ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Mandrake Hero(ine) - ผู้กล้าพืชป่วน ยกก๊วนปราบมังกร

    ลำดับตอนที่ #32 : 27 - อีกด้านของใจ - ...ทำไมถึงยังอยู่ข้างมนุษย์เห็นแก่ตัวพวกนั้น...

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 269
      0
      23 เม.ย. 54

    บทที่ 27

    อีกด้านของใจ

     

    ใครน่ะ ช่างตีเหล็กถามออกไป

    ร่างหนึ่งก้าวเข้ามาในคลองจักษุ และยิ่งทำให้ชายหนุ่มเบิกตากว้างไปกว่าเดิม

    ร่างนั้นดูเหมือนเขา หากไม่นับทรงผมที่ไว้ยาวขึ้นเล็กน้อยอย่างมีรสนิยม ชุดเกราะสีเงินเงางามที่สวมอยู่ ดาบที่คาดไว้กับเข็มขัด กับผ้าคลุมสีแดงที่ทิ้งชายลงเบื้องหลัง ดูสง่าคล้ายกับผู้กล้าเฮลิออส

    ...สิ่งที่เจ้าอาจได้เป็น...ถ้าไม่มียัยเด็กหูหนวกนั่น...

    ชายสวมชุดเกราะผายมือ ให้มาเทียสมองภาพอีกชุดหนึ่งที่ลอยอยู่หลังผ้าคลุมของตน ...งานศพของเมลิสที่จัดขึ้นพร้อมกับแม่ ...ไม่อย่างนั้นก็เป็นเด็กหนุ่มที่ทิ้งน้องสาวซึ่งเหลืออยู่เพียงคนเดียวไว้ลำพัง และหนีออกจากเมืองเล็กเพื่อไปสอบเข้าโรงเรียนผู้กล้า

    ที่นั่นเขาจะมีความสุข เขาเป็นคนเก่งและมีฝีมือ ย่อมได้รับการย่อมรับ มีเพื่อนฝูงมากมาย เขาอาจได้เป็นรุ่นน้องของเฮลิออส จบออกมาเป็นคนสำคัญมีชื่อเสียง เป็นผู้กล้าทีได้รับการยกย่องสรรเสริญดังเช่นความฝันในวัยเยาว์

    ...จริงไหม เมลิสเป็นตัวถ่วง... ผู้กล้า มาเทียสย้ำต่อไป ขณะที่ช่างตีเหล็กมาเทียสยืนนิ่งงันอยู่กับที่ ...ถ้าไม่มีเด็กนั่นสักคน เจ้าคงได้ไปเรียนที่โรงเรียนผู้กล้าแล้ว ถ้าเด็กนั่นป่วยตายในตอนนั้น หรือรอดมาแบบไม่พิการ เจ้าคงไปเข้าโรงเรียนผู้กล้าได้อย่างไม่ต้องเป็นห่วง แต่เพราะเป็นอย่างนี้ เจ้าถึงต้องมาดูแลคนพิการไปชั่วชีวิต...

    ไม่ใช่! ข้าไม่เคยคิดอย่างนั้นสักหน่อย!”

    ชายสวมชุดเกราะเพียงแต่ยิ้มเหยียดๆ ราวกับจะถามว่า แน่ใจหรือ

    ...กลัวที่จะยอมรับว่าตัวเองเห็นแก่ตัวมากขนาดนั้นรึไง...

    มาเทียสนิ่งอึ้งไป

    ...ไม่มีใครว่าเจ้าได้ทั้งนั้น... ร่างเบื้องหน้าแบสองมือขึ้น และยักไหล่ ...พี่น้องกันต้องรักกัน ต้องดูแลกัน เรอะ ...มันก็แค่คำพูดของคนอ่อนแอ ที่มีเอาไว้ให้คนเข้มแข็งรู้สึกผิด ถ้าจะรังแกหรือละเลยไอ้พวกอ่อนแอนั่นต่างหาก...

    ไม่จริง...

    ...ไม่จริงรึ... ผู้กล้า มาเทียสหัวเราะ ...ไม่จริงรึ มาเทียส เจ้าอยากมีอนาคตที่รุ่งโรจน์ อยากเป็นผู้กล้า เจ้ารู้ตัวว่าตัวเองมีความสามารถ เจ้าทำได้ แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะไม่ทำ โดยบอกตัวเองว่ายอมสละเพื่อเด็กนั่น เจ้าต่างหากที่เอานางมาผูกคอตัวเอง เลยต้องแบกรับเรื่องเดือดร้อนวุ่นวายต่างๆ นานาไม่ใช่หรือ...

