครองแคว้นต่อไป

    แต่ถึงอย่างนั้นฮันบินก็ไม่ตาย หากไม่ใช่เพราะโชคดีก็คงเป็นเพราะความจงใจของใครให้เขายังมีชีวิตอยู่ ซึ่งในเช้าวันต่อมาฮันบินมั่นใจว่าเป็นอย่างหลัง เมื่อตนไม่ได้พบกับฮงซอกอีก และฮันบินแน่ใจว่าชายหนุ่มที่เขาเสี่ยงชีวิตช่วยเหลือตอนนั้นได้จากโลกนี้ไปแล้ว โดยคนที่ทำการปิดปากอีกฝ่ายสร้างเรื่องหลอกเด็กบอกเล่าเรื่องการพาตัวฮงซอกไปรักษา

    ฮันบินที่หายใจอยู่มีค่าแค่ให้เรื่องการเกือบโดนลอบสังหารไปถึงฝั่งตะวันออก ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าคนที่จะโดนสงสัยว่าลอบทำร้ายฮันบินนอกจากพวกตะวันตกแล้ว อีกหนึ่งก็คือมินโฮ ความขัดแย้งภายในคงได้เกิดขึ้น

    คิ้วเรียวขมวดด้วยความสงสัย หากผู้วางแผนการร้ายคือมินโฮ ฮันบินไม่ควรมีลมหายใจอยู่ แต่ถึงอย่างนั้น หากเรื่องเป็นเพราะจีวอนที่ฮันบินยังมีลมหายอยู่นี้เพื่ออะไร หรือไม่ต้องการให้ฮันบินตายภายใต้การดูแลของตนเพื่อหลีกเลี่ยงสงครามที่อาจตามมา

    ร่างโปร่งผอมขยับตัวลุกจากเตียงนอน ทำสิ่งที่ตนทำได้ก่อนที่ความขัดแย้งภายในจะเกิดขึ้น

    ท่านพ่อข้าถึงฝั่งตะวันตกแล้วและปลอดภัยดี

    โปรดอย่าหลงเชื่อคำลวงจนคิดว่ามินโฮเป็นผู้ทำร้ายข้า

    มันไม่เป็นความจริง

    ข้อความของฮันบินบีบอัดลงในกระดาษ ก่อนจะฉีกให้เหลือเพียงแผ่นเล็กและพับมันเข้าหากัน

    ถึงจะสั่งบรรดาองครักษ์และบ่าวไพร่ห้ามรายงานเรื่องตนถูกลอบทำร้ายให้ฝั่งโน้นรู้ แต่ฮันบินก็ไม่ไว้ใจจีวอนมากพอ ว่าจะไม่ปลอมแปลงส่งข้อความบอกเล่าเรื่องการที่เขาถูกลอบทำร้ายไปทางตะวันออกเสียเอง

    ฮันบินสูดลมหายใจเข้าหาตัว หลังจากนี้เขาต้องลงไปเผชิญหน้ากับคนที่นี่ โดยต้องแสดงเป็นคุณชายฝั่งตะวันออกที่ยังไม่รู้อะไรเลย

     

    ✥✥✥

     

    พิราบสื่อสารที่มีจดหมายข้อความของฮันบินผูกอยู่ที่ขา โบยบินบนท้องฟ้าพ้นออกนอกบริเวณปราสาทได้เพียงนิด ก็โดนปลายศรคมปักทะลุตัวร่วงลงมาสู่พื้น จากร่างสูงที่ถือคันธนูเล็งรอไว้อยู่ที่ชายป่า

    กำจัดพิราบสื่อสารทุกตัวที่บินออกจากปราสาท เป็นคำสั่งของจีวอนผู้เป็นนาย จุนฮเวก็ทำตามหลังจากนั่งรออยู่ชายป่าตั้งแต่เมื่อคืน

     เป็นงานที่น่าเบื่ออยู่สักหน่อยสำหรับชายหนุ่ม กับการต้องมาเฝ้ามองนกทุกตัวที่บินออกทางปราสาท แต่ก็คิดว่ามันคงดีกว่างานที่แล้วอยู่สักหน่อย ซึ่งผลงานที่เขาทำดูจะไม่ค่อยเป็นที่ถูกใจของคนเป็นนาย

    สั่งให้เขาหาโอกาสลอบทำร้ายนายน้อยฝั่งตะวันออก ห้ามถึงตายเอาเพียงแค่สลบไป ซึ่งโอกาสที่ว่าจุนฮเวก็ไปตอนที่เด็กหนุ่มชำระร่างกายอยู่โดยลำพังในค่ำคืนนั้นและจับเด็กหนุ่มกดน้ำจนสลบไป

