ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คาลิโดร่า..สาวงามแห่งเคลาคัส

    ลำดับตอนที่ #23 : ทางเลือก

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 789
      0
      19 ก.ค. 52




    “นะ..นั่นเจ้าจะทำอะไร” นางส่งเสียงสั่นเครือเมื่อใบหน้าชายหนุ่มอยู่ต่ำกว่าลำคอจนน่าหวาดเสียว มือข้างหนึ่งของเขาแตะต้องที่ต้นขาคล้ายจะอยู่ไม่สุข บีบจับจนนางรู้สึกร้อนวูบ นาธานเนลหยุดการเคลื่อนไหว ใบหน้าชายหนุ่มซุกที่หน้าอกคู่งามเหมือนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วจึงเคลื่อนไปจุมพิตที่หัวเข่าของหญิงสาว
    “เราไม่ควรอยู่กันสองคนแบบนี้เลย” เสียงของเขาแหบพร่าเต็มไปด้วยความปรารถนา เหมือนเนื้อชิ้นโตรสโอชาอยู่ตรงหน้า เนื้อที่เป็นของเขาโดยชอบธรรม แต่กลับกินคำโตไม่ได้ ได้เพียงลิ้มรสทีละน้อยจนเหมือนอกจะระเบิด


    “เอ่อ.. เจ้าก็ถอยไปห่างๆข้าหน่อยสิ” นางอยากจะขยับจากท่าที่น่าหวาดเสียวสำหรับนาง มือใหญ่จับอยู่ที่ขาซึ่งเขาจุมพิตเมื่อครู่แต่ก็ไม่ยอมปล่อยเสียที ชายผ้าที่สั้นอยู่แล้วก็ร่นขึ้นมาจนเหมือนนางเปิดเผยเนื้อตัวให้เขา ยามเขามอง สายตาของเขาทำให้นางรู้สึกเหมือนตนเองเปลือยเปล่า ไร้อาภรณ์ติดกาย ครั้นเริ่มขยับขา มือใหญ่นั้นก็บีบแน่นมากขึ้น


    “อย่าเพิ่งขยับเจ้าหญิง อย่าให้ข้าควบคุมตัวเองไม่ได้ไปมากกว่านี้” เสียงของเขาพร่ามากกว่าเมื่อครู่ จนคาลิโดร่าต้องลอบกลืนน้ำลาย ไม่รู้ว่านางคิดถูกหรือผิดที่ยอมตามเขาไปตามหาต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ นางควรจะยืนกรานรอองครักษ์จะปลอดภัยกว่าใช่ไหม


    ชายหนุ่มปล่อยมือออก แล้วลุกขึ้นยืน เดินไปริมธารเพื่อล้างหน้า อย่างน้อยน้ำเย็นชวนให้ความรุ่มร้อนในหัวใจบรรเทาลง แม้จะไม่ทั้งหมดก็ตาม มันเหมือนมีกองไฟอยู่ภายในที่รอวันจะปะทุขึ้นมา รอที่จะโหมกระหน่ำเผาทุกสิ่งให้วอดวายไปพร้อมกับมัน


    “นี่เป็นเหตุผลที่พระองค์ควรอยู่ห่างผู้ชายเข้าไว้”


    “ยกเว้นทาร์เธเมสที่ไม่เคยล่วงเกินข้าแบบนี้” คาลิโดร่าถลึงตากลับ เพราะเสียงของเขากำลังตำหนิเหมือนว่าเป็นความผิดของนางเอง นางไม่ใช่คนที่พยายามจะถอดเสื้อตัวนี้ออกเสียหน่อย หญิงสาวบ่นในใจเมื่อเห็นว่าผ้าผูกเอวของนางคลายออกเล็กน้อย “ที่จริงก็ไม่เคยมีผู้ชายคนไหนทำแบบนี้ด้วย เจ้าต่างหากที่ข้าควรจะอยู่ห่างๆ ไม่ใช่ผู้ชายคนอื่น”


    นาธานเนลยิ้มกริ่ม ยามเมื่อควบคุมอารมณ์พิศวาสของตนเองได้ และรู้สึกดีที่รู้ว่าตนเองเป็นคนแรกที่ได้แตะต้องนางเช่นเมื่อครู่ ดูท่าต่อไปต้องหาโอกาสให้บ่อยขึ้น


    “ไม่เห็นต้องห่างเลย ก็เราแต่งงานกันแล้วนี่”


    “เจ้าอย่ามาย้ำนะ”


