สุมินตรานาคี
ข้าเชื่อว่าท่านหาใช่คนผิด แม้ว่าท่านจะเวียนว่ายตายเกิดกี่ภพชาติ ข้าจักคอยช่วยเหลือ และรอคอยให้เรากลับมาคู่กันเช่นเดิม
ผู้เข้าชมรวม
248
ผู้เข้าชมเดือนนี้
2
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
" บทลงทัณฑ์ของผู้ที่บังอาจขโมยลูกแก้วนาคา (มณีนาคราช) แห่งวังบาดาล คือต้องถูกหอกเพชรนาคราชทิ่มแทงหัวใจจนตาย เจ้าจักยอมรับความผิดหรือไม่ อินทรจักร! " ท่านอินทรชิต หนึ่งในผู้คุมกฎทั้ง 5 ของวังบาดาล มองบุตรชายหัวแก้วหัวแหวน ด้วยสายตาเรียบนิ่ง แม้ภายในใจจะสั่นไหวและเจ็บปวดเพียงใด ก็ได้แต่เพียงทำใจยอมรับ ในเมื่อกระทำผิดไปแล้ว ย่อมรอรับผลกรรมที่ตามมา
" ข้าหาได้ขโมยไม่ท่านพ่อ ข้ายอมรับว่าข้าเข้ามาที่ถ้ำแก้วนาคาจริง แต่หาใช่ผู้ขโมยลูกแก้วนาคา " อินทรจักรมองผู้เป็นบิดาด้วยสายตาจริงจังมิได้เสแสร้งหรือแกล้งทำ สิ่งที่เขาพูดคือเรื่องจริงทั้งหมด
" แล้วลูกแก้วนาคา มันไปอยู่บนตัวเจ้าได้เช่นไร " ผู้ที่จักได้ครอบครองลูกแก้วนาคาคือผู้มีบุญญาธิการสูงส่งที่เกิดจากเจ้าครองนครแห่งวังบาดาลเท่านั้น
เมื่อเจ้าผู้ครองนครแห่งวังบาดาลสละราชสมบัติ ลูกแก้วนาคาจะเลือกพระราชโอรสองค์ที่มีบุญญาธิการสูงสุดมาเป็นเจ้าผู้ครองนครแห่งวังบาดาล
แต่อินทรจักรเป็นใคร?...ก็แค่ลูกชายองครักษ์ ที่เป็นเพียงหนึ่งใน 5 ของผู้คุมกฎแห่งวังบาดาล อินทรจักรถือความพิเศษอันใด ถึงได้ครอบครองลูกแก้วนาคา
" ข้าไม่รู้ ข้าแค่จักมาสักการะ ลูกแก้วนาคาตรงแท่นสักการะหน้าถ้ำ อยู่ดีๆสายฟ้าจากสวรรค์ ก็ฟาดลงมาบนตัวข้า แต่ข้าหาได้เจ็บปวดอันใดไม่ แล้วตัวข้าก็มีลูกแก้วนาคาสีดำปรากฏออกมา แล้วมันก็เปลี่ยนเป็นสีเขียว ก่อนจะส่องแสงประกายสีเขียวบนฝ่ามือของข้า" เมื่อได้ฟังคำบอกเล่าจากอินทรจักร เหล่าบรรดาโหรหลวงที่ยืนอยู่ 5 ตน ถึงกับดวงจิตสั่นไหว แล้วจ้องมองไปยังบัลลังก์นาคราช ที่มีผู้ครองนครบาดาลประทับอยู่บนนั้น
สายตาเยียบเย็นทอดพระเนตรมายังอินทรจักร ไม่มีใครรู้ว่าพระองค์จะจัดการยังไงกับอินทรจักร แต่ดูจากสายตาแล้วอินทรจักรคงไม่รอด
" ลูกแก้วนาคาสีดำ? " อินทรชิตทวนคำตามบุตรชายบอกเบาๆ ลูกแก้วนาคาในถ้ำนาคราชมักจะเปล่งประกายแสงสีเขียวสว่างไสวไปทั้งเมืองบาดาล ในทุกวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ เพื่อแสดงถึงบุญบารมีของผู้ครองนครแห่งวังบาดาล แล้วมันจักกลายเป็นสีดำไปได้เช่นไร...
