ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คาลิโดร่า..สาวงามแห่งเคลาคัส

    ลำดับตอนที่ #39 : หัวขโมย

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 574
      2
      22 ธ.ค. 53






    “ไม่เหมือนกันหรอก ครั้งที่แล้วพระองค์เสด็จอย่างเป็นทางการ แต่ครั้งนี้สองพระองค์เสด็จ..โดยไม่มีข้าราชบริพารนะ” พัลเรนาพูดต่อ เรียกความสนใจกลับคืนมาได้อีกครั้ง


    “ไม่จริงมั้ง ใครจะยอมปล่อยให้ไปตามลำพังได้” พูดแล้วก็ชะงักปาก เหล่าหญิงรับใช้ทั้งหลายรู้ดีว่า ไม่มีใครปล่อย แต่สุดท้าย เจ้าหญิงก็หาเล่ห์หากล หาคาถาอาคมมาเพื่อให้สิ่งที่นางหวังสำเร็จจนได้ เรื่องเล่าหลายเรื่อง จากเมื่อหลายปีก่อนที่เหล่าพี่เลี้ยงของเจ้าหญิงหมดสติ เพราะเจ้าหญิงตัวน้อยหายานอนหลับมาทำเป็นกำยาน ก่อนจะออกไปเที่ยวเล่นนอกวังก็ยังคงบอกเล่ากันเรื่อยมา


    “ออกไปแล้ว ทั้งสองพระองค์แหละ และงานนี้..เจ้าหญิงไม่ได้ปลอมเป็นผู้ชายด้วย”


    นี่สิ ถึงจะเป็นข่าวฮือฮาของจริง ใครที่ใกล้ชิดเจ้าหญิงย่อมรู้ พระองค์โปรดจะปลอมเป็นบุรุษไปไหนมาไหน ทั้งเพื่อความปลอดภัยและความสนุกขององค์เอง


    “ว้าว.. แสดงว่าพระองค์ทรงไว้พระทัยพระสวามีมากเลยนะ”


    “ข้าอยากได้บุรุษแบบนั้นมาร่วมคู่ด้วยเสียจริง”


    “นี่ เจ้าว่าเจ้าหญิงจะพาพระสวามีไปที่ไหนนะ ตลาด จัตุรัส หรือว่าโรงละคร”


    “น่าจะโรงละครหรือเปล่า ข้าได้ข่าวว่ามีคณะแสดงชุดใหม่เพิ่งเดินทางมาถึง กำลังเล่าเรื่องเทวีอาร์เทมิสกับแอ็คตีอ็อนอยู่เลยนะ ข้าก็คิดอยากจะไปดูสักครั้ง”


    “เรื่องนั้น ข้าก็ชอบ ข้าเคยดูเมื่อสมัยยังเด็ก ตอนเจ้าชายแอ็คตีอ็อนล่วงล้ำเข้าไปในเขตที่องค์เทวีกำลังสรงน้ำ แล้วแอบดู สมแล้วที่ถูกสาปเป็นกวาง”


    “ใช่ ถูกล่าจากสุนัขล่าเนื้อของพระองค์เอง แล้วยัง..”


    หัวข้อที่เหล่าหญิงรับใช้พูดคุยกำลังจะเปลี่ยน ถ้าหญิงผู้หนึ่งไม่เอ่ยขึ้นมาเสียก่อน


    “เทพีอาร์เทมิสทรงงดงามและชิงชังบุรุษ ยิ่งความเกรี้ยวกราดของพระองค์ก็ไม่เป็นรองเทพองค์ใด ถ้าพระองค์จะไม่พิโรธเจ้าหญิงของเราที่ทรงอภิเษกก็ดีสิ”


    เสียงพูดคุยแผ่วลงเมื่อนึกถึงจุดนี้ การหาเรื่องใส่ตัวเองที่ง่ายที่สุดคือทำให้เทพเจ้ามีโทสะ


