ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic] Amaryllis : : Doubleb , ikon

    ลำดับตอนที่ #10 : ตอนที่ ๑๐

    • อัปเดตล่าสุด 8 ต.ค. 58




    รถม้าที่วิ่งจากนอกเมืองมาจอดลงที่หน้าตัวปราสาทโดยผู้ที่ลงมาคือชายร่างสูงซึ่งครองแคว้นตะวันตกในปัจจุบัน ตอนนี้ล่วงพลบค่ำไปแล้วเป็นเวลาที่คนในปราสาทต่างพาตัวอยู่ในห้องเตรียมเข้านอน

     จีวอนเดินเข้าไปภายในไม่ได้ใส่ใจสั่งให้บ่าวรับใช้เตรียมอาหารมาให้ ด้วยตอนนี้ไม่ได้รู้สึกหิวอะไรมากแม้จะเดินทางมาไกลและเลยเวลาอาหารค่ำแล้วก็ตาม เพียงแค่เดินผ่านแต่ละห้องของตัวปราสาทอย่างทุกที จีวอนก็อดจะนึกรำคาญไม่ได้เมื่อเห็นร่างหนึ่งเดินออกมาจากห้องของตัวเด็กหนุ่มเอง

    ชานอูไม่ได้ทำอะไรผิด และพวกเขาก็ไม่ได้เป็นพี่น้องที่เกลียดชังหรือมีปมหมางใจอะไรกันมา แต่จะให้พูดตามตรง เด็กหนุ่มตรงหน้าเป็นรูปแบบที่ทำให้จีวอนคิดว่าคำว่าเห็นแล้วรำคาญคงจะเหมาะที่สุด และจีวอนก็รู้ดีเพราะชานอูก็ไม่เคยปิดบังอะไรว่าอีกฝ่ายก็คิดเห็นไม่ต่างกันกับเขา

    "เห็นว่าท่านไปทำธุระหัวเมือง" ชานอูถามเขา จีวอนเพียงพยักหน้ารับ

    "ไกลขนาดนั้น ต่อให้ท่านไปค้างที่นั่นก็ไม่มีใครว่า"

    ด้วยระยะทางที่ไกลลำพังเดินทางก็สี่ชั่วยาม แต่จีวอนกลับเดินทางไปกลับ มันออกจะเหนื่อยเกินไปสักหน่อย

    "จะค้างทำไมในเมื่อธุระข้าเสร็จแล้ว"

     จีวอนตอบเสียงเรียบขณะชานอูกลับเลิกคิ้วสูงขึ้นคล้ายได้ยินเรื่องตื่นใจ

    "นั่นสิ พักหลังมานี้ท่านจัดการธุระทุกอย่างเร็วนัก กลับถึงเร็วเสียจนข้าคิดว่าตำแหน่งผู้ครองแคว้นก็ไม่ใช่ตำแหน่งที่ลำบากอะไร"

    หัวคิ้วจีวอนขมวดหากันเล็กน้อย ดวงตาเรียวภายใต้แว่นกรอบใสจับจ้องเข้าไปในดวงตาน้องชาย โดยที่เจ้าของดวงตาคมคู่โตก็มองกลับมา ภายในดวงตาคู่นั้นไม่มีหลุกหลิกแม้แต่น้อย

    นี่ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่น่ารำคาญ

    "จะคิดอะไรเป็นเด็กอย่างเจ้ามันก็สบายดี"

    จีวอนตอบตั้งใจจะเดินผ่านเด็กหนุ่ม ปากชานอูเหยียดยิ้มแต่ด้วยใบหน้าที่เพียงเรียบนิ่งเท่านั้น

    "เพิ่งรู้ว่าท่านก็มีมุมอย่างนี้ด้วย"

    จีวอนไม่อยากสาวความต่อเรื่องมุมที่ว่าของชานอู ร่างสูงเพียงแต่พาตัวเองเดินต่อขึ้นไปอีกชั้น ก่อนจะหยุดยืนอยู่ที่หน้าห้องหนึ่ง แล้วเคาะประตูลงบนห้องนั้น ไม่ได้ไขเข้าไปเองอย่างทุกที 

     

    ✥✥✥

     

    หัวคิ้วฮันบินขมวดเข้าหากันเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูอยู่หน้าห้อง สองอาทิตย์มานี้ ห้องนี้มันแทบจะกลายเป็นห้องนอนของผู้ครองแคว้นไปอยู่แล้ว อาจจะมีบ้างในบางคืนที่ไม่ได้มา แต่เมื่อเทียบกันแล้วมันก็น้อยนักอยู่ดี