     เป็นไปตามคำสั่งทุกอย่างแต่พอจีวอนมาเจอเขาอุ้มร่างที่เคยเปลือยเปล่าแต่เขาห่อหุ้มตัวเด็กหนุ่มไว้ด้วยชุดคลุมตัวบาง

    กำลังตั้งใจจะส่งเด็กหนุ่มตัวบางให้ลูกน้องคนสนิทที่เชื่อใจได้อุ้มฮันบินไปกระโจมอีกฝ่ายและกำชับให้ตอบคำถามผู้คนหากมีใครสงสัย ว่าพบคุณชายน้อยสลบที่ลำธารเลยช่วยไว้

    แต่ยังไม่ทันได้ทำอย่างนั้น ก็พบจีวอนอยู่กับคนสนิทเขา จากสีหน้าถึงไม่พูดอะไรออกมาแต่จุนฮเวรู้ว่าอีกฝ่ายดูจะไม่พอใจเท่าไร มือหนานั้นจับเสื้อคลุมของร่างในอ้อมแขนจุนฮเวให้มิดชิดเรียบร้อยกว่าเดิม ก่อนจะยอมให้คนสนิทจุนฮเวรับช่วงต่อ อุ้มฮันบินไปยังกระโจมเด็กหนุ่ม

    จุนฮเวมองซากพิราบซึ่งลมหายใจกำลังหมดลง มือหนาหยิบกระดาษที่ผูกขามันออกมาดู เพื่ออ่านข้อความข้างใน

    'หากในจดหมายคุณชายน้อยเพียงบอกเรื่องราวการถูกลอบทำร้ายให้ส่งจดหมายนั้นไปต่อ แต่หากไม่ใช่ เจ้าจงส่งจดหมายไม่ระบุนามไป ให้เขาเข้าใจว่าเป็นบ่าวไพร่สักคน บอกเล่าเรื่องราวการถูกลอบทำร้ายของฮันบินให้เขารู้'

    ความจริงพวกเขาอยากได้ลายมือฮันบินที่ส่งไปมากกว่า แต่คุณชายน้อยผู้นี้ก็ฉลาดเกินไป ไหวตัวทัน จุนฮเวจึงต้องเป็นผู้ลงมือส่งจดหมายบอกเล่าเหตุการณ์นี้เอง

     

    ✥✥✥

     

    บนโต๊ะอาหารในเช้านี้ผู้ซึ่งนั่งอยู่หัวโต๊ะคือบยอลฮุนอันจะหมดหน้าที่ผู้ครองแคว้นในอีกแปดวัน ซ้ายมือของเขาคือเยวอนผู้เป็นภรรยาและถัดจากเธอคือชานอูบุตรชายคนเล็กซึ่งจ้องหน้าฮันบินอยู่บ่อยครั้งจนฮันบินเห็นเยวอนต้องปรามเด็กหนุ่ม

    ทางขวามือของบยอลฮุนคือจีวอนบุตรชายคนโต และที่นั่งติดกับจีวอนคือฮันบินเอง การพูดคุยส่วนใหญ่จะเต็มไปด้วยการพูดต้อนรับ และการบอกเล่าถึงพิธีที่จะมีขึ้นมากกว่า

    คนที่นี่หากไม่นับชานอูทุกการกระทำจะเต็มไปด้วยมารยาทและพิธีรีตองจนชวนอึดอัด คำพูดชื่นชมแคว้นตะวันออกเต็มไปด้วยความไม่จริงใจ สิ่งที่ฮันบินต้องทำคือการตอบรับด้วยวิธีไม่ต่างกันนัก

    ซักถาม ชื่นชมเมื่อมีโอกาส เพราะที่เขาทำได้ตอนนี้คือการเป็นฮันบินคนที่ไม่รู้อะไรเลย ว่ามีหอกแหลมอีกฝ่ายคอยทิ่มแทงอยู่

    ฮันบินรู้สึกว่าจีวอนมองและยิ้มให้เขาอยู่บ่อยครั้ง ทั้งยังช่วยพูดเสริมในสิ่งที่ฮันบินกำลังพูดอยู่ จนกระทั่งการสวมหน้ากากขณะรับประทานอาหารจบลง ฮันบินจึงรู้สึกว่าตัวเองหายใจสะดวกขึ้น

    "ดูพี่ชายข้าสิ ทำอย่างกับพาสะใภ้มาแนะนำเจ้าว่าอย่างนั้นไหม"

     เป็นชานอูที่พูดขึ้นมาขณะที่ทุกคนแยกย้ายออกจากโถงอาหารแล้ว ฮันบินเพียงแต่มองเด็กหนุ่มด้วยใบหน้าปกติ

