ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คาลิโดร่า..สาวงามแห่งเคลาคัส

    ลำดับตอนที่ #40 : เข้าถ้ำเสือ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 505
      1
      19 ม.ค. 54




    แววตาของอีกฝ่ายอ่อนลงเสี้ยวหนึ่งเมื่อเห็นความเกรี้ยวกราดจากอิสตรีสูงศักดิ์ เหมือนมีรอยยิ้มที่มุมปากด้วยความชอบใจ


    “เคลาคัสขึ้นชื่อเรื่องสาวงาม แต่ไม่เห็นบอกว่าจะมีอารมณ์รุนแรงเช่นนี้”


    “กุหลาบยิ่งงามหนามยิ่งแหลม ถ้ากุหลาบที่บ้านเมืองของเจ้าไม่มีหนาม แสดงว่าเจ้ามีแต่ไม้ดอกไร้ค่า!”


    เอ็กเตอร์แอบสะดุ้งในใจ เขาเลือกนิ่งเงียบเหมือนเจ้าหนุ่มที่เป็นพระสวามีอยู่นาน ฟังการต่อปากต่อคำของคนชั้นสูงแล้วก็ต้องส่ายหน้ากับตนเองเงียบๆ คนสูงศักดิ์คงชอบพูดอะไรกระทบกระเทียบ แต่ก็เจ็บถึงหัวใจ


    “ดอกไม้ไม่มีหนามต่างหากควรค่าแก่การชื่นชม” ตอนนี้หัวข้อถูกเบี่ยงเบนประเด็น เมื่อต่างวัฒนธรรมมาเจอกัน ย่อมเห็นว่าวัฒนธรรมของอีกฝ่ายผิดแผก


    “เช่นนั้นเจ้าก็ชื่นชมดอกหญ้าริมทางด้วยงั้นสิ” คาลิโดร่าไม่เข้าใจเลยจริงๆ ทำไมผู้ชายถึงชอบผู้หญิงสมองกลวงไม่มีความคิดได้ หรือเพราะผู้หญิงพวกนั้นเถียงไม่เป็น? “ไม่มีหนามไว้ป้องกันตัว แมลงใดจะมาเชยชมก็ได้ทั้งสิ้น เจ้า..ชอบดอกไม้เช่นนี้หรือ”


    อีกฝ่ายหน้าตึงไป เหมือนกำลังจะโดนบอกว่าเขาใช้ผู้หญิงซ้ำกับคนเยอะแยะหรือไง


    “เจ้าของดอกไม้จะเป็นคนปกป้องดอกไม้นั้นเอง ดังนั้นหนามจึงไม่จำเป็นต่างหาก”


    คาลิโดร่าฟังมาเยอะแล้ว พ่อจะเป็นคนดูแลลูกสาว สามีจะเป็นคนปกป้องภรรยา แต่ความเป็นจริง ยังมีอีกหลายครอบครัวนักที่ผู้เป็นพ่อ ผู้เป็นสามีกลับทำในสิ่งตรงกันข้าม


    “ข้าเห็นตรงข้ามกับเจ้า ไม่ว่าจะเป็นดอกไม้หรือสิ่งใด ถ้าปกป้องตัวเองไม่ได้ ก็อย่าหวังให้ใครอื่นมาปกป้อง เมื่อถึงเวลาคับขัน ทุกสิ่งก็ต้องเลือกช่วยตัวเองไว้ก่อนคนอื่นเสมอ และ..ใช่ ข้าตอบคำถามข้อแรกของเจ้า เคลาคัสเป็นเมืองแห่งสาวงามที่มีอารมณ์รุนแรง ถ้าเจ้ากล้าเข้าไปยุ่ง ก็ต้องระวังเจ็บตัวด้วย”


    เอ็กเตอร์อยากจะสะกิดเจ้านายให้กลับสู่เหตุผลเดิมที่พวกเขาเดินทางมาถึงที่นี่ แต่ดูเหมือนเจ้านายจะสนใจแค่นางตรงหน้าเท่านั้น และนั่นก็ทำให้ผู้ชายอีกคนเริ่มไม่ชอบใจ นาธานเนลจับต้นแขนของคาลิโดร่าพร้อมเอ่ย


