คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ 1 ตัวประกอบอย่างฉันจะไปมีสิทธิ์อะไร
ตอนที่ 1 ตัวประกอบอย่างฉันจะไปมีสิทธิ์อะไร
เฉียวหยูเป็นนักเขียนนิยายโรแมนติก เธอได้เขียนเรื่องราวต่าง ๆ ลงในเว็บไซต์ด้วยความสม่ำเสมอและเป็นมืออาชีพนับตั้งแต่ครั้งยังเรียนอยู่มหาวิทยาลัย จนถึงตอนนี้ก็เป็นระยะเวลากว่าสามปี
ค่ำคืนหนึ่ง ขณะที่กำลังคร่ำเคร่งกับการเขียนอย่างขมักเขม่น วิสัยทัศน์ของเธอก็มืดดับ พอลืมตามาอีกทีก็มีสิ่งที่เรียกตัวเองว่าระบบดังขึ้นในหัวบอกว่าตอนนี้เธอได้เข้ามาอยู่ในหนังสือซะแล้ว
เฉียวหยูชำเลืองมองชุดลำลองหลวม ๆ ที่สวมใส่อยู่ “นี่เราได้เข้ามาอยู่ในนิยาย <รุ่นพี่สุดหล่อคนนั้น เป็นของฉันค่ะ> ของตัวเองรึเปล่า”
ระบบหัวเราะหึ แล้วบอกว่า “ไม่ใช่ค่ะ” ระหว่างที่พูด หน้าจอโฮโลแกรมก็โผล่ขึ้นมาอยู่ต่อหน้าของเฉียวหยู บนนั้นแสดงเนื้อหาของเรื่อง เฉียวหยู่ที่คร่ำหวอดกับการเขียนนิยายมานาน ก็ยอมรับเรื่องที่เกิดอย่างรวดเร็วและเลื่อนอ่านเนื้อเรื่องด้วยความคล่องแคล่วและคุ้นเคย
เธอเหลือบมองดูชื่อเรื่อง ความ <ชะตาแห่งรัก> เฉียวหยูอดไม่ได้ที่จะสูดหายใจเข้าลึกๆ เต็มไปด้วยความชื่นชม ทั้งการตั้งชื่อที่กระชับและเปี่ยมไปด้วยความหมาย นี่ต้องเป็นผลงานระดับปรมจารย์อย่างไม่ต้องสงสัย
เธอเริ่มการอ่านด้วยความชื่นชมเต็มหัวใจ พิจารณาทุกคำทุกประโยคด้วยความพิถีพิถัน ระหว่างนั้นระบบก็ทำตัวเงียบๆ อย่างรู้งาน
ไม่กี่ชั่วโมงถัดมา แววตาของเฉียวหยูก็มองขึ้นมาด้วยความสับสน
“เฮ้ ระบบ”
ระบบทำเสียงกระแอมไอ แววความกังวลแฝงชัดบนน้ำเสียงอันไรอารมณ์ “ม มีอะไรเหรอคะ”
“นิยายนี่มันยังไม่จบ” เฉียวหยูเลื่อนหน้าจอไปมาด้วยความสับสน สุดท้ายก็กลับไปที่หน้าสารบัญ “ในนี้มันมีแค่ยี่สิบตอน พระเอกนางเอกพึ่งจะได้พบกันหลังจากแยกกันมานานเอง”
ระบบยังคงเงียบอยู่ชั่วขณะ แล้วจึงพูดออกมาด้วยเสียงเป็นงานเป็นการ “ท่านคิดถูกแล้วค่ะ”
“นิยายเรื่องนี้มีทั้งหมดแค่ยี่สิบตอน”
“นักเขียนประสบอุบัติเหตุหลังลงตอนล่าสุดได้ไม่นาน งานของท่านกับฉันคือช่วยกันเขียนนิยายเรื่องนี้ไปจนจบ”
ครึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น เฉียวหยูนั่งขัดสมาธิที่เตียง เธอพบว่าตนเองอยู่ในห้องนอนที่ตกแต่งค่อนข้างหรูหราหลังจากถูกพามาที่นี่ บ่งบอกถึงฐานะทางครอบครัวว่าไม่ได้เลวร้าย
เมื่อนำคำพูดของระบบมาคิดดูอีกทีแล้ว
“…หรือก็คือ” เฉียวหยูนั่งท้าวคาง พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงดูรำคาญ “ฉันมาสวมร่างของใครบางคนในนิยายที่มีแค่ยี่สิบตอน แล้วก็ต้องเขียนต่อให้จบ”
