ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คาลิโดร่า..สาวงามแห่งเคลาคัส

    ลำดับตอนที่ #24 : เอาตัวรอด

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 732
      0
      18 ส.ค. 52






     
    นาธานเนลเหมือนได้ยินเสียงนางไม้ดีดนิ้ว แล้วสายฝนเย็นจัดก็ปะทะใบหน้าเขาอีกครั้ง ลำตัวเปียกชุ่ม สายตาเขาก็เห็นแววตาของสัตว์ร้ายที่ยังอยู่ไม่ห่าง ไอร้อนจากด้านหลังให้หัวใจผ่อนคลายว่านางยังไม่เป็นอะไร..อย่างน้อยก็ในตอนนี้


    ดูเหมือนว่าเสือตัวใหญ่จะไม่ยอมรออีกต่อไป มันพุ่งเข้าหาจนทั้งสองต้องกระเด็นไปคนละทาง เหยื่อจากหนึ่งแยกเป็นสองทาง มันเลือกหันหน้าตามกลิ่นที่คิดว่าน่ากินที่สุด นาธานเนลชักมีดสั้นออกมาเมื่อมันเบี่ยงหัวไปทางเจ้าหญิง ชายหนุ่มกระโจนขึ้นขี่หลังเสือแล้วปักมีดสั้นลงที่คอของมันอย่างรวดเร็ว หากหนังที่ห่อหุ้มตัวมันก็หนาจนแทงได้ไม่ลึกอย่างที่ใจคิด สัตว์ร้ายร้องคำรามก่อนจะสะบัดคนที่อยู่บนหลังให้ไปกระแทกต้นไม้อย่างแรง เลือดไหลทะลักออกจากปาก กลิ่นคาวเลือดทั้งจากตัวมันและมนุษย์กระตุ้นให้แววตาของมันเหี้ยมขึ้น เจ้าตัวร้ายคำรามอีกครั้ง แล้วพุ่งเข้ามาหาร่างที่นอนอยู่


    คาลิโดร่าลุกขึ้นยืนเมื่อเสือโคร่งเปลี่ยนทิศทางไปสู่ผู้ทำร้ายมัน เขากำลังแย่ เสือตัวนั้นคร่อมเขาอยู่ มือทั้งสองข้างทำได้เพียงกันปากที่เต็มไปด้วยคมเขี้ยวให้อยู่ห่าง แต่ไม่สามารถกันอุ้งเท้าของมันซึ่งขย้ำเข้าที่หัวไหล่ได้ นางได้ยินเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด


    ธนู.. ขอแค่มีธนู หญิงสาวร้อนรน อยากช่วยเหลือ แต่ตัวนางที่ไร้อาวุธจะช่วยอะไรได้ ขณะนี้ปรารถนานัก ให้อาร์เทมิสปรากฎกายอยู่ตรงหน้า แล้วมอบธนูให้ เพียงดอกเดียวก็ยังดี นางจะกำราบสัตว์ร้ายได้แน่ หรือไม่ อาวุธอะไรก็ได้ จะดาบยาว มีดสั้น..เหมือนของเขา


    เมื่อฉุกคิดขึ้นมาได้ ร่างบางมองหามีดสั้นที่กระเด็นหลุดไปทันที นางเห็นมันตกอยู่ไม่ไกล จึงรีบวิ่งเข้าไปหยิบ ครั้นเงยหน้าขึ้น กลับมีลูกธนูพุ่งผ่านเฉียดใบหน้าไปอย่างแรง


    ฉึก! ลูกธนูดอกหนึ่งปักเข้าไปที่สีข้างของเสือโคร่ง ทำให้มันคำรามอีกครั้ง แล้วถอยห่างร่างที่เกือบจะหมดแรง นาธานเนลหันมองทิศทางของธนู แต่กลับไม่มีใครปรากฏกายเลยแม้แต่คนเดียว เขาขยับถอยห่างไปทางหญิงสาว เวลาผ่านไปเล็กน้อย เจ้าของธนูดอกนั้นก็ยังไม่แสดงตัว และไม่ยิงมาอีก คล้ายความช่วยเหลือที่จะมีเพียงครั้งเดียว เหมือนเสือจะรู้ได้ สายตาของมันจึงไม่ละจากเหยื่อ