    ... นางชอบเอาสัตว์ประหลาดเข้าบ้าน ทั้งๆ ที่ลำพังตัวเองยังดูแลไม่ได้ นางดิ้นรนหาภาระมาให้เจ้าไม่หยุดหย่อน ...ดูอย่างปูนั่นสิ นางทำให้เจ้าเสียเงินไปเปล่าๆ ตั้งหลายพันเกล ทั้งๆ ที่รู้ตัวว่าเจ้าอุตส่าห์เก็บเงินแทบตายเพื่อมารักษานาง ...แล้วไม่ใช่เพราะนางเก็บไอ้ผักพูดได้นั่นมาแต่แรกหรือ เจ้าถึงต้องวิ่งวุ่นวาย เกือบโดนไวเวิร์นฆ่าตาย ติดหนี้ยัยแม่มดหน้าเงิน แถมยังต้องมายุ่งกับเรื่องบ้าๆ ของจอมเวทขาวนั่นอีก...

    ช่างตีเหล็กบอกตนเองไม่ให้ฟัง บอกตนเองให้วิ่งหนีไป ย้ำเตือนตนเองถึงหน้าที่ของตน ...ตามหาอัลบัส และช่วยพาเขาออกไป

    ...อา... ชายในชุดเกราะพยักหน้าช้าๆ ...นั่นสิ... หน้าที่ ...การนำคำคำนั้นมาเป็นข้ออ้างนี่มันสะดวกง่ายดายจริงๆ นะ...

    ม...หมายความว่ายังไง

    ...เจ้ากำลังหลอกตัวเอง มาเทียส... เงาร่างของผู้กล้าที่เขาอาจเป็นแย้มยิ้มอย่างสมเพช ...เจ้าไม่อยากทำเรื่องทุกอย่างนี้ ไม่อยากดูแลเด็กหูหนวกนั่น ไม่อยากช่วยผักพูดได้นั่น ไม่อยากช่วยจอมเวทขาว แต่...ทุกครั้งเจ้าจะบอกตนเองว่า มันเป็นหน้าที่แล้วก็ก้มหน้าก้มตาทำต่อไป...จะได้ยอมรับไอ้ความผิดพลาดล้มเหลว และความยากลำบากทั้งมวลได้ง่ายขึ้น เพราะเจ้า ไม่มีทางเลือก ไม่ใช่หรือ...

    ช่างตีเหล็กบอกตนเองไม่ให้ฟัง...แต่ก็ไม่อาจห้ามเสียงที่ยังคงเสียดแทรกเข้ามาอย่างต่อเนื่องได้

    ...อา...แต่มันไม่ใช่แค่นั้นหรอก มาเทียส ...เจ้าไม่กล้าตัดสินใจเอง นั่นเพราะกลัวผลที่เจ้าจะได้รับ หรือต้องแบกรับต่างหาก...

    ...ไม่จริง

    ...จริงสิ ต่อให้มั่นใจว่าตัวเอง มีดี แค่ไหน เจ้าก็ยังกลัวว่าจะทำไม่ได้ตามที่คิด กลัวว่าไปสอบเข้าโรงเรียนผู้กล้าแล้วจะสอบไม่ผ่าน ต้องซมซานกลับพาร์ฟมาให้ขายขี้หน้าตัวเอง ...เจ้าเด็กเก่งมาเทียส ที่แท้ก็มีแค่นี้ เจ้าเลยไม่แม้แต่จะลองดู แล้วยกเรื่องดูแลเมลิสมาเป็นข้ออ้างไม่ใช่หรือ เรื่องแมนเดรกก็เหมือนกัน เจ้าปล่อยให้เมลิสกับตัวมันเองตัดสินใจว่าจะทำอะไรต่อไป ส่วนตัวเจ้าก็ปล่อยตัวเองไปตามนั้น...

    ...แผนการช่วยจอมเวทขาวนี่ก็เหมือนกันไม่ใช่หรือ หากโยฮันน์ไม่เสนอขึ้นมา เจ้าก็คงไม่ต้องตอบรับอย่างเสียไม่ได้ และในเมื่อเขาเป็นคนเสนอเรื่องฆ่าจอมเวทขาวขึ้นมาแต่แรก เจ้าก็จะลงมือได้โดยบอกตัวเองว่า ไม่ใช่ความคิดข้าในทีแรกนะ จริงไหม...

