ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Mandrake Hero(ine) - ผู้กล้าพืชป่วน ยกก๊วนปราบมังกร

    ลำดับตอนที่ #5 : 3 - วิวัฒนาการของแมนเดรก - “ช่างตีเหล็กยังมีสติปัญญามากกว่าอัศวินเสียอีก”

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 618
      1
      4 ธ.ค. 53

    บทที่ 3

    วิวัฒนาการของแมนเดรก

     

     

    ร...เรื่องก็เป็นอย่างที่ข้าบอกนั่นล่ะ ท่าน

    ห้านาทีหลังการทุ่มเถียง เจ้าของสถานที่จึงห้ามทัพสองพี่น้องแม่มดกับผู้กล้าสำเร็จ และสรุปหลังจากอธิบายปัญหาทั้งหมดเรียบร้อย

    กระนั้น ชายหนุ่มผมทองนัยน์ตาสีฟ้าสง่างาม กับหญิงสาวผมดำตาดำผิวซีดท่าทางทะมึน...ซึ่งช่างตีเหล็กคงไม่มีวันมองออกว่ามีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือด...ก็ยังคงไม่ยอมหยุดแลกสายตา ประหนึ่งกำลังส่งกระแสจิตปะทะกันเปรี๊ยะๆ กลางอากาศ

    ข...เข้าใจแล้วใช่ไหมขอรับ ท่านอัศวินมาเทียสตัดสินใจเข้าหาคนที่เขาคิดว่าน่าจะมีเหตุผลมากกว่า

    ถ่องแท้ทีเดียว ช่างตีเหล็ก ชายหนุ่มผงกศีรษะครั้งหนึ่ง ตามกฎหมายแห่งราชอาณาจักรมิโทเซีย มาตราที่หนึ่งร้อยสามสิบสาม วรรคที่สิบสอง ท่านมีสิทธิ์ฟ้องแม่มดดำได้เต็มที่ โทษฐานหมิ่นประมาทให้เสื่อมเสียว่าท่านลักขโมย กักขังหน่วงเหนี่ยวให้สิ้นอิสรภาพ และขู่ประทุษร้ายร่างกายกับเอาชีวิต—“

    ไม่ต้องเอากฎหมายมาขู่ข้าเลย พี่ชาย แม่มดดำขัดทันควัน งั้นข้าจะฟ้องท่านบ้าง ว่าท่านบุกรุกบ้านช่างตีเหล็กโดยไม่ได้รับอนุญาต หมิ่นประมาทว่าข้าเป็นคนร้ายจับตัวประกัน แล้วก็ใช้ดาบจ่อคอข้า ขู่ประทุษร้ายร่างกาย บังคับข่มเหงจิตใจ...

    มาเทียสกระแอม

    ข...ข้าเป็นคนนอก พวกท่านคงไม่อยากให้ข้ารู้เรื่องในครอบครัวท่าน...เอ่อ...ลึกไปกว่านี้หรอกนะ เขาพยายามอีกครั้ง

    แขกทั้งสองพอเงียบลงได้อีกครา ช่างตีเหล็กจึงหันไปมองน้องสาวที่นั่งอยู่ด้วยสีหน้างงๆ เหมือนฟังรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง เพราะไม่อาจมองริมฝีปากของใครต่อใครที่ขยับรวดเร็วออกทั้งหมด

    เมลิส พาเจ้าตัวนั้นลงมา เขาบอกช้าๆ ให้ท่านแม่มดดู

    แต่...มันไม่ใช่แมนเดรกหรอกนะพี่แมท เด็กหญิงแย้งทันควัน แม้สีหน้าจะเป็นกังวล ข้าเคยเห็น หนังสือของฟรานซิสมีรูปแมนเดรกด้วย หน้าตามันไม่เป็นอย่างนั้น เจ้าตัวนี้หน้าเหมือนพิกซี่มากกว่าอีก

    ถ้าไม่ใช่ ท่านแม่มดเขาก็ไม่เอามันไปหรอก มาเทียสสรุปง่ายๆ ขึ้นไปเถอะ

    เด็กหญิงจำใจพยักหน้า และลุกไปตามคำสั่ง

    ที่โต๊ะจึงเหลือช่างตีเหล็ก อัศวินเกราะเงิน แม่มดดำ และลูกศิษย์ทั้งสองของเธอซึ่งนั่งเงียบมาตลอด เงียบเสียจนตึงเครียด เพราะมาเทียสไม่ใคร่รู้ว่าจะเริ่มพูดคุยอย่างไรดี

