Queena Martell
เมื่อโลกอีกด้านขับขานท่วงทำนองของรัตติกาล เพื่อนำทางผู้คนและแมวหลงตัวต่อไป
ผู้เข้าชมรวม
41
ผู้เข้าชมเดือนนี้
4
ผู้เข้าชมรวม
Queena Martell
[บทเพลง รอคอย และแมวส้ม]
~ ~ ~ ลา ลา ลา ~ ~ ~
เส้นเสียงกังวานฝากสายลมผ่านเข้ามาทักทาย หมู่แมกไม้พัดไหวราวระลอกคลื่น ฉันเหยียบยืนอยู่บนกิ่งสูงสุดของต้นไม้ใหญ่ จับตาดูทุกความเป็นไปภายใต้แสงไฟกลางเมืองเงียบเหงา ก่อนจะก้าวเท้าร่วงหล่นลงสู่พื้นดิน
ฉันแหงนมองท้องฟ้า ส่งยิ้มกับหมู่ดาวพร่างตาแล้วเหลียวมายังใบหน้าของแมวน้อยขนส้มฟูฟ่องกำลังจับจ้องเขม็งด้วยสีอำพันกลมใส มันขยับริมฝีปากส่งเสียงทักทาย พยักพเยิดเป็นเชิงเชิญชวนก่อนจะหันกลับแล้วออกเดิน
“ไปเถอะ”
ประมาณนั้น
ฉันเป็นใครแล้วขึ้นไปยืนทำอะไรบนต้นไม้ยังไม่รู้ แค่ทุกครั้งที่ลืมตาภาพเบื้องหน้าคือเมืองใหญ่แสนวุ่นวายไม่เคยเปลี่ยน มีแค่เมื่อวานดูจะต่างออกไปนิดหน่อยเพราะฝนตกลงมาเป็นกรด แถมวันก่อนก้อนหินยังลอยขึ้นฟ้าได้ คุณคงมองว่าฉันบ้าซึ่งก็อาจใช่ เพราะไม่รู้จะหาคำใดมาอธิบายเรื่องราวเหล่านั้น แต่ฉันพูดจริงนะ มันเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าพอเช้าก็เงียบสงบ
~ ~ ~ ลา ลา ลา ~ ~ ~
เสียงเพลงขับขาน ฉันยังหาหนทางกลับบ้านไม่เจอ แต่คงอีกไม่นานนักเมื่อมีมัคคุเทศก์นำทางย่ำไปด้วยฝีเท้าสม่ำเสมออยู่เบื้องหน้า ไม่เร่งเร็วหรือเชื่องช้า ไม่เหลียวกลับมามองด้วยซ้ำว่าฉันกำลังก้าวตามหรือยังย่ำอยู่กับที่ ดูจะมั่นใจด้วยว่ายังไงฉันต้องไปอยู่ดี
ซึ่งก็จริง
~ ~ ~ ลา ลา ลา ~ ~ ~
ฉันผ่านเข้าตรอกแคบออกสู่ถนนกว้าง ความเงียบเหงาอ้างว้างเริ่มเกาะกุมแข้งขาไว้ให้เคลื่อนที่ช้าลง แม้การก้าวตามดูยากเกินกว่าคาดคิด แต่ก็ยังไม่หยุดเดิน หัวใจดูจะบีบแน่นทุกครั้งเมื่อเสียงเพลงเร่งจังหวะถี่กระชั้น ในขณะที่เจ้าเหมียวนั้นออกวิ่งจนลับหายจากสายตา ฉันเหลียวมองซ้ายขวาแล้วตัดสินใจก้าวไปข้างหน้าผ่านลานน้ำพุเข้าสู่ซอยถัดไปอย่างไม่ลังเล
วิ่งด้วยหัวใจ
~ ~ ~ ลา ลา ลา ~ ~ ~
ฉันหยุดยืนอยู่หน้าบ้านหลังสุดท้ายซึ่งยังเปิดไฟสว่างแม้รอบข้างมืดสนิทหมดแล้ว สวนเขียวถูกปล่อยให้แห้งเหี่ยว รั้วไม้ผุพังไร้การซ่อมแซมดูแล แต่เสียงครวญเพลงกลับดังก้องออกมาจากด้านในบีบบังคับให้ผลักมันก้าวเข้าไปอย่างถือวิสาสะ สองมือเอื้อมคว้าลูกบิดไว้แต่ยังไม่ทันได้หมุนเปิด เจ้าแมวส้มตัวเดิมก็กระโจนจากหลังคามายืนขวางหน้าไว้เสียก่อน
“มาเถอะ”
ทำไมกันนะ ทำไมฉันเข้าใจว่ามันกำลังพูดอะไรอยู่