    "แต่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกหรอกที่ข้าเห็นอะไรอย่างนี้" พูดจบเด็กหนุ่มก็ผละออกไป เพื่อจะกลับห้อง

    "คุณชายต้องการจะบอกอะไร"

    เมื่อฮันบินถามต่อชานอูก็หยุดลง กลับมาหาร่างผอมตรงหน้า เจ้าของดวงตาคมเดินเข้ามาใกล้จนใบหน้าเกือบชิด สายตานั้นพิจารณาคนตัวเล็กกว่าไปด้วย

    "ตั้งแต่ข้าเห็นเจ้าเมื่อคืนข้าก็รู้เลยว่าเจ้าน่ะ เป็นแบบที่พี่ข้าชอบ" ชานอูบอกเจ้าของใบหน้าที่คล้ายสงสัย

    "งดงาม แล้วก็มีประโยชน์กับเขา"

    "ข้าไม่เข้าใจ คุณชายช่วยอธิบาย" ฮันบินถามต่อ

     ไม่รู้ว่าทำไมทั้งๆที่อยู่ในดงจิ้งจอก แต่หากคำพูดออกมาจากปากคนผู้นี้ ฮันบินคิดว่ามันพอจะเชื่อได้ แต่ชานอูก็ไม่ได้อธิบายส่วนที่สงสัยมากนัก

    "มันยิ่งกว่าที่ข้าคิด ตอนที่ข้าเห็นสายตาการกระทำของพี่ข้าที่มีต่อเจ้าเมื่อครู่นี้ . . . เหมือนเขาเจอดอกไม้หายากที่ไม่เคยเห็นมาก่อน" บอกพลางมือหนาก็จับเส้นผมฮันบินมาพิจารณาดูมัน

    "แต่เจ้าเข้าใจใช่ไหม ต่อให้เป็นดอกไม้หายาก คนก็เพียงหลงใหลปารถนา แต่ไม่ได้รักมัน . . . ไม่มีใครตายเพราะขาดดอกไม้ไปหรอก"

    ยังไม่แน่ชัดในสิ่งที่เด็กหนุ่มต้องการจะบอก ไม่ฟังคำคัดค้านอะไรจากฮันบินอีกชานอูก็เดินกลับห้องตัวเองไป

     

    ในค่ำคืนนั้น แม้จะส่งจดหมายไปแจ้งแล้วก็ตาม แต่ฮันบินก็ยังไม่มั่นใจว่าจดหมายจะไปถึงรึไม่ ฮันบินจึงเขียนจดหมายอีกแผ่นขึ้นมา แล้วสั่งองครักษ์ของตนให้ลอบออกจากปราสาทไปส่งทางตะวันออก

    "อย่าลืมกำชับกับพ่อข้า ห้ามยุ่งกับมินโฮ" ฮันบินบอก

     

     เมื่อองครักษ์ลักลอบออกจากปราสาทได้ เพียงแค่เข้าไปในเขตป่า ก็ถูกลูกศรไม่ทราบทิศทางพุ่งทะลุร่างของตัวเอง ไม่ต่างจากนกตัวหนึ่ง

    "คุณชายฮันบินไม่ยอมล้มเลิกเสียที นี่ไม่คิดจะไว้ใจทางนี้เลยสินะ"

    จุนฮเวพูดขึ้น ขณะดึงลูกศรออกจากร่างไร้วิญญาณ

     

    ✥✥✥

    สี่วันแล้วกับการมาอยู่ฝั่งตะวันตก ใจของฮันบินไม่ได้สงบเลยสักนิด การมาอยู่นี่ฮันบินต้องเข้าเยี่ยมชมภายในเมืองว่าเป็นอย่างไร ประชุมพูดคุยความเป็นไปของแนวทางฝั่งตะวันตกต่อจากนี้ ส่งคำชมไปให้ตามธรรมเนียมกับขั้นตอนการเตรียมงานสถาปนาที่กำลังจะเกิดในอีกหนึ่งอาทิตย์

     มันไม่ใช่เวลาที่เขาควรทำอย่างนี้เลยสักนิด แต่เด็กหนุ่มก็ทำตัวได้เพียงเป็นแขกเมืองที่มาเยี่ยมชม

    เขาดีใจที่จีวอนไม่ได้มายุ่งอะไรกับเขามากนัก เพราะตัวเองก็ยุ่งกับการประชุมและการเตรียมงานอยู่ รวมไปถึงชานอูก็ไม่ได้มาพูดอะไรที่ชวนให้สงสัยกับเขาอีก ฮันบินจึงมีเวลาที่จะคิดเรื่องต่างๆได้ 