    “ไม่หรอกมั้ง ธนูทองคำก็ยังอยู่ข้างกายเจ้าหญิง ถ้าเทพีโกรธจริง คงจะมาริบคืนไปแล้ว”


    “แต่ว่า..ของที่ประทาน ไม่ทวงคืนก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่พิโรธนิ เจ้าหญิงของเราก็ครององค์มานาน และเกลียดบุรุษ พอแต่งงาน..อาจจะเหมือนหักหลังเทพีหรือเปล่า”


    “แต่ข้าเห็นหลายคนพูดกันว่าชายผู้นั้นเป็นคนที่อโพรไดทิประทานมาให้แก่เจ้าหญิงนี่น่า ถ้าเทพเจ้าแห่งความรักไม่ประทานพร มีหรือที่เจ้าหญิงของเราจะตกหลุมรักได้”


    “เช่นนั้นก็ยิ่งแย่ใหญ่ เทพีสองพระองค์ไม่ถูกกันไม่ใช่หรือ”


    เรื่องเล่าแห่งเหล่าทวยเทพ อโพรไดทิเสกสรรความรักให้โดยทั่ว แต่มีหญิงเพียงสามนางเท่านั้นที่ความรักมิอาจย่างกราย หนึ่งคือเวสทา*ผู้พิสุทธิ์ล้ำ อีกหนึ่งคืออธีน่าผู้สนใจแต่ศึกสงคราม และแน่นอนว่าอาร์เทมิสนางพรานก็เป็นหนึ่งในสามเช่นกัน


    “วิตกกันเกินเหตุ” หญิงรับใช้ที่มีอายุมากที่สุดเอ่ยขึ้น เมื่อทนฟังเสียงเจื้อยแจ้วของเหล่านางมามากเกินพอ “เจ้าหญิงคาลิโดร่ายังคงเป็นที่รักของปวงเทพเสมอ อย่าได้นำเรื่องนี้พูดออกไปข้างนอกล่ะ ไม่งั้นจะต้องโทษใด ข้าก็ช่วยเหลือพวกเจ้าไม่ได้หรอกนะ”


    หญิงรับใช้ต่างรับคำ มีหญิงเพียงสองนางเท่านั้นที่นั่งอยู่มุมห้อง ไม่ได้เข้าร่วมบทสนทนา ผ้าที่ปักต้องกดซับโลหิตไว้ เมื่อถูกเข็มตำ ยามคนปักเผลอไผลเมื่อได้ยินว่าเจ้าหญิงเสด็จฯ โดยไม่มีคนตาม


    ไครแซนทีส่ายหน้าให้พี่สาวต่างสายเลือด ข่มความเจ็บปวดและความเสียดายเอาไว้ พวกนางมาอยู่ที่นี่อย่างคนสิ้นไร้ทุกสิ่ง แม้โอกาสจะมากองอยู่ตรงหน้า หาก..พวกนางก็ไม่มีแขนขาให้ความช่วยเหลือ


    หัวใจปรารถนานัก.. ปรารถนาจะหยิบยื่นความตายให้แก่นางผู้นั้น เวลานี้ทั้งสองกำลังอยู่นอกรั้วแห่งความปลอดภัย เหมาะที่จะสังหารให้ดับดิ้น ทว่า..นางจะไปหานักฆ่ามาจากที่ไหนได้ และยิ่งไม่ต้องพูดถึงเงินสินจ้างที่คงสูงท่วมหัวได้เลยทีเดียว


    “รอก่อนเถอะ รอโอกาสของเราครั้งต่อไป” ครีกระซิบเบาๆ อย่างให้สัญญากับตนเอง





     
    โรงละครกลางแจ้งซึ่งมีอัศจรรย์บรรจุคนได้ไม่กี่ร้อย ทำให้คาลิโดร่านึกไปถึงโรงละครของเมืองใหญ่ๆ ที่จุคนได้หลายพันเรือนหมื่น ถ้าบ้านเมืองของนางมีบ้างก็คงจะดี