    อย่างในคืนนี้ที่รู้ว่าอีกฝ่ายจะไปทำธุระนอกเมือง ความหวังที่จะไม่ได้ยินเสียงเคาะประตูนี้ของฮันบินเป็นอันต้องจบไป

    ร่างโปร่งผอมพาตัวเองไปยังประตูห้องก่อนที่จะต้องจำใจเปิดออกมา ทำใบหน้าเรียบเฉยไม่ได้แสดงท่าทีต่อต้านอะไรตอบรับอีกฝ่าย

    ในห้องที่แสงเทียนถูกจุดให้ความสว่างจีวอนปรายตามองเด็กหนุ่มผู้ครองห้องซึ่งนั่งอยู่บนเตียงนิ่งตั้งแต่ตนมา

     ตลอดสองอาทิตย์ที่ฮันบินเริ่มจะ . . . โอนอ่อนผ่อนตามให้ตน จีวอนก็ใช้ห้องนี้เป็นที่พักยามค่ำคืนอยู่บ่อยครั้ง จีวอนมองเด็กหนุ่มผ่านกรอบแว่น เด็กหนุ่มยังคงอยู่ในท่านิ่งเฉยเช่นเคย ปากหนายกขึ้นมาเล็กน้อย นึกขำในกิริยา ก็คนยั่วยวนล่อลวงที่ไหนบ้างที่เอาแต่นั่งเฉยทำหน้าอย่างนี้

    "เดินทางมาไกล เมื่อยนัก"

    จีวอนเปรยขึ้น มองเด็กหนุ่มที่ยังคงเพียงนิ่งเฉย คิ้วจีวอนเลิกสูงให้เด็กหนุ่มพร้อมมองไปอย่างสื่อความหมาย ฮันบินจึงขยับตัวเข้าหาตนก่อนจะใช้แขนผอมนวดลงไปบนไหล่ชายโตกว่าจากด้านหลัง เป็นอีกกิริยาตอบรับอย่างหนึ่งที่ทำให้จีวอนนิ่งไปอยู่เล็กน้อย

    ความจริงตัวเขาก็ไม่ได้คาดหวังว่าเด็กหนุ่มจะมาทำอะไรให้หรอก จีวอนหลับตารับแรงนวดจากเจ้าของมือขาว มันก็ดีไม่น้อยหรอก แต่มันคงจะดีกว่านี้

    "ฝืนใจมากไหม"

    ถามฮันบินออกมา มือที่นวดไปหยุดเพียงพัก ก่อนที่จะนวดต่อ 

    "ไม่ฝืนเลยสักนิด ข้าทำด้วยความเต็มใจ"

     ปากอิ่มพูดไปอย่างนั้น จีวอนจึงจับคนที่นั่งอยู่ด้านหลังให้มาอยู่ด้านหน้าสบตากับตน ดวงตาที่จ้องกลับไม่ได้คิดจะปิดบังแม้แต่น้อยว่าที่เพิ่งพูดออกไปนั้นเป็นคำปด

     ดูเอาเหอะคนทั้งโลกนี้ที่ไม่คิดจะหวั่นเกรงกับสายตาของจีวอนอยู่รวมกันในปราสาทนี้หมดแล้ว ทั้งผู้ให้กำเนิดอันเป็นอดีตผู้ครองแคว้น . . . ชานอูผู้เป็นน้องชาย และอีกคนก็คือเจ้าของใบหน้าขาวตรงหน้า

    หลายคนที่เก่งกล้าแต่สายตากลับกลิ้งกลอกไปมาไม่มากก็น้อยยามถูกจับจ้อง เพราะแต่ละคนล้วนต่างมีความลับในใจไม่ต้องการให้ผู้ใดเข้าถึงหรือแสดงตัวว่ารู้สิ่งนั้น

     แต่สำหรับฮันบินเด็กหนุ่มกลับไม่เกรงหรือจะกลัวเลยสักนิดว่าจีวอนจะรู้สิ่งเหล่านั้น สายตาตอบกลับมาด้วยความไม่ปิดบังด้วยซ้ำไป

    "ข้ารอวันที่คุณชายน้อยเต็มใจจริงอย่างปากว่าอยู่" กล่าวกับฮันบินแล้วจับมือขาวที่เพิ่งนวดให้ตนนั้นมาจุมพิตลงไปตรงข้อมือ

    ถึงจีวอนจะพูดอย่างนั้นแต่คำโกหกที่ต่างทราบกันดีก็ยังคงออกมาจากปากอิ่ม

    "ข้าก็ยังยืนยันว่าทำให้ท่านด้วยความเต็มใจ"

     

    ✥✥✥

     