    หากจีวอนจะส่งใครสักคนมาทำร้ายเขา คนคนนั้นคงเป็นคนสนิทกับอีกฝ่ายมากพอ รวมไปถึงมีเรี่ยวแรงมหาศาลอย่างคนที่ฝึกมาดี

    ท่ามกลางการจัดเตรียมงานที่กำลังยุ่งกันอยู่ ฮันบินมองเห็นองครักษ์หนุ่มของจีวอน

    และแน่นอนคนที่อยู่ข้างตัวจีวอน ถูกฝึกมาอย่างดี รวมไปถึงคนที่พูดโกหกเขาเรื่องการไปรักษาตัวของฮงซอกก็คือจุนฮเว . . . ฮันบินมองร่างสูงของอีกฝ่ายก่อนจะเดินเข้าไปหา

    "หากข้าต้องการม้าสักตัวไว้ขี่เล่นตรงชายป่าท่านพอจะหาให้ได้รึไม่" ถามจุนฮเวที่รีบก้มหัวรับกลับมาให้ฮันบิน

    "หากคุณชายน้อยต้องการ แต่ข้าคงต้องถามท่านจีวอนก่อนเพื่อพิจารณาความปลอดภัยของคุณชาย"

    ร่างสูงบอกทำท่าจะไปหาจีวอนซึ่งยุ่งอยู่กับการคุยกับขุนนางคนหนึ่งอยู่ แต่ฮันบินคว้ามืออีกฝ่ายไว้ไม่ให้ไป

    มันไม่ใช่นิสัยฮันบินแน่ที่จะคว้ามือใครมาจับเพื่อรั้งไว้อย่างนี้ แต่เด็กหนุ่มจงใจ

    มือขาวจับมือหนาของอีกฝ่ายไว้ลอบพิจารณาพลางคิดในใจ . . . นี่สินะ มือที่กดหัวฮันบินลงไปใต้น้ำ

    ดวงตาสวยมองฝ่ามืออีกฝ่าย ถึงสิ่งที่ตนเองสงสัยอยู่ รอยบาดแนวยาวเส้นเล็กอยู่บนมืออีกฝ่าย มันคือรอยที่เกิดจากการยิงธนูฮันบินรู้ และพะวงในใจถึงสิ่งที่ร่างสูงยิงไป

    "คุณชาย"

    จุนฮเวเรียกเด็กหนุ่ม ที่ตอนนี้กำลังล้วงผ้าเช็ดหน้าออกมาเพื่อพันไว้บนมือเขา ฮันบินเพียงประวิงเวลาเพื่อพิจารณามืออีกฝ่ายว่าใช่รอยจากการยิงธนูจริงรึไม่  แต่สำหรับจุนฮเว เขากระอักกระอ่วนและไม่นึกอยากให้ผู้เป็นนายมาเห็นอะไรอย่างนี้

    "คงเป็นรอยตอนท่านซ้อมดาบ" ฮันบินบอกขณะพันแผลให้อีกฝ่าย

    จุนฮเวไม่ได้ใส่ใจตอบคำถามนัก เพราะสายตาเขามองเห็นจีวอนมองมา และกำลังเดินมาทางนี้

    "เป็นอะไร"

     จีวอนถามองครักษ์หนุ่ม ซึ่งส่ายหน้าปฏิเสธไป ก่อนจะพยายามพูดเรื่องงาน

    "คุณชายน้อยต้องการให้ข้าหาม้าเพื่อขี่เล่นในป่า"

    จุนฮเวรายงานออกไปทั้งที่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังไม่พอใจอยู่  ดวงตาภายใต้กรอบแว่นของจีวอนหันมามองฮันบินแทน

    "ในป่ามันอันตราย แต่หากคุณชายน้อยต้องการข้าจะไปเป็นเพื่อน"

    "ทางท่านเองก็ยุ่งอยู่ ข้าไปกับองครักษ์ข้า หรือให้จุนฮเวไปด้วยก็ได้"

    จีวอนขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ยังแสดงท่าทีปกติ

    "อย่าห่วงไป ข้าไปได้ จุนฮเวเขามีงานอื่นที่ต้องทำ"

    ฮันบินส่ายหน้าปฏิเสธหากต้องไปกับจีวอน อีกอย่างเรื่องม้านั่นมันก็เพียงแค่ข้ออ้างที่จะพูดคุยกับองครักษ์เท่านั้น

    "ดูข้าสิ เสียมารยาทจริง เอาแต่คิดเรื่องเที่ยวเล่นเป็นเด็กๆ ทั้งที่พวกท่านเองก็ยุ่งอยู่"