    “ข้าแค่พูดความจริงเท่านั้น พระองค์ไม่รู้หรอกว่ามันทรมานแค่ไหน ที่พระองค์อยู่ตรงนี้ อยู่ต่อหน้าข้าเหมือนที่ฝันมาหลายปี แต่กลับไม่สามารถแสดงความปรารถนาได้ดั่งใจ ถ้า..กลับไปเคลาคัส ข้าจะเฝ้าแสดงความปรารถนาแด่พระองค์เพียงผู้เดียว”


    น้ำคำของเขาทำให้ใบหน้าของนางร้อนฉ่าไปทั้งหน้า


    “ใครจะอนุญาตให้เจ้าทำแบบนั้น” นางขว้างกิ่งไม้ใส่ “อยู่ห่างๆข้าเชียวนะ คนจร ไม่งั้นอย่าหาว่าข้าไม่เตือน”


    นาธานเนลมุ่นคิ้ว


    “เมื่อก่อนพระองค์ไม่ได้เรียกข้าแบบนี้”


    “ก็แล้วข้าเรียกเจ้าว่าอะไรล่ะ”


    ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือก คนฉลาดอย่างเขาควรรู้ว่าถ้าเล่าทุกอย่างให้นางฟัง นางอาจจะจำอะไรได้บ้างและอาจรื้อฟื้นความทรงจำช่วงนั้นได้หมด แต่ความรักก็ทำให้เขาโง่ อยากให้นางจำได้ด้วยตนเอง


    “ช่างเถอะ ยังไงก็ไม่แตกต่างกันเท่าไร เสวยต่อเถอะ เดี๋ยวเนื้อจะเน่าเสียก่อน”


    ชายหนุ่มหันหลังลงมือเฉือนเนื้อออกย่างไฟอีกครั้ง คาลิโดร่าหยิบผ้าคลุมของชายหนุ่มมาสวม ปกติแล้วนางชอบที่จะใช้แทนผ้าห่มในยามค่ำคืนหนาวเหน็บมากกว่า แต่ตอนนี้ดูท่าว่าเพื่อความปลอดภัยของตนเอง สวมไว้ตลอดเวลาคงจะดีกว่า


    นาธานเนลหันมาส่งเนื้อย่างให้ ก็เห็นทุกอิริยาบถ จึงอดส่งเสียงเย้าอีกไม่ได้ดั่งคล้ายจะรู้ความในใจ


    “แค่ผ้าคลุมผืนเดียว ปิดบังทรวดทรงของพระองค์ไม่ได้หรอก แค่หลับตาข้าก็นึก.. โอ้ย!”


    “ปากกล้าดีนัก” คาลิโดร่าขว้างก้อนหินใส่ ดูเหมือนในป่า อาวุธเพียงอย่างเดียวของนางก็อยู่เกลื่อนตามพื้นเนี่ยแหละที่หยิบฉวยได้ง่าย “พอแล้ว ข้าไม่กินแล้ว เก็บไว้กินระหว่างทาง เจ้าก็นำทางได้แล้ว ข้าไม่อยากเสียเวลาอยู่ที่นี่นานนัก”


    “เหมือนกันเลย ข้าก็ไม่อยากอยู่ที่นี่นานเช่นกัน อยากกลับไปเคลาคัสของพระองค์จะแย่.. พระองค์เบามือหน่อยสิ” นาธานเนลอดส่งเสียงอ้อนไม่ได้ เมื่อมือเล็กๆไม่ปรานีปราสัยกันเลย “ถ้าข้าเจ็บหนักก็แบกพระองค์ไม่ไหวนะ”


    “ไม่ต้อง ข้าเดินเองได้” ถึงจะยอมเดินเอง หากมือใหญ่ก็ยังคงเอื้อมมากุมมือนางไว้แน่น คล้ายไม่อยากให้ห่างสายตา คาลิโดร่ารู้ดีว่าในป่าความปลอดภัยย่อมมาก่อน จึงยอมให้เขากุมมือโดยดี
     
    .....................................
     
    “เราหาที่พักก่อนดีกว่าไหม” หญิงสาวส่งเสียงแข่งกับเสียงฝนที่โหมกระหน่ำ แม้ว่าจะเป็นตอนเที่ยงวัน หากท้องฟ้าก็ครึ้มดุจยามเย็น เมฆฝนปิดบังดวงอาทิตย์และพร้อมใจเทน้ำจากฟากฟ้าจนพื้นดินที่เดินสบายมาหลายวันเฉอะแฉะ คล้ายย่ำไปบนโคลน


