ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คาลิโดร่า..สาวงามแห่งเคลาคัส

    ลำดับตอนที่ #29 : คนป่า?

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 689
      1
      28 พ.ย. 52






    ‘เห็นผลของมันหรือยัง’ เขาเอ่ยขึ้นราวกับรู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไร ‘ถ้าเจ้านั่งอยู่บนหลังม้า คอยบังคับมันให้ไปตามที่เจ้าต้องการ คิดหรือว่าม้าจะหยุดตัวเองได้’


    ‘ก็แล้วทำไมเจ้าไม่บอกดีๆล่ะ’ นางไพล่เป็นความผิดอีกฝ่ายเสียงั้น คิดเอาเองว่าถ้าเขาบอกซะหน่อย นางก็คงไม่ทำแบบนั้นหรอก


    ‘หึ ใครจะอยากบอก ไอ้เด็กบ้า’ 


    ‘ใครอนุญาตให้เรียกข้าแบบนั้น คนป่า!’ คาลิโดร่าเถียงกลับทันที อารมณ์หวาดกลัวแปรเปลี่ยนเป็นขุ่นมัวอีกครั้ง ‘ชื่อของข้าคือคาลิร์ ข้าให้เจ้าเรียกได้แต่ชื่อนี้เท่านั้น’ เจ้าหญิงน้อยเอ่ยสั่งตามความเคยชิน พี่สาวมักจะเรียกนางเช่นนี้ และพระองค์ก็โปรดชื่อนี้เช่นกัน


    ‘ข้าจะเรียกเจ้า ไอ้เด็กบ้า มีปัญหาอะไร ทีนี้เจ้าก็กลับออกไปได้แล้ว หรือจะเดินตามหาม้า แต่ข้าไม่รับรองนะว่าในป่าจะไม่มีอันตราย’


    ‘ก็ถ้ามันอันตรายทำไมเจ้าถึงอยู่ได้ล่ะ’ เจ้าหญิงแย้ง แน่นอนตอนแรกพระองค์ตั้งใจจะตามรอยเท้าม้าไป พื้นบางส่วนเป็นดินอ่อนๆ พอมองเห็นรอยเท้าอยู่บ้าง แต่เมื่อเขาทักถึงอันตราย พระองค์ก็ทราบดีว่าในป่าอันตรายเพียงใด เมื่อเสด็จพ่อมักจะขู่บ่อยๆว่าห้ามไปไหนไกลเกินว่าสายตาขององครักษ์


    ‘ข้าอยู่ของข้าที่นี่ ชายป่าแบบนี้สัตว์ร้ายไม่มาเพ่นพ่านหรอก แต่ถ้าเจ้าเข้าไปลึกกว่านั้นก็ไม่แน่นะ ใช่..ไม่แน่ว่าม้าของเจ้า อาจจะถูกเสือกินไปแล้วก็ได้’


    ใบหน้าขาวซีดเผือกลง


    ‘ไม่ได้นะ! นั่นม้าตัวโปรดของข้า ข้าฝึกกับมันมาตั้งสี่ปี..’ เด็กสาวส่งเสียงคล้ายจะกล่าวหาว่าอีกฝ่ายเป็นคนทำให้ม้าของนางถูกกิน ของรักของนาง มีเครื่องประดับที่โปรดปรานมากมายตามแบบฉบับของอิสตรีชั้นสูง และที่โปรดไม่ต่างจากกันคือธนูกับอาชา โดยเฉพาะม้าตัวนั้น ตัวที่นางเห็นครั้งแรกก็ตกหลุมรักทันที ไม่ต่างจากมัน หลังจากที่เจอกันแล้ว มันไม่เคยยอมให้ใครขี่หลังอีกเลยนอกจากนาง ดวงตาของมันฉายแววใคร่รู้เวลาที่นางพูดคุย ยามนางเศร้า มันรับรู้และปลอบประโลม มันพานางไปทุกๆที่ที่อยากจะไป.. ดวงตาของสัตว์ที่แสนซื่อซึ่งนางไม่เคยคิดจะรักสัตว์ตัวไหนมากไปกว่าเพื่อนตัวนี้อีกแล้ว