    "ข้าไปได้จริงๆ" จีวอนยืนยันแต่ฮันบินยืนกราน

    "อย่าเลยงานท่านยุ่งถึงเพียงนี้ ข้าขอตัวเดินเล่นรอบปราสาทนี้ดีกว่า" ฮันบินบอกแล้วก้มหัวลาอีกฝ่าย

    หากลำพังไปกับจุนฮเวคนที่กดหัวเขาจมน้ำฮันบินยังกล้าพอที่จะออกไป แต่ให้ไปกับจีวอนเขาขอเลี่ยงอยู่ในปราสาทดีกว่า

    เมื่อฮันบินเดินออกไปแล้ว ดวงตาคมของจีวอนก็ปรายตามององครักษ์ของตัวเอง

    "อย่าให้ข้าเห็นว่าผ้าเช็ดหน้านั่นยังอยู่ในมือเจ้าอีก"

     

    ✥✥✥

     

    ท่ามกลางค่ำคืนที่มืดสนิทมีดวงดาวอยู่น้อยดวง ฮันบินลอบออกมาจากห้องตัวเอง ภายใต้ท่าทีทำเหมือนเดินเล่นเมื่อเจอทหารเวรยาม

     เด็กหนุ่มกลับเดินลัดเลาะไปตามสวนที่เต็มไปด้วยต้นไม้ซึ่งอยู่เต็มรอบปราสาท ก่อนจะเดินตรงไปจนถึงกำแพงซึ่งก่อไว้โดยรอบเพื่อป้องกันอันตรายจากภายนอกไม่ให้เข้ามา แต่สำหรับฮันบินในตอนนี้เขาคิดว่ามันมีไว้ป้องกันคนภายในไม่ให้ออกไปได้มากกว่า

     ฮันบินไม่อาจอยู่เฉยรอฟังข่าวจากทางนั้นที่จะส่งตอบกลับมาได้ แม้รู้ดีว่าระยะทางที่ไกล องครักษ์ของตนคงยังไม่ไปถึง

     แต่ถึงอย่างนั้นฮันบินก็ยังใจคอไม่ดี เมื่อนึกถึงรอยบนมือจุนฮเวที่อาจเกิดขึ้นจากการยิงธนู ฮันบินไม่รู้หรอกว่าอีกฝ่ายจะใช้ยิงอะไรบ้าง ฮันบินจึงต้องมองในแง่ร้ายที่อาจเกิดขึ้นไว้ก่อน

    หากสิ่งที่จุนฮเวยิงเป็นนกหรือคนของฮันบินจริง มันจึงไม่ใช่เวลาที่เด็กหนุ่มนิ่งนอนใจรอฟังข่าวจากทางนั้น ในกรณีที่ย่ำแย่ที่สุดที่ฮันบินอาจคิดไม่ถึง เด็กหนุ่มอาจต้องหาทางหนีออกจากปราสาทด้วยตัวเอง

    ร่างโปร่งบางเดินลัดเลาะอยู่ข้างกำแพงอิฐทรงสูงเท่าชายสี่คนยืนต่อตัวกัน หากมีวันที่เลวร้ายมาถึงแล้วฮันบินรอดจากเหล่าทหารเวรยามมาได้ ทางเดียวที่มีฮันบินคงต้องปีนกำแพงออกไป

    ฮันบินพิจารณากำแพงสูงตรงหน้า ไม่รู้หรอกทุกอย่างมันจะเลวร้ายลงถึงขั้นต้องหนีออกมาไหม มือขาวลูบหารอยขรุขระบนเนื้อกำแพง ว่าตำแหน่งไหนที่ตนพอจะปีนออกไปได้บ้าง

    ไม่ใช่วันนี้ แต่ก็ต้องคิดหาทางหนีทีไล่เผื่อไว้

    เดินลัดเลาะมาเรื่อยจนมาหยุดยังส่วนที่ขรุขระที่สุดของกำแพง มีเถาไม้เลื้อยขึ้นอยู่บนกำแพงอาจจะพอช่วยฮันบินให้ปีนขึ้นได้ง่าย เจ้าของร่างโปร่งผอมจึงทดลองปีนบนกำแพงดู หวังว่าพวกเวรยามจะไม่มาเห็นฮันบินอยู่ในท่านี้

     เด็กหนุ่มตั้งใจลองเพียงนิด เพราะรู้ว่าอีกเดี๋ยว พวกเฝ้าเวรคงได้เดินมาทางนี้ เท้าของฮันบินจึงจิกลงไปบนกำแพงส่วนที่เป็นรอยขรุขระ มือก็เอื้อมไปจับเถาไม้ช่วยพยุงตัวและส่งแรงดึงต่อ