    พอได้แล้ว!” มาเทียสตวาด ข้ากำลังรีบ!”

    ...รีบหรือ... ผู้กล้า เหยียดยิ้ม ...รีบไปฆ่าจอมเวทขาว...งั้นสินะ...

    ไม่ใช่เรื่องของเจ้า!”

    ...ทำไมจะไม่ใช่เล่า มาเทียส ในเมื่อข้าก็คือเจ้า และเจ้าก็คือข้า ...ข้าไม่ใช่แค่ภาพมายาหรอกนะ...

    ชายสวมเกราะก้าวเข้ามาใกล้ ยังผลให้ช่างตีเหล็กก้าวถอยไปตามสัญชาตญาณ

    ...ข้ามาเพื่อแนะนำเจ้าไปในหนทางที่ถูกต้อง หากเจ้าทำตามที่ข้าบอก ก็ยังมีโอกาสให้เจ้าเป็นผู้กล้า ลาภยศสรรเสริญและทรัพย์สมบัติย่อมตามมา เจ้าจะได้ออกผจญภัยเช่นเดียวกับเฮลิออส ได้พ้นจากเด็กเมลิส หากมีเงินแล้ว เจ้าจะซื้อคฤหาสน์หลังใหญ่โตให้นางอยู่ก็ได้ จ้างคนรับใช้สักกี่สิบคนมาดูแลนางกับสัตว์เลี้ยงของนางก็ได้ แล้วเจ้าก็จะได้เป็นอิสระจากหนี้ไร้สาระของแม่มดดำเสียที...

    คนตรงหน้าผายมือให้มาเทียส ยื่นตรงมาราวกับจะรอให้เขารับมือนี้ไป

    ...มาสิ มากับข้า หากว่าเจ้ากล้าที่จะเลือกอนาคตของตัวเจ้าเองอีกครั้ง...

    ข้าไม่มีเวลาให้กับเรื่องแบบนี้ช่างตีเหล็กบังคับเสียงของตนให้หนักแน่นที่สุด

    ...ไม่มีเวลารึ เช่นนั้นเจ้าก็คงไม่มีเวลาให้กับการช่วยเหลืออัลบัส หรือทำหน้าที่ที่โยฮันน์ยัดเยียดมาให้ด้วยกระมัง ข้ากำลังจะพาเจ้าไปหาจอมเวทขาวนั่นแท้ๆ นะ...

    ข้าหามันเองได้ มาเทียสบอก

    ...งั้นอาเน่ล่ะ เจ้าคงไม่ได้ลืมใช่ไหม ว่านางมากับเจ้าด้วย เวลานี้นางหลงวนเวียนอยู่ที่ไหน มีแต่ข้าเท่านั้นที่รู้ และพร้อมจะช่วยเจ้า... ชายสวมเกราะวางมือลงทาบอกของตน ...เจ้าไม่รู้อะไรเลย มาเทียส ไม่รู้ขั้นตอนของสิ่งที่เจ้าควรทำ แต่ข้ารู้ และข้าจะนำทางให้เจ้าเอง...หากเจ้าไม่ใช่คนขลาดเขลา ไม่กล้าตัดสินใจเหมือนเมื่อเจ็ดปีก่อน...

    เจ้าจะให้ข้าทำอะไร ช่างตีเหล็กตัดสินใจถามอย่างระแวดระวัง ฆ่าอัลบัสเพื่อเป็นวีรบุรุษงั้นรึ

    ...จอมเวทขาวเป็นอะไรกัน นอกจากไอ้คนยโสโอหัง ไม่เคยยอมรับความผิดของตัวเองคนหนึ่ง... สีหน้าของ ผู้กล้า มาเทียสเฉยเมย ...ไม่ทันหรอก มาเทียส ไม่มีทางที่เจ้าจะช่วยมันขึ้นมาจากหลุมในตัวของนี้ดฮ็อกที่มันตกลงไปได้ มันอ่อนแอเกินไป สิ่งมีชีวิตที่อ่อนแอมีแต่ต้องตาย ตกเป็นเหยื่อของผู้แข็งแกร่งกว่าไม่ใช่หรือ...