    นาธานเนลห่วงหน้าพะวงหลัง ด้านหน้าทางก็แทบจะมองไม่เห็น ด้านหลัง สาวงามของเขาก็เริ่มก้าวขาไม่ออก เพราะสายฝนที่เย็นจัดกระทบผิวกาย ชายหนุ่มโอบรัดเอวร่างบางเข้าหาตัว ไม่ให้นางสะดุดหกล้มเหมือนที่ผ่านมา เถาวัลย์ระโยงระยางบนต้นไม้ดูไร้พิษภัย หากสายฝนก็ทำให้สายตาเกือบจะหลอนว่าเป็นงูหลายสิบตัวต่างจ้องมาที่นาง คาลิโดร่ากำชิตอนของชายหนุ่มแน่นขึ้น สายตาของนางทำพิษอยู่เรื่อยในช่วงสองสามวันมานี้


    เมื่อคืน นางเห็นดวงตานับสิบคู่จับจ้องจึงคิดว่าเป็นสัตว์ร้ายที่ออกล่าเหยื่อเป็นฝูง จนเขาต้องทำให้เห็นว่าเป็นแค่ฝูงนกเค้าแมวเท่านั้น แล้วยังเสียงประหลาดโหยหวนที่ฟังคล้ายเสียงเด็กร้องครวญครางตลอดเวลา เขาก็พยายามกระซิบปลอบว่านางหูแว่วไปเอง


    “กรี๊ดดดด” หญิงสาวกรีดร้อง เมื่อรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่พุ่งผ่านไป


    “ไม่มีอะไร คาลิร์ แค่นกหลงฝูงตัวหนึ่งเท่านั้น” ชายหนุ่มปลอบเหมือนทุกๆครั้ง เขารู้ดีว่านางไม่เคยเจออะไรแบบนี้ แม้นางจะเล่าให้ฟังว่าสมัยเด็กเที่ยวป่ากับพ่อบ่อยๆ แต่ก็อยู่ในความดูแลเป็นอย่างดี ไม่เคยสักครั้งที่เผชิญกับความหวาดกลัวอย่างที่พบอยู่ในตอนนี้


    คาลิโดร่าพยายามไม่เงยหน้ามองด้านบน ไม่อยากจะตาฝาดเห็นงูห้อยตัวตามกิ่งไม้น่าสยองขวัญ นางมองไปตามพื้น ตามพุ่มไม้ ครั้นพุ่มไม้ขยับ ร่างบางก็สะดุ้งทั้งตัว มือเรียวกำเสื้อชายหนุ่มแน่นกว่าเก่า จนกระทั่งกวางโผล่ออกมาจากพุ่มไม้ โผนทะยานอย่างเร่งรีบผ่านมนุษย์ทั้งสองไปโดยไม่สนใจ หญิงสาวขยับมือมากุมที่หัวใจซึ่งเต้นระรัวให้สงบนิ่ง พยายามปลอบตัวเองว่าไม่มีอะไรแล้ว อย่าตื่นตูม.. 


    และครั้งนี้นางก็อยากให้ตนเองตาฝาดไปเท่านั้น


    จากพุ่มไม้ที่กวางพุ่งออกมาแล้วหายลับไป ปรากฏเป็นดวงตาคู่หนึ่งในเงามืด เพียงขาของนางสะงัด ชายหนุ่มก็รู้แล้วว่ามาบางสิ่งผิดปกติ เมื่อมองตามสายตา เขาเห็นทุกอย่างเป็นภาพช้าๆ ยามเสือโคร่งตัวใหญ่เลือกที่จะไม่หลบซ่อน ค่อยๆ ย่างก้าวอย่างระมัดระวัง จ้องมองเหยื่ออันโอชะ


    มือชายหนุ่มข้างหนึ่งแตะที่กริช ส่วนอีกข้างพยายามดันร่างบางให้ไปด้านหลัง


    “คาลิร์ ค่อยๆเดินถอยหลังนะ อย่าหลบสายตาจากมัน” นาธานเนลจ้องตากับสัตว์ร้ายแล้วขยับถอยหลังตามร่างหญิงสาวที่ขยับถอยเช่นกัน อย่างน้อย เขาก็ยังรู้ว่านางไม่ได้กลัวจนสติไม่อยู่กับตัว หรือก้าวขาไม่ออกอย่างหญิงทั่วไป ใจนางยังแกร่งพอที่จะทำอย่างที่เขาพูด เมื่อเห็นเหยื่อเริ่มถอย เสือร้ายก็เดินวนตามติด เขารู้ดีว่า ถ้าพลาดแม้แต่นิดเดียว มันกระโจนเข้าขย้ำพวกเขาแน่



    ฉับพลันที่ดุจเสียงฝนจางหาย ไอร้อนที่คอยจับเสื้ออยู่ด้านหลังก็เลือนราง คล้ายกาลเวลาหยุดนิ่งอีกครั้ง 