     ฮันบินหันไปมองรอบตัว เมื่อทหารเฝ้าเวรยังไม่มาทางนี้ เด็กหนุ่มก็ใช้ขาอีกข้างพยายามเกี่ยวปีนขึ้นไปอีก

    มันยากกว่าที่คิด หากเหตุการณ์ที่เขาต้องหนีเกิดประชิดตัวขึ้นมาฮันบินไม่คิดว่าตนจะหนีทัน

    ร่างผอมยังพยายามปีนป่ายบนกำแพงไปเรื่อย ขาที่เกาะกำแพงไว้ พยายามก้าวเกี่ยวกับเถาไม้ มันช่วยให้ฮันบินปีนขึ้นง่ายมานิดหน่อย

    แต่ยังไม่ทันที่ฮันบินจะทรงตัวดี เพื่อจะใช้ขาอีกข้างไต่ขึ้นไป ขาข้างที่เกาะเถาไม้ไว้ก็ถูกมือหนาจับเอาไว้ดึงตัวฮันบินให้ร่วงลงมา

    เด็กหนุ่มรู้สึกว่าขาตัวเองกำลังเจ็บอยู่จากการล้มลงกับพื้น แต่ก็ไม่เท่าอาการตกใจ คิดว่าทหารเวรยามสักคนคงจับได้ แต่ว่ามันเป็นยิ่งกว่านั้น ร่างสูงเจ้าของดวงตาเรียวดุที่ยืนอยู่เหนือร่างฮันบินกำลังมองเด็กหนุ่มด้วยความไม่พอใจ

     เป็นครั้งแรกที่ฮันบินเห็นอีกฝ่ายแสดงสีหน้าอย่างตรงไปตรงมาอย่างนี้ ฮันบินพยายามจะลุกขึ้นยืนแต่ขาที่เจ็บอยู่ทำให้ฮันบินต้องย่อตัวกลับมานั่งอีกครั้ง

    "ทำอะไร" เสียงจีวอนนั้นเย็นเยียบตอนถามเด็กหนุ่ม

    "ข้าเคยบอกกับท่านแล้ว ว่าข้าอยากออกไปเที่ยวเล่น" ฮันบินพูดปด รู้ว่ามันเป็นคำโกหกที่ไม่เอาไหน

    "หากท่านไม่สะดวกใจที่ข้าเป็นแขกที่ไร้มารยาทอย่างนี้ ข้าต้องขออภัย และขอตัวกลับห้องก่อน"

    เด็กหนุ่มพยายามแสร้งทำตัวอย่างมีมารยาท แต่คงลืมไปว่าตอนนี้จีวอนทิ้งคำว่ามารยาทไปตั้งแต่แสดงสีหน้าไม่พอใจให้เด็กหนุ่มเห็นแล้ว

    "งั้นรึ" จีวอนบอกพร้อมคว้าเด็กหนุ่มที่นั่งกับพื้นขึ้นมาอุ้มชิดอก

     ฮันบินฝืนตัวออกมา เขาเริ่มคิดว่าจีวอนที่มากไปด้วยมารยาทอย่างทุกทีหายไปไหน ปกติแล้วหากอีกฝ่ายมาดึงจนฮันบินล้มลงมาจนเจ็บตัวอย่างนี้ ฮันบินคิดว่าต้องได้ยินคำขอโทษที่มากพิธีตามมา แต่นี่กลับไม่มี

    "ข้าไม่ได้เจ็บขนาดนั้น ท่านปล่อยเหอะ"

    ฮันบินพยายามเอาตัวให้หลุดจากอ้อมแขนแกร่งของอีกฝ่าย แต่จีวอนดูจะไม่ใส่ใจนัก อุ้มฮันบินเดินกลับเข้าไปในตัวปราสาท

    คงดูไม่เข้าท่าแน่หากฮันบินจะร้องห้ามส่งเสียงดัง ให้พวกเวรยามมอง เด็กหนุ่มจึงจำต้องอยู่เงียบๆอยู่ในสภาพที่คิดว่าน่าอายที่สุดเมื่ออีกฝ่ายไม่คิดฟัง

     เมื่อมาถึงหน้าห้องของตนฮันบินพยายามจะลงจากอ้อมแขนอีกฝ่าย แต่จีวอนยังคงกระชับแน่นไม่ยอมปล่อย

    "ให้ข้าลงตรงนี้เหอะ ขอบคุณท่านที่มาส่ง" ฮันบินบอกและหวังว่าเขาจะปล่อยฮันบินลงเสียที

    แต่ก็ไม่เป็นอย่างนั้นเด็กหนุ่มจึงพยายามดิ้นออกมา แขนแกร่งนั้นจึงกอดฮันบินแน่นกว่าเดิม แล้วเดินเข้าไปในห้องฮันบินพร้อมปิดประตู