“มาเถอะ”
“เดี๋ยวสิ เมื่อกี้ใช่ ‘มาวว’ รึเปล่า ‘เมี๊ยว’ หรือว่า ‘เหมียว’ กันแน่นะ”
“ฉันบอกว่า ‘มาเถอะ’ หรือก็คือ ‘ไปได้แล้ว’ ต่างหาก”
ล้ำลึก
ฉันเข้าใจภาษาแมวได้ ฉันรู้ว่ามันกำลังบอกให้หันหลัง เดินกลับออกไปจากบ้านหลังนี้ แต่ถึงอย่างนั้นสองมือสั่นเทาก็ยังไม่ยอมคลายปล่อยลูกบิดประตูเป็นอิสระเสียทีนี่สิ
อยากเปิดจัง
“อย่าเลย มาเถอะ”
“แต่ว่า…”
“รอก่อน ยังไม่ถึงเวลา”
ก็เหมือนจะเข้าใจ แต่ไม่อยากทำตาม
ฉันหมุนมันดังกริ๊ก ขยับเท้าจะก้าวเข้าไปในแสงไฟสว่างจ้า แต่ก็ถูกสี่ขาขนฟูถีบเข้าสีข้างจนหงายหลังก้นจ้ำเบ้าเสียก่อน
“ต้องให้ลงมือลงเท้า”
“ว้าว แรงเยอะจัง”
“มาเถอะ”
ฉันพยักหน้าเพราะคาดคะเนแล้วว่าคงไม่ปลอดภัยหากกวนหัวใจของแมวส้มตัวนี้ให้ขุ่นมัว แต่ยังไม่ทันได้ยกก้นขึ้นจากพื้นเสียงครวญเพลงหลังบานประตูก็หยุดลง เจ้าของบ้านคงส่งความสงสัยออกมาแน่ ๆ
“นั่นใครน่ะ!”
“เห็นมั้ยล่ะ! รีบเลย”
ฉันจ้ำตามหลังแมวน้อยอย่างไม่คิดชีวิตซึ่งก็ไม่รู้จะรีบร้อนทำไมและใครส่งเสียงถาม แต่บานประตูกำลังปิดตัวเองช้า ๆ พร้อมเสียงเพลงกลับคืนมาไพเราะกังวานใส ฉันก้าวเดินต่อไปแม้ยังไม่รู้ว่าทำแบบนี้ทำไมก็เถอะ ยอมทิ้งบ้านหลังนั้นไว้และแอบหวังใจว่าจะย่องกลับมาเยือนสักครั้งหลังจากนี้แน่
~ ~ ~ ลา ลา ลา ~ ~ ~
เจ้าเหมียวเร่งฝีเท้า ฉันคงเดินออกมาไกลจากตัวเมืองน่าดูเพราะความมืดเริ่มทำงานหนักขึ้นเมื่อสองข้างทางไร้แสงสว่างจากเสาไฟ แถมพระจันทร์ยังถูกเมฆหนาเคลื่อนเข้ามาบดบังไว้อีกต่างหาก สิ่งเดียวที่ดูปกติธรรมดาคงเป็นแสงเรื่อเรืองจากแมวส้มตรงหน้านี่เอง
ใช่มั้ยนะ
ถ้าคุณสงสัย ฉันจะบอกให้นะว่าคนที่เคยยืนมองฝนตกลงมาเป็นกรดกัดกร่อนกิ่งไม้ใบหญ้าและก้อนหินลอยสูงขึ้นฟ้ากลายเป็นหมู่ดาวซ้ำแล้วซ้ำเล่าทุกคืน คงไม่ตื่นตกใจกับแมวเรืองแสงพูดได้เท่าไหร่นัก แต่กับความมืดมิดที่ดูจะลดระดับการมองเห็นลงนี่สิ น่าแปลกกว่าเป็นไหน ๆ
มองอะไรไม่เห็นเลย
“ถึงแล้ว”
แมวน้อยหยุดเดินพร้อมแสงสว่างเดียวจางหาย ปล่อยทิ้งฉันไว้กับความมืดเพียงลำพัง ไร้เสียงเพลงขับกล่อม ไร้ร่องรอยของลมหายใจที่ไม่เคยมีมาตั้งแต่แรกด้วยซ้ำ
ทำไมน่ะเหรอ
แม้จะจำอะไรไม่ได้ แต่ใช่! ฉันคิดว่าตัวเองตายแล้ว ก็คนเป็นที่ไหนจะตกจากต้นไม้สูงขนาดนั้นแต่ไม่มีแม้รอยขีดข่วน
ฉันยังยืนจมความมืดอีกพักใหญ่ก่อนแสงไฟจากตะเกียงไม้เหนือศีรษะสว่างวาบฉายภาพเบื้องหน้าต่อสายตาบอกให้รู้ว่าไม่ได้อยู่ลำพัง ผู้คนเริ่มเดินพ้นจากซอยแคบเข้ามาสู่ใจกลางแสงประกายของแอ่งน้ำขังบนพื้น ยืนล้อมกันไว้เป็นวงกลมด้วยนัยน์ตาเลื่อนลอยดูไร้จุดหมายของการมีชีวิต