เสียงฝีเท้าบางเบาและกลิ่นกายหอมหวานที่เป็นเอกลักษณ์ โชยออกมาจากภายในถ้ำ ก่อนที่แสงสีขาวจะปกคลุมหน้าถ้ำ แล้วสลายหายไป ปรากฏร่างองค์หญิงสุมินตรา พระธิดาองค์เล็กแห่งวังบาดาล
ทหารเฝ้ายามหน้าถ้ำต่างทำความเคารพ ทับทิมและมาลัย นางกำนัลของสุมินตราต่างเข้ามาทำความเคารพอย่างรีบร้อน
" พระธิดาเพคะ ท่านอินทรจักรแย่แล้วเพคะ! "
" มีเรื่องอันใด ใยเจ้าดูร้อนรนนัก " น้ำเสียงหวานล้ำดูกังวล เมื่อได้ยินชื่อของอินทรจักร
" ท่านอินทรจักร ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ขโมยลูกแก้วนาคาแห่งถ้ำนาคาเพคะ! "
" เป็นไปได้เช่นไร ข้าอยู่ภายในถ้ำนาคาชั้นนอกตลอดเพลา หามีผู้ใดเข้าไปไม่ นอกจากเสด็จพ่อแล้ว ไม่เคยมีผู้ใดสามารถเปิดประตูเข้าถ้ำนาคาชั้นในได้...ข้าจักรีบไปดูอินทรจักร! " สุมินตรารีบร้อนไปยังลานตัดสินโทษแห่งวังบาดาล แต่ไม่ทันเสียแล้ว
" อินทรจักร! " สุมินตราวิ่งเข้าหาอินทรจักรที่มีเลือดท่วมตัว จากการถูกหอกเพชรนาคราชพุ่งจากแท่นหินบนบัลลังก์แทงทะลุหัวใจ
" สุมินตรา...ข้ารักท่าน " พูดได้แค่นั้นอินทรจักรก็หลับไปอย่างสงบ สุมินตราจับมืออินทรจักรมากุมตรงพระหฤทัย ก่อนจะพระกรรแสงออกมา สร้างความสะเทือนใจแก่นาคทุกตนที่อยู่บนลานตัดสินโทษ
" เสด็จพ่อ! ใยท่านทำเช่นนี้ อินทรจักรไม่ได้ขโมยลูกแก้วนาคา ท่านก็รู้ว่าไม่มีใครสามารถเข้าถ้ำนาคาชั้นในเพื่อไปเอาลูกแก้วนาคาได้...นอกจาก...นอกจาก..." สุมิตราสะอื้นและกรรแสงอีกครั้ง " นอกจากจะเป็นนาคผู้ครอบครองนครบาดาลตนต่อไป! "
" สุมินตรา! " ผู้ครองนครบาดาลเรียกชื่อพระธิดาองค์เล็กของพระองค์ ด้วยพระสุรเสียงเกรี้ยวกราด " จับนางไปกักบริเวณ 1 ปี! "
" ไม่นะเสด็จพ่อ ข้าจะอยู่กับอินทรจักร คนรักของข้า "
" บังอาจ! กักบริเวณเพิ่มเป็น 100 ปี! "
" ไม่นะ!!..." สุมินตรามองร่างไร้วิญญาณของอินทรจักร ดั่งพระหฤทัยที่สลายหายไป นางกำมือข้างหนึ่งไว้ตรงพระหฤทัยตลอดเวลา สร้างความสะเทือนใจแก่ผู้พบเห็นยิ่งนัก ก่อนที่จะถูกนางกำนัลทั้งสองพยุงตัวออกไป
อินทรชิตมองไปยังร่างของบุตรชายก่อนจะอุ้มร่างของบุตรชายขึ้นมา แล้วเดินออกจากลานตัดสินโทษ อย่างเงียบเชียบ ไม่มีนาคตนใดห้ามปรามแม้แต่ตนเดียว แม้แต่เจ้าผู้ครองนครยังประทับนิ่งอยู่บนบัลลังก์ โดยไม่ได้รับสั่งอันใด
นาคตนอื่นก็รู้ดีว่าทำไมถึงเป็นเช่นนี้ เพราะนาคทุกตนในเมืองบาดาล เมื่อถึงแก่ชีวิต ร่างกายก็จะสลายหายไปเองภายใน 3 วัน ไม่เว้นแม้แต่ผู้ครอบครองนคร
เมื่อทุกอย่างจบลง โหรหลวงทั้ง 5 ต่างถอนหายใจออกมา ก่อนจะก้มหน้ารอรับพระราชโองการจากเจ้าผู้ครองนครแห่งวังบาดาล
" ความลับย่อมเป็นความลับต่อไป " เจ้าผู้ครองนครตรัสก่อนจะสลายร่างหายไปจากแท่นประทับบนบัลลังก์
โหรหลวงแห่งวังบาดาล ทั้ง 5 ตน มองหน้ากัน ก่อนจะแยกย้ายไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียดและกังวล เรื่องราวเช่นนี้ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยเกิดขึ้น ในอดีตมันเคยเกิดขึ้นมาหลายครั้งแล้ว แต่โหรหลวงอาวุโสอายุหมื่นปีอย่างพวกตนก็ไม่สามารถทำอะไรได้ ได้แต่ภาวนาอย่าให้เกิดอาเพศขึ้นในวังบาดาลตามคำทำนายเลย...