“ใช่แล้วค่ะ” ระบบรีบเอาหน้าต่างสถานะขึ้นมาแสดง เฉียวหยูสังเกตได้ถึงทรงกลมอันโดดเด่นอยู่สองวง หนึ่งในนั้นมีชื่อว่า ‘ความพึงพอใจของนักอ่าน’ มีค่าอยู่ที่ 25 ในขณะที่อีกหนึ่งคือ ‘ความนอกบท’ ที่ยังคงเป็น 0
“..อะไรล่ะนั่น”
“แถบพวกนั้นก็คือผลประเมินของท่านค่ะ” ระบบอธิบายด้วยความอดทน “มันสามารถเปลี่ยนแปลงได้เมื่อท่านตีพิมพ์แต่ละตอน”
“ความพึงพอใจของนักอ่านก็ตรงตามตัวอักษร ส่วนระดับความนอกบทมีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ค่ะ นี่คือโลกที่ถูกสร้างขึ้นมาจากนักเขียนเรื่องนี้ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นจะถูกควบคุมด้วยกฏเกณฑ์ของตัวนิยาย”
“หรือก็คือ ขอเพียงแค่ท่านเขียนเนื้อหาที่เกิดขึ้นจริงของตัวพระนาง ทุกอย่างก็จะไม่มีปัญหา แต่ถ้าหากท่านมั่วนิ่มเหตุการณ์ใดขึ้นมาล่ะก็ ระดับความนอกบทก็จะเพิ่มขึ้นค่ะ”
“..แล้วถ้าเกิดว่าฉันทำให้ระดับความนอกบทเต็ม หรือความพอใจของนักอ่านเหลือศูนย์ล่ะ”
“ระบบเชื่อว่าท่านไม่อยากจะรับรู้ผลที่จะเกิดขึ้นหรอกค่ะ”
เอาเถอะ
ในเมื่อเข้าใจสิ่งที่ต้องทำแล้ว เฉียวหยูก็หุบปากตัวเองลง และเริ่มทวนเนื้อหาของหนังสือในใจ
เนื้อเรื่องของยี่สิบบทแรกก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไรมาก เป็นไปตามสูตรสำเร็จของนิยายรัก เรื่องราวเกิดขึ้นกับเพื่อนสมัยเด็กคู่หนึ่ง ด้วยเหตุที่ครอบครัวพระเอกมีฐานะมั่งคั่งขึ้นจึงทำให้ต้องย้ายออกไปที่อื่น เป็นผลให้ทั้งสองขาดกันติดต่อกันไป แต่แล้วสถานการณ์ก็เปลี่ยนไปเพราะคุณแม่ของนางเอกย้ายที่ทำงานเป็นเหตุให้นางเอกต้องติดสอยห้อยตามไปทางเหนือด้วย ในขณะที่กำลังมองหาที่อยู่นั้น สองแม่ลูกก็ได้รับอุปถัมภ์จากเพื่อนสมัยมัธยม ตอนนั้นแหละนางเอกก็ได้กลับมาเจอกับพระเอกที่ห่างหายไปหลายปีอีกครั้ง และรับรู้ว่าเพื่อนคนนั้นคือแม่ของพระเอกเอง
นางเอกจำได้ตั้งแต่วินาทีแรกที่สบตา แต่พระเอกกลับทำราวกับว่าเขาไม่รู้จักเธอเลย แถมยังแสดงท่าทีต่อต้านอย่างรุนแรง แต่นางเอกก็ไม่ได้เซ้าซี้ประเด็นนี้แล้วกลับห้องไปพักไป นางรู้สึกกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้เนื่องจากรู้ดีว่าวันรุ่งขึ้นก็จะต้องย้ายไปเรียนโรงเรียนมัธยมเดียวกับพระเอกอยู่แล้ว
แล้วเนื้อหาก็จบลงอย่างกะทันหัน มันยังไปไม่ถึงโครงเรื่องสำคัญอย่างชีวิตวัยเรียนด้วยซ้ำ เฉียวหยูรู้สึกค้างคา แต่ทันใดนั้นก็เหมือนนึกถึงบางสิ่งที่สำคัญได้ เธอรีบกระโดดลงจากเตียงแล้ววิ่งไปที่กระจกในห้อง
