ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ทวีปยุโรป

    ลำดับตอนที่ #10 : ภูมิหลังทางประวัติศาสตร์

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.95K
      5
      13 ม.ค. 50

    ทวีปยุโรปมีความเจริญเก่าแก่ที่สืบย้อนหลังไปได้กว่า 2000 ปี โดยอาจแบ่งประวัติศาสตร์ของทวีปยุโรปออกเป็นสมัยต่างๆ ดังนี้

    1.ยุโรปสมัยโบราณ ความเจริญของยุโรปเริ่มขึ้นเป็นแห่งแรกที่บริเวณตอนใต้ของทวีปแถบชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน โดยมีกรีกและโรมันเป็นศูนย์กลางความเจริญในสมัยโบราณ ซึ่งเรียกความเจริญสมัยกรีกและโรมันนี้ว่า อารยธรรมสมัยคลาสิก

    ความเจริญของกรีก ชาวกรีกได้สร้างอาณาจักรของตนขี้น ประกอบด้วย นครรัฐเล็กๆ หลายแห่งในคาบสมุทรบอลข่าน อาณาจักรของชาวกรีกเจริญรุ่งเรืองมาก ระหว่าง 200 ปีก่อนพุทธกาลจนถึงต้นพุทธกาล ซึ่งเป็นช่วงระยะเวลาที่นักเดินเรือและพ่อค้าชาวกรีกออกไปทำการค้าและสร้างอาณานิคมขึ้นอย่างกว้างขวางตามบริเวณชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนของทวีปยุโรป เอเซีย และแอฟริกา ความเจริญที่ชาวกรีกโบราณให้เป็นมรดกตกทอดมาถึงคนรุ่นหลังมีที่สำคัญได้แก

    การปกครองแบบประชาธิปไตย
    ชาวกรีกได้พัฒนาการปกครองแบบประชาธิปไตยโดยราษฏรมีสิทธิลงคะแนนเลือกตั้งเจ้าหน้าที่ฝ่ายกครองหรือสมาชิกสภาบริหาร โดยเฉพาะการปกครองของนครรัฐเอเธนส์ ซึ่งเป็นนครรัฐที่มีชื่อเสียงมากของกรีก ถือกันว่าเป็นแม่แบบของการปกครองระบอบประชาธิปไตยที่ชาวยุโรปได้รับการถ่ายทอดมาจากชาวกรีก

    ศิลปวัฒนธรรม
    ชาวกรีกได้สร้างศิลปกรรม และสถาปัตยกรรม ที่มีความงดงาม นอกจากนี้ยังมีวรรณคดีที่เกี่ยวข้องกับศาสนา ซึ่งเคารพบูชาเทพเจ้าต่างๆ มีพิธีกรรมบูชาเทพเจ้า โดยการแสดงละคร ซึ่งเป็นแบบฉบับการละครของชาวยุโรปในสมัยต่อมา รวมทั้งการแข่งขันกีฬาระหว่างนครรัฐ เพื่อบูชาเทพเจ้าที่ภูเขาโอลิมปัส ก็ได้กลายมาเป็นธรรมเนียมการแข่งขันกีฬาระหว่างประเทศที่เรียกว่า กีฬาโอลิมปิคในปัจจุบัน

    ปรัชญาความคิด
    ชาวกรีกเป็นนักคิด รักความมีเหตุผล จึงทำให้เกิดแนวความคิดทางปรัชญาแก่ชาวยุโรป นักปรัชญากรีกที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันดี ได้แก่ เพลโต และอริสโตเติล ซึ่งถือเป็นผู้วางรากฐานปรัชยาให้แก่ชาวยุโรป

    ความเจริญของโรมัน
    ชาวโรมันได้สร้างอาณาจักรของตนขึ้นในคาบสมุทรอิตาลี และมีอำนาจขึ้นแทนที่กรีกในตอนต้นพุทธศตวรรษที่ 4 จนถึงตอนต้นพุทธศตวรรษที่ 11 จึงเสื่อมอำนาจลง

    ในขณะที่โรมันมีอำนาจอย่างเต็มที่ได้แผ่ขยายดินแดนออกไปอย่างกว้างขวางทั้งในยุโรป และตอนเหนือของแอฟริกา ปัจจุบันยังคงมีซากโบราณสถานปรากฏอยู่ในประเทศต่างๆ ที่แสดงถึงการแผ่อำนาจของโรมันโบราณ เช่น กำแพงเมือง ป้อมปราการ ถนน เป็นต้น

    สิ่งที่ชาวโรมันให้เป็นมรดกตกทอดแก่ชนรุ่นหลัง มีที่สำคัญ คือ

    กฏหมาย
    ชาวโรมันได้สร้างประมวลกฏหมาย เพื่อใช้เป็นหลักในการปกครอง กฏหมายาของชาวโรมันมีอิทธิพลต่อระบบกฏหมายของหลายประเทศในยุโรปในปัจจุบัน