    นาธานเนลบีบมือเจ้าหญิงไว้แน่น แล้วดึงให้วิ่งตามทันที พื้นเจิ่งนองด้วยน้ำฝนจนเกือบล้มหลายครั้ง บาดแผลที่หัวไหล่เจ็บแปลบจนแทบจะขาดใจ หากเขาไม่สามารถล้มลงตรงนี้ได้ เรี่ยวแรงที่มีทั้งหมดถูกเค้นออกมา พยายามฉุดรั้งร่างบางให้วิ่งไปให้ไกลที่สุด จนกระทั่งได้ยินเสียงน้ำไหล


    “ระวัง!” คาลิโดร่าดึงชายหนุ่มไว้ก่อนที่จะหล่นลงไปในกระแสน้ำที่ดูจะเชี่ยวพอสมควร ด้านหลัง เสือตัวเดิมที่มีบาดแผลทำให้วิ่งได้ช้าลง แต่ก็วิ่งตามมาทัน ค่อยๆเดินเข้ามาคล้ายจะต้อนให้ไร้ทางออก นาธานเนลเหน็บมีดสั้นเก็บ แล้วกอดเอวหญิงสาวไว้แน่น


    “ปล่อยให้เทพเจ้าเป็นผู้กำหนดชะตาเถอะ”


    สิ้นคำพูดของเขา แรงมหาศาลก็ดึงนางเอนถอยหลังให้ตกไปในกระแสน้ำทันที มือซึ่งรัดที่เอวดุจโซ่ตรวน น้ำจะพัดแรงเพียงใด หากก็ไม่คลายสักนิด เสียงสุดท้ายที่ได้ยิน คือเสียงเสือคำรามกึกก้องด้วยความเจ็บปวดก่อนที่เสียงน้ำจะกลบทุกสิ่ง แม้กระทั่งสติของนางให้ดำดิ่ง


    ไม่! คาลิโดร่าบอกกับตนเอง พวกนางอยู่กลางธารน้ำที่ไหลเชี่ยว หากหมดสติตอนนี้ อาจไม่ได้ฟื้นอีกเลยก็ได้ ขาจึงถีบน้ำอย่างแรงจนศีรษะโผล่พ้นจากกระแสน้ำ นางสูดเอาอากาศเข้าไปในปอดเฮือกใหญ่ มือข้างหนึ่งกอดชายหนุ่มไว้ เมื่อเห็นเขายังพอมีสติอยู่บ้าง ก็พยายามว่ายน้ำเข้าหาฝั่ง


    “แฮ่ก แฮ่ก” นางหอบหายใจ กว่าที่ตนเองจะเกาะขอบตลิ่งได้แรงที่มีก็เกือบจะหมดลง มือเรียวแกะมือของเขาจากเอวให้ไปเกาะที่ขอบตลิ่งเช่นกัน “นี่ เจ้าเป็นยังไงบ้าง”


    ดวงตาของเขาหลับสนิท ดูท่าคงหมดสติไปแล้ว น้ำบริเวณนี้เริ่มกลายเป็นสีแดงเพราะบาดแผลที่หัวไหล่และตามตัวอีกเล็กน้อย คาลิโดร่าประคองใบหน้าของเขาไว้ ความเย็นของน้ำและฝนที่ยังตกอยู่ก็ทำให้ร่างนั้นเย็นจัดทีเดียว เพียงนางขยับตัวเขาเล็กน้อย ร่างสูงใหญ่ทั้งร่างก็ดิ่งลงไปในน้ำทันทีอย่างคนไร้สติสมบูรณ์