    อ้อใช่ ช่างตีเหล็ก เป็นอัศวินที่พูดขึ้นก่อน ข้ามาที่นี่เพราะมีเรื่องจะว่าจ้างท่าน

    ขอรับ ชายหนุ่มรับอย่างดีใจ และกระตือรือร้นขึ้นทันควัน ข้าจะทำให้เต็มที่ขอรับ ไม่ทราบว่าท่านจะให้ตีหรือซ่อมแซมดาบ หรือชุดเกราะ—“

    เข็มกลัดติดผ้าคลุมข้ามันหักน่ะ ข้าเลยอยากให้เจ้าซ่อมส่วนเข็มให้

    ...

    มาเทียสยิ้มค้าง แต่เมื่อตั้งสติได้ก็รีบข่มความผิดหวังเอาไว้

    ง...งั้นหรือขอรับ

    ฮึ แม่มดกลอกตา กะแค่เข็มกลัดก็ไม่มีปัญญาซื้อใหม่รึไง ของกิ๊กก๊อกพรรค์นั้น ใครเขาซ่อมแล้วซ่อมอีกบ้าง

    ถ้าขืนพูดแบบนั้นอีก ข้าจะถือว่าเจ้าหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เพราะนี่เป็นเข็มกลัดที่พระราชาวิลเฮลม์ที่สิบเก้าแห่งราชอาณาจักรมิโทเซียพระราชทานให้แก่ทวดของพวกเรา ผู้กล้าซิกมันด์ เอเธลเวียร์ด เป็นรางวัลความชอบในการกำจัดมังกรแดงที่อาละวาดใน...

    ไม่ต้องเล่าหรอก พี่ชาย ข้าฟังพ่อพูดเรื่องเดียวกันนี่มาเป็นร้อยรอบได้แล้วกระมัง ว่าแต่แบบนี้ข้าก็ฟ้องท่านได้ใช่ไหม ว่าท่านหมิ่นพระบรมเดชานุภาพที่เอาของสำคัญเช่นนี้มาใช้สมบุกสมบัน เกิดของใช้ที่อดีตกษัตริย์โปรดมากมีรอยขีดข่วนบุบสลาย หรือพังไปด้วยเหตุใดก็ตาม จะไม่ถือว่าท่านคิดร้ายต่อราชวงศ์รึ

    ช่างตีเหล็กพบว่าตนเองเริ่มปวดศีรษะ

    ไม่รู้ว่าสองคนนี้มีปัญหาอะไรกัน แต่เพียงเรื่องหยุมหยิมแค่นี้ก็แขวะก็ทะเลาะกันเสียบ้าน (ของคนอื่น) จะแตก พ่อแม่ไม่เสียใจแย่หรอกหรือ

    พ่อกับแม่ยังเคยสอนเขากับเมลิสอยู่เสมอเลย...ว่าเป็นพี่น้องกัน ก็ต้องรักต้องดูแลต่างฝ่าย เพราะในโลกนี้ มีแต่พี่น้องที่แบ่งปันสายเลือดของพ่อกับแม่มาอย่างละครึ่งเหมือนกัน

    เขาพยายามทำหูทวนลม ไม่สนอัศวินผมทองกับแม่มดผมดำที่ยังคงปะทะคารมกันต่อไป และได้แต่ปรายตามองเด็กทั้งสองที่เป็นลูกศิษย์ของเธออย่างเห็นใจ

    มีอาจารย์ที่ไม่เป็นผู้ใหญ่แบบนี้ก็คงลำบากเช่นกัน... มาเทียสยังไม่คิดว่าตนมีวัยวุฒิและประสบการณ์พอที่จะเริ่มรับศิษย์ แต่ในฐานะเด็กฝึกงานของพ่อ และช่างตีเหล็กที่ร้านด้านตะวันออกของเมือง ซึ่งก็เป็นอาจารย์ของพ่ออีกที เขารู้เห็นมาดีเกินพอ ว่าอาจารย์พึงทำตนเป็นตัวอย่างของศิษย์อย่างไรบ้าง