    ช่วงคล้อยบ่ายเป็นเวลาที่ว่างและน่าเบื่อยิ่งกว่าตอนไหนๆ เด็กหนุ่มต่างเมืองหย่อนกายภายใต้ซุ้มไม้ที่แต้มไปด้วยสีขาวของดอกวิสทีเรีย ดวงตาคู่สวยเพียงมองทุกอย่างรอบตัวปราสาทก่อนจะจมจ่อมอยู่กับความคิดวนเวียนอยู่เพียงเท่านี้

    ในทุกวันความเจ็บปวดเหมือนใจจะแหลกสลายมันทุเลาลงไปบ้างแล้ว มันกลายเป็นความเศร้าที่ยังตกไม่ถึงก้นบึ้งอยู่เงียบๆมากกว่า

    เด็กหนุ่มครุ่นคิดอย่างที่คิดมาตลอดว่าที่เลือกทำอยู่นี้มันมีประโยชน์และโอกาสรอดมากเพียงไหน ทุกอย่างมันเป็นเพียงการคาดเดาของเด็กหนุ่ม หากไม่มีสิ่งใดเป็นไปดังที่คิดสักอย่าง มันก็เท่ากับที่ทำอยู่นี่มันสูญเปล่า

    แต่ถึงอย่างนั้นหากจะให้นั่งหายใจทิ้งไปเฉยๆเหมือนคนตาย สิ่งนั้นคงเป็นการกระทำที่ไร้ประโยชน์ยิ่งกว่า

    "นั่งแช่งชักหักกระดูกใครอยู่กัน"

    ฮันบินมองไปยังต้นเสียงก็พบว่าชานอูพาตัวเองมานั่งตรงข้ามฮันบินแล้ว เด็กหนุ่มที่มาใหม่ทำหน้าเหมือนรอคำตอบ ซึ่งมันใช่คำถามที่ควรรอเอาคำตอบเสียที่ไหน เมื่อเห็นฮันบินมองหน้ายังไม่พูดอะไร ปากหนาก็เหยียดยิ้มคล้ายล้อเลียนอีกฝ่าย

    "คนที่เจ้าแช่งให้ตกรถม้าตายอยู่ในใจไม่อยู่ เจ้าสามารถพูดออกมาได้ . . . . ข้าหมายถึงหากรายชื่อคนที่เจ้าอยากสาปแช่งมันไม่มีชื่อข้าอยู่ในนั้นน่ะนะ"

    ชานอูบอกไม่ได้สนใจฟังคำตอบจากฮันบินเช่นชานอูคนปกติ ฮันบินอยากจะยิ้มให้อีกฝ่ายแต่ก็ไม่ได้ทำสิ่งนั้น ตนรู้ว่าชานอูกำลังพยายามทำให้ฮันบินอารมณ์ดีอยู่ ด้วยสถานะของชานอูฮันบินก็นึกขอบคุณอีกฝ่ายกับความพยายามนี้

    "ทุกวันนี้ที่มีท่านอยู่มันเปรียบเสมือนน้ำหยดเล็กๆช่วยปลอบประโลมข้า แล้วข้าจะสาปแช่งท่านชานอูได้อย่างไร" ฮันบินบอกด้วยสิ่งที่ไม่ผิดจากที่คิดนัก

    แม้จะไม่มากแต่การที่ได้คุยกับชานอูหรือแม้แต่ฟังอีกฝ่ายพูดอยู่คนเดียว ช่วงเวลานั้นมันเต็มไปด้วยความสบายใจ

    ชานอูจ้องหน้าฮันบินนิ่งค้างเหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง ก่อนจะเปลี่ยนมาโวยวายแทน

    "คิดจะยั่วยวนข้าอีกคนหรืออย่างไร ไม่ได้ผลหรอก ข้าไม่ใช่พี่ข้า" ชานอูเถียง

    "ข้าไม่เคยคิดทำสิ่งนั้น และแน่นอนการยั่วยวนท่านชานอูไม่มีทางได้ผลอยู่แล้ว" ฮันบินบอกโดยที่ชานอูพยักหน้ารับ หันหน้าไปทางอื่นเพียงครู่ก่อนจะหันมาจิ๊ปากออกมาให้ได้ยิน

    "สารภาพก็ได้ . . . มัน . . ได้ผลนิดหน่อย"

     ร่างสูงกว่าบอกพร้อมทำนิ้วชี้กับนิ้วโป้งมาชนกันโดยเหลือพื้นที่ด้านบนไว้เพียงนิดประกอบในท่าทางและนั่นทำให้ฮันบินขยับปากคล้ายยิ้มเป็นครั้งแรกในรอบหนึ่งเดือนเพราะตลกในตัวเด็กหนุ่ม