    คนมีสติเกือบจะกรีดร้อง หากที่ทำ ก็คือดำลงไปจับเขาไว้ก่อนจะถูกน้ำพัดพาไปไกลกว่านี้ ทว่าโชคร้ายกลับไม่ได้มาเพียงหนเดียว ยามนางโผล่หน้าขึ้นจากน้ำ ขอนไม้ก็ลอยมากระแทกให้จมลงไปอีกครั้ง คราวนี้สำลักจนเผลอปล่อยมือทันที คาลิโดร่าขึ้นมาหายใจอย่างเอาเป็นเอาตาย ก่อนที่จะดำลงไปอีกครั้ง และก็ยากกว่าเก่า เมื่อน้ำเริ่มขุ่นด้วยสีเลือด


    “แฮ่กๆ” หญิงสาวโผล่ขึ้นเหนือน้ำอีกครั้งพร้อมคนในอ้อมกอด นางพยายามประคองใบหน้าของเขาให้เงยพ้นน้ำ เรี่ยวแรงที่จวนจะหมดเมื่อครู่ก็เหมือนจะหมดลงจริงๆ พวกนางลอยห่างจากตลิ่งไปอีกเล็กน้อย และครั้งนี้ก็ไม่มีคนช่วยว่ายอีก หญิงสาวพยายามใช้กระแสน้ำเชี่ยวให้เป็นประโยชน์ ประคองตนเองและเขาไม่ให้ต้านกระแสน้ำ แต่ก็พยายามเลียบเข้าหาฝั่งให้ได้ กว่าจะจับพื้นดินได้อีกครั้ง ขาของนางก็เย็นจัดจนเกือบจะเป็นตะคริว ไม่รู้เลยว่าจากจุดที่อยู่ตรงนี้จะห่างจากจุดเดิมอีกมากเพียงใด 


    คาลิโดร่าพยายามดึงร่างสูงขึ้นจากน้ำ น้ำหนักของเขาบนพื้นทำให้นางอยากจะกลับลงไปอยู่ในน้ำใหม่



    ไฟ.. ถ้าก่อไฟไม่ได้ คืนนี้ยังไงก็ตายแน่ หญิงสาวสะบัดน้ำตามร่างกาย บิดเสื้อผ้าและเส้นผมไล่น้ำออกไป ฝนเริ่มซาลงไปบ้างแล้วอีกไม่นานคงหยุดตก นางภาวนาให้มันหยุดตกเสียตอนนี้ กิ่งไม้ต่างๆชื้นด้วยฝนจนไม่สามารถก่อไฟได้


    “จะ..เจ้าหญิง” เสียงเรียกดังแผ่ว ตามด้วยอาการไออย่างรุนแรง


    “เจ้าฟื้นแล้ว” นางเหมือนเห็นทางสว่างอยู่ตรงหน้า เมื่อชายหนุ่มลืมตาขึ้นมา เขามองใบหน้าของนาง แล้วมองซ้ายขวาคล้ายคนกึ่งมีสติกึ่งไร้สติ


    “ปลอดภัยดีไหม?”


    “ไม่” คาลิโดร่ารีบจับมือเขาไว้แน่น เสียงดื้อดึงกลับมาอีกครั้ง “อีกไม่กี่ชั่วโมงพระจันทร์จะขึ้นแล้ว เราอยู่กันแบบนี้ไม่ได้นะ เจ้ากับข้าต้องตายแน่ๆ”


    นาธานเนลพยายามยันตัวเองให้ลุกขึ้น แต่แล้วบาดแผลที่หัวไหล่ก็สร้างความเจ็บปวดจนต้องนอนนิ่ง เขาเอื้อมมือข้างที่ไม่เจ็บขึ้นลูบแก้มของสาวงาม


    “ไม่ต้องห่วง เราจะไม่เป็นอะไรแน่”