    ...เจ้าทำได้ มาเทียส สังหารมันเสีย โยฮันน์มอบ อาวุธ ที่สามารถกรีดทำลายวิญญาณให้แก่เจ้าแล้วไม่ใช่หรือ สังหารอัลบัสแล้วจึงไปตามหาอาเน่ พามันออกมา เท่านี้ก็ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่การที่เจ้ากล้าหาญถึงขั้นเข้ามาในตัวนี้ดฮ็อกและรอดออกมาได้ ย่อมเป็นหนทางให้ผู้คนยำเกรงเจ้า สายสัมพันธ์ที่มีต่อเฮลิออส จะช่วยให้เจ้าขอเป็นผู้ติดตามของผู้กล้า และฝีมือของเจ้าก็จะทำให้เจ้าสามารถเป็นผู้กล้าเองได้ในไม่ช้า...

    ...ใช่ เจ้าไม่เคยเรียนโรงเรียนผู้กล้า แต่นั่นสำคัญหรือ เจ้ามีพรสวรรค์ หากฝึกปรืออีกสักหน่อยก็อาจเหนือกว่าเฮลิออสด้วยซ้ำ หรือมิเช่นนั้นเจ้าก็ออกปราบอสูรด้วยกันกับเขา และฉวยโอกาสหลังจากที่เขาสังหารอสูรนั้นสำเร็จ ทำเช่นเดียวกับที่ทำกับอัลบัส บอกคนอื่นว่าเขาตายในการปราบอสูรร้าย ส่วนเจ้าสังหารมันได้หลังจากนั้น แล้วเจ้าจะได้เป็นผู้กล้

    ผู้กล้า มาเทียส พูดได้เพียงเท่านั้น

    นั่นเพราะมือของช่างตีเหล็กมาเทียสเสือกออกมาข้างหน้า

    สิ่งที่อยู่ในมือของเขาคือเข็มสีดำเล่มหนึ่ง

    เป็นเพียงเข็ม ทว่ามันกลับทิ่มแทงทะลุชุดเกราะหนาได้ราวกับเป็นแผ่นกระดาษ ทั้งยังปักคาอยู่กับอกของ ผู้กล้าได้อย่างอัศจรรย์

    นัยน์ตาเบิกค้างหวาดหวั่นของ ผู้กล้า มาเทียส สบกับนัยน์ตามืดมนเคร่งขรึมของช่างตีเหล็กมาเทียส

    เอริเธียเคยบอกข้าว่า ผู้กล้าไม่ใช่คำตอบของทุกปัญหาในอิลลูเซียเพราะสิ่งที่ผู้กล้าทำได้มีแต่กำจัดตัวอะไรที่พูดจากันไม่รู้เรื่อง ช่างตีเหล็กเอ่ยเสียงเรียบ ข้าเพิ่งเห็นด้วยกับนางเต็มที่เมื่อครู่นี้เอง

    ...จ...เจ้า!... สีหน้าของชายสวมเกราะเริ่มบิดเบี้ยว ขณะที่หมอกควันสีดำเริ่มพวยพุ่งออกโดยรอบเข็ม

    ข้าจะเป็นผู้กล้าแต่กับเจ้าเท่านั้น ผู้กล้ามาเทียส ...ส่วนเจ้า จะเป็น ผู้กล้า ด้วยวิธีคดโกงของเจ้าก็เชิญเป็นไป แต่ข้าคือช่างตีเหล็กของเมืองพาร์ฟ พี่ชายของเมลิส และข้าจะไม่ปล่อยให้ไอ้ตัวทุเรศทุรังอย่างเจ้ามาขวางทางข้าได้อีก!” มาเทียสคำราม ไม่ว่าเจ้าจะเป็นอะไร...ก็ไสหัวไปซะ!”

    ช่างตีเหล็กปล่อยมือจากเข็มสลายวิญญาณ

    มันค่อยๆ เลือนหายไป กัดกร่อนและสร้างควันสีดำ ลามกระจายจากอกไปจนทั่วร่างของชายสวมเกราะตรงหน้า กระนั้น...สีหน้าพรั่นพรึงของ ผู้กล้า มาเทียส ก็ไม่วายแปรเปลี่ยนไปอีกครั้ง ขณะที่ริมฝีปากของเขาหยักเป็นรอยยิ้มบิดเบี้ยว

    ...ฮะๆๆๆ! เจ้าได้เลือกหายนะของตัวเองแล้ว มาเทียส! หากไม่มีเข็มนั่น...เจ้าก็ฆ่าจอมเวทขาวในตัวของนี้ดฮ็อกไม่ได้หรอก!...