    สุดท้าย เมื่อเห็นเด็กชายตัวเล็กกว่าก้มหน้าจ๋อง เอามือลูบท้องแถมเหมือนจะมีเสียงครืดเบาๆ แทรกมากับเสียงปะทะคารมของแม่มดและอัศวิน ช่างตีเหล็กจึงตัดสินใจพูดขึ้นดังๆ

    ข้าคิดว่าคงยังไม่มีพวกเราคนไหนได้กินอาหารเช้า ดังนั้น ในฐานะเจ้าบ้านข้าควรจะจัดการเตรียมอาหารให้ แต่ตอนนี้ที่บ้านข้าไม่มีของสด จะขอให้ลูกศิษย์ท่านสองคนไปจ่ายตลาดให้ได้หรือไม่ ท่านแม่มด

    หญิงสาวหยุดปากทันควัน เธอหันมามองเขา ครั้นแล้วก็เลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ

    ...หวังว่าเจ้าหล่อนคงไม่หาว่าเขาก้าวก่ายหรือดูถูก ที่บังอาจใช้งานลูกศิษย์ของเธอหรอกนะ...

    ก็ได้ เอริเธียกลับตอบง่ายๆ ถึงอย่างไร ถ้าเรื่องที่อาร์คิมิดีสกับเอลิโนร่าสารภาพเป็นความจริง พวกเขาก็ต้องไถ่โทษให้ท่าน แต่ถ้าไม่...ก็จ่ายค่าจ้างให้พวกเขาเสียแล้วกัน

    ฮึ อัศวินส่งเสียง ที่แท้ก็แค่อยากปัดสวะให้พ้นตัว แล้วก็ยังหน้าเงินเหมือนเดิมไม่มีผิด

    ว่าอะไรนะ!”

    มาเทียสพยายามทำตนเองให้ปลงได้อย่างนักบวชผู้ละโลกย์ หันไปคว้าเศษกระดาษกับแท่งถ่าน ร่างแผนที่ทางไปตลาดกับใบรายการอาหารสดอย่างรวดเร็ว แล้วส่งเงินกับตะกร้าจ่ายตลาดสำรองใบที่สามให้แก่เด็กทั้งสอง (ใบแรกอยู่ในห้องของเมลิส ใบที่สองถูกยึดไว้ในหอคอยแม่มด ส่วนใบอื่นๆ นอกจากนั้นเขาซื้อเหมาโหลไว้ เผื่อน้องสาวเอาไปดักจับตัวอะไรต่อมิอะไรจนใบเดิมใช้การไม่ได้อีก) ก่อนจะบุ้ยใบ้ให้รีบออกไปจากร้าน

    ครั้นแล้ว ตนเองจึงได้แต่นั่งขึงอยู่กับที่ตามมารยาทเจ้าบ้านที่ดี แม้จะสงสัยว่าเหตุใดน้องสาวของเขาถึงได้ลงมาช้าเหลือเกิน

     

    * * * * *

    ย้อนกลับไปราวๆ สิบนาทีก่อน

    เมลิสขึ้นไปพบห้องของตนในสภาพไม่คาดฝัน

    สมุดหนังสือต่างๆ ของเธอตกกระจายอยู่บนพื้น ทั้งสมุดบันทึก หนังสือเรียน หนังสือคัดตัวอักษร หนังสือบทสวดมนต์ ไปจนถึงหนังสือนิทาน และหนังสือภาพสัตว์อสูรกับพฤกษาเวทที่ฟรานซิสให้เป็นของขวัญ

    กลางวงหนังสือนั้นคือเด็กน้อยผมสีเขียว ซึ่งกำลังนอนคว่ำเกยหนังสือเล่มหนึ่งที่เปิดค้างอยู่ สองขากระดิกไปมาเหมือนกำลังสบายอารมณ์

    นี่เด็กหญิงเรียก

    เด็กตัวจิ๋วหันมาทางเมลิส แล้วก็ขยับริมฝีปาก

    น้องสาวช่างตีเหล็กเบิกตาโพลง

    เจ้าตัวจิ๋วย้ำการขยับริมฝีปากแบบเดิม มิหนำซ้ำพ่วงมาด้วยอีกคำหนึ่ง

    เธอตาฝาดไปใช่ไหม

    ...เมลิส สวัสดี... เด็กผมเขียวชี้ที่หน้าของตน ...เห็นใช่ไหม ว่าข้าพูดอะไร ข้ากำลังพูดกับเจ้านะ...