    ชานอูบ่นอะไรอยู่คนเดียวเพียงพัก ก่อนจะหันกลับมาพูดกับฮันบินตามปกติ

    "แล้วจะทำสิ่งใดต่อ เจ้าต้องรู้ว่าพี่ข้าไม่ใช่คนที่จะล่อหลอกอะไรได้อยู่แล้ว . . ข้ายืนยันมาอยู่กับข้าดีกว่า อย่าได้พยายามอะไรที่เปล่าประโยชน์เลย"

    หลายครั้งนอกจากตน คนทั้งปราสาทก็เห็นความสัมพันธ์ที่ไร้ซึ่งการขัดขืนของฮันบินกับพี่ชายตน จนบ่าวรับใช้เอาไปนินทากันจนสนุกปาก

    ฮันบินส่ายหน้าตอบให้กับคำพูดของเด็กหนุ่ม

    "ข้าไม่ได้คิดล่อลวง แค่ขอความเมตตาเอ็นดูเพียงนิดจากพี่ชายท่านเท่านั้น"

    ชานอูเลิกคิ้วขึ้น คนอย่างฮันบินน่ะรึจะต้องการความเมตตาเอ็นดูจากพี่ชายตน แต่ฮันบินไม่ได้บอกอะไรต่อ

    ดวงตากลมอยู่ในความคิด ก่อนหน้านี้ฮันบินมาคิดดูแล้วว่าการจะฆ่าจีวอนให้ตายนอกจากได้ความสะใจก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา มีเพียงตนจะถูกคนที่นี่ฆ่าให้ตายตาม และทุกอย่างก็จบลงที่ฮันบินช่วยให้ศัตรูทั้งสองของมินโฮจบชีวิตไป

     แต่จะให้ลำพังตนคิดสู้หรือล่อลวงอะไรจีวอนย่อมไม่มีทางเป็นไปได้ แต่หากให้ฮันบินวิเคราะห์เหตุการณ์ฝั่งตะวันออกดู การก่อกบฏในครั้งนี้ย่อมไม่เป็นที่ยอมรับ ถึงจะอยู่ภายใต้การควบคุมของกองทหารมินโฮ

    ฮันบินเชื่อว่าต้องมีกลุ่มคนที่ไม่พอใจและต่อต้าน โดยคนกลุ่มนี้ต้องสนับสนุนคนอื่นขึ้นมาแทนที่และต้องเป็นคนที่คนพวกนั้นจะชักจูงให้คนอื่นคล้อยตามมาเป็นพวกให้ได้มากที่สุดและคนที่เป็นไปได้มากที่สุดก็คือฮันบินซึ่งเป็นทายาทที่ถูกต้องมาตั้งแต่แรก

    ก็ได้แต่หวังให้มันเป็นเช่นนั้น 

    ลำพังอยู่แต่ในปราสาทมันเหมือนมีปราการชั้นดีทำให้ไม่มีใครทะลวงพาฮันบินออกมาหรือส่งข่าวมาได้ สิ่งที่ทำได้ในตอนนี้ฮันบินเพียงแต่ต้องขอความเอ็นดูจากจีวอนเพียงน้อยนิด

    เพียงน้อยนิดที่จะยอมพาฮันบินออกมาหายใจนอกปราสาทบ้างสักหน่อยเท่านั้น เพื่อความหวังว่าจะได้มีโอกาสรับข่าวจากกลุ่มคนที่ฮันบินคิดว่าอาจจะมี

    ✥✥✥

     

    โถงปราสาทของฝั่งตะวันออกขณะนี้ไม่ใช่สถานที่อันทรงเกียรติอีกต่อไป การร่ำสุราจนเมามาย อีกทั้งการเสพสมในพื้นที่โล่งแจ้งอย่างไม่คิดจะปิดบังหรืออับอายต่อสิ่งใดเกิดขึ้นจากเหล่าทหารระดับหัวหน้าตำแหน่งสูงต่ำต่างกัน โดยมินโฮซึ่งดำรงตำแหน่งผู้ครองแคว้นตะวันออกอยู่ก็ไม่ได้คิดจะว่ากล่าวหรือสนใจจะห้ามปรามแม้แต่น้อย

    เรื่องอย่างนี้เกิดขึ้นเป็นปกติเมื่อตอนอยู่ชายแดน มินโฮไม่ได้สนใจอะไรนักหากคนพวกนั้นจะเอานิสัยนั้นมาใช้ที่นี่ อย่างไรเสียที่แห่งนี้ก็ไม่เคยเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับมินโฮมาแต่ไหนแต่ไร ในตอนนี้ทั่วทั้งโถงปราสาทจึงกลายเป็นดินแดนของพวกกักขฬะไร้อารยธรรมไปโดยปริยาย