    ข้าจะไม่ฆ่าเขา แต่จะพาเขากลับมาให้ได้!” ช่างตีเหล็กแย้ง

    ...ไม่มีทาง...เจ้ากับมัน แล้วก็ผักนั่นจะตายกันอยู่ในนี้ เจ้าจะถูกความมืดดำของมันกลืนกิน...ความมืดดำที่เลวร้ายกว่าข้านัก...นี้ดฮ็อกจะถูกจอมมารสังหาร...และเจ้าก็จะสูญสลายไปเช่นเดียวกับข้า ไม่มีวันได้สิ่งที่เจ้าต้องการ...ชั่วนิรันดร์...

    ร่างกายของภูตพรายที่ดูเหมือนกับเขาแตกสลายเป็นควันสีดำ ฟุ้งกระจายหายไปในความเวิ้งว้าง ขณะที่ภาพหลอนและเสียงอื้ออึงรอบด้านยังคงดำเนินต่อไป

    มาเทียสผ่อนลมหายใจ ขณะครุ่นคิดว่าควรจะทำอะไรอีก

    ตามหาอัลบัส...ใช่ แต่ควรจะตามหาอาเน่ก่อน ที่เมื่อครู่เขาหลงไปเจอความมืดซึ่งน่าจะเป็นของตน อาจเป็นเพราะพลัดกับเด็กหญิง เวลานี้ผู้กล้าแมนเดรกเองก็อาจจะกำลังเผชิญกับความมืดของตัวเธอเช่นกัน

    อาเน่! ได้ยินไหม! ตอบข้าด้วย!” ชายหนุ่มตะโกน

    ไม่มีเสียงตอบ

    ช่างตีเหล็กยังคงร้องเรียกอยู่สองสามครั้ง ทว่ายังไม่วี่แววว่าอีกฝ่ายจะรับรู้

    แต่แล้ว เขาก็ได้ยินเสียง

    เสียงของอาเน่...เสียงกรีดร้องของแมนเดรก เสียงที่เคยทำให้เขาปวดหัวรุนแรงในมิติกายภาพ ทว่าเวลานี้กลับฟังได้โดยไม่เป็นไร

    อาเน่!” มาเทียสเรียกอีกครั้ง ก่อนจะวิ่งไปยังเสียงนั้น ข้ามภาพและเสียงมากมายซึ่งอัดแน่นอยู่ในตัวของนี้ดฮ็อก

     

    * * * * *

     

    ...ทำไมถึงยังอยู่ข้างมนุษย์เห็นแก่ตัวพวกนั้น...

    อาเน่เห็นร่างที่ดูเหมือนตนเองไม่มีผิดเพี้ยนอยู่เบื้องหน้า ผิดกันเพียงสวมชุดเกราะสีดำซึ่งมีตราของจอมมารอยู่บนอก แทนที่จะเป็นชุดเกราะซึ่งมาเทียสทำให้

    และมีใบหน้ากับแววตาเครียดขรึมมืดมน

    ภาพเหตุการณ์ต่างๆ ปรากฏขึ้นรายรอบทั้งสอง ...ลิมนาเดสซึ่งเท้าสะเอวมองมาด้วยสายตาตำหนิร้อนรน เลือด และซากของฝูงไวเวิร์นที่เด็กหญิงสังหารลงไปด้วยมือของตน

    ...เจ้าเห็นแล้วไม่ใช่หรือ ว่ามนุษย์เห็นแก่ตัวและเลวร้ายแค่ไหน เอารัดเอาเปรียบและเข่นฆ่าสิ่งมีชีวิตอื่นยังไง เจ้าไม่ใช่มนุษย์ เจ้าควรอยู่ข้างพวกที่มันสร้างความเดือดร้อนให้พวกเดียวกับเจ้าหรือ...

    ข้า...

    ...เจ้าจะช่วยมนุษย์ไปทำไม ในเมื่อมันไม่เคยทำอะไรดีๆ ให้แก่โลกนี่เลย... เด็กหญิงแมนเดรกอีกคนก้าวเข้ามา ...พวกมันสนใจแต่ความต้องการของตัวเอง ฆ่าเกินกว่าที่จำเป็นต้องกิน กอบโกยเกินกว่าที่จำเป็นต้องใช้ แค่ที่เห็นจากเมืองลาคุสกับเมืองพรีม่ายังไม่พออีกหรือ...

