ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คาลิโดร่า..สาวงามแห่งเคลาคัส

    ลำดับตอนที่ #34 : ล่ำลา

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 736
      0
      24 ส.ค. 53





    นาธานเนลจ้องกลับอย่างไม่เกรงกลัว คาลิโดร่าเม้มริมฝีปากแน่น รู้สึกปวดหัวกับผู้ชายเหล่านี้เหลือเกิน นางทิ้งตัวเองกับพรมอีกครั้ง ก่อนเอ่ยปาก


    “เก็บอาวุธซะ ในกระโจมของข้า อย่าได้มีการนำอาวุธออกมาอีก”


    ทั้งสองเก็บดาบไปอย่างรู้ตัว ต่อหน้าเชื้อพระวงศ์จะไม่มีการชักอาวุธออกมาเด็ดขาดถ้าไม่จำเป็น หัวพวกเขาอาจหลุดจากบ่าได้


    “ส่วนเจ้ามีธุระอะไร” นางเอ่ยเป็นการเป็นงานกับร่างสูง เขาสะบัดชายที่บีบบ่าให้เขาคุกเข่า แต่เมื่อไม่มีคำสั่งอื่นจากเจ้าหญิง ชายร่างยักษ์ก็ไม่ยอมปล่อย นาธานเนลจึงส่งสายตาหวานเชื่อมให้คาลิโดร่าหัวใจกระตุกขึ้นมา


    “ก็บอกแล้วไง สามีจะมาหาภรรยา คิดว่าอย่างไรจ๊ะ”


    คาลิโดร่ารีบยกมือเป็นสัญญาณให้หยุด เมื่อชายหลายคนในห้องนี้ทำท่าอยากจะขย้ำหัวของคนปากกล้า ร่างบางถอนหายใจ


    “อย่าหัวเสียไป เขาพูดถูก เขาคือผู้ที่ข้าอภิเษกด้วยแล้ว เป็นสวามีแห่งข้า”


    “แต่เจ้าหญิงไม่ยอมรับ” ซิลลาสวนกลับทันควัน “ทรงหลับเนตรสักข้าง ปล่อยให้พวกกระหม่อมจัดการชายผู้นี้เถิด เรื่องจะได้ไม่ยื้อเยื้อมากไปกว่านี้”


    หญิงสาวลำคอแดงก่ำ ถึงไม่อยาก แต่นางจำต้องเอ่ย


    “เขาเป็นสวามีแห่งข้า ซิลลา เป็นผู้ที่พระเจ้าประทานมาให้ พวกเจ้าทุกคนตั้งใจฟัง ข้ายอมรับเขาเป็นสวามีแล้ว และจะเดินทางกลับวังกันทันที ภารกิจสำเร็จ เขามอบมงกุฎที่งดงามที่สุดให้ข้า”


    ชายสองคนปล่อยมือจากนาธานเนลทันที เมื่อได้รับการยอมรับจากเจ้าหญิง ชายตรงหน้าพวกเขาก็มียศศักดิ์ไม่ต่างจากเจ้าชาย ร่างสูงลุกขึ้นยืนช้าๆ มองไปที่หญิงสาวด้วยความรัก หากมือที่เอื้อมไป นางกลับปัดทิ้ง


    “ถึงอย่างไรที่นี่ก็เป็นกระโจมส่วนตัวของข้า ขอเจ้ากลับไปพักผ่อนที่กระโจมของเจ้าก่อนเถอะ หายเหนื่อยแล้วเราจะได้เดินทางกันต่อ”


    “ทำไมต้องกางสองกระโจมให้มันยุ่งยาก ข้านอนที่เดียวกับพระองค์ได้” เขายักคิ้วอย่างมีเล่ห์นัยว่าไม่ได้นอนเฉยๆ แน่


    “ทหารทำให้แล้ว เจ้าอย่าได้ทำให้พวกนั้นเสียน้ำใจเลย”


    “จะไปยากอะไร ก็ให้ทหารของพระองค์อยู่ไปสิ ข้าอยู่ที่นี่ดูแลพระองค์ได้ดีกว่าองครักษ์พวกนี้อีก” นาธานเนลออดอ้อนดุจพวกเขาอยู่เพียงลำพัง ไม่มีคนนอกถึงห้าคนอยู่ในนี้ด้วย ฝาแฝดเบือนหน้าหนีไม่กล้าหลุดเสียงหัวเราะ ซิลลาข่มใจ มองพระพักตร์ของเจ้าหญิงว่าจะทรงทำเช่นใดต่อ


    “ไม่สมควร..”