    เมลิสถึงกับเข่าอ่อน ทรุดลงไปนั่งกับพื้นในทันที

    เจ้า...พูดได้หรือ

    ...พวกเขาสอนข้า...เด็กผมเขียวแตะหนังสือที่เปิดค้างอยู่ ...บอกเรื่องสนุกๆ ตั้งเยอะแยะ อย่างเล่มนี้ก็บอกว่า ตัวอักษร อ่านยังไง เล่มนี้บอกว่าเมืองพาร์ฟเป็นยังไง แล้วเล่มนี้ก็บอกเกี่ยวกับตัวเจ้า...

    เด็กจิ๋วหยิบสมุดบันทึกของเธอขึ้นโบกไปมา ราวกับไม่หนักเลยแม้แต่นิดเดียว

    ...ข้าชอบเล่มนี้ที่สุดเลย เล่มนี้ทำให้ข้ารู้จักเจ้าดีที่สุด เมลิสหูหนวก แต่เมลิสก็รักโลกนี้ เมลิสมองโลกในแง่ดี เมลิสชอบสัตว์ เมลิสชอบดอกไม้ เมลิสชอบพี่มาเทียส แล้วเมลิสก็ชอบฟรา

    หยุดนะ!” เด็กหญิงปราดเข้าไปทั้งหน้าแดงก่ำ แล้วก็ดึงสมุดออกจากมือของเด็กผมเขียวเต็มแรง

    คงจะแรงเกินไป เพราะอีกฝ่ายถึงกับล้มก้นจ้ำเบ้ากระแทกพื้น นั่งนิ่งอึ้งไปเป็นนาน

    เมลิสเองก็ตกใจ เงียบอยู่เสียจนไม่ทันได้ขอโทษ...อีกฝ่ายก็อ้าปากกว้าง เกิดคลื่นสั่นสะเทือนจนหน้าหนังสือที่เปิดค้างอยู่ไหวพะเยิบพะยาบเสียก่อน

    จ...เจ็บไหม เด็กหญิงทิ้งหนังสือ ใช้สองมือประคองลูบเนื้อตัวอีกฝ่าย ข...ข้าโทษ ไม่เป็นไรนะ

    เธอนึกกลัวอยู่เหมือนกัน ว่าอีกฝ่ายจะกัดนิ้วเข้าเหมือนครั้งที่แล้ว แต่เด็กผมเขียวก็ไม่ทำอะไรเช่นนั้นอีก เมื่อเธอลูบหัวลูบตัวเข้าหน่อย มันก็เลิกอ้าปากร้องจนเกิดการสั่นรุนแรงแบบเมื่อครู่ แต่ก็ยังสะอื้น มือป้อมยกขึ้นซับน้ำตาป้อยๆ

    เมลิสหยิบผ้าเช็ดหน้าของตนช่วยซับให้อีกแรง

    ขอโทษ ข้าแค่...แค่ไม่อยากให้ใครอ่านบันทึก อย่าเอาไปบอกใครนะ เด็กหญิงอยากกระซิบ แต่ก็ไม่รู้จะควบคุมความหนักเบาของเสียงตนอย่างไร โดยเฉพาะ...ฟรานซิสกับพี่แมท ห้ามให้รู้เด็ดขาดเลย สัญญานะ รู้จักคำนี้ใช่ไหม

    เด็กผมเขียวเงยมองเธอด้วยดวงตากลมโต พยักหน้าหงึกหงัก แล้วก็ชูนิ้วก้อยข้างหนึ่งขึ้น ทำท่าเหมือนเวลาเด็กหญิงสัญญากับพี่ชายไม่มีผิด

    เมลิสยิ้มออกมา ขณะชูนิ้วก้อยของตนรับ

    ว่าแต่ เจ้าฉลาดจัง เด็กหญิงนึกขึ้นได้ แค่พักเดียวก็อ่านหนังสือพวกนี้หมดแล้ว เจ้าเป็นตัวอะไรกันเหรอ พิกซี่หรือเปล่า