~ ~ ~ ลา ลา ลา ~ ~ ~
แอ่งน้ำขังบนพื้นตื้นเขินแต่เมื่อเหยียบยืนกลับจมหาย ชายคนแรกจากไป ต่อด้วยหญิงชรา เด็กน้อยคนที่สาม ตามมาด้วยแรงผลักแผ่วเบาพร้อมเสียงกระซิบถ้อยคำทางด้านหลัง
ฉันเป็นคนที่สี่
“ไม่เป็นไร”
มันคงไม่เป็นอะไร อย่างน้อยฉันก็คิดแบบนั้น แต่ทันทีที่เท้าสัมผัสโดน น้ำกระเซ็นเปียกชายกระโปรง โลกทั้งใบก็กลับตาลปัตร
~ ~ ~ ลา ลา ลา ~ ~ ~
โลกอีกด้านกำลังขับขานท่วงทำนอง ฉันเหลียวมองหาแต่ไม่มีใครปรากฏต่อสายตาเลยสักคน เสียงเดิมยังคงดังก้อง สอดประสานไปกับสายลมหวีดหวิวชวนใจสั่น ฉับพลันหยดน้ำตาก็ไหลรินอาบแก้ม แต้มสีชมพูระเรื่อบนใบหน้าอีกครั้ง
คุ้นเคยเหลือเกิน
~ ~ ~ ลา ลา ลา ~ ~ ~
เงาสะท้อนแทบเท้าจากแอ่งน้ำชัดเจนขึ้นทุกขณะ มันดึงฉันให้จมดิ่ง สลับกลับขึ้นมาบนโลกใบเดิม แล้วเริ่มต้นใหม่ซ้ำแล้วซ้ำเล่าพร้อมภาพความทรงจำมากมายภายในหัว คล้ายลืมเลือน คล้ายติดตรึงฝังแน่นจนไม่อาจสลัดพ้นก่อนจะฟื้นคืนตัวตนจนสมบูรณ์
ควีน่า มาร์เทล
ชื่อฉันเอง
เสียงครวญเพลงเงียบหายไปนานแล้วหลงเหลือไว้ก็แต่แมวส้มตัวเดิม เราทั้งสองต่างยืนมองกันและกัน ‘มัน’ ไม่ใช่สิ! ต้องเรียกว่า ‘เธอ’ ถึงจะถูก คงกำลังพิจารณาว่าควรเอ่ยคำใดออกมากันแน่
“สวัสดีควีน่า”
“มาช้าจังนะ”
“มันต้องใช้เวลา พร้อมมั้ยล่ะ”
“ก็คิดว่าพร้อมนะ มาเถอะ”
แมวส้มกระโจนเหยียบไหล่ส่งเสียงร้องคลอไปพร้อมกันเมื่อเริ่มต้นขับขานท่วงทำนองของรัตติกาล เพิ่งได้รู้ว่าที่ได้ยินมาตลอดตั้งแต่ต้นจนฟื้นความทรงจำ
เสียงฉันเอง
สายลมหมุนวนพัดพาเราทั้งคู่เลือนหายออกไปยังโลกอีกด้านซึ่งอยู่หลังบานประตูเก่าคร่ำคร่าของบ้านหลังนั้นที่เคยอยากเข้าไปแต่ถูกห้ามเอาไว้ก่อน ฉันผลักมัน เดินสู่แสงสว่างจ้าพร้อมแมวส้มเหยียบยืนนิ่งบนไหล่ขวา ไม่มีการลังเลหรือสงสัยในสิ่งใดอีกต่อไปแล้ว
ฉันยังไม่ตายแต่ติดวนอยู่ภายในนี้เหมือนคนอื่น ๆ รอคอยการนำทางกลับคืนสู่ตัวตนและแสงสว่างอีกครั้งเท่านั้น
“กลับมาแล้วควีน่า”
“ยินดีต้อนรับควีน่า”
“จงขับขานท่วงทำนองของรัตติกาล คอยนำทางผู้คนและแมวหลงตัวต่อไปเถิดควีน่า มาร์เทล”
จบ
ขอบคุณจากหัวใจที่ร่วมเดินทางมาด้วยกันนะคะ
แล้วพบกับ ควีน่า มาร์เทล ได้ที่ป้ายหน้าใน
Dreamcatchers ร้าน ลับ ฝัน
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ผลงานอื่นๆ ของ ณธนิษฐ์ ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ ณธนิษฐ์
ความคิดเห็น