ในกระจก เธอเห็นนักเรียนหญิงมัธยมปลายคนหนึ่งสวมชุดนักเรียน เธอค่อนข้างสูงประมาณ 1.7 เมตร มีผมสีดำยาวกระเซิงเลยบ่าลงไป ใบหน้ากระจ่างใสและสะอาดสะอ้าน หางตาเแียงขึ้นเล็กน้อย ในรูม่านตามีกระแสหมุนวนดังลำธารสีเหลืองอำพัน ให้ความรู้สึกเกียจคร้านและเฉื่อยชาราวกับแมวขี้เซา
ยังดีที่มันยังคงเป็นใบหน้าของเธอเอง เพียงแต่อายุน้อยกว่านิดหน่อย เฉียวหยูตังเองเบา ๆ เพื่อเรียกความมั่นใจและถามระบบว่า “นี่ฉันเป็นใคร เคยมีบทอะไรไหม”
หลังจากพิจารณาอย่างถี่ถ้วน ระบบก็ตอบเสียงหนักแน่นว่า “ใช่ค่ะ” ขณะนั้น หน้าจอก็เลื่อนอย่างรวดเร็วและโฟกัสไปที่สองบรรทัดของตอนที่สิบแปด เป็นฉากที่ทั้งสองกลับมาพบกันที่บ้านของพระเอก
คงเย่อไม่มองหลินฉิงด้วยซ้ำ เขาปฏิบัติกับเธอราวกับอากาศธาตุ ส่วนแม่ของเขาก็ต่อว่าด้วยความโกรธเกรี้ยว 'ไปไหนมา ทำไมกลับดึกขนาดนี้’
เขาขมวดคิ้วอย่างสุดทน แต่ก็ได้เพียงแค่อดกลั้น ‘ก็แค่ออกไปหาเพื่อน ๆ ’
เฉียวหยูซ้ำแล้วซ้ำเล่าก่อนจะตระหนักได้ว่าคงเย่อน่าจะเป็นชื่อของพระเอก ส่วนนางเอกคือหลินชิง แล้ว..ข้อความพวกนี้มันเกี่ยวอะไรกับเธอล่ะ? ทันใดนั้น ความคิดสุดบรรเจิดก็เกิดขึ้นกับเธอ เธอตกตะลึงและหน้าซีด “หรือว่าฉันคือ แม่ของพระเอก”
ระบบถึงกับหมดคำจะพูด
“…ไม่ใช่สิ” ทันทีที่เฉียวหยูสงบลงและเหลือบมองเงาสะท้อนของเด็กสาวมัธยมปลายในกระจก “แม่คนไม่น่าจะเด็กขนาดนี้ได้ งั้นฉันคือ 'เพื่อน' งั้นเหรอ?”
“ถูกแล้วค่ะ” ระบบให้คำอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทบาทของเธออย่างกระตือรือร้น “ท่านและพระเอกพบกันหลังจากที่แยกกับนางเอก และพวกท่านทั้งสองก็อยู่ด้วยกันตั้งแต่นั้นมา แม้กระทั่งตอนม.ปลายก็ยังอยู่ห้องเดียวกันเลยค่ะ”
เฉียวหยูใจเต้นระรัวหลังจากได้ฟัง และขัดจังหวะด้วยความร้อนรน “ไอ้คำว่า 'อยุ่ด้วยกัน' นี่มันหมายความว่ายังไงฮะ”
อย่าบอกนะว่าฉันเป็นนางร้าย! ยอมรับไม่ได้หรอกเรื่องพรรค์นั้น ขอเถอะแค่เรื่องนี้เรื่องเดียว!
ระบบสุดจีเนียสสัมผัสได้ถึงความกังวลของเธอทันใด ยืดอกอย่างภาคภูมิใจว่า “ไม่ต้องห่วงค่ะ! เพื่อให้สร้างสภาพแวดล้อมให้ตัวท่านสามารถมุ่งความสนใจไปที่การเขียนโดยไม่ต้องกังวลกับปัญหาบทบาทไร้สาระ ตัวละครของท่านจึงไม่มีความสัมพันธ์พิเศษแบบนั้นกับพระเอก เนื่องจากภูมิหลังทางบ้านที่คล้ายคลึงกันท่านและพระเอกอย่างมากก็เป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น โปรดวางใจค่ะว่าท่านมีสิทธิ์เลือกบทบาทการกระทำได้ตามใจชอบ!”