    อีกฝ่ายกลับเงียบไป และก้มหน้าลงอย่างลำบากใจ ท่าทางเหมือนกำลังเอ่ยอะไรบางอย่าง...แต่เมื่อตระหนักได้ว่าเมลิสไม่อาจได้ยิน ก็จำใจเงยหน้าขึ้น สั่นศีรษะ

    ...ข้าไม่รู้ ...ใน สารานุกรมสัตว์อสูรสำหรับเด็กไม่มีตัวอะไรที่หน้าตาเหมือนข้าเลย... สีหน้าของเด็กตัวจิ๋วหงอยลงมาก จนเด็กหญิงรู้สึกไม่ดีตามไปด้วย ...ใน สารานุกรมพฤกษาเวทมนตร์สำหรับเด็ก ก็ไม่มี... พวกเขาบอกไม่ได้เลย ว่าข้าเป็นใคร...

    พวก...หนังสือ น่ะหรือ

    เด็กผมเขียวพยักหน้า

    เด็กหญิงเพิ่งนึกได้ว่าแปลกอยู่ ที่เด็กตัวจิ๋วแปลกประหลาดพูดถึงหนังสือว่า พวกเขา ราวกับว่าอีกฝ่ายก็มีชีวิตเหมือนกัน

    แต่ตอนนี้ ไม่ใช่เวลาคิดถึงเรื่องนั้น

    ไม่เป็นไรหรอก เมลิสพยายามยิ้มให้อีกฝ่ายสบายใจขึ้น ข้างล่างมีแม่มดดำของที่นี่อยู่ แล้วก็มีอัศวินจากเมืองอื่นมาด้วย ข้าว่าพวกเขาน่าจะบอกได้ว่าเจ้าเป็นอะไร รีบลงไปด้วยกันเถอะ

    เด็กตัวจิ๋วกะพริบตาปริบๆ ก่อนจะก้มลงมองตนเองอีกครั้ง แล้วก็เสยผมมาปรกไหล่ จัดซ้ำไปมา

    ทำไมหรือ เด็กหญิงถาม

    ...แต่งตัว... เด็กผมเขียวเงยหน้า ขยับปากขมุบขมิบ สีหน้าดูแดงเรื่อขึ้น ...ข้าดูเหมือนมนุษย์ ก็...ก็ต้องแต่งตัวใช่ไหมล่ะ เขาบอกว่ามนุษย์เดินเปลือยไปมา...น่าอายนี่...

    อ๋อ... เมลิสรับอย่างเข้าใจ แล้วก็ยิ้มกว้างขึ้นขณะเสมองชุดตุ๊กตาหลายตัวของตน ไม่มีปัญหา

     

    มาเทียสถึงกับจ้องตาเขม็งเมื่อน้องสาวของเขาเอาสิ่งมีชีวิตปริศนาลงมาในที่สุด

    ...นี่มันไม่ใช่แมนเดรกแล้ว ตุ๊กตาชัดๆ...

    เจ้าตัวที่เมลิสประคองอยู่ในมือหน้าตาเหมือนมนุษย์ ผิดกันเพียงแต่รูปร่างดูป้อมและหัวโตผิดส่วนกัน ผิวของมันขาวละเอียดอ่อนเหมือนกระเบื้อง ผมสีเขียวที่ยาวสยายลงมาแทบจรดเท้านั้นถักเป็นเปียสองข้าง มิหนำซ้ำมันยังสวมหมวกและชุดกระโปรงตุ๊กตาที่เขาจำได้ว่าแม่เคยเย็บให้เด็กหญิง

    เขาคงไม่นึกด้วยซ้ำว่านั่นเป็นสิ่งมีชีวิต ถ้ามันไม่กะพริบดวงตากลมโตสีเขียวปริบๆ แล้วก็มองไปมารอบๆ อย่างตื่นๆ

    แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้น...