    ‘ไง คนศรัทธา เราเจอกันอีกแล้วนะ’ เสียงหวานใสพร้อมร่างกายโผล่ขึ้นมาจากพื้นดิน ดวงตาคมวาวสีเขียวยั่วเย้า


    “ท่าน! เจ้าหญิง? เจ้าหญิงล่ะ” ความเคารพที่เคยมีก่อนหน้าถูกความหวาดกลัวกลบสิ้น ด้วยห่วงหญิงสาวที่หายไปจากสายตา ทั้งที่เมื่อครู่มือสั่นระริกของนางยังแตะอยู่ที่แผ่นหลังของเขา “พระองค์อยู่ไหน”


    ‘ก็อยู่ที่เดิม’ นางไม้ตอบกลับอย่างไม่เห็นเป็นเรื่องสำคัญ จากนั้นก็เคลื่อนกายเข้ามาใกล้ ‘ข้ามาเพื่อให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง หนุ่มรูปงาม เจ้าก็รู้ว่าป่าของเราไม่ควรย่างกราย หากเจ้าและพวกมนุษย์พวกนั้นก็เข้ามา มา..ชีวิตทิ้งไว้ที่นี่’


    “ข้าเต็มใจเข้ามาเอง คนพวกนั้นไม่เกี่ยว ปล่อยพวกเขาและเจ้าหญิงไป”


    ‘อืม เจ้ากำลัง ‘สั่ง’ ไดรแอดอยู่หรือ’ แม้รอยยิ้มหวานจะประดับบนใบหน้าของนาง หากนาธานเนลรู้ว่าในใจลึกลงไปอาจไม่เป็นเช่นที่แสดงออก สิ่งเลวร้ายมากมายจะมาเยือนแก่ผู้ที่ทำให้เทพเจ้าโกรธ


    “ได้โปรด.. ข้าขอวิงวอน ข้าปรารถนาแค่สร้างมงกุฎที่งดงามควรค่าแก่ภรรยาของข้าเท่านั้น หรือเทพเจ้าจะไม่เห็นแก่ความตั้งใจอันดีเช่นนี้”


    ‘เข้าใจเอ่ยวาจาจริงเชียว เทพเจ้าจะตอบแทนผู้กระทำดี แต่นางที่ติดตามมาด้วยเนี่ยสิ ยังสงสัยว่านางมาดี หรือมาร้าย’


    “นางมาเพราะข้า”


    ‘ใช่ มาเพราะเจ้า มาด้วยใจพยาบาท’


    “นางมาเพราะความไม่รู้”


    ‘นางเย่อหยิ่งและจองหอง’ เสียงของอีกฝ่ายคล้ายจะขู่คำราม ‘ไม่ศรัทธาในเทพเจ้า ไม่เคารพสามีเช่นหญิงดีงามทั่วไป สมควรที่จะถูกลงโทษ หญิงเช่นนี้หรือที่เจ้าต้องการ’


    “ข้าต้องการแค่นาง ถ้านางต้องโทษ ข้าจะเป็นโทษทัณฑ์ชั่วชีวิตให้นางเอง”


    ‘คิกๆๆ เจ้าน่ะหรือโทษทัณฑ์’ น้ำเสียงแปรเปลี่ยน จากดุดันเมื่อครู่กลายเป็นขบขัน ‘ถ้าต้องรับโทษเช่นเจ้า ข้าก็ยอมล่ะนะ’


    “ได้โปรด ช่วยเราด้วย”


    ‘แน่นอน ข้ามาเพื่อช่วยเหลือและยื่นข้อเสนอ ..จะทิ้งนางหรือทิ้งตัวเอง’


    “ท่านหมายความว่า..”


    ‘อยู่ที่นี่ ในป่านี้กับพวกเราไปชั่วชีวิต เป็นทาสไปชั่วนิรันดร์ หรือทิ้งนางเอาไว้ แล้วกลับออกไป’


    “ถ้าข้าอยู่ที่นี่ นางจะปลอดภัย?”


    ‘ขึ้นอยู่กับว่านางจะออกจากป่านี้ทันทีหรือไม่’ ร่างแสนสวยแสร้งครุ่นคิด ‘แต่ข้าว่าผู้หญิงอย่างนาง คงไม่ยอมหันหลังกลับง่ายๆแน่ ใช่ไหม?’


    “เช่นนั้น ต้องขออภัยด้วย ข้ายังมีหน้าที่ต้องปกป้องนางสุดความสามารถ”


    ‘เจ้าเชื่อมั่นในตนเองเช่นนี้เสมอหรือ เจ้าคิดว่าจะปกป้องนางได้?’