    “เห็นมีคนบอกว่าคณะแสดงชุดใหม่ที่เพิ่งเข้ามาแสดงได้ดีเยี่ยม ข้าอยากรู้เสียจริงว่าจะดีสักแค่ไหน” คาลิโดร่ากระซิบกับคนข้างกาย นางแต่งตัวเหมือนชาวบ้านทั่วไป และแต่งแผลที่ใบหน้าเพื่อไม่ให้ใครจำได้


    “เดี๋ยวพระองค์ก็จะทราบแล้ว”


    เสียงเคาะเป็นจังหวะเรียกให้ทุกสายตาเพ่งมองไปด้านล่างซึ่งเป็นเวทีทรงกลม กลุ่มผู้ขับร้องที่แต่งกายด้วยหนังแพะเดินออกมาจากด้านข้างของเวทีมาหยุดยืนที่ส่วนหน้าของเวที มีฉากอยู่ด้านหลังบดบังผู้ชมกับนักแสดงซึ่งกำลังเตรียมตัวอยู่


    ทำนองที่แสนไพเราะเริ่มต้นขึ้นจากผู้ขับร้อง นักแสดงเริ่มทยอยออกมา ชุดที่ใส่และหน้ากากแสดงถึงบทบาทที่เล่นได้เป็นอย่างดี แต่ก็ยังมีการแนะนำตัวละครและเนื้อหาที่จะแสดงก่อนเริ่มการแสดงจริง


    ฉากด้านหลังเป็นป่าไพร ผู้แสดงเป็นแอ็คตีอ็อนปรากฎตัวขึ้นพร้อมคันธนูในมือ เนื้อเรื่องที่ประชาชนชาวกรีกผู้เรียนหนังสือมาย่อมรู้ ไม่มีมนุษย์ใดมีความสามารถในการล่าสัตว์เทียบได้กับเจ้าชายองค์นี้ ใช่.. ถ้าผู้นั้นเป็นมนุษย์..


    เทวีแห่งการล่าสัตว์ผู้เป็นน้องสาวฝาแฝดกับอพอลโล นางช่างงามล้ำยิ่งนัก นางท่องตระเวนไปในไพรกว้างและเทือกเขาพร้อมเหล่านางไม้ผู้ติดตาม จวบตะวันอยู่เหนือศีรษะ จึงพักกายในลำธาร สถานที่อันรื่นรมย์และสงบที่มนุษย์มิควรย่างกาย ผู้รู้จะรีบหมุนกายกลับ จากไปด้วยความเคารพบูชา


    ทว่า..ก็ยังมีผู้บังอาจยิ่งนัก


    “เจ้าดูผู้ชายที่แสดงเป็นตัวหลักสิ” คาลิโดร่าเอ่ยกระซิบข้างหูของสามี ตัวหลักในการแสดงละครจะมีบทพูดซึ่งมีไม่เกิน 3 คนเท่านั้น “เขาดูมีสง่าราศีเกินผู้ใด”


    นาธานเนลพยักหน้าเห็นด้วย แม้ในใจจะลอบขุ่นเคืองที่นางเอ่ยชมชายอื่น


    “อาจเพราะเจ้านั่นแต่งชุดเจ้าชายด้วยมั้ง” น้ำเสียงของเขาติดจะพาล


    เจ้าชายแอ็คตีอ็อนถูกความร้อนยามเที่ยงวันให้เหนื่อยล้าจึงแยกตัวจากหมู่สหาย เดินตามสายธารจนถึงเขตแห่งความร่มรื่น เขาได้ยินเสียงน้ำและเสียงเหล่าสตรี บุรุษที่ดีควรถอยห่าง


    หาก..ชะตาเจ้าชายคงถึงฆาต


     เจ้าชายหนุ่มแหวกกิ่งก้าวนของต้นลอเรล ลอบมองเข้าไปเห็นเหล่านางไม้กำลังเล่นน้ำอย่างสนุกสนานด้วยอิริยาบถต่างๆ กันไป ยังมีนางหนึ่งที่งามล้ำเหนือผู้ใด ไหล่ลาดเปล่าเปลือย ทรวงอกเต่งตึง หน้าท้องเรียบเนียนแล้วต่ำลงไปกลืนไปกับกระแสน้ำ เจ้าชายจ้องมองด้วยความงงงวยพิศวาสอยู่นานจนนางไม้ตนหนึ่งเหลือบมาเห็นเข้า