    ส...สวัสดีค่ะ

    ช่างตีเหล็กอ้าปากค้าง ขณะที่อัศวินกับแม่มดมีอาการตกตะลึงไม่ต่างกัน กับเสียงแหลมเล็กที่ออกมาจากปากของเด็กตัวจิ๋วผมเขียว

    ข้า...ไม่ทราบว่าตัวเองเป็นอะไร แต่ก็หวังว่าพวกท่านจะช่วยบอกได้ ฝากด้วยนะคะ ตัวหน้าเหมือนตุ๊กตาพูดได้ค้อมศีรษะอย่างสุภาพ

    มาเทียสชักไม่แน่ใจว่านั่นเป็นตัวเดียวกับเจ้าของดวงตาสีเขียวในเงาตะกร้า...ซึ่งเมื่อชั่วยามที่ผ่านมาเพิ่งกรีดร้องทารุณกรรมประสาทหูของเขาอย่างกับสัตว์ป่า จึงหันไปแลกสายตากับน้องสาวอย่างสงสัย

    ตอนที่ข้าขึ้นไปถึง นาง...อ่านหนังสือในห้องข้าจบหลายเล่มแล้ว เลยพูดได้ขึ้นมาน่ะค่ะเมลิสตอบ

    ...

    ...ฉลาดขนาดนี้ ไม่ใช่แมนเดรกแน่แล้วกระมัง...

    อ่านหนังสือ?” เป็นแม่มดดำที่เปรยขึ้นพร้อมกับขมวดคิ้ว ในเวลาไม่ถึงชั่วยามนี่น่ะหรือ

    เมลิสหันไปมองแม่มดอย่างสงสัย คงเพราะเห็นริมฝีปากไม่ถนัด หรืออีกฝ่ายพูดเร็วเกินไป ช่างตีเหล็กจึงทำท่าจะตอบรับ แต่สิ่งมีชีวิตประหลาดก็พูดขึ้นเสียก่อน

    ข้าไม่ได้อ่าน แต่พวกเขาสอนข้า

    สอน?เอริเธียทวนคำ สอนอะไร แล้วพวกเขานี่ใคร

    คุณสน คุณเบิร์ช คุณแอสเพ็น คุณเมเปิ้ล เด็กตัวจิ๋วนับนิ้ว นั่นเป็นชื่อเดิมของพวกเขา แต่ตอนนี้...พวกเขาบอกว่ามนุษย์เรียกพวกเขาว่า กระดาษ’ ‘หนังสือ กับ สมุด’”

    อย่างนั้นหรือ แม่มดดำเอ่ยอย่างครุ่นคิด ขณะก้มลงพึมพำกับตนเอง น่าสนใจ...น่าสนใจจริงๆ

    อะไรน่าสนใจ อย่าทำเป็นอมพะนำได้ไหม อัศวินพูดขึ้น พวกจอมเวทดำนี่จริงๆ เลย ชอบทำตัวมีเลศนัย วางท่ารู้ดีกว่าชาวบ้านอยู่เรื่อย

    ฮึ งั้นท่านก็ไขปริศนา เอาเองสิ เราต่างก็เรียนวิชา สิ่งมีชีวิตกับเวทมนตร์ มาเหมือนกันไม่ใช่หรือ เสียงของแม่มดเริ่มทอดหวานอย่างเสียดสี อ้อ...ข้าลืมไป ท่านได้คะแนนแค่เกือบตกแหละนะ พวกสายนักดาบใช้แต่กำลังก็อย่างนี้ ไม่ได้ช่างสังเกต ไม่มีความละเอียด—“

    หมายความว่า...เด็กผมเขียวนี่คุยกับสิ่งที่เคยเป็นพืชมาก่อนได้ใช่ไหม มาเทียสแทรกขึ้น

    ทั้งแม่มดกับอัศวินหันมามองเขาอย่างประหลาดใจ จนชายหนุ่มก้มหน้าลงเกาหัวแกรก

    ข...ข้าก็แค่เดา สิ่งที่สอนคนหรือสิ่งอื่นได้ก็น่าจะเป็นสิ่งมีชีวิต แล้วเด็กคนนี้ก็พูดว่าพวกนั้น บอก เขาด้วย นั่นเป็นกริยาที่น่าจะใช้กับสิ่งมีชีวิตที่พูดได้