สรุปแล้วพวกเราก็เป็นแค่เพื่อนที่โตมาด้วยกันสินะ เฉียวหยูถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ตอนนี้อยู่ช่วงไหนของเนื้อเรื่องแล้ว?”
“ตอนนี้เป็นคืนสุดท้ายก่อนเปิดภาคการศึกษา อีกนัยหนึ่งก็คือเป็นเหตุการณ์หลังจากจบตอนที่ยี่สิบพอดีค่ะ” ระบบตอบสนองอย่างคล่องแคล่ว ถึงเสียงที่ได้ยินจะไร้อารมณ์แต่ก็สัมผัสได้ถึงความตื่นเต้นภายใน
“ซึ่งหมายความว่านางเอกจะย้ายเข้ามาเรียนห้องเดียวกับพระเอกในเช้านี้ค่ะ!”
เช้าวันรุ่งขึ้น เวลา 7.20 น. เฉียวหยูนั่งอยู่ในรถส่วนตัว เธอมีสภาพอิดโรยขั้นสุดรอยคล้ำใต้ตาเกือบถึงคาง เธอใช้เวลาทั้งคืนเพื่อทำความเข้าใจเบื้องหลังของเรื่องราวและรายละเอียดตัวละครละคร เมื่อรู้ตัวอีกทีก็ตีสามแล้ว แต่เธอกลับนอนพวกผ่อนไปได้แค่สามชั่วโมงเท่านั้นก่อนที่ระบบแสนดีจะทำตัวเป็นนาฬิกาปลุก กรีดร้องจนเธอสะดุ้งตื่นขึ้นมา
เฉียวหยูลุกขึ้นอย่างยากลำบาก ทั้งยังต้องมาอาบน้ำและรับประทานอาหารเช้า กว่าเธอจะได้นั่งรถที่ครอบครัวเตรียมไว้ให้ก็รู้สึกเหมือนใช้เวลาไปเกือบครึ่งชีวิตแล้ว
อดีตนักศึกษามหาวิทยาลัยช่างน่าสงสารถึงแม้ว่าการนอนดึกเพื่อเขียนหนังสือเป็นเรื่องปกติสำหรับเธอ แต่เธอก็ไม่เคยตื่นเช้าก่อนหกโมงมานานแล้ว ส่วนระบบที่ไม่ต้องการการนอนหลับพักผ่อนก็เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวาและพูดจ้ออย่างกระตือรือร้น
“วันนี้อากาศดีนะคะ ช่างยอดเยี่ยมเหมาะไปเดินสูดอากาศมากค่ะ ดูสิ!”
มันเลวร้ายเหอะ! นองจากจะมืดมิดแล้วยังมืดมนอีก ดูสิแม้แต่ดวงอาทิตย์ก็ไม่สามารถขึ้นตื่นกว่าเธอได้เลย เฉียวหยู ผู้นอนอดหลับอดนอนจนปวดหัว ไม่อาจจะสนุกสนานกับการสนทนาไร้สาระของระบบโดยที่ดวงตายังกึง่เปิดกึ่งปิดอยู่ได้
ทั้งที่สามารถเข้ามหาวิทยาลัยได้หลังจากเกียจคร้านมานานหลายปี แต่การต้องหวนกลับมาสู่วิถีชีวิตที่ลำบากสมัยมัธยม ที่ต้องทำตัวยังกับฝึกเป็นพระแล้วก็อดรู้สึกเศร้าโศกไปไม่ได้ ทำเป็นเมินเสียงเจี๊ยวจ๊าวของระบบออกไป เธอโน้มตัวไปเบาะหน้าและสั่งให้คนขับปลุกเธอทันทีที่เดินทางถึงโรงเรียน แล้วเธอก็เอียงศีรษะล้มตัวลงนอนหลับสนิทที่เบาะหลัง
ผลก็คือเธอนอนอย่างกับไม่ได้พักผ่อนมาสามวัน เฉียวหยูเหลือบมองโทรศัพท์ของเธออย่างเฉื่อยชา พบว่าเป็นเวลา 8:03 น. เธอไม่เพียงแต่พลาดการอ่านหนังสือในช่วงเช้าเท่านั้น แต่ยังผ่านเวลาเรียนคาบแรกไปแล้วสามนาทีด้วย แต่แทนที่จะรีบไปห้องเรียน เธอตัดสินใจเดินไปที่อาคารเรียนพลางสะพายกระเป๋าเป้สะพายหลังอย่างเกียจคร้าน
