ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คาลิโดร่า..สาวงามแห่งเคลาคัส

    ลำดับตอนที่ #28 : (เกลียด?)แรกพบ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 735
      0
      7 พ.ย. 52





    ร่างบางเชิดหน้าขึ้น ขาก็พาร่างกายขึ้นจากน้ำ ไปหยุดอยู่ตรงหน้าเขาที่เหมือนจะลืมวิธีการหายใจไป มือเรียวคว้าเชือกผูกเอวไว้ได้ แต่มือใหญ่ก็คว้าเอวบางในทันที


    “ให้ข้าสวมมงกุฎให้พระองค์ได้หรือยัง”


    “เจ้าทำให้ข้าเกลียดเจ้านัก” เสียงเข้มของนางหมายความตามที่พูดจริงๆ นางไม่เคยถูกปั่นหัว ไม่คิดเลยว่าต้องมาหัวปั่นเพราะผู้ชายแปลกหน้าแบบนี้


    คอเสื้อลู่ลงจนเห็นเนินอกรำไร รอยแผลเป็นปรากฏขึ้นมาให้ชายหนุ่มก้มลงไปประทับริมฝีปากที่รอยแผลเป็นนั้นอย่างจาบจ้วง จุมพิตที่แทบให้เจ้าหญิงคาลิโดร่าหมดความอดทนกับการบังอาจครั้งแล้วครั้งเล่า


    “หยุดเดี๋ยวนี้นะ! ข้าสั่งให้หยุด! คนป่าเถื่อน!!” ฉับพลัน..เสียงของนางกลืนหายไปในลำคอ คนป่า..เถื่อน



     
    ‘อยู่ในป่าก็ต้องเป็นคนป่าสิ’


    ‘ถ้าเรียกคนที่อยู่ในป่าเป็นคนป่าทั้งหมด แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าใครเป็นใคร’ ถ้อยคำที่เถียงทำให้นางจนด้วยคำพูด แต่ก็ยังอยากจะเรียกคนป่าอยู่เช่นนั้น


    ‘ทำไมถึงต้องอยู่ในป่าด้วย ไปอยู่บ้านข้าไหม’


    ‘ข้าก็มีบ้านของตนเอง’


    ‘แต่รับรองว่าบ้านของข้าดีกว่าบ้านของเจ้าแน่’ คำตอบอย่างโอหังของเด็กที่อายุน้อยกว่าที่คิดเสมอว่า ‘ของ’ ที่ตนมีย่อมดีกว่าของคนอื่นอย่างแน่นอน


    ‘อืม’ เด็กชายแสร้งคิดตาม ‘ถ้าข้าไป ข้าจะได้ห้องนอนของตนเองไหม’


    ‘ได้สิ บ้านข้ามีห้องว่างตั้งหลายห้อง แต่ที่จริง.. นอนห้องข้าก็ได้..’



     
    น่าละอายที่สุด


    คาลิโดร่านิ่งไปในอ้อมกอดของคนจรที่นางเอ่ยเรียกเวลานี้ และในอดีตอย่างที่เขาบอกก็ไม่แตกต่างเท่าไรในเมื่อนางเรียกเขาว่าคนป่า..


    “คิดอะไรอยู่ เจ้าหญิง”


    จะให้นางบอกได้เช่นไรว่ากำลังคิดถึงตอนที่นางเชิญชวนเขาให้มานอนห้องเดียวกับนาง ความคิดของเด็กที่อยากมีคนนอนร่วมเตียงใหญ่ๆ แม้ว่าจะเป็นเพียงคนแปลกหน้าก็ตามที


    “ตอนที่เจ้าเจอข้าครั้งแรกเจ้าคิดว่าข้าเป็นยังไง” นางเอ่ยถามเสียงแผ่ว นาธานเนลครุ่นคิดเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ก่อนตอบ


    “เด็กไร้มารยาท.. อุ๊บ..” มือเรียวหยิกเข้าที่แผ่นหลังของเขาทันที “โธ่ เจ้าหญิง ก็ตอนนั้นพระองค์สวมชุดผู้ชาย จำได้ไหม แถมยังแก่นกล้าไม่กลัวอะไรอีก”


    คาลิโดร่านึกไปถึงตอนที่นางไร้มารยาทกับเขา.. อันที่จริงก็มีทุกตอนนั่นแหละ ก็ในเมื่อนางเป็นเจ้าหญิง จะต้องเกรงใจใครอีกล่ะ


    “ตอนนั้นพระองค์น่าจะอายุสัก..”