    “เอาเป็นว่าพวกท่านมาด้วยความเข้าใจผิด และเราจะแก้ไขให้ถูกเอง ทำไมไม่เข้าสู่วังด้วยฐานะของสหายผู้มาเยือนเล่า”


    นับเป็นข้อเสนอที่ดี เอราเอิสดำริในพระทัย เข้าสู่ถิ่นของอีกฝ่ายอย่างเต็มรูปแบบ ความจริงอาจจะปรากฏออกมาอย่างชัดเจนก็เป็นได้ และที่สำคัญ..พระองค์มีเหตุผลมากกว่านั้น


    “อีกสองวันจงเตรียมการต้อนรับคณะทูต เรา ราชาแห่งมิธราจะเป็นผู้เจริญสัมพันธไมตรีด้วยตนเอง!”


     
    .....................................................


     
    “นึกยังไงถึงมานะ” กลีเคอเรียมองผ่านหน้าต่างไปยังด้านนอกด้วยแปลกใจไม่หาย


    ภูมิประเทศของเคลาคัสเป็นหุบเขาสูง พื้นที่จะลาดชันคล้ายขั้นบันได ราชวังอยู่ในจุดที่สูงที่สุด บ้านเมืองไล่ระดับต่ำลง เมื่อมองผ่านหน้าต่างในปราสาทจะทำให้เห็นภูมิประเทศเป็นจุดเล็กๆ แทบจะทั้งหมด


    และตอนนี้เจ้าหญิงกลีเคอเรียก็เห็นขบวนเสด็จซึ่งแปรรูปจากคณะแสดงเร่ร่อนกลายเป็นทูตจากต่างแดน ด้วยเหตุผลอยากจะมาดูความเป็นอยู่ที่เรียบง่ายของชาวเคลาคัส


    คาลิโดร่าเลือกการแต่งกายที่พิถีพิถันกว่าปกติ ตั้งใจจะลบภาพของสาวชาวบ้านปากตลาดออกไปจนเหลือแต่ภาพลักษณ์ของเจ้าหญิงผู้มากด้วยสติปัญญาเหมือนเช่นที่คนทั่วไปรับรู้


    “ข้าบอกพี่แล้ว เขามาตามหาอัญมณีที่หายไป”


    “เราไม่ใช่คนขโมย จะไปมีได้เช่นใด”


    “นั่นแหละค่ะ สิ่งที่เราต้องทำให้เขาเข้าใจ” หญิงสาวมองดูข้อมือของตนเองที่บัดนี้สวมใส่เครื่องประดับทั้งสองข้าง กุญแจหายไปแล้ว กุญแจที่พันธนาการนางเอาไว้ “แถมเขายังเข้าใจอีกว่า ช่วงเวลาที่อัญมณีหายไป เป็นเวลาเดียวกับที่นาธานเนลเข้าสู่ป่าไร้นามพอดี เขาว่านั่นเป็นเพียงข้ออ้าง ไม่มีใครที่ย่างกรายเข้าป่าไร้นามแล้วรอดกลับออกมาได้ พระสวามีของข้าลักลอบเข้าบ้านเมืองของเขาเพื่อขโมยสิ่งมีค่าควรเมืองต่างหาก”


    “ปะติดปะต่อเรื่องได้เก่งเสียจริง” คนฟังหัวเราะเบาๆ นางเงยหน้าดูดวงตาน้องสาวที่ฉายประกายระยับก็อดเป็นห่วงชายผู้นั้นไม่ได้ “อย่าได้พยายามล่อลวงผู้ใดนะ คาลิร์”