ในอดีตอันไกลโพ้นได้กล่าวไว้ว่า ผู้ที่จะครอบครองนครบาดาล จักต้องเป็นผู้ที่มีบุญญาบารมีสูงส่งและมีดวงแก้วประจำกาย
การปรากฏของดวงแก้วประจำกาย มิได้เกิดจากการจุติแบบโอปปาติกะของพญานาค แต่จะบังเกิดขึ้นในวัยอันสมควร เมื่อเติบโตเต็มที่ ก็จะต้องจำศีลเข้าฌานสมาบัติ เพื่อชำระกายใจให้บริสุทธิ์ รอรับการปรากฏของดวงแก้วประกายแห่งตน
ครั้นถึงคืนวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ ผลบุญที่สั่งสมมาในอดีต จะดลบันดาลให้ดวงแก้วนาคา ปรากฏตัวขึ้น ดวงแก้วจะสว่างไสวไปทั่วทั้งภพบาดาล ไม่ใช่แค่เมืองใดเมืองหนึ่ง แต่ทั่วทั้งภพบาดาลจะรับรู้ถึงแสงสว่างนี้
และจะบังเกิดทิพยสมบัติต่างๆตามกำลังบุญของพญานาค ยิ่งบุญบารมีมาก สมบัติก็ยิ่งมาก พญานาคผู้ครองนครองค์เดิม จะต้องสละราชสมบัติให้ท่านที่มีบุญญาธิการสูงกว่า เพื่อครอบครองนครบาดาลสืบไป
แต่น่าเสียดาย หนุ่มน้อยอย่างอินทรจักร ที่มีดวงแก้วนาคาประจำกาย ยังไม่ทันได้เข้าณานสมาบัติเพื่อหลอมรวมดวงแก้วนาคากับกายา ต้องมาตกตายเสียก่อน มิเช่นนั้นโหรหลวงทั้ง 5 คงได้รับรู้แล้วว่า อิทธิฤทธิ์ของอินทรจักรจะอยู่เหนือดวงแก้วนาคาดวงเก่ามากขนาดไหน
"เมื่อร่างกายดับสูญโดยยังไม่ทันมอบดวงแก้วนาคาให้ใคร " อิทธิฤทธิ์ของดวงแก้วก็จะดับสูญไปด้วย น่าเสียดายจริงๆ ถ้ามีนาคตนใดมีบุญบารมีมาก จนสามารถครอบครองดวงแก้วดวงนี้ นาคตนนั้นก็จะมีอิทธิฤทธิ์เทียบเท่าเจ้าของดวงแก้วตัวจริง ถ้านาคตนนั้นสามารถหลอมรวมดวงแก้วนาคาเข้ากับกายาของตนได้สำเร็จ...แต่ความลับนี้ ย่อมเป็นความลับตลอดไป
ปัจจุบัน
" กรุงเทพมหานครปี 2566 หนุ่มน้อยนามว่า อินทรจักร หรืออินทรก็มาเกิดเป็นลูกแม่ค้าขายข้าวแกงอย่างป้าอร จะว่าจนก็จน จะว่ารวย ก็ไม่ใช่ เอาเป็นว่าพออยู่พอกินดีกว่าเนอะ นิทานจบแล้ว นอนได้แล้วหนุ่มน้อยของแม่ โตจนป่านนี้ยังชอบฟังนิทานอีก " อินทรจักรวัย 18 ปี ยิ้มให้แม่อย่างน่ารัก ก่อนจะหอมแก้มแม่ทั้งซ้ายทั้งขวา
" รักแม่ที่สุดเลยครับ! " เขามีเพียงแม่คนเดียวเท่านั้น หลังจากที่พ่อตายไป ทุกอย่างก็ไม่เหมือนเดิม ครอบครัวโดนกล่าวหาว่าลักลอบขายวัตถุโบราณ สมบัติทุกอย่างที่เป็นของพ่อโดนทางราชการยึดจนหมด จนไม่เหลือแม้สักชิ้น ชื่อเสียงของนักโบราณคดีชื่อดังต้องดับชั่วข้ามคืน แม่ของเขาต้องขายบ้านที่เป็นสมบัติชิ้นสุดท้าย ก่อนจะพาเขาที่อายุในตอนนั้นเพียง 5 ขวบย้ายมาอยู่กรุงเทพฯ เปลี่ยนชื่อและนามสกุลใหม่ เพื่อหลบหนีจากพวกนักข่าวและเรื่องวุ่นวาย
" ไปนอนได้แล้วครับเด็กน้อย " แม่ของเขาบอกอีกครั้ง เขาจึงลุกจากเตียงนอนของแม่ แล้วแยกไปนอนห้องนอนของตนเอง แม่บอกเขาว่า โตแล้ว ต้องหัดนอนคนเดียวให้ได้
แต่เขาไม่เคยบอกแม่ว่า เขามักฝันเห็นพี่สาวคนสวยคนหนึ่ง ที่เคยช่วยเขาตอนเขาผลัดตกน้ำตอนอายุ 5 ขวบ เพราะที่น่าแปลกใจก็คือพอขึ้นจากน้ำ พี่สาวคนสวยกับมีหน้าตาไม่เหมือนตอนอยู่ใต้น้ำ มีเพียงกลิ่นกายหอมหวานที่ยังคงเหมือนเดิม
กลิ่นกายหอมหวานนั้น เขายังจำไม่เคยลืมเลือน
" หวังว่าเราจะได้เจอกันอีกนะพี่สาว " อินทรพึมพำเบาๆก่อนจะขึ้นไปนอนบนเตียงและหลับไปอย่างง่ายดาย......
....................
ผลงานอื่นๆ ของ Snowdrop_p ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Snowdrop_p
ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้
ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้
ความคิดเห็น