    มือหนาเคาะไปตามโต๊ะรอฟังข่าวที่สั่งลูกน้องไปอยู่ ก่อนที่ซึงฮุนจะเดินเข้ามาหลังจากฟังคำรายงานของลูกน้องตน

    "ยังตามตัวตาแก่ยองแดไม่ได้สินะ"

     เป็นมินโฮที่ถามขึ้นมาก่อนกลบกับเสียงครวญครางจากการโดนรุมชำเราของบ่าวรับใช้สาว

    ซึงฮุนก้มหัวยอมรับกับผู้เป็นนาย มันทำให้มินโฮขุ่นใจไม่น้อย หลังจากการกบฏจบลง ทั้งในเมืองและนอกเมืองเกิดสงครามกลางเมืองอยู่บ่อยครั้ง นอกจากความไม่พอใจของประชาชนแล้ว เท่าที่รู้ผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องเหล่านี้ ก็คือเจ้าแก่ยองแดที่หนีรอดไปได้จากการสังหารหมู่ขุนนางคนสนิทครั้งนั้น ตอนนี้คงรวบรวมกองกำลังทหารที่ลี้สงครามไว้กับตน

    "เมื่อไรกัน ต้องรอให้มันเดินเข้ามาปราสาทเองไหมพวกเจ้าถึงจะจับได้" มินโฮพูดอย่างหัวเสีย ซึงฮุนไม่ได้ตอบอะไร

    "ข้าอยากไปรับฮันบิน" เป็นอีกครั้งที่มินโฮพูดเรื่องนี้แต่ซึงฮุนก็ตอบเช่นเคย

    "บ้านเมืองวุ่นวายอยู่ ท่านไม่ควรทิ้งปราสาทไปตอนนี้"

    ซึงฮุนกล่าวกับผู้เป็นนาย ทุกวันนี้ความโกลาหลก็เกิดขึ้นบ่อยครั้ง หากผู้ครองแคว้นจะออกไปเมืองอื่นยิ่งเป็นการเปิดช่องให้คนพวกนั้น

    "ดีไม่ดี . . ไม่สิมีโอกาสสูงนักที่พวกนั้นจะดักโจมตีท่านระหว่างทาง"

    มันจริงอย่างที่ซึงฮุนว่าแต่มันทำให้มินโฮหงุดหงิดนัก ไม่อาจไปรับฮันบินกลับมาได้ ครั้นเมื่อส่งจดหมายไปให้ทางนั้นส่งตัวฮันบินคืนมา กลับมีจดหมายตอบกลับอ้างถึงสถานการณ์ในตอนนี้ยังไม่ปลอดภัยเป็นห่วงความปลอดภัยของฮันบิน แต่ความหมายแฝงในจดหมายนั้นความไม่ปลอดภัยที่ว่ากลับเป็นตัวเขามากกว่าที่อีกฝ่ายหมายถึง

     มินโฮกำหมัดเมื่อนึกถึงใบหน้าของผู้เขียนจดหมาย . . . ผู้ครองแคว้นตะวันตกคนปัจจุบัน เขาเกลียดสายตายามใช้มองแต่ละบุคคลของอีกฝ่าย แต่ที่เกลียดที่สุดก็คือยามที่มันใช้มองฮันบิน

    ที่ทำเป็นอ้างโน่นอ้างนี่ ไม่พ้นที่คิดจะเก็บฮันบินไว้กับตัว

    มือหนามองจดหมายในมือที่ร่างขึ้นใหม่อีกครั้ง ในครานี้เขาแนบสัญญาแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ของแคว้นไปด้วยแลกกับตัวฮันบิน

     เขาไม่อาจทนเฉยนั่งคิดว่ามันจะทำสิ่งใดกับฮันบินบ้างเมื่ออยู่ที่นั่น หากคราวนี้ปฏิเสธอีกไม่พ้นต้องยกข้อเสนอที่สูงกว่าไปอีกเรื่อยๆ

     ใจมินโฮอยากจะไปเจรจาด้วยตัวเองนักว่าต้องการสิ่งใด ตนจะได้ยกให้ ให้มันหมดๆเรื่องกันไปเสียที

    "แล้วเมื่อไรข้าจะไปได้" บ่นกับซึงฮุนขึ้นมาอีก

    "คงต้องรอให้บ้านเมืองเข้าที่ ปราบปรามพวกยองแดได้"

    มินโฮรู้ดีทุกอย่างว่าสิ่งใดควรทำ มันเป็นไปตามที่ซึงฮุนว่าแต่ไม่อาจหยุดความไม่พอใจในคำตอบได้

    "ไม่ต้องรอเป็นปีเลยรึ"

    ต่อให้ต้องรอเป็นปีหรือนานกว่านั้นก็ต้องรอเป็นสิ่งที่ซึงฮุนคิดในใจแต่ไม่ได้พูดออกมาให้เป็นการเพิ่มโทสะแก่อีกฝ่าย