    “ให้พระองค์อยู่กับคนพวกนี้ก็ไม่สมควรเช่นกัน” ชายหนุ่มต่อคำอย่างไม่ลดละ เมื่อปรารถนาสิ่งใด เขามีเหตุผลร้อยแปดเพื่อให้ได้สิ่งนั้นมา แค่เห็นชายผู้นั้นอุ้มหญิงของตน ใจเขาก็ร้อนรุ่มจนยากจะดับ ถ้าต้องให้พักผ่อนอยู่ด้วยกัน เขาคงขาดใจตาย


    ร่างสูงชะงักไปเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้


    “พระองค์ปลอมเป็นคนรับใช้ของเจ้านั่น” เขาชี้ไปที่ซิลลา ‘เจ้านั่น’ ชักสีหน้าเหมือนโดนดูถูก “แล้วหลายคืนที่เดินทาง พระองค์พักกับมัน”


    “ข้านอนในกระโจมเดียวกับองครักษ์ของข้า” คาลิโดร่าแก้ไขให้ถูกต้อง เห็นเค้ารางของพายุรำไร


    “ผู้ชายที่อยู่ใกล้พระองค์ เป็นข้าได้เพียงคนเดียว!”


    คาลิโดร่าถอนหายใจ นางไม่เคยรับมือกับความโกรธเกรี้ยวของเขามาก่อน จึงพยักหน้าให้องครักษ์ทั้งห้าออกไป แม้ไม่เห็นด้วย แต่ไม่อาจขัดรับสั่งของราชธิดาแห่งเคลาคัสได้


     
    ร่างบางหันไปเผชิญหน้ากับชายหนุ่ม ดวงตาของเขายังมีเปลวเพลิงแห่งความโกรธอยู่


    “ถ้าข้าไม่นอนกับองครักษ์ จะให้ข้าไปนอนกับพวกทาสหรือไง”


    “พระองค์นอนกับข้าได้”


    นางทนไม่ไหวจริงๆ จึงหยิกเข้าที่สีข้างของเขา ชายหนุ่มร้องโอยขึ้นมาทันที เล็บของนางคมอย่าบอกใครเชียว


    “ตอนนั้นข้ายังอยากจะกำจัดเจ้าอยู่แล้ว จะให้ไปนอนกระโจมเดียวกัน ข้าคงเชือดคอเจ้ากลางดึก”


    “มิเช่นนั้นพระองค์จะจัดการข้ายังไงไม่ทราบ” นาธานเนลฉวยโอกาสที่อีกฝ่ายเข้ามาใกล้ รวบเอวบางกักเก็บไว้ในอ้อมกอด นางเอนซบอย่างไม่เกี่ยงงอน


    “จัดการเจ้าน่ะง่าย แค่วางยาในอาหารก็เท่านั้น เจ้าก็จะหลับไปตลอดกาล..” นางเอ่ยเสียงใส ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ


    “ข้ารู้ ข้าไม่เคยไว้ใจใครเลย เพราะรู้ว่างานนี้ต้องมีคนคิดกำจัดข้าแน่ จึงได้ตรวจสอบอาหารทุกครั้ง ตรวจสอบทิศทางการเดินว่าไม่วกวน แม้ตอนนอน ดาบก็ไม่เคยห่างกาย แต่ไม่นึกไม่ฝัน..” ชายหนุ่มเชยคางของนางขึ้นมา “พระองค์จะเสด็จฯ มาเองเช่นนี้ นับว่าเป็นโชคของข้าแล้ว”


    “เชอะ” นางสะบัดหน้าหนี ถ้านางไม่มาด้วยจนสถานการณ์พลิกกลับเช่นนี้ เขาตรงหน้าคงเหลือแต่ชื่อจริงๆ


    “เมื่อครู่ ข้าคุยกับพวกทหารมาถึงเส้นทางที่ตามหาเรา พวกนั้นว่าเดินวนมาหลายวันแล้ว แต่ไม่เจอวิหารที่พวกเราพบ ทั้งที่วนเวียนอยู่บริเวณนี้มาตลอด”


    “งั้น..ก็หมายความว่า..”