    “ข้าเหรอ ข้าจะทำไปทำไม” อีกฝ่ายถามอย่างใคร่รู้


    “พี่รู้ เจ้าไม่ได้ตั้งใจ แต่เจ้ารู้ไหม เพียงรูปลักษณ์ภายนอกของเจ้า ก็ดึงดูดแมลงมากมายจนเจ้าต้องสร้างกุญแจปลอมๆ ขึ้นมา แล้วยิ่งเวลาที่เจ้ามีความคิดแผลงๆ ดวงตาของเจ้าจะเปล่งประกาย ชายหลายหมื่นเรือนแสนโลกนี้คงอยากได้ดวงตาของเจ้าไว้ในครอบครอง ถ้าอัญมณีสีเงินมีตัวตนจริงๆ ข้าว่ามันก็คงงดงามไม่ต่างจากดวงตาของเจ้า น้องพี่” กลีเคอเรียจุมพิตที่หน้าผากของน้องสาวคนสุดท้อง “ความงามนำมาซึ่งอันตรายเสมอ จนถึงเวลานี้ พี่ไม่เคยริษยาในความงามของเจ้าเลย เพราะมันแลกมาด้วยอันตรายมากมาย ดูอย่างเช่นเฮเลนแห่งทรอย หรือไอโอ*ที่ซุสหลงรัก อย่าประมาท อย่าหลงระเริง เจ้าไม่อาจควบคุมทุกสิ่งได้ดั่งใจหรอกนะ”


    คาลิโดร่าหลับตาลง หลายครั้งที่นางหลงลืมความเป็นมนุษย์ คิดเพียงแต่ว่า นางเก่ง นางกล้า และหลงตัวเอง จนเกือบเพลี้ยงพล้ำก็หลายครั้ง โชคดีได้พี่สาวคนนี้เตือนสติอยู่เสมอ


    “ข้าทราบแล้วค่ะ ปัญหาครั้งนี้ข้าจะจัดการโดยความไม่ประมาท”


    “ดีจ๊ะ มันเหมือนไม่มีอะไรยาก แต่ถ้าของไม่สำคัญจริง ชายผู้รั้งฐานะราชาคงทรงพระดำเนินมาถึงที่นี่ด้วยองค์เองไม่ได้ ของยิ่งสำคัญเท่าไร ใจของผู้ต้องการก็ยิ่งร้อนรุ่ม เจ้าอย่าดูถูกหัวใจของคนเช่นนั้น เราไม่รู้ว่าเขาวางแผนอะไรอยู่ อย่าประมาทเป็นดีที่สุด..”


    บานทวารถูกเคาะ เมื่อเจ้าหญิงเอ่ยโอษฐ์อนุญาต บานทวารก็เปิดออก นางกำนัลคนใหม่เดินมาเข้า


    “ราชาโคไซนอสเชิญเจ้าหญิงทั้งสองพระองค์เสด็จเพคะ” ไครแซนทีเอ่ยตามรับสั่งมา กลีเคอเรียพยักหน้า แล้วตรวจการแต่งกายของน้องสาวเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะจูงมือออกไป


    ร่างในชุดนางกำนัลมองตามแผ่นหลังของเจ้าหญิงผู้เลอโฉม


    ใช่.. ของยิ่งสำคัญเท่าไร ใจของผู้ต้องการก็ยิ่งร้อนรุ่ม



     
    ร่างงามระหงตรงเข้ามาถวายความเคารพแด่กษัตริย์ทั้งสอง แม้ไม่อยากจะยอมรับ แต่คาลิโดร่ารู้ถึงฐานะที่แตกต่าง นางเป็นเพียงเจ้าหญิง ส่วนเขาครองบัลลังก์ การเป็นผู้น้อยจึงต้องยอมค้อมเศียรให้อย่างจำยอม


    “นี่คือธิดาของเรา” โคไซนอสเอ่ยแนะนำด้วยความยินดีในพันธมิตรใหม่ “กลีเคอเรียกับคาลิโดร่า”


    “บุตรสาวทั้งสองของพระองค์ช่างงดงามยิ่งนัก” เอราเอิสเอ่ยตอบเหมือนเช่นทุกครั้งที่มีพ่อสักคนเอาลูกสาวมาถวายต่อหน้าตน ต่างกันแค่ลูกสาวทั้งสองคนนี้ไม่ได้ถูกถวาย และยิ่งคงไม่เต็มใจถวายตัวเป็นแน่