    หยดน้ำเล็กๆกลิ้งออกมาจากดวงตา เมื่อเผลอคิดไปตามที่คนแปลกหน้าพูดประชด ถ้าการดื้อดึงของนางทำให้สูญเสียเพื่อนที่รู้ใจ นางจะทำใจได้เช่นไร


    ครั้นเห็นน้ำตา คนแปลกหน้าที่ว่าก็เริ่มทำอะไรไม่ถูก เขากับอาจารย์ที่เลี้ยงดูปลีกตัวมาอยู่ในป่าไพร นานครั้งที่จะมีคนแวะเวียนมาเยี่ยม นานครั้งที่เขาจะเข้าเมืองติดต่อซื้อขาย และก็น้อยครั้งนักที่จะเห็นน้ำตาของผู้ใด โดยเฉพาะเห็นใกล้ๆ เช่นนี้


    ‘ไม่เอาน่า เจ้าจะร้องทำไม เป็นผู้ชายเสียเปล่า เมื่อครู่ข้าแค่ล้อเล่น เดี๋ยวม้าเจ้าก็กลับมาเอง เจ้าว่าเป็นม้าฝึกใช่ไหม มันต้องกลับมาหาเจ้าของแน่’


    ว่าพลาง มือก็ซับน้ำตาให้อีกฝ่าย ใบหน้ามอมแมมไม่น่ารักเลยสักนิด กลับดูไร้เดียงสาจนเผลอคิดไปว่า ถ้าได้รับการอบรมเสียหน่อย เด็กไอ้บ้าคงโตเป็นหนุ่มน้อยที่มีแต่ผู้หญิงหลายคนปรารถนา


    ใช่..ปรารถนา แน่นอนที่สุด ปรารถนาในความงามที่ร่ำลือว่าแม้แต่เทพีแห่งความงามก็มิอาจเทียบ 


    ‘ข้าว่าเจ้ากลับไปหาพวกของเจ้าก่อนดีไหม’ เด็กหนุ่มเสนอแนะ ‘คงไม่ได้เข้าป่ามาคนเดียวใช่ไหม กลับไปหาพวกเขา แล้วก็ให้พวกเขาช่วยกันออกตามหา ถ้ามากันเยอะๆ ก็ไม่มีอันตรายมากหรอก’


    ‘ขะ ข้า..’ เมื่อคิดถึงตามที่อีกฝ่ายพูด น้ำตาก็ยิ่งหลั่งรินอย่างอับจนหนทาง คนปลอบยิ่งใจแป้ว ปลอบยังไงให้น้ำใสไหลมามากกว่าเดิม


    ‘มีอะไร บอกข้าสิ’


    ‘ก็..ข้า..’ คาลิโดร่ากลั้นสะอื้น ‘ข้าโกรธกับทาร์เธเมส เขาไม่ยอมตามใจข้า ข้าอยากขี่ม้าเล่นโดยไม่มีใครตาม มาได้แต่เขาเท่านั้น แต่เขาไม่ยอม ข้าก็เลย..แกล้งเขา หลอกให้เขาไปทางอื่นแล้วแอบขี่ม้ามาคนเดียว ละ..แล้ว แล้วข้าก็หาทางกลับไม่ถูก หลงมาถึงที่นี่’


    เด็กหนุ่มอยากจะเอามือตบหัว.. หัวของเขานะ ไม่ใช่หัวของเจ้าตัวเล็กที่ดีแต่หาเรื่องคนนี้ เพราะขืนตบลงไปจริงๆ มีหวังถ้าไม่ต้องทนฟังเสียงแหลม ก็คงต้องนั่งปลอบทั้งคืนแน่ เด็กตัวแค่นี้ขยันหาเรื่องจริงๆ


    ‘เจ้าหลงทาง’ เขาสรุปเอาใจความสั้นๆ แล้วอีกฝ่ายก็พยักหน้ารับ ‘เจ้าพอจะจำทางกลับได้ไหม’


    ‘ข้าพยายามหาทางกลับมาตั้งครึ่งชั่วยามแล้ว’