เมื่อวานตามหาภูมิหลังของเจ้าของร่างคนก่อน ที่มีชื่อเดียวกันและยังมีครอบครัวร่ำรวย เป็นทายาทรุ่นที่สองที่แท้จริง และด้วยพื้นหลังทางครอบครัวที่คล้ายคลึงกันนี้เองทำให้เฉียวและตัวเอกชายคงเย่อ ลงเอยด้วยการเดินร่วมกันบนเส้นทางเดียวกัน
เฉียวหยูหาวและนึกถึงเรื่องที่รับยัดเข้ามาในสมองเมื่อวานนี้ เพราะว่านิสัยของร่างนี้ที่เอาแต่ใจแล้วยังเอาแน่เอานอนไม่ได้แล้ว การมาสายก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
ส่วนการจะเขียนเรื่องนี้ต่ออย่างไร เป็นเรื่องที่เธอต้องคิดอย่างรอบคอบ ตามที่ระบบอธิบายไว้ ตอนนี้เธอได้เข้าสู่โลกที่เป็นไปตามหนังสือ โครงเรื่องและความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครจึงเป็นไปตามธรรมชาติ สิ่งที่เธอต้องทำก็แค่เป็นผู้สังเกตการณ์แล้วถ่ายทอดออกมา
เมื่อเทียบเวลาระหว่างในหนังสือกับโลกภายนอกที่ไหลเวียนแตกต่างกัน ดังนั้นไม่ใช่ทุกวันที่จะมีความคืบหน้าของเนื้อเรื่อง เธอเพียงต้องการแค่หนึ่งตอนต่อสัปดาห์ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องง่าย ๆ เมื่อเทียบกับการอัปเดตรายวันที่เธอเคยทำในโลกเดิม
“โพสต์ไว้ที่นี่” ระบบแสดงอินเทอร์เฟซการทำงานบนหน้าจอ เฉียวหยูมองมันอย่างว่างเปล่า และสังเกตเห็นปุ่ม ดูความคิดเห็น ข้างๆ ทันที เธอคลิกที่มันโดยไม่ต้องคิดมาก และในทันใดนั้นความคิดเห็นนับพันก็ปรากฏต่อหน้า
เฮ้ออ เมื่อไหร่ผไรท์จะกลับมานะ?
อย่าพึ่งเร่งสิทุกคน! ผู้เขียนบอกไม่ชอบถูกกดดัน! ยิ่งเร่งมากเท่าไร ไรท์ก็ยิ่งขี้เกียจ!
จะลงแดงตายแล้วนะ! เมื่อไหร่จะได้เห็นฉากหวานน้ำตาลขึ้นเนี่ย
ตัวข้ามาจากอนาคต ข้าเห็นแล้ว พระเอกนางเอกจะก้าวผ่านความเข้าใจผิด แต่งงานมีลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง
เฉียวหยูหลับตามทำใจอยู่นานจากความคาดหวังอย่างล้นหลามจากนักอ่าน เธอตัวสั่นขณะอ่านไปเรื่อย ก่อนจะปิดหน้าต่างอย่างรวดเร็ว
“…นั่นแหละค่ะ” ระบบพูดเบา ๆ “ผู้อ่านจำนวนมากตั้งตารอหนังสือเล่มนี้ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมถึงแม้จะไม่ได้อัพเดทมานาน แต่ก็ยังรักษาระดับความพึงพอใจไว้ที่ 25% ได้”
ทันใดนั้นเฉียวหยูก็รู้สึกว่าน้ำหนักบนไหล่ของเธอเพิ่มขึ้นสามร้อยเท่า เธอพูดขึ้นด้วยแววความหวังอันริบหรี่ “ค-คนพวกนี้…จะแสดงความคิดเห็นแบบนี้หลังจากที่ฉันโพสต์ตอนหรือเปล่า?”