    เสียงกรีดร้องของนางทำให้เหล่านางไม้ที่เหลือรีบเข้าไปบังกายองค์เทวี แต่สายไปเสียแล้ว แอ็คตีอ็อนแทบจะเห็นทุกอย่างที่เขาสามารถเห็นได้ และตอนนี้เขาเห็น..สีแดงกำลังแล่นไปทั่วใบหน้าขององค์เทวีด้วยความอับอาย หรืออาจจะเป็น..โทสะอย่างถึงที่สุด ธนูที่นางหมายอยู่ไกลเกินเอื้อม อาร์เทมิสจึงใช้หม้อใบหนึ่งสาดน้ำใส่เจ้าชายหนุ่ม พร้อมเอ่ยวาจา


    “ไปให้พ้น! จงไปโอ้อวดถึงความบังอาจของเจ้า หากเจ้าสามารถทำได้!”


    และแล้วร่างกายของเจ้าชายหนุ่มก็แปรเปลี่ยน ความเกรี้ยวกราดของเทพเจ้าไม่เคยปราณีผู้ใด ร่างนั้นมีหูอันใหญ่โตและเขาที่งอกออกมา พร้อมขนขึ้นปกคลุม เมื่อก้มหน้าดูน้ำอันใสกระจ่างก็พบเพียงกวางตัวหนึ่งซึ่งเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก เขาวิ่งหนีออกไปจากดินแดนแห่งนั้นทันที กลับไปหาเหล่าสหายที่รออยู่


    แต่แล้วสิ่งที่พบ คือเหล่าสุนัขล่าเนื้อของพระองค์เองกระโจนเข้าหา ทำให้เจ้าชายผู้โชคร้ายต้องรีบเผ่นหนี แม้จะว่องไวปราดเปรียว ทว่าพละกำลังยังอ่อนด้อย จนกระทั่งฝูงสุนัขสามารถกระโจนขย้ำร่างของเขาเอาไว้ได้ นั่นเป็นหนึ่งในจุดจบของผู้บังอาจสร้างโทสะแก่เทพเจ้า
     







    “ตาม” เสียงสั่งคำเดียวสั้นๆ แต่ผู้ติดตามรับใช้มานาน แจ้งแก่ใจดีว่าควรจะทำอะไร


    คนเริ่มทยอยออกจากอัศจรรย์อย่างเป็นระเบียบ หลังจากการแสดงเนิ่นนานจบลง สำหรับเคลาคัสจัดให้คณะละครเร่สามารถแสดงฝีมือได้เต็มที่โดยให้จบภายในวันเดียว ผิดกับของนครรัฐอื่นที่อาจต้องใช้เวลา 3-4 วัน เสียงปรบมือยังไม่จางหายทำให้เหล่านักแสดงและเหล่าคนขับร้องปลื้มใจไปตามๆ กัน


    ร่างหนึ่งปะปนไปกับผู้ชมที่กำลังเดินออก หากสายตาจับจ้องอยู่ที่คู่รักซึ่งอยู่ห่างไปพอสมควร ไม่ใกล้เกินกว่าจะเผยพิรุธ และไม่ไกลเกินกว่าจะคลาดสายตา คู่รักประคองเคียงออกจากโรงละคร เข้าไปในตลาด แวะร้านขายของหลายครั้ง ที่นานหน่อยจะเป็นร้านขายเครื่องประดับ จากนั้นก็เลี้ยวไปตามตรอกแคบๆ ทำให้คนตามเร่งฝีเท้าไปติดๆ เมื่อหลุดออกจากทางแคบ ปลายดาบก็ยื่นมาตรงหน้า