    “ขอบพระทัยเพคะ” เจ้าหญิงทั้งสองตอบกลับ


    เอราเอิสพิจารณานางทั้งสองภายในท่าทีสุขุม นางหนึ่งเมื่อสลัดเสื้อผ้าเก่าเป็นอาภรณ์สูงค่า ก็ราวกับเปลี่ยนลักษณะไปโดยสิ้นเชิง นางเดินงามสง่า แม้จะรวดเร็ว แต่มั่นคงในทุกย่างก้าว ดวงตาฉายความมั่นใจออกมาอย่างไม่สามารถปกปิดได้ ส่วนอีกนาง.. นี่สิ ถึงจะเรียกว่าดอกไม้ งดงามและอ่อนช้อย ชายหนุ่มวัยสามสิบสี่ยกจอกที่เต็มไปด้วยไวน์แดงดื่มเพื่อปิดบังรอยยิ้ม


    ดูท่า..เคลาคัสเป็นเมืองแห่งสาวงามจริงๆ!


    “เราทราบข่าวจากคาลิโดร่าว่าสิ่งมีค่าของพระองค์หายไปจากในวัง ไม่ทราบว่าต้องการให้เคลาคัสช่วยเหลือสิ่งใด”


    พระหัตถ์แกร่งกำจอกแน่นขึ้น ขณะปลายพระเนตรไปทางคนบอกเล่า นางยังคงสีหน้าไม่เปลี่ยน ทั้งที่ในใจคงตีปีกลิงโลดที่ทำให้กษัตริย์แห่งเคลาคัสมาพูดแบบนี้กับพระองค์ได้ คล้ายอีกฝ่ายต้องการจะถาม


    แล้วเคลาคัสเกี่ยวอะไรด้วย?


    “เราจับนางกำนัลของเคลาคัสได้..”


    “อดีตนางกำนัลเพคะเสด็จพ่อ” คาลิโดร่าจำเป็นต้องแย้ง แม้รู้ว่ามันเป็นการเสียมารยาทอย่างยิ่ง “ลูกขับไล่นางไปเพราะนางไม่ซื่อตรงต่อหน้าที่ ไม่ภักดีต่อลูก ไม่คิดเลยว่านิสัยนี้ก็ยังติดตัว ไม่เก็บเป็นบทเรียน หญิงผู้นั้นคงไปบ้างเมืองอื่น เมื่อถูกจับได้ ก็คงแอบอ้างชื่อลูกเพื่อลดโทษ”


     “แล้วตอนนี้นางผู้นั้นอยู่ที่ใด” โคไซนอสเอ่ยถาม


    “ในห้องคุมขังนักโทษของมิธรา” ราชาหนุ่มตอบ แล้วตรัสต่อ “ไม่ต้องห่วงไป ไม่ว่าจะเอ่ยอ้างชื่อใดก็ไม่สามารถลดโทษที่นางผู้นั้นกระทำได้ เราจะเค้นเอาความจริงให้มากที่สุด หวังว่าเจ้าหญิงคงจะไม่ว่า ถ้าอดีตนางกำนัลของพระองค์จะถูกทรมาน” เขาหมายความตามที่พูดทุกประโยค นางผู้นั้นจะถูกทรมานอย่างหนักตราบใดที่พวกเขายังหาอัญมณีสีเงินไม่พบ และต่อให้พบ นางก็ต้องชดใช้ในเรื่องนี้อยู่เช่นเดิม


    “หม่อมฉันมิได้เป็นนายของนางแล้วแต่อย่างใด ชีวิตของนาง นางเลือกเอง”


    “ระหว่างนี้มิธราต้องการให้เคลาคัสช่วยเหลือสิ่งใด อย่าได้เกรงใจ ผู้มาเยือนอย่างมิตร ย่อมได้มิตรภาพกลับไป”


    ราชาหนุ่มอดสะดุ้งไม่ได้ ถ้าชายชรารู้ว่าคราแรกที่มาเยือน เขาต้องการเพียงศีรษะของหัวขโมยเท่านั้น มิตรภาพยังจะยังเปิดประตูรับเขาอยู่หรือเปล่านะ


    “ขอบพระทัย ฝ่าบาท เวลานี้หม่อมฉันให้คนสืบหาข่าวให้มากขึ้นแล้ว คิดว่าในไม่ช้าความจริงคงกระจ่างชัด..”