    “สิบสี่”


    ชายหนุ่มก้มลงจ้องตากับหญิงสาวในอ้อมแขน ดวงตาเขาเบิ่งกว้างเล็กน้อย แล้วริมฝีปากก็คลี่ยิ้มเมื่อรู้ว่านางเริ่มจำอะไรได้แล้ว


    “ใช่ เด็กไร้มารยาทสิบสี่ขวบแต่ภายนอกดูยังไงก็ไม่เกินสิบ พระองค์ลองนึกสิ ถ้าพระองค์เป็นคนอื่นที่ไม่รู้ฐานะ จะรู้สึกยังไงกับท่าทีจองหองแบบนั้น”


    คาลิโดร่าตวัดค้อนอีกครั้ง เมื่อเขาแอบว่านางว่าจองหอง คงจะจริง ก่อนที่นางจะเรียกรู้จักการวางตัวให้ถูกต้องสง่างาม สมัยเด็กนางคงแสดงท่าทางจองหองพอตัว เมื่อถูกตามใจจากทุกๆคน แม้ตอนนี้ก็ยังไม่เปลี่ยนไปนัก แค่เก็บไว้ภายในไม่ได้แสดงให้คนภายนอกเห็นเท่านั้น



     
    ‘เจ้าเป็นใคร’ ร่างเล็กอยู่บนหลังม้าจ้องมองเด็กหนุ่มที่ขวางทางอยู่ ถ้านางไม่หยุดม้า เขาก็คงบาดเจ็บหนักไปแล้ว


    ‘แล้วเจ้าล่ะเป็นใคร’ เด็กหนุ่มคนนั้นตอบกลับ คาลิโดร่าหยุดชะงักกับท่าทางที่ไม่มียอมลงให้ เด็กสาวเริ่มพิจารณาคนตรงหน้ามากขึ้น หากริมฝีปากเรียวเอ่ยถาม


    ‘ที่นี่ที่ไหน’


    ‘มาถึงที่นี่ได้ก็ต้องรู้สิว่าที่ไหน’


    เด็กสาวเม้มริมฝีปาก เด็กหนุ่มตรงหน้าเห็นได้ชัดว่ากำลังรวนนาง


    ‘มาทางไหนก็กลับไปทางนั้น’


    ใบหน้านั้นบึ้งตึงอย่างเห็นได้ชัด คาลิโดร่าขยับตัวลงจากหลังม้า เดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าชายหนุ่มแล้วเท้าสะเอวอย่างเอาเรื่อง มือเล็กเอื้อมไปชี้หน้าอกอีกฝ่าย


    ‘คนแปลกหน้า ข้าไปทำความเดือดร้อนอะไรให้เจ้ากัน!’


    คนถูกถามก้าวถอยหลังเล็กน้อยกับการกระทำที่ตรงไปตรงมา เขาจ้องมองสาวน้อย(ในคราบเด็กหนุ่ม)วัยละอ่อนที่ดูยังไงก็ยโสโอหังไม่หาย


    ‘เจ้าทำให้สัตว์ที่ข้าดักรอตกใจจนหนีหายไปหมด’ เสียงและใบหน้าของเขากลับมาบึ้งตึงอีกครั้งเมื่อตั้งสติได้ ‘ข้ามาดักอยู่ที่นี่เป็นวัน แต่เสียงฝีเท้าของม้าเจ้าทำให้เวลาทั้งวันของข้าสูญเปล่า’


    คาลิโดร่ามองไปอีกทาง เห็นร่องรอยของการวางกับดักซ่อนอยู่ เด็กสาวเม้มริมฝีปาก รู้ตัวว่าทำผิดพลาดไป แต่ปากนั้นก็หนักเอ่ยกว่าจะเอ่ยคำง่ายๆอย่างเช่น..ขอโทษ เมื่อความโกรธเกรี้ยวของอีกฝ่ายดุจเป็นกำแพงไม่ยอมรับคำขอโทษใดๆทั้งสิ้น


    ‘ข้าซื้อให้เจ้าใหม่ก็ได้ อยากได้อะไร จะเอากี่ตัว’


    น้ำเสียงและท่าทางทำให้นาธานเนลมั่นใจ ไอ้เด็กตรงหน้าเขาคงเป็นลูกผู้ดีมีตระกูล ที่เห็นได้ชัดคงจะเป็นม้าพันธุ์ดีและการแต่งกายที่ไม่น่าจะใช่แค่ชาวบ้านทั่วไป แถมด้วยคำพูดคำจาเกินเด็กจนน่าจับฟาดแบบนี้ ถ้าไม่ถูกตามใจจนเสียคน ก็ต้องเรียกว่าพ่อแม่ไม่สั่งสอน!