    คาลิโดร่าไม่คิดแบบนั้น แผลของเขาเลือดยังไหลไม่หยุดเลย แล้วยังแช่น้ำนานขนาดนั้น ไม่รู้ว่าตอนนี้เขามีสติพูดจากับนางได้อย่างไรกัน หญิงสาวฉีกปลายผ้าคลุมของเขาออกเป็นทางยาว แล้วรัดหัวไหล่เขาไว้แน่น นาธานเนลกัดฟันกลืนเสียงร้องลงลำคอ อย่างน้อยเจ้าหญิงของเขาก็ฝึกกับทหาร คงรู้ว่าควรทำยังไงแน่กับแผลพวกนี้


    “ลุกขึ้นยืนไหวไหม เราต้องหาที่พักก่อน” เจ้าหญิงแห่งเคลาคัสดึงแขนข้างที่ไม่เจ็บของเขาพาดบ่านาง แล้วค่อยๆประคองเขาลุกขึ้น นาธานเนลเซจนแทบจะล้มทับร่างบาง หากไม่เจ็บเจียนตาย เขาก็อยากฉวยโอกาสกับคนที่แนบชิดในขณะนี้ น่าเสียดายที่สังขารไม่อำนวยเอาเสียเลย เจ็บจนแทบนึกอะไรไม่ออกนอกจากความเจ็บปวด


    น้ำหนักของเขาที่ทิ้งลงมาทำให้คาลิโดร่ารู้ว่าสติของเขาใกล้จะหลุดลอยอีกครั้ง ถ้านางหาที่พักก่อนเขาจะหมดสติไม่ได้ ไม่มีหวังเลยว่านางจะแบกเขาไหว ย่างก้าวแต่ละก้าวช้าลงเรื่อยๆ


    “อดทนหน่อยสิ เจ้าเป็นสามีข้านะ” เสียงของนางกระตุ้นในใจเขาให้เข้มแข็ง อยากจะยืนหยัดด้วยตนเอง แต่ร่างกายกลับไม่ตอบสนองอย่างหัวใจ มันอยากจะปิดตาแล้วนอนกองอยู่กับพื้นตรงนี้


    “คาลิร์..” เขาฝืนตนเอง ยกมือชี้ไปทิศทางข้างหน้า ดูจากสภาพแล้ว น่าจะพอหาที่กำบังได้บ้าง นางพาตัวเขาค่อยๆก้าวเดินจนพบมุมเล็กๆที่ด้านหลังเป็นเนินสูงกันลมได้ และมีชะแง่หินยื่นออกมาเล็กน้อยคล้ายหลังคาตามธรรมชาติ อารามดีใจ เท้าจึงก้าวพลาดล้มลงไปทั้งสองคน คนเจ็บร้องเสียงหลงทันที


    “ขอโทษๆ” คาลิโดร่าใจเสียขึ้นมาทันใด ผ้าขาวเมื่อครู่เริ่มชุ่มด้วยเลือดของเขา นางรีบก้าวไปยังมุมเล็กๆ ที่หมายตาไว้ เป็นอย่างที่คิด เพราะชะแง่หินทำให้พื้นไม่ถูกฝน จึงยังสะอาดแห้ง และมุมอับเช่นนี้ลมไม่โกรกคงพออาศัยค้างคืนได้ จากนั้นจึงรีบประคองเขามานอนด้านใน ใช้ผ้าคลุมห่มตัวของเขาเอาไว้ จากนั้นนางก็รีบหาเศษกิ่งไม้ ทว่ายากเหลือเกินที่จะหากิ่งไม้แห้งมาจุดไฟ