    “เจ้าเป็นใคร” นาธานเนลถามเสียงเหี้ยม หลังจากที่พวกเขาเดินวนไปมาจนมั่นใจแล้วว่ามีคนสะกดรอยตามจริงๆ จึงได้คิดหาทางจับมาเค้นถาม เจ้าหญิงของเขาก็แสนเก่ง รู้ลู่ทางในบ้านเมืองของตนเองทุกซอกมุมจริงๆ


    คนถูกสะกดรอยตามถอนหายใจ เพราะคิดว่าอีกฝ่ายเป็นผู้หญิงธรรมดา ให้มีเสียงร่ำลือแค่ไหน แต่ก็เป็นเพียงสตรีในรั้วในวัง ส่วนผู้ชายได้ข่าวว่าเป็นแค่หนูป่าตกถังข้าวสาร จึงไม่ได้กลบเกลื่อนตัวเองในการสะกดรอยมากนัก ถึงได้ถูกจับได้แบบนี้ คิดแล้วก็เจ็บใจที่ประมาทไปจริงๆ


    “ข้าถามว่าเจ้าเป็นใคร!” ชายหนุ่มแปลกใจที่คนตรงหน้าไม่ตอบ อีกฝ่ายมีร่างกายสูงใหญ่ ลำตัวค่อนข้างหนา ผมตัดสั้นกุดจนมองผ่านๆ เหมือนถูกโกนมา ดูลักษณะแล้วก็คงเป็นพวกทหารไม่ผิดไปจากนี้ ดาบจี้อยู่ที่คอ แต่สีหน้าไม่หวั่นเกรงเลยสักนิด มีแต่ทำหน้ายู่เหมือนคิดอะไรบางอย่างอยู่


    “คง..ไม่จำเป็นต้องตอบคำถามคนใกล้ตายล่ะมั้ง”


    นาธานเนลมุ่นคิ้ว แต่ก็รู้สึกถึงความผิดปกติ เจ้าหญิงของเขาเงียบ.. เงียบเกินไปแล้ว ทั้งที่อยู่ข้างกาย แต่กลับไม่ส่งเสียงขึ้นมาเลย ชายหนุ่มหันกลับไป หัวใจหลุดวูบอยู่ที่เท้า ร่างบางตกอยู่ในมือของชายอีกคนที่ปิดปากนางไว้ คาลิโดร่าดิ้น แต่ทุกส่วนของนางก็ถูกมือใหญ่เพียงข้างเดียวรัดไว้แน่น


    “คาลิร์..” นาธานเนลแทบจะประสาทเสีย เขาวางดาบลงโดนดี เมื่ออีกฝ่ายส่งสายตาเป็นคำสั่ง แต่แล้วสตรีในรั้วในวังก็กัดไปที่มือของคนปิดปากเมื่อมีโอกาส คนถูกกัดเผลอปล่อยมือด้วยความตกใจมากกว่าจะเจ็บจริงๆ เปิดโอกาสให้นางฟันศอกที่สีข้างทันที


    “แม่ตัวดี!” เสียงคำรามอยู่ในลำคอ เจ้าหญิงกลับไปอยู่ข้างกายของสวามีได้สำเร็จ แต่นางต้องคิดหาทางเอาตัวรอด เมื่อชายหนึ่งดักหน้า อีกหนึ่งดักหลังอยู่เช่นนี้


    “เจ้าเป็นใคร” คาลิโดร่าร้องถาม นาธานเนลจับดาบขึ้นมาอีกครั้ง สายตาของชายผู้นั้นดุดันยิ่งนัก อาจจะมากกว่าของทาร์เธเมสที่เขาเคยเห็นมาเสียอีก เขาจำสายตาคู่นี้ได้ เป็นคนคนเดียวกับที่แสดงเป็นแอ็คตีอ็อนในโรงละคร ร่างบางชักมีดสั้นที่เอวออกมา ดูเหมือนลักษณะของคนเจนอาวุธจะทำให้ชายทั้งสองประหลาดใจพอสมควร แน่ล่ะ..บ้านเมืองอื่น ผู้หญิงก็แค่สมบัติชิ้นหนึ่งเท่านั้น หญิงไม่แต่งงานคือสมบัติของพ่อแม่ หญิงออกเรือนคือสมบัติของสามี แล้วใครที่ไหนจะสอนสมบัติให้เป็นอาวุธกัน