    ✥✥✥

     

    ห้องอาหารภายใต้คฤหาสน์ของเสนาบดีใหญ่ของแคว้นตะวันตก หัวโต๊ะคือจีวอนอันเป็นตำแหน่งทรงเกียรติแก่ผู้ครองแคว้นคนปัจจุบัน ด้านซ้ายมือคือซูยอนส่วนอีกด้านคือภรรยาและบุตรสาวเจ้าของคฤหาสน์นี้

    การพูดคุยเรื่องงานสลับเรื่องทั่วไปแสดงความเป็นกันเองตามแต่สมควรของคนบนโต๊ะ จนกระทั่งภรรยาเสนาบดีใหญ่ถามคำถามหนึ่งออกมาแก่ผู้มาเยี่ยมเยียนที่นี่เป็นครั้งแรกในรอบสามอาทิตย์

    "งานช่วงนี้ของท่านจีวอนคงยุ่งกว่าที่เคย เลยไม่ค่อยสะดวกมาที่นี่"

    จากแต่เดิมมาที่นี่เพียงสองอาทิตย์ครั้งหรืออย่างบ่อยก็หนึ่งอาทิตย์ถึงจะมาว่าน้อยแล้ว แต่ตอนนี้กลับล่วงไปเกือบเลยอาทิตย์ที่สามชายหนุ่มถึงได้มาที่นี่

    ทั้งที่คฤหาสน์นี้ก็ไม่ได้ไกลหรือลำบากแก่การเดินทางมาจากตัวปราสาทแต่อย่างใด ที่ถามไปก็ด้วยเป็นห่วงใจบุตรสาว เป็นสตรีจะทำสิ่งใดได้นอกจากรอให้อีกฝ่ายเป็นผู้มาหา

    "ท่านก็ทราบดี ตอนนี้ข้าเพิ่งได้รับตำแหน่งใหม่อีกทั้งปัญหาชายแดนก็ยุ่งยากนัก เพราะสงครามฝั่งตะวันออกประชาชนฝั่งนั้นพากันอพยพลักลอบมาทางฝั่งนี้ไม่ใช่น้อย" จีวอนอธิบายบอกถึงสาเหตุไป

    "ทุกวันนี้ข้าก็ยุ่งอยู่กับการไปหัวเมืองบ่อยนัก หวังว่าท่านจะไม่เข้าใจผิดเรื่องไม่สะดวกของข้าเป็นอื่น" อธิบายตอบคำถามแก่คนถามแต่สายตาจับจ้องไปยังหญิงสาวที่อ่อนเยาว์กว่า

    "ข้าไม่เข้าใจผิดเป็นอื่นแน่ เพียงแต่ทุกวันนี้ก็เกรงแก่คำครหา อยากให้ทุกอย่างมันถูกต้องไปโซราบุตรข้าจะได้พ้นจากคำนินทาด้วย"

     พูดออกมาอย่างตรงประเด็นแม้จะเป็นฝ่ายหญิงแต่เมื่ออีกฝ่ายยังไม่นำเรื่องนี้มาพูดอย่างตรงไปตรงมาเสียที นางจึงเอาเรื่องนี้ขึ้นมาพูดเอง

     ใจชายไว้ใจได้ที่ไหนกัน ยิ่งมีอำนาจวาสนามากกว่าแต่ก่อน มีแต่จะยิ่งหยิ่งผยองและเป็นที่หมายปองมากขึ้น

     ถึงแม้ทั่วทั้งแคว้นรูปสมบัติทรัพย์สมบัติบุตรสาวตนไม่มีใครเทียมได้แต่ก็ควรทำทุกอย่างให้ถูกต้องไปเสียที

    "ใครกันมันกล้าว่าร้าย" จีวอนตอบอย่างใจเย็น

    "ส่วนเรื่องความถูกต้องก็อย่างที่ข้าบอกไปตอนนี้ทุกอย่างยังไม่ลงตัว ขอเวลาข้าอีกสักพัก ให้ข้าจัดการทุกอย่างเรียบร้อยเข้าที่ก่อน . . . ข้าคิดว่าคุณหนูโซราก็ไม่ได้รีบร้อนอะไรใช่หรือไม่"

    เมื่อมีชื่อตนออกมา หญิงสาวที่ถูกถามจะว่าอะไรได้เพียงแต่พยักหน้าตอบรับไป

    "ข้าแล้วแต่ท่านพ่อท่านแม่และท่านจีวอนเห็นสมควร"