    ‘ข้ามีปัญญาจัดการเองได้ ไม่จำเป็นต้องไปแบมือขอใครกิน’


    คำปฏิเสธเสียงแข็งของเขาทำให้เจ้าหญิงน้อยฉุนขึ้นมาเช่นกัน เมื่อไม่เคยมีใครกล้าปฏิเสธสิ่งที่นางจะประทานให้ มีแต่ดีใจล่ะไม่ว่า


    ‘แล้วเจ้าจะเอายังไง’


    ‘บอกแล้ว มาทางไปก็กลับไปทางนั้น’


    ‘ก็ข้าจะผ่านทางนี้’ ที่จริงไม่จำเป็นต้องผ่านทางก็ได้ แต่ทิฐิทำให้ความดื้อดึงที่มีมากล้นในตัวเอ่ยออกไป แล้วดวงตาอีกฝ่ายก็ลุกวาบขึ้นมาอย่างมีโทสะเช่นกัน


    ‘ข้าบอกว่าไม่ให้ผ่าน’ เด็กหนุ่มวัยคะนองเอ่ยตอบกลับไป ถ้าพูดกันไม่รู้เรื่องเขาก็อยากจะวางมวยกับไอ้เด็กตรงหน้าที่ดูเหมือนจะไม่เคยกลัวอะไรเลยนัก เสียแต่ว่าตัวเล็กเกินไปหน่อย ต่อยทีไม่รู้ว่าซี่โครงจะหักกี่ท่อน 


    ‘เจ้าไม่ใช่เจ้าของป่านี้’ คาลิโดร่าแย้งเหมือนรู้ดี เพราะถูกสอนเสมอว่าพื้นที่ทุกแห่งในเคลาคัสเป็นของนาง (โคไซนอสแค่ต้องการสอนให้รักบ้านเมืองตนเองเท่านั้น) 


    ‘ใช่ ไม่ใช่ เจ้าก็ห้ามผ่านทางนี้ทั้งนั้น ไปทางอื่น ไป๊!’


    นางไม่เคยถูกกระทำอย่างหยาบคายเช่นนี้มาก่อน ร่างบางจึงหันกลับไป กระโดดขึ้นหลังม้าอย่างคล่องแคล่ว ดึงบังเหียนบังคับอาญาให้เบนหัวเล็กน้อย แล้วกระตุกให้มันออกวิ่งในทันที 


    ในเมื่อพูดจาไม่รู้เรื่องก็ต้องทำแบบนี้แหละ!


    นาธานเนลรู้ว่านางตั้งใจจะฝ่าเข้าไปให้ได้ ร่างสูงรอจังหวะที่ม้าของนางจะสวนผ่าน ขึ้นไปบนก้อนหินใหญ่แล้วกระโจนตะครุบร่างเล็กให้ตกจากหลังม้าด้วยกันทั้งคู่ ทั้งร่างสองจึงกลิ้งไปตามพื้นหญ้า ครั้นแล้วนาธานเนลก็ผงกศีรษะขึ้นมาเมื่อหยุดตัวเองได้


    ‘เจ้าไม่มีสิทธิ์ทำอะไรตามใจชอบที่นี่!’


    คาลิโดร่าเงยหน้าขึ้น ผมเผ้าจากที่รวบเก็บไว้อย่างดี ก็กระจายออกมา ใบไม้ตามพื้นติดเส้นผมและเสื้อผ้ายิ่งทำให้นางมอมแมมมากขึ้น หากดวงตายังทอประกายอารมณ์ขุ่นมัวรุนแรง


    ‘เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงทำกับข้าแบบนี้! ถ้าข้าเป็นอะไรขึ้นมากี่ชีวิตของเจ้าก็ชดใช้ไม่พอหรอกนะ!!’