    ไม่พอ.. นางหากิ่งไม้ที่ชื้นนิดๆได้ไม่กี่อันในบริเวณที่พัก จึงตัดสินใจก้าวเดินออกไปไกลหน่อย แต่ก็ยังพยายามหันกลับมามอง คล้ายกลัวว่าถ้าคลาดสายตาเพียงนิดเดียวเขาอาจหายไปก็ได้ ด้วยความที่คืนนี้ยังไงเสียนางต้องจุดไฟกองใหญ่ตลอดทั้งคืนนี้ จึงพยายามรวบรวมให้ได้มากที่สุด


     
    คาลิโดร่ามองใบหน้าของคนสลบไสลอยู่ครู่หนึ่ง ก็ตัดสินใจถอดชุดของตนเองผิงกับกองไฟ หวังว่าชุดบางๆจะแห้งทันก่อนที่เขาจะตื่น แล้วจึงคลุมตัวเองด้วยผ้าคลุมชื้นๆ ตั้งใจว่า เมื่อชุดของนางแห้ง แล้วจึงสลับเอาผ้าคลุมไปผิงไฟบ้าง ที่พักเป็นมุมเล็กๆ ทำให้ไม่มีพื้นที่ในการขยับตัวมากนัก แค่นางเอื้อมมือเล็กน้อย ก็สามารถแตะใบหน้าของชายหนุ่มได้ และก็ต้องชักกลับในทันที เมื่อมันร้อนราวกับไฟ บาดแผลกำลังสร้างไข้ให้กับเขา โชคดีที่ตอนหาฟืน นางสามารถหาสมุนไพรบรรเทาได้ทั้งพิษบาดแผลและพิษไข้มาเตรียมไว้


    มือเรียวค่อยๆแกะผ้าพันแผลออก แม้จะเคยเรียนการปฐมพยาบาลทหารมาหลายต่อหลายครั้ง แต่เมื่อเห็นแผลเข้าจริงๆก็อดกลัวไม่ได้ มันเริ่มบวมมากกว่าครั้งแรกที่นางพันแผลให้ คาลิโดร่าใช้ก้อนหินบดสมุนไพรห้ามเลือดก่อน โปะไปตามบาดแผลซึ่งเป็นรอยกงเล็บของสัตว์ร้ายหลายแห่ง เลือดที่ไหลน้อยลงก็จะหยุดไหลในเวลาไม่นาน จากนั้นก็บดยาแก้พิษบาดแผล น่าเสียดายที่ยาซึ่งนางติดมาด้วยอยู่ในกองเสบียงทั้งหมด ไม่เช่นนั้นเขาคงจะหายได้เร็วกว่านี้


    คาลิโดร่าเปลี่ยนเป็นชุดของตนเองเมื่อเห็นว่ามันแห้งพอจะสวมใส่ได้แล้ว จากนั้นจึงเอาผ้าคลุมที่ขาดตรงปลายแล้วไปตาก แล้วจึงปลุกคนข้างๆ


    “นี่ นาธานเนล..” เจ้าหญิงต้องขยับเขาสองสามครั้งถึงจะลืมตาตื่น แต่ก็ไร้สติเต็มที “กินยาลดไข้ก่อนสิ ไม่งั้นคืนนี้เจ้าแย่แน่”


    มือเรียวขยับบางอย่างใส่ปากของเขา ไม่รู้ว่าเพราะเสียงของนางหรือเพราะไม่มีสติกันแน่ที่ทำให้เขากลืนมันอย่างว่าง่าย แล้วก็ทำท่าจะนอนอีกครั้ง ใบหน้าแดงก่ำ พิษไข้กำลังรุมเร้า คาลิโดร่ารู้ว่านางต้องทำอะไรต่อไป ตั้งแต่ตอนที่เห็นเขาไข้ขึ้นแล้ว นางหยิบผ้าคลุมซึ่งแห้งและกำลังร้อนจากการอังไฟอยู่นานมาคลุมตัวเขา ก่อนที่จะค่อยๆสอดมือเขาไปปลดสายรัดเอวของชายหนุ่ม แล้วถอดชิตอนของเขาอย่างทุลักทุเล ด้วยเขาตัวใหญ่กว่ามาก 