    แต่ก็ยังมีมนุษย์ที่ดีอยู่นี่นา อาเน่แย้ง มนุษย์ที่มีจิตใจดียังมีอยู่นะ อย่างเมลิส...เพื่อนๆ ของเมลิส มาเทียสกับเฮลิออส แอนนาลี กระทั่งเอริเธียที่ว่าหน้าเงิน ที่จริงยังเป็นคนดีเลย

    ...ดี ในแบบของมนุษย์น่ะสิ... อีกฝ่ายมีสีหน้าเหยียดหยาม ...ไอ้ที่เจ้าเห็นว่าดีน่ะ เพราะเจ้าโดนพวกนั้นเสี้ยมสอนให้มองในมุมของมัน ที่จริง มนุษย์ที่ไหนก็เอาตัวเองมาก่อนทั้งนั้น ที่เมลิสเอาเจ้ามาเลี้ยงแต่แรก ก็เพราะนางพูดกับคนไม่ได้ เลยเก็บเอาตัวอะไรต่อมิอะไรมาเลี้ยงแก้เหงา ที่มาเทียสยอม ซื้อ เจ้ามา ก็เพราะอยากได้เงินอีกก้อนจากเฮลิออสไปรักษาน้องเขา ที่เฮลิออสให้เงินเขาก็เพราะอยากเอาหน้าในฐานะผู้กล้า แล้วที่เอริเธียยอมญาติดีกับเจ้ากับคนอื่นๆ ก็เพราะอยากได้เงินเข้าตัว ก็แค่นั้นเอง...

    แต่...ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร...เขาก็ทำดีกับคนอื่นนะ!”

    ...มนุษย์ทำดีกับคนอื่นทั้งนั้น ถ้าเห็นว่าตัวเองจะมีประโยชน์... เด็กหญิงเกราะดำพูดขึ้น ...อ้อ ไม่ใช่แค่ประโยชน์ที่เห็นชัดๆ อย่างเงินทอง หรือชื่อเสียงหรอก ต่อให้ทำบุญทำทาน ทำโดยไม่หวังผลตอบแทน มนุษย์ก็หวังผลตอบแทน พวกความสุขความเจริญหรือความสำเร็จอยู่แล้ว เหมือนใช้เงินซื้อบุญซื้อพร หรือโยนเหรียญขอพรจากลิมนาเดสนั่นไง...

    ถึงอย่างนั้น... อาเน่เริ่มไม่แน่ใจในเหตุผลของตน

    ...ใช่ อาเน่ สัตว์ก็ทำทุกสิ่งเพื่อตัวเอง แต่พวกนั้นยังใสบริสุทธิ์กว่ามนุษย์มากนัก สัตว์ไม่หลอกลวงทั้งตัวเองกับผู้อื่นว่าไม่อยากได้...แต่ที่แท้อยากได้ พวกเขาทำเพื่อเป้าหมายโดยตรง และฆ่าเท่าที่ตนเองต้องการ เมื่อท้องอิ่มมันก็ไม่ล่าเหยื่อ เมื่อมีพอก็ไม่ละโมบ มีแต่มนุษย์เท่านั้นเอง ที่เอาแต่ล่า ล่า และล่า โดยไม่รู้จักพอ เพื่อรักษาสมดุลของโลกนี้ มีแค่พืช สัตว์ กับภูตพรายต่างๆ ก็พอแล้วไม่ใช่เหรอ...

    ผู้กล้าแมนเดรกอีกคนยื่นมือออกมาข้างหน้า

    ...จอมมารโยเวียสคือผู้ที่ถูกต้องแล้ว อาเน่ เขาทำเพื่ออิลลูเซียและโลก ต่อให้ปราศจากนี้ดฮ็อกหรืออิกดราซิล ดินแดนแห่งนี้จะยังคงอยู่ได้ เพราะสัตว์และภูตพรายไม่มีความชั่วร้ายแผ่ออกมาเหมือนมนุษย์...

    ...และอิลลูเซียก็จะคืนสู่สมดุลอีกครั้ง...