    ‘แล้วเจ้าคิดว่าตัวเองหลงมาไกลแค่ไหน’


    ‘คง..ไกลมาก’


    นาธานเนลถอนหายใจอย่างอับจนหนทาง เขาไม่สามารถใจแข็งกับเด็กที่ร้องไห้ไม่มีทางไปได้หรอก มือที่อีกไม่กี่ปีข้างหน้าจะขยายใหญ่จนสามารถปกป้องหญิงอันเป็นที่รักได้ยื่นออกไป กุมมือเล็กๆ แผ่วเบา แล้วเดินกลับไปทางบ้านไม้ของตนเอง เชื้อเชิญคนแปลกหน้าให้เข้ามาเป็นครั้งแรก




    ‘รกหน่อยนะ’ คำพูดราวปกป้องตนเองดังขึ้นก่อน ‘ข้ากับอาจารย์ไม่ค่อยได้ทำความสะอาดบ่อยนัก’ หรืออาจจะเรียกได้ว่านานทีปีหนเลยด้วยซ้ำ บ้านไม้แบ่งเป็นสองชั้น จากข้างล่างยืนบางมุมมองขึ้นไปเห็นชั้นสองได้ เชือกระโยงระยาง รู้ว่าถ้าคนข้างบนต้องการสิ่งใด คงให้คนข้างล่างใช้รอกเอาขึ้นไปให้โดยไม่ต้องเดินขึ้นลงเลยสักนิด พื้นที่ก็แบ่งเป็นสองส่วน คงเป็น..ส่วนพักผ่อนและส่วนทำงาน


    ส่วนพักผ่อนที่เจ้าหญิงน้อยก้าวเข้าไปอย่างเต็มใจ เพราะมีเก้าอี้ยาวน่านั่ง อีกส่วนที่พระองค์ไม่กล้าเหยียบย่าง เพราะกลัวว่าจะมี ‘งู’ อยู่ในนั้น


    มีโต๊ะหลายตัวตั้งอยู่ตามจุดต่างๆ และบนโต๊ะก็เต็มไปด้วยกองกระดาษ มากจนคาลิโดร่าเชื่อว่า ถ้าจะมีงูหรือแมงมุมหลงอยู่ในนั้นสักสองสามตัวก็คงไม่ใช่เรื่องยาก


    ‘อาจารย์ของเจ้าเป็นปราชญ์หรือ’ คาลิโดร่าเอ่ยถาม เพราะกระดาษแต่ละแผ่นบันทึกข้อความ ตัวเลขและรูปภาพที่ดูเข้าใจยากสำหรับเด็กในวัยอย่างพระองค์


    ‘ใช่ อาจารย์ข้าเป็นคนเมืองมิเลทัส ชอบเดินทางสะสมความรู้ไปเรื่อย คราวนี้ไปไกลถึงอียิปต์’ เด็กหนุ่มส่งเสียงคล้ายจะบ่นเสียมากกว่าที่ถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพัง ‘แล้วอย่ามารื้ออะไรเล่นนะ ถ้าปาปิรุสพวกนี้เป็นอะไรไป อาจารย์เอาข้าตายแน่’


    คาลิโดร่าแอบเบะริมฝีปาก


    ‘ใครจะอยากถูกงูฉกตายล่ะ’


    ‘เจ้าว่าอะไรนะ’ นาธานเนลหันกลับไปมอง พบว่าร่างเล็กไม่ตอบหากฉีกยิ้มมาให้ รอยยิ้มน้อยๆ ที่ทำให้เขารู้สึกว่าเด็กผู้ชายก็ยิ้มสวยได้เหมือนกัน ‘เจ้ารู้ไหม อย่าพยายามยิ้มแบบนี้บ่อยนัก เดี๋ยวพ่อค้าทาสมาเห็นเข้า เจ้าจะแย่เอา’


    ‘แล้วเจ้าเป็นพ่อค้าทาสเปล่าล่ะ’


    นาธานเนลหลุดหัวเราะแผ่วเบา


    ‘ไอ้ตัวเล็ก เจ้าเคยเงียบแล้วฟังที่ผู้ใหญ่พูด บ้างไหมเนี่ย’