    “วิหารศักดิ์สิทธิ์ซ่อนตัวในป่าลึก และยากต่อการพบเห็น เรามีวาสนานัก คาลิร์..”


    ร่างบางบนตักของชายหนุ่มหลับตาลง ใช่..นางมีวาสนาที่ได้พานพบความศักดิ์สิทธิ์ของเทพเจ้า และได้พบความรัก เฮ่อ..ต่อไปนี้นางต้องเชื่อถือเรื่องทวยเทพใช่ไหมนี่


    “ทรงพักผ่อนก่อนเถอะ เราต้องเดินทางกันอีกไกลนัก” นาธานเนลเอนร่างของหญิงสาวลงกับพื้นพรม มือใหญ่ลูบเส้นผมสีอ่อนของนาง แล้วยกมาจุมพิต “เจ้าหญิงแห่งข้า บรรทมเถิด ทาสของพระองค์จะปกป้องให้พ้นจากโพยภัยเอง” ว่าแล้วเสียงเพลงเห่กล่อมก็ดังขึ้นเบาๆ ราวกับเสียงเสนาะของไนติงเกลล์ เสียงนั้นกระซิบข้างหูอย่างอ่อนโยนให้นางเคลิบเคลิ้ม ก่อนจะเข้าห้วงนิทรารมย์


     
    .....................................................
     



    หลังจากที่บุกบั่นอยู่ในป่าไร้นามมาหลายคืน คืนนี้จะเป็นคืนสุดท้ายที่พวกเขาอยู่ในอาณาเขตของป่าไร้นาม เพราะพรุ่งนี้เย็น พวกเขาเชื่อว่าสามารถออกจากป่าได้อย่างแน่นอน การเดินทางกำลังจะสิ้นสุดลง ทหารหายสาบสูญไปจำนวนหนึ่งและถูกสัตว์ร้ายฆ่าอีกจำนวน นับว่าเป็นความสูญเสียไม่มาก ถ้าเทียบกับความรู้สึกของเหล่าทหารตอนแรกที่ย่างเข้าสถานที่แห่งนี้


    พวกเขาเชื่อว่าจะไม่มีวันได้กลับออกไป


    คาลิโดร่าจำนนต่อการนอนกระโจมเดียวกับนาธานเนล เนื่องจากเขาไม่ยอมให้มีความเห็นเป็นอื่น นางเคยชินกับการออกคำสั่งและถูกเอาใจ แต่ว่า..นานครั้ง ตามใจคนอื่นบ้างจะเป็นไร หญิงสาวยักไหล่ โดยเฉพาะคนอื่นที่ว่าคือสามีที่จะอยู่ร่วมไปจนวันตาย


    นางพรางตัวกลับไปเป็นเด็กรับใช้อีกครั้ง เจ้าหญิงคาลิโดร่าเสด็จฯ ร่วมขบวนเนื่องจากเป็นห่วงพระสวามีจึงเป็นเรื่องที่รู้กันในหมู่ทหารที่ติดตามมาจนถึงวิหารเท่านั้น และห้ามแพ่งพรายออกไป


    คืนนี้ฟ้าไร้ดารา เหล่าสัตว์น้อยใหญ่หลับใหล สัตว์ร้ายออกหากินไกลออกไป รอบที่พักปราศจากเสียงแม้แต่แมลงสักตัว ราวกับคืนนี้สรรพสัตว์ล้วนถอยห่าง หาก..ไม่ใช่กระรอกตัวนี้ ดวงตาของมันเปล่งแสงสีเขียวในความมืด



