"ข้าเจ้าเป็นสาวเจียงใหม่...แฮมบ่เต้าใดก็จะเป็นสาวแล้ว..." "นั่นเพลงกระไรกัน? ฟังประหลาดหู"
"ฟังๆไปเถอะค่ะ...อย่ามาถามข้าเจ้าเลย เพราะข้าเจ้าเองก็ไม่รู้ ร้องตามเขามาทั้งนั้นแหละ..."
"เขาน่ะ...ผู้ใด?"
“ไอ้พู เดี๋ยวนี้มึงเป็นอะไรวะ? เรียบร้อยขึ้นแปลกๆ กูนึกว่าผีสิงแหนะ...”
“พูดมึงกู ไม่สุภาพเอาเสียเลยนะ...ข้าเจ้าเป็นแม่หญิง หัดพูดถนอมน้ำใจหน่อยสิ...”
“เอ้า!”
ชมพูพิงค์ หรือที่คนในคณะรู้จักฉันว่า
นางสาวลักษณ์นารา วงศ์เมืองเหนือ
ถ้าคนที่เดาเก่งๆ ก็จะรู้ได้ทันทีเลยค่ะว่าพื้นเพฉันเป็นคนที่ไหน...
ฉันเป็นลูกหลานเชื้อสายรุ่นสุดท้ายของเจ้าเมืองเหนือ พ่อกับแม่ฉันบอกเอาไว้อย่างนั้น ถึงแม้จะเป็นลูกหลานเมืองเหนือก็จริง แต่ฉันไม่เคยไปภาคเหนือ และพูดภาษาเหนือไม่ได้เลยด้วยซ้ำ พ่อและแม่พาฉันมาอยู่กรุงเทพตั้งแต่อายุได้ห้าวัน เติบและโตมาด้วยความอบอุ่นที่ปนไปด้วยความหนักใจเล็กน้อยของครอบครัวเพราะความซุกซนของตัวเอง
แต่ว่าวันหนึ่ง พ่อและแม่ของฉันประสบอุบัติเหตุรถชนเสียชีวิตไปอย่างกระทันหัน ฉันกลายเป็นเด็กกำพร้าในทันทีที่รู้ข่าว ตอนนั้นฉันเคว้งคว้าง เงียบเหงาและไร้ที่พึ่ง เกือบจะลาออกจากโรงเรียนในขณะที่ทุกอย่างกำลังไปได้สวย ทุกคนพยายามรั้งไว้ให้สู้ต่อ หนึ่งในนั้นคือไอ้ถั่วพู เพื่อนสนิทที่สุดของฉัน หรือชื่อเล่นจริงๆของมันคือไอ้ศึก และชื่อจริงคือ ขุนศึก เกียรติก้องไกล มันบอกว่าถ้าฉันจะลาออก มันก็จะออกด้วย ฉันรับผิดชอบมันไม่ไหว จึงอดทนและต่อสู้กับปัญหาต่างๆที่ถาโถมเข้ามา จนในที่สุดก็ผ่านมันมาได้ด้วยดี
ฉันได้เข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยที่โดดเด่นด้านศิลปะที่สุดในไทยพร้อมกับไอ้พู ในคณะมัณฑนศิลป์ด้วยกัน ทั้งๆที่จริงๆแล้วฉันอยากเข้าวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางมากกว่า เพราะมีความฝันว่าอยากทำธุรกิจแบรนด์น้ำหอมเป็นของตัวเอง แต่กลับกลายเป็นว่าฉันเรียนเก่งและโดดเด่นที่สุดในคณะ จึงได้เป็นทั้งพี่สันทนาการและคณะกรรมการสภาคณะ พร้อมทั้งถูกชักชวนให้ไปเป็นหลีดในงานกีฬาสีมหาวิทยาลัย
ฉันปฏิเสธไป...ด้วยโรคประจำตัวที่เป็นมาตั้งแต่เกิด
“แค่กๆ”
“เอ้า...นี่ยา...มึงนี่จริงๆเลยไอ้พู รู้ทั้งรู้ว่าตัวเองเป็นหอบ ยังอยากจะวิ่งออกกำลังกายกับกูอีก”
“แหมมึง...คนเป็นหอบก็อยากสุขภาพดีบ้างนี่หว่า ”
ชื่อเล่นของพวกเราเหมือนกัน เพราะฉะนั้นจึงสับสนบางเวลาที่มีคนเรียกชื่อ
“พู...”
“พูไหน?!”
นั่นแหละ...ชีวิตแต่ละวันของพวกเรา มันก็ปกติดี และคงจะเป็นอย่างนี้ต่อไป ถ้าเกิดวันหนึ่งฉันไม่ไปเผลอหยิบปิ่นแก้วนั้นที่แม่ซ่อนไว้ใต้ห้องเก็บของ มันเปลี่ยนโลกฉันไปราวกับนิยายหรือละครที่เคยดู แต่คราวนี้มันแปลกไป เพราะมันเกิดขึ้นจริงๆ...กับตัวฉันเอง
“น้องเอื้องแก้ว...เจ้าเป๋นยะหยัง? อยู่ดีๆกะล้มฟุบไป๋?”
“หา?...ใครคือเอื้องแก้ว? บ้าเหรอ? ล้อเล่นปะ? ”
“ล้อเล่นจะได๋?...เมื้อกี้กะเห็นอยู่กับตา...น้องล้มไป๋แต๊ๆหนา”
จะล้มอีกรอบแล้วน่ะสิ พาฉันกลับปัจจุบันเดี๋ยวนี้!!!
ความคิดเห็น