    คนถูกกระทบมุ่นคิ้ว ก็แล้วมันผิดตรงไหน เสด็จพ่อชอบจะตายที่นางเข้าไปซักถามนู่นนี่ พระองค์ยังดำรัสเลยว่าเด็กที่พูดเยอะมักจะฉลาด


    คราวนี้ราวสายตาของเขาเริ่มมีปัญหาขึ้นมาเฉยๆ เมื่อครู่เห็นรอยยิ้มก็ว่าสวยแล้ว ตอนนี้คิ้วเรียวบางขมวดเป็นปมกลับให้รู้สึกงดงามยิ่งกว่า


    ‘ข้าว่าเจ้าคงเป็นอพอลโลแน่ๆ หนุ่มรูปงาม อนาคตถ้าผู้หญิงไม่ตีกันตายเพราะเจ้าก็คงจะดีสิ’


    คาลิโดร่าไม่ได้นึกถึงอนาคต แต่นึกถึงตอนนี้ พี่สาวของนางก็กำลังจะตีกันตาย ต่างแย่งจะเป็นลูกรักของแม่ และนางซึ่งเป็นลูกคนเล็ก ยังสวยที่สุดในหมู่พี่น้อง ย่อมได้เป็นลูกรักโดยไม่ต้องทำอะไรมาก เพราะไม่เคยต้องแย่งชิงกับใคร ถึงไม่รู้ว่าความรักที่แท้นั้น ยากลำบากเพียงใดกว่าจะได้ครอบครอง


    ‘หิวไหม’


    นางหิวก็ตอนที่เขาทักขึ้นมานี่แหละ พยักหน้าอย่างรวดเร็ว อาหารจึงถูกส่งมาให้


    ‘บอกก่อนนะว่าที่นี่ไม่มีของกินดีๆ เหมือนบ้านเจ้า’


    เนื้อคำแรกเข้าปาก คาลิโดร่าก็เห็นด้วยอย่างมาก


    ‘ไว้วันหลังลองไปทานอาหารบ้านข้าไหม ที่บ้านอาหารมีอาหารมากมายพอจะเลี้ยงดูเจ้าได้ คนป่า’


    ‘ข้าไม่ใช่คนป่า’ นาธานเนลเสียงแข็งขึ้นมาเล็กน้อย เมื่อครู่เขาเรียกนางว่าเด็กบ้า นางยังโกรธ แล้วดูสิ นี่เรียกเขาว่าอะไรเนี่ย รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นพวกหลังเขาอาศัยอยู่แต่ในป่า และไม่ใส่เสื้อผ้า ไร้อารยธรรมสิ้นดี..


    ‘อยู่ในป่าก็ต้องเป็นคนป่าสิ’ เด็กสาวเถียงอีกครั้ง ตระกรรกง่ายๆ ในหัว อยู่ในป่าถ้าไม่ใช่คนป่า แล้วจะเป็นอะไรได้


    ‘ถ้าเรียกคนที่อยู่ในป่าเป็นคนป่าทั้งหมด แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าใครเป็นใคร’ นาธานเนลเอ่ยต่อ นึกชอบใจที่ทำให้คนตัวเล็กจนด้วยคำพูดขึ้นมาได้บ้าง ร่างบางครุ่นคิดก่อนเอ่ยตอบ


    ‘งั้นทำไมถึงต้องอยู่ในป่าด้วย ไปอยู่บ้านข้าไหม’


    ‘ข้าก็มีบ้านของตนเอง’ เขาเท้าสะเอวอย่างเอาเรื่องให้เห็นว่านี่แหละบ้านที่เขาภูมิใจ บ้านไม้ที่ถูกสร้างขึ้น กลิ่นปาปิรุสที่คุ้นชิน บ้านหลังใดก็จะไม่มีวันเหมือนบ้านที่เขากับอาจารย์อยู่ด้วยกันมา


    ‘แต่รับรองว่าบ้านของข้าดีกว่าบ้านของเจ้าแน่’