     
    ชายหนุ่มลูบศีรษะของร่างบางแผ่วเบาอย่างไม่ต้องการให้นางตื่น นางหลับสนิทในแต่ละวันที่การเดินทางจบลงด้วยความเหน็ดเหนื่อย ตอนเช้าเดินเท้าไปกับเหล่าทหารองครักษ์ ตอนเย็นกลับมานอนกระโจมเดียวกับเขา แค่เห็นนางหลับใหลอย่างมีความสุข ได้แค่นี้ เขาก็ดีใจแล้ว


    พลันอะไรบางอย่างก็ดึงดูดสายตาของเขา กระรอกตัวน้อยวิ่งเข้ามาในกระโจม ชายหนุ่มมองอย่างแปลกใจ เพราะรู้ว่าหน้ากระโจมมีองครักษ์ผลัดเปลี่ยนกันมาเฝ้ายามตลอดทั้งคืน เชื่อว่า ถ้าเจ้าหญิงส่งเสียงร้องเพียงนิดเดียว พวกนั้นคงเข้ามาเอาชีวิตเขาแน่ แล้วยามมัวทำอะไรอยู่ ถึงปล่อยให้กระรอกเข้ามาได้


    นาธานเนลลุกขึ้นยืน เดินเข้ามาใกล้ มีอะไรบางอย่างผิดปกติไป กระรอกตัวนั้นหายไปจากสายตาทั้งที่เขาจดจ้องมันอยู่ ความเย็นวาบแล่นที่กลางหลัง เมื่อหันกลับไป หญิงสาวที่กำลังหลับใหลก็เหมือนตกอยู่ในอ้อมกอดของใครบางคน เมื่อคนนั้นชะโงกหน้ามองนาง มือทั้งสองราวจะโอบกอดนางไว้


    ‘สมแล้วที่ได้ชื่อว่าสาวงามแห่งเคลาคัส’ เสียงหวานที่เขาไม่มีวันลืมได้ เอ่ยขึ้นโดยที่ใบหน้าอยู่ห่างจากคาลิโดร่าเพียงเล็กน้อย ปลายนิ้วเรียวแหลมลูบไล้ใบหน้าของนางช้าๆ หากก็ทำให้นาธานเนลกลัวว่าถ้ากดลึกกว่านี้สักหน่อย คงเรียกเลือดได้เป็นแน่ ‘นางผู้นี้น่ะเหรอที่เจ้าต้องการ’


                    “ขอรับ นางผู้นี้ และเพียงผู้เดียว”


                    ‘เจ้ามักน้อยนัก คนศรัทธา ทั้งที่เจ้าสามารถได้มากกว่านี้แท้ๆ’


                    “ไดรแอดเข้าใจผิดแล้ว ข้านั้นโลภนัก หมายปองดอกฟ้าจนต้องโน้มกิ่งลงมาเพื่อให้เป็นของตนเองเสีย” นาธานเนลลังเลก่อนจะเอ่ยต่อ “เพื่อให้ได้นางผู้นี้ ข้าไม่เลือกวิธีการด้วยซ้ำ”


    เขานึกถึงน้ำกรดที่รดลงไปบนเครื่องพันธนาการแห่งนาง อาจจะเป็นกลโกงไปบ้าง แต่เขาทำได้ทุกอย่างเพื่อให้ได้นางมาครอบครอง


    ฉับพลัน เขารู้สึกว่ามีอีกร่างหนึ่งปรากฏอยู่ไม่ห่าง นั่งเล่นบนพื้นพรมราวกับทำเป็นปกติ ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ และ..อีกร่าง อยู่มุมกระโจมหยิบจับดาบเหมือนเป็นของเล่นที่น่าสนใจ ชายหนุ่มไม่รู้เลยว่าคืนนี้ กระโจมไร้ค่าจะมีโอกาสต้อนรับนางไม้ถึงกี่ตนกันแน่