    ✥✥✥

     

    เมื่อวางฮันบินลงฮันบินรู้สึกใจคอไม่ดีแล้วคิดถึงสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังจะทำ ร่างผอมพยายามจะลุกหนีทันทีเมื่อถึงเตียงแต่จีวอนก็คร่อมตัวเด็กหนุ่มเอาไว้

    "หมดเวลาใส่หน้ากากแล้ว" จีวอนพูด

     วันนี้เด็กหนุ่มทำให้เขาโมโหหลายอย่าง ทั้งเรื่องจุนฮเวและอะไรอย่างอื่นอีก พยายามส่งจดหมายติดต่อพวกตะวันออกไม่พอ ยังพยายามส่งองครักษ์ของตัวเองออกไปอีก

    แล้วตอนนี้การที่เขาเห็นเด็กหนุ่มพยายามปีนกำแพงหนีออกไปเอง มันทำให้เขาโมโหและคิดว่าพอกันทีกับการมาสวมหน้ากากใส่กัน

    "รู้อะไรถึงไหนแล้ว" ถามฮันบินที่เจ้าของแขนขาวเอาแต่พยายามขัดขืนให้พ้นจากมือเขา

     เจ้าของจมูกโด่งก้มลงมาจนปลายจมูกชนกับจมูกของฮันบิน มองเข้าไปในตาเด็กหนุ่มที่มีแต่ท่าทางขัดขืน

    "ไม่เข้าใจท่านจะให้ข้ารู้ ร อื้ออ"

    คำแย้งของฮันบินยังออกมาไม่จบ ปากของจีวอนก็กดลงไปบนปากอิ่มของเด็กหนุ่มที่บอกปฏิเสธ ร่างสูงจูบย้ำตรงกลางปากสีระเรื่อ ไล่ขึ้นมาดูดกลีบปากบางด้านบน ดูดดุนอยู่อย่างนั้นอย่างพอใจ

    แต่สำหรับฮันบินเขาไม่ต้องการ เด็กหนุ่มพยายามหันหน้านี้ แต่จีวอนยังคงกดเน้นความนุ่มนั้นอยู่หลายหน จึงค่อยละออกมา

    "บอกได้รึยัง" จีวอนถามตอนนี้เขาพอจะอารมณ์ดีขึ้นมาบ้างจากสิ่งที่เพิ่งทำไป

    ฮันบินยิ่งดิ้นขึ้นกว่าเดิมพยายามให้หลุดออกไป ใบหน้าขาวจีวอนเห็นมันกำลังเปลี่ยนสี

    "ข้าไม่เข้าใจ" เด็กหนุ่มพยายามขัดขืนให้หลุดจากอีกฝ่าย ไม่คิดว่าผู้ที่กำลังจะครองแคว้นตะวันตกจะกล้าทำสิ่งนี้

    "ไม่พูดมาตามตรงข้าจะทำอย่างเมื่อครู่อีก แต่เอาเหอะใช่ว่าข้าจะไม่พอใจที่จะทำอย่างนั้น"

     จีวอนเย้าอารมณ์เด็กหนุ่มร่างผอมใต้ร่าง ทั้งที่เมื่อครู่เขาโมโหฮันบินแทบตายแต่ตอนนี้เขากลับอารมณ์ดีขึ้นแล้ว

     ฮันบินหลับตาลงพยายามเรียกสติตัวเองคืนมา เอาแต่ขัดขืนด้วยกำลังไปคงไม่มีประโยชน์ สิ่งควรทำในตอนนี้คงเป็นตามที่อีกฝ่ายบอก ไหนๆอีกฝ่ายก็รู้อยู่คงต้องเลิกเสแสร้งไป

    "ข้ารู้ว่าฮงซอกไม่ได้ทำร้ายข้า " ฮันบินเลือกพูดเรื่องที่ดูห่างไกลที่สุดก่อน จีวอนพยักหน้ารับ

    "แล้วอย่างไรอีก"

    ฮันบินอยากจะบอกว่าแค่นั้น แต่คงไม่ดีแน่ เพราะไม่รู้ว่าร่างหนานี่จะทำอะไรฮันบินอีก

    "ข้าอยากจะนั่งคุยกันให้สบายกว่านี้"

    ยื่นข้อเสนอไปแค่นั้น แต่จีวอนกลับกดมาที่ปากฮันบินอย่างแผ่วเบาพร้อมส่งปลายลิ้นของตนสัมผัสเข้าไปในกลีบปากฮันบิน

    "คุยกันให้ตรงประเด็นเหอะ"