    “แล้วเจ้าล่ะเป็นใคร” ชายตรงหน้าไม่ตอบ แต่ถามกลับ


    “เราเป็นคนแค่มาเดินตลาด พวกท่านต้องการอะไร ถ้าเป็นข้าวของมีค่า พวกเราไม่มีให้หรอกนะ” นาธานเนลดึงเจ้าหญิงของเขามาใกล้ๆ ปลายเท้าเบี่ยงตัวเอง เข้าหากำแพง แม้รู้ว่ามันจะเป็นทางตัน แต่ก็ไม่ต้องระวังหลังเหมือนอยู่กลางทางเดิน


    “ถ้าเจ้าหญิงสูงศักดิ์ไม่มีค่า แล้วสิ่งใดจะมีราคาเล่า”


    ประโยคนั้นทำให้ทั้งสองรู้ว่า ความลับของพวกเขาแตกแน่แท้ ตอนแรกยังไม่มั่นใจ แต่ตอนนี้ไม่มีอะไรต้องกังขา


    “เช่นนั้น พวกท่านต้องการอะไร”


    “อัญมณีสีเงิน” เสียงนั้นเพิ่มความเหี้ยมเกรียมขึ้นมา ดวงตายิ่งฉายแววดุดันมากกว่าเมื่อครู่ ยามเอ่ยถึงสิ่งนี้ เท้าขยับเข้ามาใกล้ แต่ยังไม่ชักอาวุธออกมา ทั้งสองมองหน้ากันเลิ่กลั่ก เหมือนชายหนุ่มจะถามว่า มันคืออะไร หากหญิงสาวก็อยากจะถามกลับในคำถามเดียวกัน


    “เราไม่รู้จัก” นาธานเนลจับด้ามดาบให้แน่นขึ้น


    “อย่ามาไขสือ พวกเจ้าขโมยสิ่งนั้นไป!”


                    “ไม่มีทาง!” คาลิโดร่ายอมสงบปากคำต่อไปไม่ได้ นางเป็นถึงเจ้าหญิง จะถูกสบประมาทว่าเป็นหัวขโมยได้เช่นไร ถือว่าหมิ่นศักดิ์จนไม่อาจทนได้ “เราไม่เคยลักขโมยของคนอื่น!”


    แต่ถ้าทำสงครามแย่งชิงมาก็เป็นอีกเรื่อง.. คนตอบกลับในใจ


    “สิ่งนั้นคืออะไร มีค่าให้ถูกขโมยถึงเพียงไหน” นาธานเนลรั้งเจ้าหญิงกลับมาอีกครั้ง เมื่อนางทำท่าจะสาวเท้าออกไปต่อปากต่อคำ ดูเหมือนว่าการวางลักษณะของเจ้าหญิงผู้สูงศักดิ์นางจะทิ้งไว้เพียงแต่ในวังเท่านั้น


    “พวกเจ้าแกล้งไม่รู้ได้เหมือนมาก อย่าคิดว่าเราเจอเชื่อสิ่งที่พวกเจ้าแสดงออก” ชายแปลกหน้ายังคงใช้น้ำเสียงกดดัน


    “พวกท่านมีหลักฐานอะไรว่าเราขโมยมันไป” นาธานเนลรู้แล้วว่าเรื่องทั้งหมดอาจเกิดจากความเข้าใจผิดก็ได้ ถ้าพวกเขาพิสูจน์ความจริงได้ เรื่องอาจจะไม่บานปลายไปมากกว่า เขาสัญญากับตนเอง คราวหน้าให้เจ้าหญิงใช้ลูกล่อลูกชนยังไง เขาจะไม่ยอมตามใจนางเที่ยวเล่นโดยปราศจากองครักษ์อีกแล้ว!