    ใช่ แม่มดเอริเธียรับ ท่านฉลาดนี่ ช่างตีเหล็ก จอมเวทเกรเกล แมนเดอร์ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องพฤกษาเวทเคยทำการวิจัยกับนางไม้ พวกนางบอกว่าพวกนางสามารถพูดคุยกับต้นไม้ได้ และขณะเดียวกัน ต้นไม้ก็เป็นสิ่งที่มีพลังวิญญาณอยู่ตลอดเวลา จะถือว่าตายอย่างสมบูรณ์ก็เมื่อตอนที่ถูกย่อยสลาย หรือเผาทำลายจนสิ้นสภาพ แต่ถ้ามันแค่ถูก แปรรูป ไปโดยสิ่งมีชีวิตอื่น สิ่งนั้นก็ยังคงมีจิตวิญญาณของต้นไม้อยู่

    ...แล้วนั่นหมายความว่าอย่างไร อัศวินถามอีกครั้ง

    หมายความว่าหนังสือที่แปรรูปมาจากไม้ โต๊ะ และเครื่องเรือนที่แปรรูปจากไม้ ก็ยังมีความรู้สึกนึกคิดของต้นไม้นั้นอยู่ใช่ไหม มาเทียสอดเดาไม่ได้

    หญิงชุดดำหัวเราะน้อยๆ

    ข้าเพิ่งเห็นวันนี้ ว่าช่างตีเหล็กยังมีสติปัญญามากกว่าอัศวินเสียอีก

    อย่าชักใบให้เรือเสียน่า เซเล—“

    เป็นอย่างที่ท่านพูด ช่างตีเหล็ก เอริเธียเอ่ยต่อไปขณะสบตากับมาเทียส ทำเป็นไม่ได้ยินเสียงพูดของพี่ชายโดยสิ้นเชิง อีกประการหนึ่ง แมนเดอร์วิจัยไว้ว่าจิตวิญญาณของไม้มีความอ่อนไหว จึงซึมซับความรู้สึกนึกคิดของมนุษย์หรือสิ่งมีชีวิตอื่นได้โดยง่าย โดยเฉพาะพวกแผ่นกระดาษที่รองรับตัวอักษรจากความรู้สึกของมนุษย์...ยิ่งเป็นคลังข้อมูลชั้นดีสำหรับเผ่าพันธุ์ที่สามารถสื่อสารกับจิตวิญญาณของต้นไม้เลยทีเดียว

    ...พูดมาตั้งยืดยาว ตกลงเจ้าตั้งใจจะสื่ออะไรกันแน่ ชายสวมเกราะบ่น

    เด็กคนนี้เป็นนางไม้?ช่างตีเหล็กพยายามครั้งที่สาม

    หากใช้ตรรกะตามที่เราพูดมา ใช่ แต่ข้าไม่เคยรู้ว่ามีนางไม้ที่ตัวเล็กเท่านี้ แม่มดดำยิ้มน้อยๆ แฟรี่กับพิกซี่ถือว่าเป็นสัตว์ จึงไม่มีความสามารถนี้ แต่ที่รู้แน่ๆ คือสิ่งมีชีวิตนี้น่าจะมีที่มาเกี่ยวข้องกับต้นไม้ เพราะสีผมแบบนี้แสดงถึงสารที่มีอยู่ในใบไม้...เหมือนกับสีผมของนางไม้ และมันก็สามารถรับรู้จิตวิญญาณของสิ่งที่เคยเป็นไม้มาก่อนได้ด้วย ยิ่งรวมกับเรื่องที่ช่างตีเหล็กบอก ว่าได้ยินมันกรีดร้องเหมือนแมนเดรก ก็เป็นไปได้สูงว่าลักษณะภายนอกที่เห็นทั้งหมดนี้ อาจจะเกิดจากผลของยาบางอย่าง หรือการผ่าเหล่าในตัวต้นแมนเดรกเอง...

    เอริเธียยังคงยิ้มแย้ม นัยน์ตาเริ่มพราวระยับ ราวกับเด็กพูดถึงการแต่งตัวตุ๊กตา

    ดังนั้น จะให้รู้แน่ก็คงต้องผ่าพิสูจน์ดูแหละนะ

    มาเทียสขยับปากจะพูด แต่ไม่ทันไรก็มีอันต้องอุดหูของตนเสียก่อน

    วี้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

    เสียงโหยหวนบาดหูดังยาวนาน จนช่างตีเหล็กทรุดลงไปกองบนพื้น ตาลายพร่า บอกไม่ถูกเลยด้วยซ้ำว่ามันเงียบหายไปตั้งแต่เมื่อใด