    “แน่นอน ชีวิตของผู้ชายคนหนึ่ง ถ้าปกป้องผู้เป็นที่รักไม่ได้ ก็ไร้ความหมาย” ชายหนุ่มพูดอย่างแน่วแน่ คล้ายวาจาเขาเป็นภูเขามั่นคงและไม่มีสิ่งใดมาสั่นคลอนได้


    ‘ข้าให้ทางเลือกแล้ว แต่เจ้าปฏิเสธมันไป ข้าได้แต่หวังว่าเฮร่าจะชอบผู้ชายรักเดียวใจอย่างเจ้า และประทานทางออกให้’ นางไม้พูดคล้ายจะเอ่ยเป็นคำลา นาธานเนลจึงรีบวิงวอนต่อ


    “ท่านจะไม่กรุณา”


    เสียงตัดพ้อของเขาที่เหล่าไดรแอดเห็นว่าฉลาดนัก ถ้าพวกนางไม่กรุณาก็เท่ากับไร้น้ำใจ ไดรแอดอีกตนปรากฏกายขึ้นเคียงข้าง สองร่างเหมือนดั่งเงาในน้ำที่มองทะลุผ่านได้


    ‘เราจะเอายังไงกับเจ้าดีนะ’


    “โปรดช่วยเหลือมนุษย์ผู้ต้อยต่ำด้วย แล้วข้าจะบวงสรวงพวกท่านด้วยมาลัยอันงดงาม”


    ‘เจ้าติดสินบนเราด้วยมาลัย?’ นางไม้ผู้เลอโฉมหัวเราะหยัน เคลื่อนกายเพียงเล็กน้อย มือของนางก็แตะที่แก้มของชายหนุ่ม ‘อะไรทำให้เจ้าคิดว่ามันสูงค่าพอ’


    “เพราะมันมีเพียงหนึ่งเดียว ไม่ว่าข้าจะทำมาลัยอีกกี่ร้อย จะไม่มีมาลัยใดเสมือนมาลัยพวงนี้”


    มือเรียวตีเบาๆ ที่แก้มชายหนุ่ม ให้รู้สึกเหมือนเป็นเด็กกำลังโดนหยอกล้อ


    ‘ฉลาดพูดอีกแล้ว คนศรัทธา’ ร่างอิสตรีผู้งดงามหัวเราะในลำคอ ของทำมือ ต่อให้พยายามทำให้เหมือนเดิมเช่นไร ก็ไม่มีทางเหมือนได้ทุกระเบียด ดังนั้นของสิ่งนั้นจึงมีเพียงหนึ่งเดียว ‘เสียดายนัก คนฉลาดเช่นเจ้า กลับตกอยู่ในอำนาจแห่งอะโฟรไดทิ หรือไม่มีสิ่งใดที่จะเข้มแข็งเหนือความรักได้’


    “เพราะมีรักต่างหาก มนุษย์ถึงเข้มแข็ง”


    ‘อีรอสคงแผลงศรปักใจเจ้าแล้วไม่ยอมถอนออกเลยสินะ’ นางถอนหายใจอย่างเสแสร้ง ‘มาดูกันสิ ว่าเจ้าจะเอาตัวรอดได้เช่นไร’
     










    = = == = = ==  = = ==  = = = = = = = = = = = === = = = 


    อยู่สิงคโปร์ล่ะ ฮิๆ 
    เข้ามาอ่านได้ 
    http://my.dek-d.com/Ashura/blog/?blog_id=10021566

    อันนี้เป็นรูป
    http://my.dek-d.com/Ashura/blog/?blog_id=10022327

    http://my.dek-d.com/Ashura/blog/?blog_id=10023285

    ตอนแรกๆก็ชักอยากกลับบ้านแหละ TT^TT
    พูดก็ไม่ค่อยได้ แย่ที่สุดในชั้นเลยมั้ง

    แต่ตอนนี้พอโอเค มีเพื่อนเที่ยว เพื่อนคุยก็สนุกดีอ่ะ

    เสียอยู่อย่างตรงอาหารเนี่ยแหละ อาหารที่ไหนจะอร่อยเท่าบ้านเรา ไม่มี > <~~~


    ปล.ที่จริงเวลาเล่นเน็ตก็พอมีบ้าง
    แต่โฮมสเตย์ที่มาอยู่ด้วย เค้าไม่ค่อยอยากให้เราเล่นนานๆ
    เค้าว่ามันไม่ดี เลยเล่นนานไม่ได้ ไม่ค่อยมีเวลาพิมพ์นิยาย

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×