“ใช่ค่ะ พวกเขาจะยังคงแสดงความคิดเห็นแน่นอน”
เฉียวหยูกรีดร้องอย่างเงียบ ๆ และกลิ้งไปมาบนเตียงของเธอ ความกังวลที่เกิดขึ้นเป็นผลเวลานอนสามชั่วโมงของเธอเต็มไปด้วยฝันร้ายว่าถูกผู้อ่านวิพากษ์วิจารณ์อย่างไร้ความปราณีหลังจากเธอโพสต์งานเขียน
หลังจาทบทวนความทรงจำเหล่านั้นได้ เฉียวหยูก็ถอนหายใจยาว และความรู้สึกหนักอึ้งก็แล่นเข้ามาในอกของเธอ …แม้ว่าเธอถูกบังคับให้อยู่ในสถานการณ์นี้ แต่เธอก็ยังมีเกียรติ เธอเคยเป็นถึงนักเขียนแนวโรแมนติกเลยนะ
เฉียวหยู่ยืดหลังตรงอย่างมุ่งมั่น จับสายกระเป๋าเป้สะพายหลังไว้แน่น ทั่วทั้งตัวของเธอเปล่งประกายออร่าเด็ดเดี่ยวราวกับแม่ทัพบุกป้อมข้าศึก เธอไม่เพียงแต่ต้องเขียนหนังสือเล่มนี้ให้จบเท่านั้น แต่เธอยังต้องเขียนให้ผู้อ่านซ้อบซึ่งที่สุด!
“ถ้างั้นก็รีบรีบไปที่ห้องเรียนกันเถอะ!” ระบบสัมผัสได้ถึงความมุ่งมั่นของเธอและมีพลังขึ้นมาทันที
“คงจะน่าเสียดายถ้ากหากพลาดฉากสำคัญอย่างการย้ายเข้าของนางเอก!” นี่เป็นฉากสำคัญที่จะต้องปรากฏในเรื่องนี้ ถ้าหากพลาดไป เธอจะต้องอาศัยการถามผู้อื่นหรือมโนขึ้นมาเอง และนั่นอาจนำไปสู่การนอกบทได้
ระบบที่น่าสงสาร มันอุตส่าห์ทำตัวเป็นนาฬิกาปลุกตั้งสองครั้งสองครา ทว่ากลับไม่สามารถพาเจ้าของไปห้องเรียนตรงเวลาด้วยซ้ำ แต่ดังสุภาษิตที่ว่าไม่มีอะไรสายเกินแก้ หากพวกเธอรีบไปตอนนี้ บางทีอาจจะยังทัน!
“ไม่ทันหรอก” ด้วยความประหลาดใจ เฉียวหยูปฏิเสธระบบอย่างเย็นชา เธอได้เข้าอาคารเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 แล้ว เมื่อเธอมาถึงทางเข้าห้อง 2 ของเธอเอง เธอกลับเงี่ยหูฟังอยู่ข้างนอก ทำตัวลับๆ ล่อๆ ไม่ได้เปิดประตูสักที
“…ทำอะไรอยู่คะ?” ร่างสูง 1.7 เมตรของเธอดูค่อนข้างตลกขณะที่เธอแอบมองจากภายนอก ระบบอดไม่ได้ที่จะถามเธอแต่กลับถูกเงียบด้วยเสียงเงียบๆ
“อย่าพึ่งกวนสิ!” เฉียวหยูแอบส่องมองเข้าไปผ่านประตูข้างในอย่างระมัดระวัง แน่นอนว่าฌะอเห็นสองคนอยู่หน้ากระดานดำ นอกจากคุณครูแล้วผู้ที่ใส่ขุดนักเรียนยืนอยู่ข้าง ๆ ถึงแม้จะเห็นไม่ค่อยชัด แต่เธอก็แน่ใจว่าคือนางเอก
เฉียวหยูแนบหูเข้ากับประตู พยายามดักฟังเสียงข้างใน พร้อมทั้งอธิบายสิ่งที่เธอทำกับระบบ “นางเอกกำลังจะแนะนำตัวแล้ว นี่เป็นฉากสำคัญ ผู้ที่จะรบกวนนี้ได้มีแค่พระเอกเท่านั้น ตัวประกอบอย่างฉันจะไปมีสิทธิ์ทำลายฉากสำคัญได้ไง”
สังเกตได้ว่าสำนวนการอธิบายครึ่งแรกกับหลังไม่เหมือนกัน ไม่ต้องตกใจหรอก ผู้แปลแค่ขี้เกียจ <^_^>
ตอนต่อไป “ชื่อหลินชิงค่ะ ยินดีที่ได้รู้จัก”
ความคิดเห็น