    ภาษา
    ชาวโรมันใช้ภาษาละตินเป็นภาษาพูดและเขียน แม้ภาษานี้จะเลิกใช้ไปแล้วในปัจจุบัน แต่ยังคงเป็นภาษาที่ใช้อยู่ในวงการนักปราชญ์ นอกจากนี้ยังเป็นพื้นฐานของภาษาต่างๆ ที่ใช้อยู่ในหลายประเทศของยุโรปในปัจจุบันด้วย

    2. ยุโรปสมัยกลาง
    เมื่ออาณาจักรของชาวโรมันเสื่อมอำนาจลงในตอนต้นพุทธศตวรรษที่ 11 อันเนื่องมาจากการแผ่อำนาจของชนกลุ่มต่างๆ ที่เรียกว่า อนารยชนเยอรมัน ก็ถือว่าอารยธรรมสมัยคลาสิกของยุโรปสิ้นสุดลง และเป็นการเริ่มต้นประวัติศาสตร์ของยุโรปสมัยกลาง ซึ่งมีระยะเวลายาวนานประมาณ 1000 ปี ตั้งแต่ต้นพุทธศตวรรษที่ 11 จนถึงตอนต้นพุทธศตวรรษที่ 21

    ในสมัยกลางนี้เป็นช่วงเวลาที่ความเจริญต่างๆ ของยุโรปชลอตัวลง เนื่องจากความวุ่นวายทางการเมืองและการสงคราม มีการแบ่งดินแดนออกเป็นแว่นแคว้นต่างๆ มากมาย และมีการแก่งแย่งชิงอำนาจกัน นอกจากนี้ยังเป็นช่วงระยะเวลาที่คริสต์ศาสนามีอิทธิพลมากต่อการดำเนินชีวิตของผู้คน

    3.ยุโรปสมัยใหม่
    ประวัติศาสตร์ของยุโรปเปลี่ยนจากสมัยกลางเข้าสู่สมัยใหม่ เมื่อชาวยุโรปเดินเรือออกไปสำรวจดินแดนต่างๆ และได้พบทวีปอเมริกาเหนือใน พ.ศ.2035 นับตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 21 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งเป็นสมัยใหม่ของประวัติศาสตร์ยุโรปนั้น มีเหตุการณ์และการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญๆ เกิดขึ้นในยุโรปหลายประการ คือ

    การสำรวจและการตั้งถิ่นฐานในทวีปต่างๆ
    ชาวยุโรปได้เดินทางไปสำรวจดินแดนในทวีปต่าง ๆ คือ แอฟริกา เอเซีย อเมริกาเหนือ อเมริกาใต้และออสเตรเลีย ผลจากการสำรวจทำให้ความรู้ทางด้านภูมิศาสตร์เกี่ยวกับดินแดนต่างๆ ขยายกว้างขวางขึ้น ในขณะเดียวกันขาวยุโรปก็ได้รับผลประโยชน์ทางการค้า และการสร้างอาณานิคมขึ้นในดินแดนต่างๆ เหล่านั้น เป็นผลให้อิทธิพลของชาวยุโรปทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง และวัฒนธรรมแผ่ขยายออกไปกว้างขวางทั่วโลก

    การปฏิวัติอุตสาหกรรม
    การปฏิวัติอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงวิธีการผลิตจากเดิมที่เคยใช้แรงงานคน และสัตว์มาใช้เครื่องจักรแทน เกิดขึ้นในตอนต้นของพุทธศตวรรษที่ 24 โดยเริ่มขึ้นในประเทศอังกฤษก่อนแล้วขยายตัวไปสู่ประเทศอื่นๆ ในเวลาต่อมา การปฏิวัติอุตสาหกรรมมีผลให้ทวีปยุโรปนำหน้าทวีปอื่นๆ ในด้านเศรษฐกิจ และความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเป็นเวลานานติดต่อกันกว่าสองศตวรรษ จนถึงสงครามโลกครั้งที่ 2

    ความก้าวหน้าทางด้านวิชาการ
    ยุโรปเป็นผู้นำทางด้านวิชาการ โดยได้สร้างสรรค์ความเจริญก้าวหน้าของวิทยาการแขนงต่างๆ ซึ่งได้ขยายตัวอย่างมากในระหว่างพุทธศตวรรษที่ 22 และ 23 โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเจริญทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ถือได้ว่ามีรากฐานจากการศึกษาและประดิษฐ์คิดค้นของชาวยุโรปมากว่าชนชาติอื่นๆ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×