    คนฟังยิ่งบันดาลโทสะมากขึ้น หากก่อนที่จะตัดสินใจทำอะไรลงไป ร่างเล็กก็ดิ้นรน เมื่อไม่ได้อิสระดังใจ การต่อสู้ที่เคยถูกสอนมาก็เริ่มต้นที่ขาข้างหนึ่งทันที


    อุ๊บ! นาธานเนลจุกที่ท้องเมื่อถูกถีบเข้าเต็มรัก เขาประมาทเพราะเห็นว่าเป็นเด็ก ร่างนั้นได้โอกาสสะบัดให้คนโตกว่าพ้นตัว แล้วยืนขึ้น เหลียวมองหาม้าที่เตลิดไปไกล ผิวปากเรียกก็แล้วหลายครั้ง แต่ไม่มีวี่แว่วเสียงฝีเท้าม้าเลยสักนิด


    คนนอนแนบหน้าอยู่กับพื้นหญ้ากระตุกยิ้ม ความเจ็บเริ่มจางหาย แล้วลุกขึ้นนั่งยิ้มเยาะ


    ‘หึ ป่านนี้คงวิ่งไปไหนถึงไหนแล้วมั้ง เสียงผิวปากเบาเหมือนคนไม่ได้กินข้าวอย่างเจ้า ผิวให้ตายม้าก็ไม่ได้ยินหรอก’


    คาลิโดร่าอยากจะกระทืบเท้าด้วยความขัดใจ นางขี่ม้ามาทางนี้คนเดียว โดยไม่ได้บอกใคร แถมยังจะ..... เด็กสาวสะบัดความรู้สึกกลัวออกไป ไม่เอาน่าเดี๋ยวก็มีทางออกเองนั่นแหละ


    ‘เป็นเพราะเจ้าคนเดียว!’ นางหาที่ลงจนได้ ‘ถ้าเจ้าไม่ทำแบบนั้น มีหรือที่ข้าจะตกม้าได้’


    ‘เป็นเพราะข้าหรือเพราะใครกันแน่ บอกว่าไม่ให้ผ่านก็ไม่เชื่อ แล้วสุดท้ายเป็นไง ดื้อดึงจนเกิดเรื่อง สมน้ำหน้า’


    เด็กสาวเม้มริมฝีปากแน่น หน้าแดงขึ้นมา ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยพบเคยเจอ คนที่หยาบคายกับนางเช่นนี้มาก่อน หลายคนถ้าไม่ไว้เกียรตินางอย่างสูง ก็ปฏิบัติด้วยความสุภาพอ่อนน้อม ไม่เคยเลยที่จะทำให้นางตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ ดวงตาแดงระเรื่อ แต่ฝืนเชิดหน้าไม่ยอมให้หยดน้ำหลั่งริน เป็นครั้งแรกที่เจ้าหญิงน้อยเรียนรู้ที่จะเก็บอารมณ์พ่ายแพ้ไว้ในใจ หลายปีต่อมาถึงรู้..เมื่อมีครั้งแรก ครั้งต่อไปก็ง่ายดายนักที่จะกักเก็บความอ่อนแอไว้ภายใน มิให้ผู้ใดล่วงรู้


    ความอ่อนแอ ที่เจ้าหญิงผู้หยิ่งในศักดิ์ศรีเช่นพระองค์ไม่ควรมี



     
    เห็นดวงตากลมแดงระเรื่อแบบนั้นแล้วคนอยู่แต่กับป่าก็ถอนหายใจ แล้วลุกขึ้นดึงข้อมือคนตัวเล็กให้เดินตาม


    ‘จะไปไหน’ นางใช้เรี่ยวแรงที่มี จิกปลายเท้ากับพื้น แต่สู้แรงคนโตกว่าไม่ได้เลย ต่อให้นางล้มลงไป เขาก็คงพยายามลากไปให้ได้นั่นแหละ


    ‘จะพาไปดูอะไร ตามมาเถอะน่า’


    นาธาเนลเดินนำไปทางป่าด้านในที่คาลิโดร่าจะฝ่าเข้าไป พุ่มไม้รกทึบ มีรอยม้าเป็นทางให้ตามง่าย เดินได้ครู่หนึ่งไม่ใกล้นัก แต่ถ้าขี่มาก็ไม่ไกลเลย รอยเท้าม้ากลายเป็นรอยลึกเหมือนพยายามหยุดตัวมันเองจากการเตลิดตกใจ เด็กหนุ่มแหวกพุ่มไม้ที่หนากว่าปกติออก เผยให้เห็นทางลาดชันไม่ต่างจากหน้าผาเท่าไร ความสูงของมันทำให้คนที่ตามหลังกลืนลมหายใจ


    ถ้านางขี่ม้ามาทางนี้ตามความดื้อดึงของตนเองล่ะก็..




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×