    “มีทั้งหลักฐานและพยานบุคคล” ชายที่ดูเหมือนเป็นนายคนตอบกลับ พยักพเยิดให้ชายผมสั้นติดหนังหัวเดินเข้ามาหา แล้วหยิบบางส่วนขึ้นมา “สิ่งนี้เป็นของเคลาคัสใช่หรือไม่”


    คาลิโดร่ารับแหวนวงน้อยแล้วพลิกดูด้านใน ตราราชวงศ์แห่งเคลาคัสไม่ผิดแน่ นางเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าของอีกฝ่ายที่จ้องเขม่งมา


    “ไม่ได้แปลว่าเราจะเป็นผู้กระทำ”


    “และก็ไม่ได้แปลว่าพวกเจ้าไม่ได้ทำ”


    นาธานเนลพิจารณาดูการตอบโต้ของทั้งสองฝ่ายอย่างเงียบๆ อีกฝ่ายรู้ว่าคาลิโดร่าเป็นใครแต่ก็ยังไม่มีท่าทางอ่อนน้อมให้ แสดงว่าถ้าไม่เย่อหยิ่งเกินตัว ก็มีศักติเท่าเทียมกัน เขาพยายามมองดูการแต่งกาย แต่ทั้งสองก็พรางตัวเหมือนคนทั่วไปได้เยี่ยม มีแค่ปลอกแขนที่รัดช่วงต้นแขนเท่านั้นที่แตกต่างจากชาวเคลาคัส ดูจากลักษณะแล้วปลอกแขนน่าจะแสดงฐานะที่ต่างกันของชายทั้งสองคนอีกด้วย


    “แล้วพยานบุคคล?” คาลิโดร่าถามกลับอย่างหงุดหงิด นางไม่ชอบใจที่ตนเองถูกมองเป็นผู้ร้ายในสิ่งที่ไม่ได้ทำ และยิ่งเบื่อเมื่อเห็นสายตาของสามี คงจะไม่อนุญาตให้นางไปเที่ยวไหนต่อไหนอีกแล้ว


    “คนของเราหนึ่งคนรับสารภาพว่าถูกจ้างวาน เราจับผู้จ้างวานได้ และนาง..เป็นคนของเคลาคัส”


    “ใคร!”


    ดาเมนิน อดีตนางกำนัลของพระองค์ไม่ใช่หรือ”


    ชื่อที่เกือบจะลืมไปแล้วด้วยซ้ำ สำหรับนางไม่เคยคิดจะจำชื่อคนทรยศต่อนางอยู่แล้ว


    “อดีตคนทรยศต่างหาก นางหักหลังความไว้วางใจของข้า โดยการมอบกุญแจให้แก่เจ้าชายแห่งพารอส ความผิดนี้เราไล่นางออกจากเคลาคัสไปนานแล้ว นางไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเรา”


    “ไม่ใช่เป็นแผนของเจ้าหรือไง สร้างเรื่อง แกล้งไล่คนสนิทของตนออกไป แล้วให้ไปบ้านเมืองอื่นเพื่อขโมยสิ่งสำคัญกลับมาให้ตัวเอง แผนแบบนี้ไม่ใช่ของใหม่เลย”


    “เจ้า! อย่ามาโอหังเช่นนี้กับข้า!” คาลิโดร่าขึ้นเสียงใส่ เนตรสีอ่อนเปล่งประกายกร้าวขึ้นดั่งพญาหงส์ยามถูกก่อกวนความสงบ “ข้าจะยอมตอบคำถามโดยดีในข้อสงสัย แต่ไม่ใช่แก้ต่างในฐานะจำเลย เจ้าจงเปลี่ยนความคิดที่มีต่อเคลาคัส มิเช่นนั้นก็กลับไปด้วยความเข้าใจเช่นดั่งเดิม!”








    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×