    ร่างกึ่งเปลือยของเขามีเพียงผ้าคลุมที่ปกปิดอยู่ผืนเดียวเหมือนเทพเจ้าแห่งสงครามทอดร่างบนพื้นโลก กล้ามเนื้อกำยำช่วงขาโผล่ออกมาให้เห็นชัดเจน เชื้อชาติของนางชื่นชมร่างกายของมนุษย์ยิ่งกว่าสิ่งใดในโลก ไม่มีอะไรจะสวยงามไปกว่านี้แล้ว นางอดไม่ได้ที่จะคิดถึงคำพูดของมารดา ทรงตรัสว่าเขาเป็นหนุ่มรูปงาม ก็คงจริง เขางาม..ไม่เหมือนนาร์ซิสซัสที่งามอย่างหลงรูปโฉมตนเอง เขาดูเหมือนจะชอบใจปัญญาของตนเองมากกว่ารูปลักษณ์ภายนอก


    มือบางเผลอแตะแก้มร้อนๆของเขา ลากผ่านแนวขากรรไกร ริมฝีปากแห้งซีด คิ้วเข้มโก่งโค้งดุจคันศร นางไม่เคยได้มีโอกาสพิจารณาผู้ชายเช่นนี้มาก่อน จึงอดก้มมองใกล้ๆไม่ได้ ริมฝีปากเขากำลังสั่นด้วยความหนาวเย็น หญิงสาวจับมือเขากุมเอาไว้ เพราะผ้าคลุมเพียงผืนเดียวคงคลายหนาวให้ผู้ชายตัวโตๆคนนี้ไม่ได้


    “คาลิร์..” ครู่หนึ่งที่นางคิดว่าเขาตื่นแล้ว แต่กลับเป็นเพียงเสียงกระซิบดุจละเมอ จากนั้นเขาก็เหมือนจะคว้านหาไออุ่นที่เขารู้สึกได้ คาลิโดร่ายอมสละมือทั้งสองข้างให้เขาจับ


    “ข้ามีอะไรดีกัน คนจร ผู้ชายมากมายถึงปรารถนาในตัวข้า ไม่เว้นแม้แต่เจ้า”


    ถ้าเป็นเมื่อก่อน นางมีคำตอบแก่คำถามนี้ เพราะนางสวย เพราะนางมีอำนาจ แต่ไม่ใช่เพราะความฉลาดของนาง ผู้ชายใครบ้างอยากได้ผู้หญิงฉลาดเป็นคู่ครอง ความฉลาดไม่มีประโยชน์สำหรับผู้หญิง สิ่งที่ผู้ชายต้องการคือหญิงดีที่อยู่แต่ในบ้าน ดูแลงานบ้านเลี้ยงลูกเท่านั้น


    “ถ้าข้าไม่สวย เจ้าจะรักข้าไหม..” นางเอ่ยถามอย่างไม่ต้องการคำตอบ มือเรียวผละไปแตะที่หน้าผาก ไข้ของเขายังขึ้นสูง หวังว่ายาสมุนไพรที่นางร่ำเรียนมาจะได้ผล ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับแรงกายและแรงใจของเขาเองว่าจะผ่านคืนนี้ไปได้หรือไม่ แล้วจึงเอื้อมมือหยิบชิตอนของชายหนุ่มซึ่งนางคาดว่ามันน่าจะแห้งพอสมควรแล้ว จากนั้นจึงพยายามจะสวมใส่ให้เขา ตอนถอดน่ะง่าย แต่เวลาใส่เนี่ยสิ นางจะใส่อย่างไรโดยไม่ต้องแตะเนื้อต้องตัวชายหนุ่มมากนัก