    ‘จะไม่ลากันหน่อยหรือ..’ ไดรแอดที่ค่อยๆ ประคองศีรษะของคาลิโดร่าให้นอนหนุนหมอนอย่างเป็นสุขเอ่ยขึ้น ‘ขอบใจที่ไม่ลืมมาลัย’


    ร่างสูงผงกหัวรับ เมื่อตอนเดินทางกลับ ไม่กี่วันก่อน เขาพบทุ่งดอกไม้จึงขอแวะพักทำมาลัยที่งดงามแขวนไว้บนต้นไม้เพื่อคารวะแด่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เขาเจอกับตนเองแล้ว


    ‘สวยสมราคาคุย’ นางไม้อีกตนเอื้อนเอ่ย เสียงของพวกนางแยกได้ยากว่าเป็นสิ่งของอีกตน หากเขาก็สัมผัสได้ว่าเป็นของผู้ใด ‘ไม่เปลี่ยนใจอยู่ที่นี่หรือไง’


    นาธานเนลมองไปที่ร่างบางซึ่งยังหลับไม่รู้เรื่อง ดวงตาคมทอประกายอ่อนโยนที่ทำให้เหล่านางไม้ถอนหายใจออกมา ร่างนางหนึ่งผุดขึ้นมาอยู่ตรงหน้าเขาราวกับควันไฟ


    ‘เรามาลา และ..มาเตือน’ เสียงของนางก้องกังวาน แต่ไม่มีทหารคนใดก้าวล่วงเข้ามาในกระโจม ‘ป่าแห่งนี้คือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เราเห็นแก่การขอขมาของเจ้า แต่..จะไม่มีครั้งต่อไป อย่ากลับมาที่นี่อีก มิเช่นนั้น เจ้าจะไม่มีวันได้กลับออกไป เรา..ไม่เคยปราณีผู้ใด’ นางเอ่ยชัดเจนทุกถ้อยคำ ดวงตาสีเขียวเรืองรอง บางครั้งก็แลอ่อนโยน หากบางครั้งก็น่าหวาดหวั่นจนไม่ปรารถนาจะลองดี


    นาธานเนลพยักหน้ารับ


    ‘อืม ข้าอยากรู้เสียจริง’ ไดรแอดเคาะนิ้วเรียวยาวกับบ่าของชายหนุ่ม ขณะที่ใบหน้าหันมองคาลิโดร่า ‘คนศรัทธา เจ้าทำทุกสิ่งเพื่อนางแล้ว นางผู้นั้นทำอะไรเพื่อเจ้าได้บ้าง’


    นางไม้ตนอื่นหัวเราะออกมา ทำให้ตนที่อยู่ตรงหน้าร่างสูงแย้มยิ้มมากขึ้น


    ‘เจ้าจะว่าอย่างไร ถ้าข้าลักพาตัวเจ้า..ไปจากนาง’


    พูดจบ เขาก็รู้สึกมึนหัวทันที หากแล้วภาพตรงหน้าที่เลือนรางก็กลับมาเด่นชัดอีกครั้ง ในเวลาแค่ชั่วพริบตา เหล่านางไม้หายไปแล้ว จางหายไปเหมือนภาพลวงตาที่ไม่ได้เกิดขึ้นจริง เขาสงสัยว่าอีก 10 ปีต่อมา เขายังจะเชื่อถือตนเองหรือไม่ว่าเคยประสบสิ่งใด เมื่อไม่มีหลักฐานและไม่มีคนรู้เห็น มีเพียงสมองเท่านั้นที่จดจำได้


    ชายหนุ่มสะบัดศีรษะ ก่อนหันไปมองทางหญิงสาว นางยังนอนหลับอยู่ที่เดิมไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าเมื่อครู่เกิดอะไรขึ้น แต่แล้วดวงตาของนางก็ลุกโพลง เขารีบก้าวเข้าไปหาอย่างรวดเร็วทันทีโดยไม่ต้องคิด


    “คาลิร์..เป็นอะไรไป เกิดอะไรขึ้น”


    ดวงตาของนางเลื่อนลอยอยู่ชั่วครู่ แล้วจึงกลับมาใสกระจ่างอีกครั้ง คาลิโดร่ามองที่ชายหนุ่ม ริมฝีปากบางเอ่ยถามแผ่วเบา