    ฮันบินซึ่งหันหน้าหนีหันกลับมามอง ดวงตากลมของเด็กหนุ่มมองร่างที่ทับตนอยู่อย่างโกรธเคือง อีกฝ่ายทำเหมือนฮันบินเป็นของเล่นและกำลังนึกสนุก

    "ท่านก็รู้อยู่แล้ว . . . ข้า . . . ข้ากำลังจะพูด . . .เป็นท่านที่ส่งคนมาทำร้ายข้า แต่ข้าไม่เข้าใจว่าทำไม . . . นี่ข้าบอกท่านแล้วนะ"

    ฮันบินร้องว่า เมื่ออีกฝ่ายจูบมาที่ซอกคอขาวของตน

    "ก็คุณชายน้อยโกหก" จีวอนบอก เหยียดยิ้มที่มุมปาก

    "ส่งทั้งจดหมาย ทั้งให้คนไปเตือนไม่ให้พ่อท่านยุ่งกับพี่ชาย คุณชายน้อยรู้ว่าข้าต้องการให้พวกเขาผิดใจกัน"

    พอเป็นจีวอนที่เฉลยออกมาฮันบินจึงเลิกที่จะขัดขืน ดวงตากลมมองตาอีกฝ่าย เพื่อที่จะเป็นฝ่ายที่จะหาคำตอบจากร่างสูงบ้าง

    "ต้องการอะไร" ฮันบินถาม ไม่แม้จะสนใจขัดขืน

     จีวอนเมื่อเห็นฮันบินเลิกดิ้นรน แขนแกร่งจึงละจากข้อมือเด็กหนุ่ม ลูบเส้นผมสีดำซึ่งแผ่สยายของร่างที่นอนอยู่ และจูบคลอเคลียไปตามหน้าผาก 

    ฮันบินไม่ได้บ่ายเบี่ยงหนีแล้ว เพียงแต่ตั้งใจรอฟังคำตอบ

    "เพื่อที่อะไรจะได้ง่ายขึ้น"

     จีวอนตอบ ขณะที่เพลิดเพลินไปกับร่างหอมใต้ร่าง รู้สึกว่าตัวเองกำลังมีความสุขกับสิ่งที่ได้ทำอยู่

     ฮันบินยังคงไม่ขัดขืน จีวอนจึงตักตวงจากเจ้าของกลิ่นหอมนี้ต่อไป ไม่ว่าจะเป็นตรงแก้มอิ่ม หางคิ้ว หรือว่าปลายจมูก

    "อยากให้พวกเขาทะเลาะกันแล้วถือโอกาสนั้นยึดครองเขตทับซ้อนไปอย่างนั้นรึ"

    "มันก็ไม่ใช่อย่างนั้นเสียทีเดียว"

     ร่างสูงตอบขณะที่มือกำลังลูบสัมผัสเอวของเด็กหนุ่ม ปากหนาขบเม้มตรงใบหูเล็ก เมื่อเห็นฮันบินเกร็งตัวจีวอนก็พอใจ ก่อนที่ร่างสูงจะชะงักตัวลง กลับมามองหน้าเด็กหนุ่ม

    "เป็นคุณชายน้อยที่ร้ายจริงเชียว คิดจะหลอกถามข้าอย่างนั้นรึ"

    เขาเริ่มรู้ตัวแล้วว่าที่ฮันบินเลิกขัดขืนเพราะรู้ว่าเมื่อเขาเพลิดเพลินกับร่างเด็กหนุ่มอยู่จะเผลอหลุดพูดอะไรออกมา

    เขาเกือบไปแล้วเหมือนกัน แต่เพราะอีกฝ่ายยังเป็นเด็กหนุ่มไม่ประสาจีวอนจึงมีสติพอที่จะไม่พูดอะไรให้มันมากไป

    จีวอนขยับตัวลุกขึ้นออกจากร่างบาง มุมปากยกขึ้นมองฮันบินอย่างพึงพอใจ

    "เห็นแก่ที่วันนี้ เรา . . . สนิทกันขึ้นกว่าเดิม"

    จีวอนบอก เขาคิดว่าภายใต้ท่าทีไม่สนใจความหมายที่เขาสื่ออยู่นั้น ฮันบินกำลังฮึดฮัดและอายอยู่

    "ข้าจะบอกอะไรบางอย่างให้" จีวอนบอกคำพูดบางอย่างกับเด็กหนุ่มก่อนจะเดินออกไป

    "ทั้งข้า พี่ชายของท่าน รวมไปถึงพ่อของท่านด้วย เป็นคนดีน้อยกว่าที่ท่านคิดไว้เยอะ"

     

    ✥✥✥

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×