    ผ้าผืนสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ ใช้การกลัดด้วยเข็มกลัดหรืออย่างอื่นที่หัวไหล่ทั้งสองข้าง แล้วผูกเชือกที่เอวก็เรียบร้อย ดูเหมือนจะง่ายถ้าคนสวมจะยืนอยู่ แต่กลับคนนอนอยู่ นางจะคลุมชิตอนรอบตัวเขาได้เช่นไร จึงได้แต่ใช้มันแทนผ้าห่มให้เขาอีกผืน แล้วตั้งใจว่าให้พรุ่งนี้เขาจัดการสวมเอาเองก็แล้วกัน


    คืนนี้คาลิโดร่าไม่กล้าที่จะหลับนัก ทุกคืนนางหลับอย่างไม่ต้องระแวดระวัง เพราะเขา.. เพราะมีชายผู้นี้อยู่ช่วยระวังเภทภัยทุกอย่างให้นาง แต่คืนนี้ แค่ให้เขารอดจากพิษไข้นางก็พอใจแล้ว มือไม้ชายหนุ่มเริ่มป่ายเปะปะ จับข้อมือนางเอาไว้ แล้วดึงไปไว้แนบเนื้อใต้ผ้าคลุมเหมือนมือนางเป็นเครื่องทำความร้อน เจ้าของมือจึงต้องเอนตัวลงเล็กน้อยตามแรงดึง อดไม่ได้ต้องเหลือบมองใบหน้าของเขาอีกครั้ง หลังจากที่คืนนี้ทำมาก็หลายครั้งแล้ว ใบหน้าราวกับรูปปั้นประติมากรรมในวิหาร บางช่วงดูแข็งกระด้าง หากก็มีความนุ่มละมุนในบางส่วน


    เพียงอารมณ์ชั่ววูบเท่านั้นที่ทำให้นางทำในสิ่งที่ไม่เคยคิดจะทำมาก่อน คือแตะริมฝีปากที่หน้าผากของเขา ความร้อนที่แผ่ออกมาทำให้วูบวาบไปทั้งกาย


    “ฟื้นสิ เจ้าบอกว่าจะคุ้มครองข้า จะทำให้ข้ารักให้ได้ ถ้าเจ้าตาย ข้าจะไม่ให้อภัยเจ้าเลย”


    อาจคิดไปเองที่รู้สึกว่ามือซึ่งถูกเกาะกุมอยู่บีบแน่นขึ้น เขาหลับเหมือนเด็กชายตัวน้อยที่กำลังสั่นกลัวและต้องการไออุ่นจากมารดา คาลิโดร่าตัดสินใจเขยิบเข้าไปใกล้อีกเล็กน้อย พระจันทร์เริ่มเคลื่อนคล้อย หญิงสาวจึงป้อนยาให้เขากินอีกครั้ง เนื้อตัวของเขามีเหงื่อออกชโลมกายและเริ่มกระสับกระส่ายมากขึ้น ริมฝีปากซีดกระซิบให้รู้ว่าหนาวเพียงใด นางจึงต้องโยนกิ่งไม้เข้าไปเร่งไฟ หวังจับใจว่ามันจะพอใช้ในค่ำคืนที่โหดร้ายนี้เขากำลังหนาวสั่นด้วยพิษไข้ นางอยากจะช่วย แต่..


    อะไรบางอย่างทำให้นางตัดสินใจได้ คาลิโดร่าค่อยๆขยับขาสอดเข้าไปในผ้าคลุมซึ่งห่มกายให้เขา จากนั้นจึงให้ศีรษะชายหนุ่มหนุนนอนอยู่กับตักของตนเอง ใช้ความร้อนจากร่างกายให้ความอบอุ่นกับเขา ด้านหลังนางเอนพิงกับเนินสูง ตั้งใจจะนั่งพิงไปเรื่อยๆจนกว่าจะรุ่งเช้า แต่แล้วดวงตาของนางก็ปรือขึ้นลงอย่างไม่สามารถห้ามความเหนื่อยล้าได้

     
    ............................................


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×