    เรื่องแบบนั้น... เด็กหญิงผมเขียวยังไม่คิดว่านั่นเป็นเรื่องที่ดี ...ถึงอย่างไรมนุษย์ก็เป็นสิ่งมีชีวิตเหมือนกัน เมื่อมนุษย์ตาย ก็ย่อมมีผู้โศกเศร้าเสียใจไม่ใช่หรือ

    หากว่าเมลิส มาเทียส เอริเธีย เฮลิออส...ตลอดจนทุกๆ คนที่เธอรู้จักรวมถึงอัลบัสตายไป อาเน่ก็คงจะยังเสียใจอยู่ดี

    ...แต่ทุกสิ่งก็ต้องตายอยู่แล้ว และทั้งการดำรงอยู่ตลอดจนการตายของทุกชีวิตย่อมเป็นไปเพื่อเกื้อกูลสิ่งอื่น รวมถึงโลกด้วย... อาเน่ผู้ประดับตราของจอมมารแย้ง ...ลองชั่งน้ำหนักดูสิ อาเน่ ยามมีชีวิตอยู่ มนุษย์สร้างประโยชน์ให้แก่สิ่งมีชีวิตอื่นกับโลกนี้ หรือทำลายมากกว่า จนกระทั่ง ซาก ของมันยังไม่อาจชดเชยได้หมดในฐานะอาหารของพืชกันแน่...

    ...อ้อ ไม่ต้องยกเรื่องที่มนุษย์เกื้อกูลมนุษย์หรอกนะ เพราะนั่นเป็นแค่เรื่องที่มนุษย์ทำเพื่อตัวเองทั้งนั้น... เด็กหญิงเกราะดำเหยียดยิ้ม ...ไม่เห็นหรือ อาเน่ จอมมารโยเวียสต่างหากที่เจ้าควรอยู่เคียงข้าง เขาบอกว่ารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเจ้า รู้ว่าเจ้าเป็นใคร และเกิดมาเพื่ออะไรไม่ใช่หรือ เขาต่างหากที่สามารถช่วยพวกลิมนาเดส และไวเวิร์น ตลอดจนสัตว์และพืชอื่นๆ ที่เดือดร้อนและถูกทำลายโดยมนุษย์...

    ...นั่นต่างหาก สิ่งที่เจ้าควรทำ นั่นต่างหาก ชะตากรรมของเจ้า เจ้าเคยทำผิดและคร่าชีวิตไวเวิร์นทั้งห้าไปแล้ว แต่เจ้ายังแก้ไขตนเองได้นะ...

    แมนเดรกผู้มีตราจอมมารส่งมือออกมาข้างหน้า

    ...มากับข้าสิ...

    ไป...ไหน

    ...ออกจากตัวของนี้ดฮ็อก ออกไปช่วยโยเวียส นี้ดฮ็อกไม่ต้องการหายดีเพื่อกลับไปกินของเสียจากมนุษย์อีกต่อไปหรอก แต่อยากได้รับการปลดปล่อยจากหน้าที่ไร้สาระนี้ต่างหาก...

    แต่นั่น...

    ...ใช่ นี้ดฮ็อกจะตาย แต่นั่นสำคัญหรือ อาเน่ นี้ดฮ็อกมีชีวิตอยู่แค่เพื่อรองรับความชั่วของมนุษย์เท่านั้นเอง สิ่งที่นี้ดฮ็อกต้องการคือการช่วยให้พ้นทรมาน และนั่นก็คือสิ่งที่เจ้าช่วยเขาได้ ต่อให้เป็นจอมมารก็ยังสังหารมังกรที่แข็งแกร่งอย่างนี้ดฮ็อกได้ยากเลย...

    ...ทว่าแกรม ดาบปราบมังกรที่เวลานี้มีเจ้าใช้ได้เพียงคนเดียว จะสามารถบั่นคอนี้ดฮ็อกได้ในชั่วพริบตา...

    เจ้าจะให้ข้าฆ่านี้ดฮ็อกเหรอ!” อาเน่ร้องอย่างพรั่นพรึง และสะบัดศีรษะโดยแรง ไม่! ข้าจะไม่ฆ่าอีกแล้ว!”

    ยิ่งได้รู้ว่าหากทำเช่นนั้น ชีวิตที่จะจบสิ้นไม่ได้มีเพียงมังกรแห่งอิกดราซิล แต่ยังรวมถึงต้นไม้แห่งโลกและผู้คนทั้งโลก...เด็กหญิงแมนเดรกก็ยิ่งปั่นป่วนพะอืดพะอมอยู่ภายใน

    ...อาเน่ ในการรักษาสมดุล ย่อมต้องมีการคร่าชีวิตเป็นธรรมดา... เด็กหญิงเกราะดำเอ่ยเคร่งขรึม ...สัตว์กินเนื้อมีไว้ควบคุมไม่ให้สัตว์กินพืชแพร่ขยายมากเกินไป ใช่จะล่าเหยื่อและกินเนื้อพวกมันด้วยความชอบ ด้วยความอยากหรือกิเลสตัณหาเหมือนมนุษย์ การฆ่านี้ดฮ็อกในครั้งนี้มีความหมายกว่าตอนที่เจ้าฆ่าฝูงไวเวิร์นให้คนในพรีม่าชื่นชมมากนัก...