                    นาธานเนลเดินเข้ามาพร้อมกับราชินี เขางอข้อศอกเล็กน้อยให้แม่ภรรยาจับ แล้วพาเข้ามาในกลุ่มสนทนา


                    “นี่คือราชินีแห่งข้า วัลเนอาและนาธานเนล สามีลูกสาวคนเล็กของข้า”


                    เอราเอิสคว้าหัตถ์ขององค์ราชินีขึ้นมาจุมพิตแผ่วที่หลังมือ ดวงตาราชาหนุ่มทอประกายอ่อนหวาน


                    “นี่สิ.. สาวงามแห่งเคลาคัสตัวจริง”


                    “ขอบพระทัย” วัลเนอาแย้มสรวล “พระองค์ช่างตรัส เอาใจคนแก่ยิ่งนัก”


                    “หม่อมฉันเห็นแต่สาวงามรายล้อม ไม่คิดว่าจะมีคนแก่อยู่ด้วย”


                    “ฮ่าๆๆ” โคไซนอสหัวเราะ “คารมคนหนุ่ม เราคงสู้ไม่ได้แน่ เชิญตามอัธยาสัยเถิด ถ้าต้องการสิ่งใด บอกลูกสาวทั้งสองของเราได้


     
     
    …………………………………..


     
    เอ็กเตอร์เดินวนไปรอบๆ ปราสาท เมื่อครู่เขาเพิ่งผูกสารไปกับนกพิราบที่รวดเร็วที่สุดในหมู่นกพิราบที่ถูกฝึกกลุ่มใหญ่ หวังว่าคำสั่งนายจะไปถึงบ้านเมืองโดยเร็ว เพื่อจัดการเรื่องยุ่งๆ ให้จบไป ระหว่างที่กำลังเดินกลับเข้าไปข้างใน ก็ปะทะกับร่างหนึ่งอย่างแรง ด้วยความเป็นทหาร เขาจึงทรงตัวได้อย่างรวดเร็ว แต่ไม่ใช่ร่างบางที่ล้มลงไปกับพื้น

    “อ๊ะ นาง ข้าต้องขออภัยด้วย” ชายหนุ่มก้มตัวลงไปดึงแขนให้นางลุกขึ้น

    “มะ..ไม่เป็นไรค่ะ” ไครแซนทีรีบเอื้อมมือคว้าขวดแก้วที่กลิ้งตกลงพื้นอย่างรวดเร็ว เร็ว..เกินไปจนเอ็กเตอร์สะกิดใจวูบหนึ่ง แต่แล้วก็พยุงนางยืนขึ้นจนสำเร็จ ร่างของหญิงสาวตกใจจนแก้มแดงเปล่าปลั่ง

    “รีบร้อนจะไปไหนหรือ”

    “อ๊ะ ขออภัยเจ้าค่ะ ข้าต้องรีบไปห้องครัว เจ้าหญิงมีคำสั่งมา” นางอุทานแล้ววิ่งต่อทันที ชายหนุ่มส่ายหน้าในทีท่ารีบร้อนของนางกำนัลผู้หนึ่ง ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในตัวปราสาทตามที่ตั้งใจไว้



     
    “เจ้าหญิงสั่งหรือ” เสียงวางอำนาจของแม่ครัวใหญ่ถามขึ้น

    “ค่ะ” ไครแซนทีพยักหน้า แล้วมองสำรวจห้องครัว มีผู้คนเดินไปมามากมาย แม้ยังไม่ชุลมุนมากนักเพราะไม่ใช่ช่วงเวลาอาหาร แต่ก็ยังดูวุ่นวายอยู่ดี ต่างคนต่างมีงานในมือที่ต้องทำตลอดเวลา

    “ได้ แล้วจะรีบทำ” แม่ครัวใหญ่ตอบ หลังจากได้รับคำสั่งว่าให้ทำขนมหวานถวาย เนื่องจากเจ้าหญิงได้มีการสนทนากับราชอาคันตุกะในห้องรับรองเล็ก

    “ข้าจะรอนำไปเลย”

    “ไม่ต้อง” หญิงร่างท้วมตัวใหญ่ปฏิเสธทันที “ของจากในครัวมีคนของเราเป็นผู้นำไปถวายอยู่แล้ว”

    “ตะ..แต่เจ้าหญิงสั่งข้ามา..”