    “เจ้ากลับมาแล้วเหรอ”


    นาธานเนลมุ่นคิ้วทันที


    “ข้าอยู่ข้างกายพระองค์ตลอด ไม่ได้ไปไหนเลย”


    “ไม่จริง พวกนาง..บอกว่าเจ้าไป เจ้าจะหายไปในที่ที่ข้าไม่สามารถตามไปได้” คาลิโดร่ามองไปรอบๆ ตนเองยังอยู่ในกระโจมเช่นเดิมก่อนที่จะหลับไป ทำให้เกิดความลังเล “หรือ..ข้าฝัน..”


    หญิงสาวกอดร่างสูงไว้แน่นขึ้น คาลิโดร่าซุบใบหน้ากับอกของชายหนุ่ม ดึงเขาลงมานั่งบนพรมเคียงคู่กัน


    “ข้าฝันว่าเจ้าหายไป แต่ว่า..มันเหมือนจริงมาก เหมือนจนข้าได้กลิ่นของดิน กลิ่นของหญ้า และความหนาวเย็นของน้ำค้าง ข้าเห็นหญิงแสนสวยจำนวนมากสถิตอยู่ตามต้นไม้ นางหนึ่งบอกกับข้าว่า นางจะพาเจ้าไป พาเจ้าไปเก็บซ่อนไม่ให้ข้าตามหาได้ นางจะไม่ให้เราได้พบเจอกันอีก”


    “แล้วพระองค์ทำเช่นใด” นาธานเนลกลั้นใจรอคำตอบ เขาเองก็อยากรู้เช่นกัน นางจะรักเขาเหมือนที่เขารักนางบ้างไหม เพราะถ้าเป็นเขา เขาจะตามหา ให้สุดล้าฟ้าเขียว ดินแดนไกลโพ้น หรือถ้ำน้ำแข็งใต้พิภพ เขาจะตามหาจนกว่าจะพบเจอ


    “ทำอะไร? ต้องทำอะไรด้วยเหรอ”


    “โธ่..” ชายหนุ่มโอดครวญ “พระองค์จะปล่อยให้ข้าหายไปโดยไม่ทำอะไรเลยหรือ เราจะไม่ได้เจอกันอีกเชียวนะ”


    “มันเป็นแค่ฝัน อีกอย่าง ไม่ว่าเจ้าจะไปไหน เจ้าก็ต้องกลับมาหาข้าจนได้” นางเงยหน้าจากอกแกร่งให้ดวงตาประสานตา เขาเห็น..เห็นตนเองในแววตาคู่ที่งดงามที่สุดตรงหน้า “ข้าจะรอเจ้า รอเจ้าเพียงคนเดียวเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องทำอะไร เพราะข้ารู้ว่าเจ้าจะต้องกลับมาหาข้าแน่ ข้าเชื่อ..ในตัวเจ้า คนป่าของข้า”


    ร่างสูงจูบที่แก้มของนางอย่างอดใจไว้ไม่อยู่ ถ้าหากความรักคือการเชื่อใจซึ่งกันและกัน เขาก็มั่นใจว่านางตรงหน้ารักเขาเข้าแล้ว คาลิโดร่าลูบไล้แก้มของเขาช้าๆ ยามเขาประทับตราที่ริมฝีปากของนาง


    “เจ้าเป็นของข้าแล้ว ไม่มีสิทธิ์จากข้าไป ไม่ว่าที่ไหนทั้งนั้น”


    “รับบัญชา เจ้าหญิง..”


    เขาทอดกายนางลงกับพื้นพรม ประพรมจูบไปทั่วใบหน้า แล้วเอนร่างลงเคียงข้าง คาลิโดร่าซุกตัวเข้าหาไออุ่นอย่างคุ้นเคย ก่อนดวงตาจะหลับสนิทไปอีกครั้ง นาธานเนลถอนหายใจอย่างเป็นสุข


    ขอบคุณ ไดรแอด สำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง
     

    .........................................




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×