    แต่ว่า...

    อาเน่อีกคนก้าวรุกเข้ามา

    ...หากเจ้าเสียใจ และรู้สึกผิดที่ฆ่าไวเวิร์นพวกนั้น รังเกียจชิงชังมนุษย์ที่เอาเจ้ามาทำเรื่องสกปรกชั่วช้าเช่นนั้น ก็น่าจะเข้าใจแล้วนะ ว่าทางเลือกที่ถูกต้องคืออะไร...

    ปลายนิ้วของเด็กหญิงในเกราะสีดำ ใกล้จะสัมผัสไหล่ของเด็กหญิงในเกราะสีขาว

    ...ถ้าเพียงแต่เสียงของบุคคลที่สามจะไม่ดังขึ้นมา

    อาเน่! ก่อนจะเลือก...ขอให้ตอบคำถามของข้าเสียก่อน!”

     

    * * * * *

     

    คนเขียนขอคุย

     

    สวัสดีผู้อ่านทุกท่านครับ หวังว่าครึ่งหลังของตอนที่มาล่าไปนิดนึงจะจุใจนะครับ ^^a

    ที่จริง อยากเขียนตอนนี้ให้เสร็จลงได้ตั้งแต่เมื่อวานเพื่อรับ Earth Day แบบเดียวกับมาโดกะ แต่ในเมื่อไม่ได้ก็เลยเลื่อนมาอีกวันนึงแทน สำหรับตอนนี้ก็เข้ามาดูในใจของมาเทียสกับอาเน่กันบ้าง ว่าจะผ่านกับความมืดในใจไปได้ยังไง

    ผมคิดว่าในใจเราแต่ละคน ก็อาจจะมีสิ่งที่เสียดาย หรือความลังเลกับทางเลือก เลยคิดว่าจะสื่อถึงความมืดออกมาในแบบนี้ แต่หลังๆ ก็ติดโฉดจนมาเทียสรู้แกวเลยทลายออกมาได้ก่อนแหละนะ ^^a

    เป็นตอนที่ไม่สะดวกเล่นมุกเลย แต่ก็หวังว่าจะเข้มข้นลงตัวสมกับใกล้ศึกสุดท้ายนะครับ

    ใครเข้ามาขัดขวางความพยายามล้างสมองอาเน่ และอาเน่กับมาเทียสจะช่วยจอมแว่นขาวได้ หรือจอมแว่นขาวจะกลายเป็นจอมมารตนที่หกร้อยหกสิบหกของอิลลูเซีย หรือนี้ดฮ็อกจะโดนจอมมารเชือดเอาไปทำลูกชิ้นแล้วหรือไม่ โปรดติดตามชมตอนต่อไปครับ

    ป.ล. ช่วงนี้คุยกับคุณบ.ก. แล้วได้รู้ว่าจำนวนหน้าต่อตอนที่เหมาะสมกับการทำเป็นรูปเล่มจะอยู่ในช่วง 10-15 เอสี่ ซึ่งแมนเดรกอยู่ในช่วง 5-6 หน้าต่อตอนโดยเฉลี่ย เลยอยากถามผู้อ่านว่า แต่ละตอน (เวลาอ่านในเน็ต) ให้ความรู้สึกสั้นเกินไปหรือเปล่าครับหากมีคนคิดว่าสั้นไปมากจริงๆ ผมจะได้รวมสองเป็นหนึ่งตอนเวลาทำส่งสนพ. แต่ว่าในเน็ตก็คงจะลงไปด้วยอัตราหน้าเท่าเดิมจนจบเรื่องครับ

    ป.ล. 2 นี่เป็นการถามล่วงหน้า เพราะเรื่องนี้ยังไม่ได้มีกำหนดแน่นอนว่าจะออกกับสนพ. ที่ใด ยังต้องรอลุ้นกันต่อไปเมื่อเสร็จครับ :)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×