    “เจ้าหญิงสั่งให้เจ้ามาบอกพวกเรา แต่ไม่ได้รับสั่งให้เจ้าถือใช่ไหม”

    “เอ่อ..ค่ะ” ไครแซนทีจำต้องเอ่ยความจริง เมื่ออีกฝ่ายดักทางไม่ให้นางเอ่ยอย่างกำกวมได้ เพราะถ้าพูดเท็จก็จะถูกสืบสวนได้ง่าย

    “ดี หน้าที่ของเจ้ามีแค่นี้แหละ เดี๋ยวคนของข้าจะนำไปถวายเอง เจ้าเป็นเด็กใหม่ ต้องรู้ว่าอาหารต่างๆ ต้องได้รับการดูแลอย่างดี ถ้าเกิดอะไรขึ้น พวกข้าจะมีความผิดไปด้วย” แม่ครัวใหญ่เอ่ยต่อ นางเห็นหญิงสาวตรงหน้าไม่นาน แม้จะได้ชื่อว่าเป็นนางกำนัลของเจ้าหญิง แต่ก็ยังเป็นเด็กใหม่ไม่น่าวางใจอยู่ดี

    ปกติแล้วนางกำนัลที่ใกล้ชิดเจ้าหญิงส่วนใหญ่จะรู้ว่า เจ้าหญิงโปรดการปรุงอาหารจากพ่อครัวคนต่างแดน เมื่อได้รับรับสั่งมา ก็จะมาถามหาพ่อครัวก่อน นี่ตรงมาหานาง แสดงว่าหญิงผู้นี้ยังเป็นเด็กใหม่มาก และไม่ใกล้ชิดเจ้าหญิงเท่าที่ควร

    “ค่ะ” ไครแซนทีกัดฟัน พอมีรับสั่งถึงของเสวย นางอุตส่าห์อาสาเป็นคนมาห้องครัว เพื่อหาโอกาสในการวางยา แต่ดูท่า มันจะไม่ง่ายอย่างที่คิด ในครัวแม้แต่ละคนจะยุ่งมีงานทำ แต่จำนวนคนเยอะเกินไป มีโอกาสถูกเห็นได้ง่ายถ้าแอบใส่อะไรลงไปในนั้น หญิงต่างแดนจึงต้องกลับไปด้วยความผิดหวัง
     
    ห้องรับรองเล็กกำลังต้อนรับอาคันตุกะจากมิธรา เมื่อไครแซนทีกลับมา ทุกคนก็กำลังพูดถึงอัญมณีสีเงิน โดยมีราชาเอราเอิสเป็นผู้อธิบายลักษณะของสิ่งล้ำค่า และผู้ฟังฝ่ายเคลาคัสคือเจ้าหญิงสองพระองค์ นาธานเนล กับทาร์เธเมสกำลังตั้งใจฟังเป็นอย่างดี

    “มันเป็นดวงแก้ววิเศษ ขนาดไม่ได้ใหญ่ไปกว่ากำมือของเด็กทารก สิ่งนั้นตกทอดอยู่ในราชวงศ์ของเรามาช้านาน” ราชาหนุ่มตรัสด้วยสุรเสียงราบเรียบ พระองค์ทอดพระเนตรไปทางนายทหารระดับสูง ที่เจ้าหญิงทรงยืนยันว่าไว้พระทัยและเชื่อใจได้มาร่วมฟัง ดวงตาของมันทำให้พระองค์เห็นจริง พระองค์อยู่กับทหารมานาน ฝึกมาเป็นร้อยๆ กองทัพ จะไม่ให้รู้ได้เช่นใดว่าดวงตาของชายผู้ใดที่ห้าวหาญ หรือชายใดที่ขลาดกลัว

    ดูท่า.. ถ้าพระองค์จะต้องรบกับบ้านเมืองนี้ ชายผู้นี้คือคนแรกที่พระองค์จะต้องกำจัดทิ้ง




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×