    ขณะที่เตรียมจะขึ้นรถม้าเป็นเวลาเดียวที่จีวอนจะได้อยู่กับโซราเพียงลำพัง เพราะด้วยความเป็นสตรีสูงศักดิ์จึงน้อยนักที่จะได้รับอนุญาตให้คุยกับชายใดโดยไม่มีผู้ใหญ่อยู่ด้วย ชายหนุ่มจึงถามหญิงสาวขึ้นมา

    "ไม่โกรธข้าใช่รึไม่ที่พูดออกไปอย่างนั้น"

    หญิงสาวมองหน้าชายร่างสูงที่องอาจ มันเป็นเพียงความน้อยใจปนความรู้สึกอับอายเพียงน้อยนิดที่ถูกตอบไปอย่างนั้น แต่เมื่อจีวอนถามออกมาหญิงสาวก็ส่ายหน้าปฏิเสธ

    "ไม่ ข้าเข้าใจท่าน" 

    จีวอนพิจารณามองใบหน้าและท่าทีของหญิงสาว  ทั่วทั้งแคว้นตะวันตก โซราเปรียบเสมือนดอกไม้ที่งดงามและเพียบพร้อมที่สุดในแคว้นนี้

    เพียงแต่ว่า เมื่อได้เจอกับดอกไม้ที่หายาก . . . ดอกไม้ที่ว่างดงามก็กลายเป็นเพียงดอกไม้ที่งดงามเมื่ออยู่ท่ามกลางหมู่ดอกไม้ทั่วไปเท่านั้นเอง

    "ข้าไม่มีเจตนาให้คุณหนูรู้สึกไม่ดี โปรดรอข้าอีกหน่อยเถอะ"

     

    ✥✥✥

    ฮันบินอยากจะร้องออกมาว่าเบื่อหน่ายนักกับการที่ถูกจีวอนจับจูงมือพาเดินชมสวนในปราสาทเช่นนี้ อยากจะบอกนักว่าฮันบินอยู่แต่ในปราสาทนี้จนจะจดจำดอกไม้ทุกกอต้นไม้ทุกต้นได้อยู่แล้ว เมื่อไรจะคิดพาฮันบินออกไปหายใจข้างนอกปราสาทบ้างเสียที

     แต่เด็กหนุ่มก็ไม่สามารถที่จะเป็นฝ่ายถามออกไปได้ ฮันบินมองเจ้าของมือหนาที่กุมมือตัวเองอยู่อย่างน่ารำคาญเดินชมสวนอย่างสบายอารมณ์

    คิดในใจถึงท่าทีอีกฝ่าย รู้ทั้งรู้ว่าฮันบินมีเจตนาแอบแฝงแต่ร่างสูงก็ไม่เคยถามถึงจุดประสงค์เลยสักครั้ง มั่นใจในตัวเองเสียจนฮันบินอดคิดไม่ได้ว่าการกระทำของตัวเองเป็นเรื่องน่าตลกของอีกฝ่ายหรือไม่

    "อากาศร้อนหรืออย่างไรถึงทำให้คุณชายน้อยมีสีหน้าอย่างนี้"

     จีวอนแกล้งหยอกเด็กหนุ่ม ที่ใบหน้านั้นเรียบเฉยเช่นปกติกิริยาก็ไม่ได้แสดงอาการว่าขัดขืนแต่อย่างใดแต่ในใจจีวอนรู้ว่าคงต่อต้านและหงุดหงิด

    ไม่ได้ร้อน แต่เบื่อหน่ายและอยากออกไปข้างนอก รังเกียจมือที่กอบกุมอยู่นี่ด้วยเป็นสิ่งที่สื่อความรู้สึกของฮันบินทั้งหมดแต่ไม่ได้พูดสิ่งเหล่านั้นออกไป

    "นี่มันสีหน้าตอนมีความสุขของข้า"

    จีวอนเกือบจะหัวเราะออกมาอยู่แล้วในคำตอบนี้ เอาเหอะอย่างน้อยก็ดีใจที่เด็กหนุ่มจะมีแก่ใจประชดประชัน

    "ข้าดีใจที่เห็นคุณชายน้อยมีความสุข"

    แกล้งหยอกประชดเด็กหนุ่มกลับ มือหนายังคงกอบกุมมือเด็กหนุ่มเดินเล่นต่อไป ตอนนี้บรรยากาศที่ทำให้สุขสบายเกิดขึ้นกับร่างสูง จนกระทั่งได้ยินเสียงหญิงสาวสองคนพูดคุยกัน

    "หากข้าหน้าตางดงามจะมีโอกาสอย่างนั้นบ้างไหม"

    หญิงรับใช้ดวงตาหยีเล็กที่เด็กหนุ่มจำได้พูดต่อบทสนทนาก่อนหน้านี้ที่ฮันบินไม่ได้ยิน ขณะที่มือก็แสร้งทำงานก้มหน้าก้มตาเก็บดอกไม้ใบหญ้าตามพื้นไปด้วย