    นาธานเนลกรอกตาขึ้นหลังคา เอาเถอะ จะไปเอาอะไรกับเด็ก เล่นไปด้วยก็แล้วกัน


     
    ‘อืม.. บ้านเจ้าคงสวยใช่ไหม? ใหญ่? มีของกินเพียบเลยสินะ แล้วถ้าข้าไป ข้าจะได้ห้องนอนของตนเองไหม’


    ‘ได้สิ’ คาลิโดร่าฉีกยิ้มกว้าง นึกดีใจที่จะได้เพื่อนใหม่ ‘บ้านข้ามีห้องว่างตั้งหลายห้อง แต่ที่จริง.. นอนห้องข้าก็ได้ กว้างสบาย แล้วก็มีคนดูแลเยอะแยะเลยล่ะ ข้าอยากให้ทาร์เธเมสมานอนกับข้า แต่เขาไม่ยอม เสด็จพ่อกับเสด็จแม่ก็ไม่ยอม’


    นาธานเนลพยักหน้ารับรู้อย่างไม่ติดใจอะไรนัก


    ‘อิ่มยัง จะได้ออกไปข้างนอก ลองตามทางเดิมของเจ้าดู เผื่อกลับไปได้’


    สายตาของคาลิโดร่าลิงโลดขึ้นมาทันที 


    ‘ไปสิ’





     
    หากราวกับสวรรค์กลั่นแกล้ง ทั้งที่หลายวันมานี้อากาศแจ่มใสไม่มีวี่แว่วของเค้าฝนเลยสักนิด แม้แต่วันนี้อากาศก็ยังอบอุ่น ทว่าตอนนี้ฝนกลับตกหนักอย่างไม่ลืมหูลืมตา เชื่อว่าคงชะล้างรอยกีบม้าออกไปจนหมดไม่มีเหลือ ฝนที่กระหน่ำไม่ต่างจากหยาดน้ำตาที่ไหลรินในใจของคนตั้งความหวังเอาไว้


    ‘เดี๋ยวก็คงหยุด’ เขาปลอบคนข้างๆ หากเชื่อว่าฝนครั้งนี้คงไม่หยุดง่ายๆ แน่


    ‘ถ้าพ่อรู้ ท่านเอาข้าตายแน่’ คาลิโดร่าเอ่ยเสียงแผ่ว หวังเพียงคนของนางจะช่วยปกปิดให้นานที่สุด แต่ถ้ารีบกลับตอนนี้ได้ก็คงดีไม่น้อย มิเช่นนั้นไม่ใช่แค่นางเท่านั้นที่จะถูกทำโทษ คนของนาง.. โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขา จะมีความผิดที่ปล่อยให้นางหนีออกมาตามลำพังแบบนี้ เดิมที ตั้งใจแกล้งแค่เดี๋ยวเดียวให้กระวนกระวาย แล้วก็จะกลับ ไม่คิดอยากให้คนอื่นต้องโทษเลยสักนิด


    ใบหน้าซึมเศร้าที่เขาไม่อยากจะเห็น ฉายแววกังวลชัดเจน ดวงตากลมใสคู่นั้น แม้ไม่มีน้ำตาเหมือนเมื่อครู่ แต่ก็ไม่สดชื่นเช่นกัน


    ‘เจ้าเคยเล่นน้ำฝนไหม’


    ‘หือ?’ คาลิโดร่าส่งเสียงสงสัย


    ‘ทำเสียงแบบนี้ ไม่เคยล่ะสิ มานี่’ มือใหญ่กว่าคว้ามือเล็กให้ออกจากกระท่อม ฝนเม็ดใหญ่กระทบตามส่วนต่างๆของร่างกาย เจ็บนิดๆ แล้วก็..หนาว แต่เหมือนความสนุกจะมากกว่า ให้วิ่งตามคนข้างหน้า พื้นดินเฉอะแฉะ เกือบลื่นก็หลายครั้ง มือเรียวปาดน้ำออกจากดวงตา เม็ดฝนที่ตกกระทบทำให้ไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน แต่กระนั้นก็ยังคงวิ่งไม่หยุด เสียงหัวเราะดังออกมาสมใจคนบางคน



     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×