    รู้แต่ว่าเมื่อเขาตระหนักได้ว่าปราศจากเสียงนรกนั้น ทั้งน้องสาวของเขาและเด็กผมสีเขียวก็ไม่ได้อยู่ในร้านตีเหล็กอีกต่อไปแล้ว

     

    * * * * *

     

    คนเขียนขอคุย

     

    รายชื่อตัวละคร (ทีแรกลืมไป)

    มาเทียส (Mathias) ช่างตีเหล็กผู้รอดพ้นข้อกล่าวหาขโมยแมนเดรก แต่ดันต้องมาเจอเรื่องวุ่นๆ จากสองพี่น้องอัศวินผู้กล้ากับแม่มดดำ

    เอริเธีย (Erithia) แม่มดดำที่ชอบเหน็บแนมพี่ชายผู้กล้า และอยากผ่าพิสูจน์แมนเดรก อาจมีอีกชื่อหนึ่งว่า เซเล?

    เฮลิออส (Helios) – อัศวินผู้กล้าที่อยากซ่อมเข็มกลัด...พระราชทาน

    เอลี่/เอลิโนร่า (Elinora) – ลูกศิษย์ของแม่มดดำ พี่สาวของอาร์ค

    อาร์ค/อาร์คิมิดีส (Archimedes) – ลูกศิษย์ของแม่มดดำ น้องชายของเอลี่

    เมลิส (Melis) น้องสาวของช่างตีเหล็ก หูหนวกและรักสัตว์

    แมนเดรก? เด็กจิ๋วผมเขียวที่เมลิสเก็บได้ มีความสามารถสื่อสารกับวิญญาณของพืชในสิ่งต่างๆ


    ซ่อมเข็มกลัด...ทีแรกมันก็มาจากความคิดที่ว่าผู้กล้าน่าจะจ้างช่างตีเหล็กทำหรืออัพเกรดดาบกับเครื่องป้องกันอะไรที่ดูสำคัญๆ ไอ้ครั้นดันกลายมาเป็นเข็มกลัดอันจิ๊ดเดียว เฮียมาเทียสของเราก็เซ็งเป็ดไปเหมือนกัน (แต่มันก็ของพระราชทานเชียวนะ...อาจจะทำให้ค่า LUK+30 ก็ได้ใครจะไปรู้...มุกวงในเกม RPG ชัดๆ ^^a )

    ทีแรกเคยคิดเหมือนกันว่าแมนเดรกมาเรียนรู้โลกตั้งแต่ศูนย์เหมือนเด็กๆ ก็ดีเหมือนกัน แต่แบบนี้ในเรื่องก็คงจะต้องมีไทม์สกิปซักปีหรือสองปี พอคิดขึ้นมาว่าเผ่าพันธุ์ต้นไม้น่าจะมีอะไรที่พิเศษกว่าสัตว์ ก็เลยนึกไปถึงความคิดที่เคยได้ยินมา ว่าต้นไม้มีชีวิตอยู่ตลอด คงเพราะเซลล์พืชยังมีชีวิตอยู่ได้นาน ต่อให้ไม่มีรากหรือไม่ได้ปลูกลงดินด้วย (ข้อความส่วนนี้อีดิทตามความเห็นของผู้อ่านครับ)

    แต่แบบนี้ ก็ทำให้บทสะดวกขึ้นได้พอควรเหมือนกัน เพราะพอแมนเดรกรู้เรื่องก็ต้องมารีบหนีจากแม่มดใจดำที่จะเอาไปผ่าพิสูจน์กันเลย ^^a

    และชื่อของจอมเวทพฤกษา เกรเกล แมนเดอร์ ได้ชื่อมาจากนักวิทยาศาสตร์ที่มีตัวจริงคนหนึ่ง นำมาสลับอะไรนิดหน่อย คิดว่าหลายท่านน่าจะเดากันได้ครับ :)

    แมนเดรกจะหนีไปถึงไหน และแม่มดทมิฬจะเอามันมาชำแหละแยกส่วนได้สมใจนึก หรือผู้กล้าจะฟ้องแม่มดฐานทารุณกรรมพืชเสียก่อน ติดตามชมได้ในตอนหน้าครับ :)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×