    "ฝันไปเหอะ เป็นแค่บ่าวรับใช้อย่างท่านจีวอนเขาไม่เอาหรอก" หญิงอีกคนที่อยู่ด้วยกันปฏิเสธ แต่หญิงคนแรกเบะปากรับ

    "ท่านฮันบินเองก็เป็นชายไร้ที่อยู่" ฮันบินฟังชื่อตนที่เข้ามาในบทสนทนาแล้ว

    "ต่อให้รวมเรื่องที่มีครอบครัววิปริตฆ่าฟันกันเองเข้าไปด้วย ถามชายทั้งแคว้นเถอะว่าจะมีใครปฏิเสธ"

    มันเป็นคำแก้ต่างให้ฮันบินที่ทำให้แย่ขึ้นกว่าเก่า เด็กหนุ่มรู้สึกโกรธเคืองยิ่งกว่าคำปรามาสที่หญิงคนแรกพูดด้วยซ้ำ

    "นั่น ม . . ."

    หญิงสาวคนแรกที่กำลังจะพูดโต้เถียงต่อต้องหยุดค้างไว้ ทั้งที่เรื่องการนินทาผู้เป็นนายเป็นเรื่องที่บรรดาบ่าวไพร่ทำกันเป็นกิจวัตร แต่ทำไมต้องเป็นตนสองคนทุกครั้งที่ถูกจับได้ มิหนำซ้ำครั้งนี้มีผู้ครองแคว้นอยู่ด้วย

     นางหวาดกลัวกว่าครั้งก่อนอย่างเทียบกันไม่ได้ เพียงแค่สายตานั้นจ้องมอง จากเดิมที่นั่งอยู่แล้วตัวทรุดลงไป ตอนนี้หน้าพวกนางก็ลงไปแนบพื้นขอความเมตตา

    "อภัยให้พวกข้าด้วยเถอะเจ้าค่ะ"

    สองบ่าวรับใช้ที่ฮันบินเคยจับได้ว่านินทาตนร้องอ้อนวอน แต่สายตาร่างสูงนั้นเย็นเยียบเสียจนพวกนางไม่กล้าสบตา

    "อย่าให้พรุ่งนี้ข้าเห็นว่าพวกเจ้ายังอยู่ที่นี่"

    จีวอนบอกพวกนาง เสียงร้องอ้อนวอนดังขึ้นต่อ ก่อนจะเป็นสตรีที่พูดมากสุดคลานเข่ามาหาฮันบิน

    "คุณชายฮันบิน"

     นางเรียกชื่อเด็กหนุ่มเพื่อร้องขอ ฮันบินเพียงแค่จ้องมองใบหน้านั้นกลับไม่แสดงท่าทีว่าจะช่วยเหลืออะไร

    "ต้องให้ข้าเลาะฟันเฉือนลิ้นพวกเจ้าออกมาก่อนไหม" จีวอนสำทับขึ้นมาอีกครั้ง นางจึงยอมหยุดทุกอย่าง แนบศีรษะลงกับพื้นอีกครั้งไม่คิดพูดสิ่งใดอีก

    "ไม่จำเป็นต้องสนคำพูดบ่าวไพร่ไร้สกุลพวกนี้"

    คนที่ขู่จะเลาะฟันเฉือนลิ้นและเพิ่งไล่พวกนางออกไปบอกกับเด็กหนุ่ม ตอนแรกฮันบินก็ขุ่นใจอยู่หรอก แต่มาคิดถึงว่าสิ่งใดควรทำต่อจากนี้แล้วการจะมาโกรธเคืองคิดมากกับเพียงเรื่องบ่าวไพร่พวกนี้มันไร้สาระนัก เด็กหนุ่มจึงตัดเรื่องที่ขุ่นใจคิดมากเมื่อครู่นี้ออกไป

    "ข้าไม่ได้สนใจกับคำพูดบ่าวไพร่พวกนี้" ฮันบินตอบตามที่ตอนนี้คิดจริง

    จีวอนพยักหน้ารับด้วยความพอใจ มือหนาลูบไล้แก้มเนียนของเด็กหนุ่ม แม้จะอยู่ท่ามกลางสวนของปราสาทที่บ่าวไพร่แถวนั้นสามารถมองเห็นก็ตาม

    "ดีแล้ว เมื่อข้าพอใจใครก็ไม่มีสิทธิ์ว่าคุณชายน้อยได้"

    จีวอนบอกก่อนจะก้มลงมาแนบปากลงบนปากอิ่มของเด็กหนุ่ม

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×